เวลาคืออะไร…?
หลายปีหลังจากนั้น ตงลั่วฮั่นไม่เคยลืมในสิ่งที่มันได้เห็นในวันนั้น ขณะที่มันยืนอยู่ด้านบนของใบไม้สีเขียวสดใส ดวงตาว่างเปล่า แต่จิตใจกำลังตื่นขึ้นมา มันมองเห็นร่างกายเริ่มแก่ชราลง มองเห็นใบไม้สีเขียวรอบๆ ตัวเริ่มเหี่ยวแห้งลงไป มองเห็นพื้นดินรอบๆ ตัวเริ่มเก่าแก่โบราณไป
ขณะที่ค่ายกลกระบี่ดอกบัวหมุนวนอย่างรวดเร็ว ก็ส่งพลังกระจายออกมา เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ด้านบนกลุ่มหมอก มองลงไปที่ด้านใน สังเกตดูผลกระทบของพลังแห่งกาลเวลาที่เขาสร้างขึ้นมา
มองในมุมหนึ่ง มันเป็นบางสิ่งที่ยืดหยุ่นได้สูงสุดในสวรรค์และปฐพีนี้ แต่มองในอีกด้าน มันก็ประกอบไปด้วยความยอดเยี่ยมไร้เทียมทานอย่างแท้จริง
ไม่มีใครหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่สามารถต่อต้านการโจมตีอย่างอ่อนโยนของกาลเวลานี้ได้ ไม่สำคัญว่าจะใช้ค่ายกลเวท หรือความสามารถศักดิ์สิทธิ์, ภาพลวงตาหรือของวิเศษใดๆ ทั้งหมดนี้…ก็จะเสื่อมสภาพลงภายใต้การกระแทกของกาลเวลาที่ไร้ผู้ต่อต้านนี้
และนี่ก็เป็นแค่ค่ายกลกระบี่ดอกบัวที่ก่อตัวขึ้นมาจากกระบี่กาลเวลาเพียงแค่เล่มเดียว มีแค่หนึ่งเล่มที่ประกอบไปด้วยวงจรหกสิบปีสามรอบ เล่มอื่นๆ ยังไม่สมบูรณ์ ถ้ากระบี่กาลเวลาทุกเล่มมีวงจรหกสิบปีสามรอบเหมือนกัน การรวมกันทั้งหมดก็จะมีพลังของกาลเวลาเท่ากับ หนึ่งพันแปดร้อยปี ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้สวรรค์สั่นสะเทือนปฐพีเลื่อนลั่น
นี่ก็คือเวลา!
ในตอนนี้ ผู้ฝึกตนเร่ร่อนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างก็ไร้พลังแม้แต่จะสูดลมหายใจ พวกมันจ้องมองไปยังพื้นดินด้วยความตกตะลึง ดินผืนนั้นดูค่อนข้างเป็นสีเหลือง ราวกับภาพวาดเก่าแก่ ซึ่งค่อยๆ จางหายไปกลายเป็นฝุ่นธุลี
ภายในกลุ่มหมอก กลุ่มคนของตระกูลตงลั่ว ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของเมิ่งฮ่าว กำลังเริ่มมีสติกลับคืนมา ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ความต้องการของพวกมัน นี่เป็นเพราะขณะที่พวกมันพื้นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองกำลังแก่ชราลงไป
ตงลั่วหลิงมองลงไปยังมือของนาง ซึ่งเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ร่างของนางแห้งเหี่ยวลง ทั้งหมดที่นางทำได้ก็คือจ้องมองไปด้วยความงุนงง
เกราะป้องกันใบไม้สีเขียวที่อยู่รอบๆ เมืองตงลั่ว กำลังอยู่ในขั้นตอนการเน่าเปื่อยผุพัง เริ่มแสดงสัญญาณของการถูกทำลายไป มีบางพื้นที่ซึ่งเกราะป้องกันไม่อาจปกคลุมเมืองได้ กลุ่มหมอกเริ่มไหลเข้าไปด้านใน ตามด้วยพลังแห่งกาลเวลา และพิษอันร้ายแรง
ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความหวาดกลัวอย่างรุนแรงขึ้นภายในเมือง ผู้ฝึกตนตระกูลตงลั่วทั้งหมดรู้สึกราวกับว่าจิตใจของพวกมันกำลังเต้นรัว
ก่อนที่พวกมันจะดำเนินการตอบโต้ใดๆ กลุ่มหมอกก็เริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรง นกแก้วทันใดนั้นก็พุ่งออกมาจากด้านใน บินขึ้นไปในอากาศและส่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมา
ด้านล่างมัน กลุ่มหมอกเริ่มกลายเป็นแถวของหมอกควันสีดำ กลุ่มหมอกอันไร้ขอบเขตซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบสองพันจ้าง รวมตัวกันเป็นแถบควันสีดำนับร้อย ซึ่งพุ่งขึ้นไปหมุนวนอยู่รอบๆ ตัวนกแก้ว ภายในกลุ่มควันนั้นเป็นผู้ฝึกตนของวิหารจินกวงนับพัน ดวงตาพวกมันปิดลง และถูกห้อมล้อมไว้ด้วยควันสีดำ ราวกับว่าพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลนี้
พวกที่มองดูต่างก็ตัวสั่นสะท้าน ขณะที่กลุ่มควันสีดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นอีกาสีดำขนาดใหญ่มหึมา
ร่างของอีกากระจายกลุ่มควันสีดำ ส่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมา ซึ่งดูเหมือนจะทำให้สิ่งมีชีวิตต้องหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว เสียงนั้นดังก้องไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี จากนั้นก็กระแทกลงไปยังเมืองตงลั่วราวกับดาวตกที่พุ่งลงมาจากสวรรค์
ปรากฎการณ์นี้เป็นภาพที่คุ้นเคยของพวกที่มุงดูบางคน พวกมันได้เห็นบางสิ่งที่ดูเหมือนกับในคืนนั้นเมื่อนานมาแล้วในเมืองตงลั่ว ซึ่งในตอนนี้ก็เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่พลังที่พวกมันสัมผัสได้มีมากกว่าครั้งก่อนหน้านี้มากนัก
พวกมันมองไปด้วยความสะพรึงกลัว ขณะที่อีกาดำส่งเสียงแผดร้องผ่านอากาศตรงไปยังเกราะป้องกันใบไม้สีเขียวของเมืองตงลั่ว
เสียงระเบิดดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่วพื้นที่ เกราะป้องกันที่อ่อนแอลงไปก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ก็สั่นสะท้าน ไม่อาจจะต่อต้านพลังที่ถาโถมเข้ามาใส่ ทันใดนั้นก็เริ่มพังทลายลง
ขณะที่มันระเบิดออก ต้นไม้จำนวนมากมายภายในเมืองตงลั่วก็เริ่มพังลงเช่นเดียวกัน ใบไม้แตกกระจายไป เกราะป้องกัน…หายไปโดยสิ้นเชิง!
ในเวลาเดียวกันนั้น อีกาดำก็เริ่มจางหายไป กลายเป็นกลุ่มหมอกจำนวนมากมาย ซึ่งจากนั้นก็เริ่มกระจายออกปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองตงลั่วอีกครั้ง
เสียงกรีดร้องแหลมเล็กดังเต็มไปทั่วในอากาศ ตามด้วยเสียงระเบิด พิษร้ายแรง ตามมาด้วยพลังแห่งกาลเวลา กวาดผ่านไปทั่วเมือง ด้านนอกกลุ่มหมอก ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบ ไม่มีใครพูด ผู้ฝึกตนที่มุงอยู่ร้อยกว่าคนมองมาด้วยความงุนงง จิตใจหมุนคว้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้กำลังผนึกตรึงแน่นอยู่ในจิตใจพวกมัน ไม่อาจจะลบเลือนไปได้
ภายในเมืองตงลั่ว สองผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งยืนดูด้วยใบหน้าซีดขาว กลุ่มหมอกมากมายห้อมล้อมพวกมันไว้ ทำให้ยากที่จะมองเห็นศิษย์คนอื่นๆ ของตระกูล ทั้งหมดที่พวกมันได้ยินก็คือเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวดังก้องออกมา
พวกมันเป็นผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับทุกคนที่อยู่รอบๆ พวกมันก็เป็นผู้ที่มีพลังมากที่สุด แต่ภายในค่ายกลนี้ พวกมันก็ไม่อาจแม้แต่จะขยับตัวเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์อันใด พวกมันก็ไม่อาจจะหลบหนีออกไปได้ อย่าว่าแต่จะทำลายกลุ่มหมอกนี้ไป
โทสะพุ่งขึ้นมาในจิตใจ แต่ความเกรี้ยวโกรธของพวกมัน ก็ไร้ประโยชน์ที่จะไปต่อต้านค่ายกลนี้ได้
ในวันแรก พวกมันยังคงมีความคิดที่จะทำลายค่ายกล วันที่สองก็เหมือนกัน จริงๆ แล้ว พวกมันก็ยังคงพยายามมองโลกในแง่ดี จนกระทั่งถึงวันที่ห้า หลังจากนั้น พวกมันก็ไม่ได้ยินเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวดังออกมาจากกลุ่มคนในตระกูลอีกต่อไป ทุกคนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และสีหน้าก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง
รูปลักษณ์ของพวกมันถูกทำลายลงโดยพลังของกาลเวลาที่มีมากกว่าห้าวัน พวกมันเป็นผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่ก็ไม่อาจจะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นผลมาจากการโจมตีเช่นนี้ได้
ในวันที่หก กลุ่มหมอกที่ปกคลุมเมืองตงลั่วเริ่มลอยขึ้นออกไปจากเมืองในทันใด ไม่ได้ครอบคลุมเมืองไว้อีกต่อไป แต่ปกคลุมอยู่รอบๆ เมือง ด้านในเมืองไม่มีแม้แต่เศษหมอกหลงเหลืออยู่
สิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนภายในเมืองตงลั่วก็คือสิ่งผุพัง ต้นไม้, ใบไม้ ทุกสิ่งทุกอย่างดูราวกับว่ามันได้เน่าเปื่อยผุพังอยู่ที่นั่นมานานแล้วหลายร้อยปี
มีเพียงสามคนเหลืออยู่ภายในเมือง พวกมันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสองผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งของตระกูลตงลั่ว ผู้อาวุโสคนที่เคยติดอยู่ด้านในกลุ่มหมอกมาเป็นเวลานาน มองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ ทันทีที่กลุ่มหมอกลอยขึ้นไป ทันใดนั้น ลมหายใจของมันก็เร่งร้อนขึ้น และความประหลาดใจก็เต็มอยู่ในดวงตา
จากจุดเริ่มต้นจนถึงสิ้นสุดลง มันก็ยังนึกว่ายังคงอยู่ในบึงน้ำของวิหารจินกวง แต่ในตอนนี้มันก็พบว่าสถานที่ซึ่งมันได้ต่อสู้มาจริงๆ แล้วก็เป็นที่ไหนกันแน่
ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็มองเห็นผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งอีกสองคน พวกมันสบสายตากันไปมา จากนั้นก็มองขึ้นไปอย่างเงียบๆ ยังเมิ่งฮ่าวที่เดินมาอย่างเนิบนาบจากภายในกลุ่มหมอก
ทันทีที่พวกมันมองเห็นเขา คนทั้งสามก็เริ่มเลือนลางไป ขณะที่พวกมันเตรียมตัวจะใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยถ้าจำเป็น ตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้ปรากฎตัวขึ้น พวกมันจึงตัดสินใจเพื่อเตรียมตัวสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
เมิ่งฮ่าวมองไปยังสามชายชรา จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมา ทันใดนั้น เงาร่างนับร้อยก็เริ่มโผล่ออกมาจากกลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ พวกมันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกลุ่มสมาชิกของตระกูลตงลั่ว ต่างก็สลบไสลไม่ได้สติ ถูกลากออกมาโดยสายหมอก
การปรากฎตัวของกลุ่มคนเหล่านี้ ทำให้สามชายชรายกเลิกการใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยไป ด้วยการมีกลุ่มคนของตระกูลทั้งหมดอยู่ที่นี่ พวกมันไม่อาจจะเสี่ยงทำสิ่งใดๆ ได้
พวกมันยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ
“พอแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าว “ท่านก็รู้ว่าเป็นความผิดของพวกท่าน ถ้าข้าไม่ต่อสู้กลับมา ท่านก็จะกลืนกินข้าไป การเข้าร่วมกับพวกท่านก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายอันใด แต่ท่านก็ขาดความร่วมมืออย่างจริงใจ ข้าไม่ได้สังหารคนในตระกูลพวกท่านไป พวกมันทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะส่งพวกมันกลับไปให้พวกท่านเพื่อแลกเปลี่ยนกับเมืองที่ผุพังนี้” เขามองไป รอคอยคำตอบจากพวกมัน
จิตใจของสามผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งเต็มไปด้วยความขมขื่น พวกมันสบสายตากัน จากนั้นผู้อาวุโสอันดับสองก็กัดฟันแน่นและพยักหน้า
“ปล่อยให้ทั้งหมดดำเนินไปตามวิถีทางของมัน” มันกล่าว “พวกเราเห็นด้วยกับทั้งหมดที่ท่านกล่าวมา ยกเว้น…” ก่อนที่มันจะพูดจบ ก็สบตากับเมิ่งฮ่าว ดูราวกับว่ามันเคารพในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ แต่ทันใดนั้น ร่างของผู้อาวุโสทั้งสามก็หายไป ด้วยการใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย พวกมันปรากฎกายขึ้นอีกครั้งไกลออกไปที่ด้านข้าง ดูราวกับว่าพวกมันกำลังจะหลบหนีไป
แม้ในขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมัน ผู้อาวุโสอันดับแรก ซึ่งไม่เคยพูดจาเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา ทันใดนั้นก็เริ่มเลือนลางไป ขณะที่เป็นเช่นนั้น รังสีสังหารก็เต็มอยู่ในดวงตา เมื่อมันปรากฎขึ้นอีกครั้ง มันก็กำลังยืนอยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว มือของมันพุ่งออกมาด้วยความเกลียดชัง กระแทกลงไปที่เมิ่งฮ่าว
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว ขณะที่เมิ่งฮ่าวที่เบื้องหน้าผู้อาวุโสอันดับแรกระเบิดออกเป็นชิ้นๆ แต่สิ่งที่แตกกระจายไปไม่ใช่อะไรอื่นนอกไปจากปราณจำนวนมากมาย
ต่อมา ผู้อาวุโสอันดับสามพุ่งตรงเข้าไปในกลุ่มหมอก มันไม่ได้หลบหนีไป ไม่ใช่ มือขวาของมันขยับร่ายเวทอาคมอย่างรวดเร็ว ร่างมันเริ่มส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา และมือขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นที่ด้านหลัง พุ่งตรงเข้าไปในกลุ่มหมอก ไปคว้าจับใครบางคนไว้
บุคคลที่มันจับไว้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเมิ่งฮ่าว!
“ตาย!!” ผู้อาวุโสที่สามร้องออกมา เสียงระเบิดดังก้องขึ้นขณะที่มันกำมือแน่นจนกลายเป็นหมัด แต่…แม้ขณะที่เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ เมิ่งฮ่าวที่อยู่ภายในหมัดนั้น ก็กระจายไปกลายเป็นปราณในทันที
สีหน้าผู้อาวุโสทั้งสามสลดลง ผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง, ผู้อาวุโสอันดับสอง ซึ่งพูดขึ้นมาเมื่อครู่นี้ และผู้อาวุโสอันดับสาม ทั้งหมดต่างก็รู้สึกว่าจิตใจเริ่มหนักอึ้ง
พวกมันมาพร้อมกับแผนการที่วางไว้จากการสบตาซึ่งกันและกันเพียงเล็กน้อย แต่แผนการของพวกมันก็พ่ายแพ้ไปในทันที ทันใดนั้น ก็มีผู้คนประมาณสิบสองคนเดินออกมาจากภายในกลุ่มหมอก คนทั้งหมดต่างก็เป็นเมิ่งฮ่าว!
รูปร่างหน้าตาของคนเหล่านี้เหมือนกันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง และทุกคนต่างก็จ้องไปยังสามผู้อาวุโสด้วยความเย็นชา
“ปรมาจารย์แห่งวิหารจินกวง” ผู้อาวุโสอันดับสามแห่งตระกูลตงลั่วกล่าว ละอายจนมีโทสะพุ่งขึ้นมา “เจ้าเพียงแต่พึ่งพาค่ายกลนี้เท่านั้น? เจ้ากล้าต่อสู้ตัวต่อตัวกับพวกข้าคนใดคนหนึ่งหรือไม่?!” ความสับสนที่มันรู้สึกในหลายวันที่ผ่านมาระเบิดออก พลังของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งกระจายออกไป ทั่วร่างมันเต็มไปด้วยพลัง
หนึ่งในท่ามกลางเมิ่งฮ่าวทั้งสิบสองคนกระแอมไอ และกล่าวว่า “ไม่, ข้าไม่ใช่” ดูท่าทางอึดอัดใจอยู่เล็กน้อย
แม้ในขณะที่คำพูดดังออกมาจากปากเขา ผู้อาวุโสอันดับสองก็มาปรากฎอยู่ที่เบื้องหน้าเขา และโจมตีมา ร่างเมิ่งฮ่าวกระจายเข้าไปในกลุ่มหมอกสีดำ แต่จากนั้น…เมิ่งฮ่าวอีกสิบคนก็เดินออกมาจากกลุ่มหมอก
สามผู้ฝึกตนชรา เริ่มเต็มไปด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างช่วยไม่ได้ในตอนนี้
“ผู้อาวุโส, ท่านไม่คิดว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการไม่ถูกต้อง?” หนึ่งในเมิ่งฮ่าวกล่าว ด้วยท่าทางเขินอายอยู่เล็กน้อย “ข้าพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ด้วยความจริงใจ ตระกูลตงลั่วค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่ในดินแดนด้านใต้ ศักดิ์ฐานะของพวกท่านในจิ่วเหมิงอาจจะอ่อนแอลงเล็กน้อย แต่ถ้าตระกูลของพวกท่านทั้งหมดตายไปชั่วข้ามคืน ก็จะเป็นเรื่องที่น่าละอายสำหรับพวกท่านจริงๆ ข้าขอพูดอีกครั้งว่าให้พวกท่านสามผู้อาวุโสเห็นด้วยที่จะส่งมอบเมืองนี้มาให้ข้า พวกท่านคิดว่าอย่างไร?”
ขณะที่เขาพูด ผู้ฝึกตนนับร้อยของตระกูลตงลั่ว ที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในกลุ่มหมอกก็เริ่มสั่นสะท้าน ขณะที่กลุ่มหมอกเริ่มพันไปรอบๆ ลำคอพวกมันแน่นขึ้น