วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 308 : ข้าคืออาจารย์ของมัน!

Posted By: wuxiathai - 20:42
หนึ่งในปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณของสำนักจื่อยิ่น เงียบไปสักพักก่อนที่จะกล่าวขึ้น “ข้าได้ข่าวสารจากท่านเจ้าสำนัก ฟางมู่แห่งแผนกเม็ดยาบูรพาได้ตัดขาดจากสำนักจื่อยิ่นไปแล้ว พวกเราไม่รู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือตายไป ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสำนักจื่อยิ่นอีกต่อไป และถ้ามันตายไปแล้ว ก็ยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราเช่นเดียวกัน”
ดวงตาของมันส่องแสงเจิดจ้า ขณะที่คำพูดดังก้องออกมาทีละคำ การพูดจาเช่นนี้ทำให้มันรู้สึกอัปยศเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับมีความโศกเศร้าอย่างเข้มข้น
ปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณอีกคนไม่กล่าวอะไร แต่ใบหน้ามีรอยขมวดคิ้วอยู่เล็กน้อย ดูเหมือนจะมีโทสะอยู่ในดวงตาของมัน ซึ่งเกือบจะระเบิดออกมา แต่อย่างไรก็ตาม มันก็รู้ว่าไม่อาจจะต่อต้านตระกูลจี้ได้
พวกมันเป็นเพียงบุคคลเดียวที่อยู่ในที่แห่งนี้ ที่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของฟางมู่ และในความเป็นจริง พวกมันเพิ่งจะได้รับคำสั่งอย่างเร่งด่วนจากสำนักจื่อยิ่นจริงๆ คำพูดในคำสั่งนั้นเรียบง่าย ไม่ได้พูดถึงการตายของสมาชิกตระกูลจี้ แต่บอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว ฟางมู่ได้ละทิ้งสำนักไปด้วยความสมัครใจ และถ้ามีเหตุร้ายใดๆ เกิดขึ้น ให้สองปรมาจารย์รีบอธิบายเรื่องนี้ในทันที
คนทั้งสองได้คาดเดาว่ามีบางสิ่งที่สำตัญได้เกิดขึ้น และด้วยเรื่องราวเมื่อครู่นี้ ก็เห็นได้ชัดว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหน แต่ละคนก็มีชีวิตอยู่มานานนับพันปี ดังนั้นจึงธรรมดาเป็นอย่างยิ่งที่ในตอนนี้พวกมันจะรับรู้ถึงปมของเรื่องราวเหล่านี้ได้ในทันที
ไม่ว่ามันจะมีนามว่าฟางมู่หรือเมิ่งฮ่าว ก็เห็นได้ชัดว่า เด็กผู้นั้นได้เผชิญกับเรื่องราวที่ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องโจมตีเท่านั้น และได้สังหารสมาชิกของตระกูลจี้ เพื่อที่จะไม่ให้กระทบถึงสำนัก มันจึงได้ทำลายเหรียญกษาปณ์เทพกระถางม่วงไปโดยสมัครใจ ตัดความสัมพันธ์กับสำนักอย่างชัดเจน
ด้วยทางเลือกเช่นนั้น ทำให้สองปรมาจารย์ตัดวิญญาณรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในจิตใจ นี่เป็นศิษย์ของสำนักพวกมัน ศิษย์ทายาทแห่งแผนกเม็ดยาบูรพา ในช่วงวิกฤต มันได้ทำการป้องกันปัญหาใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับสำนัก
แต่โชคร้าย…พวกมันไม่มีทางที่จะปกป้องเขาได้ ไม่มีใครในสำนักจื่อยิ่นจะสามารถทำสิ่งใดๆ ให้กับเขาได้ในตอนนี้ สองปรมาจารย์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอยู่ให้ห่างไกลจากเขาอย่างเย็นชา ที่เบื้องหน้าของผู้ฝึกตนทั้งหมดทั่วทั้งดินแดนด้านใต้
ชีวิตของเขาไม่สำคัญ ความตายของเขาไม่สำคัญ เขาไม่เกียวข้องกับสำนักจื่อยิ่นอีกแล้ว
คำพูดของพวกมันทำให้ความเงียบปกคลุมไปทั่วในบริเวณนั้นทันที ความตกตะลึงและความงงงันเต็มอยู่บนใบหน้าของศิษย์ต่างๆ มากมายจากสำนักอื่นๆ พวกมันได้ยินถึงเสียงที่ไร้พลังอำนาจทำอะไรไม่ได้ภายในคำพูดนั้น และเมื่อเปรียบเทียบกับพลังอันยิ่งใหญ่ของตระกูลจี้ ก็ทำให้พวกมันรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมาในทันที
ผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณแห่งตระกูลจี้ จ้องไปยังศิษย์สำนักจื่อยิ่นอย่างเย็นชาสักพัก จากนั้นก็แค่นเสียงออกมา นอกจากนั้นมันก็ไม่ได้ทำสิ่งใด
ความเงียบปกคลุมไปทั่ว ไม่มีใครพูดจา ทุกคนกำลังรอให้ศิษย์ที่หายตัวไปกลับคืนมา
เวทป้องกันได้ถูกกางไปรอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด ในตอนนี้ ไม่มีทางที่ใครจะใช้พลังของการเคลื่อนย้ายทางไกลได้นับจากนี้ไป แต่ภายในเสาแห่งแสงของสำนักชิงหลัว ดวงตาของปรมาจารย์จื่อหลัวเริ่มส่องแสงเจิดจ้า
ในที่สุด มันก็กล่าวขึ้น “สหายเต๋าแห่งตระกูลจี้ และสมาชิกอาวุโสอื่นๆ ข้ารู้ว่าเมิ่งฮ่าวได้ครอบครองเครื่องรางนำโชคจากสำนักหรูอี้โบราณ ข้าเกรงว่าเวทป้องกันของพวกท่าน…” มันยิ้ม ไม่ยอมพูดให้จบ
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก็ทำให้ดวงตาของผู้อาวุโสตระกูลจี้สาดประกาย ขณะที่พวกมันสบสายตากัน ผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณ โบกสะบัดมือขวา และจี้หยกก็ปรากฎขึ้น
“วางของชิ้นนี้ไว้ภายในเวทป้องกัน มันสามารถปิดกั้นเครื่องรางนำโชคได้”
สีหน้าของสองปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณของสำนักจื่อยิ่นเริ่มหมองคล้ำ พวกมันจ้องไปยังปรมาจารย์จื่อหลัว ความไม่พอใจสาดประกายอยู่ในดวงตา แสดงให้เห็นอย่างเปิดเผย
ศิษย์ของสำนักต่างๆ ก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน พวกมันราวกับจั๊กจั่นในห้วงความตายแห่งฤดูหนาว ความคิดหลากหลายวิ่งไปมาอยู่ในหัว พวกมันคิดไปถึงฟางมู่ และจากนั้นก็เมิ่งฮ่าว สีหน้าของพวกมันเปลี่ยนกลับไปกลับมาด้วยความประหลาดใจหลายรอบ
ฟางมู่มีชื่อเสียงอยู่ในดินแดนด้านใต้ กล่าวกันว่าเขาก็เหมือนกับดวงตะวันในยามเที่ยง ท่ามกลางกลุ่มคนรุ่นเดียวกัน ไม่มีใครสามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ เขาคือศิษย์ทายาทของเจ้าโอสถจอมปีศาจ, เต้าจื่อแห่งแผนกเม็ดยาบูรพา หนึ่งในสี่ของเจ้าโอสถแห่งดินแดนด้านใต้…เจ้าโอสถจอมกระถาง…
สำหรับเมิ่งฮ่าว ก็เห็นได้ชัดว่าหน้ากากเซียนโลหิต ได้ทำให้จิตใจของทุกคนเต็มไปด้วยเสียงกึกก้องของความตกตะลึง
เขาได้ครอบครองคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ เป็นบุตรเขยของตระกูลซ่ง และตอนนี้ ก็เป็นผู้ที่ได้ครอบครองขุมทรัพย์เซียนโลหิต!
ท่ามกลางความเงียบ ใบหน้าของสมาชิกตระกูลซ่งค่อนข้างจะดูน่าเกลียด ขณะที่พวกมันนั่งอยู่ในเสาแห่งแสงของพวกมัน ซ่งเหล่าไกว้ก็อยู่ที่นั่นด้วย กำลังขมวดคิ้วและแอบถอนหายใจ
ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ รวมถึงปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณ จู่ๆ ก็มีชายชราเข้ามาร่วมกับกลุ่มคนทั้งหมด มันมีรูปร่างผอมแห้งดูไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามันได้อยู่ที่นั่น ราวกับว่ามันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งนี้
ชายชรายิ้มออกมา “เจ้าเข้าไปสู่อาณาจักรแห่งความสมบูรณ์แบบแล้ว, เด็กน้อย” มันกล่าวกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา “มีสิ่งที่ถูกเรียกว่า กรรม อยู่ในโลกแห่งนี้ และวันนี้ ข้าจะช่วยเจ้าหว่านเมล็ดกรรมนั้น ในอนาคต ข้าจะยึดความสมบูรณ์แบบนั้นมาจากเจ้า นั่นก็จะเป็นการชดใช้กรรม” แน่นอนว่าไม่มีใครได้ยินเสียงของมัน นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรมาจารย์โบราณรุ่นที่สิบของตระกูลหวัง
ทุกคนเฝ้ารอคอยอยู่ในความเงียบอย่างต่อเนื่อง
———-
ในเวลาเดียวกันนั้น ตรงชายแดนของดินแดนด้านใต้ ใกล้กับบริเวณซึ่งเคยเป็นแคว้นจ้าวมาก่อน เลยผ่านเทือกเขาอันยาวเหยียดออกไปเป็นทะเลอันกว้างใหญ่
นี่ก็คือทะเลเทียนเหอ ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยแยกดินแดนด้านใต้และทะเลทรายตะวันตก ออกจากดินแดนตะวันออกและทะเลทรายทิศเหนือ
ทันใดนั้นอากาศเหนือทะเลเทียนเหอ ที่อยู่ด้านนอกของดินแดนด้านใต้ ก็เริ่มกระจายออกเป็นระลอกคลื่นและบิดเบี้ยวไปมา ภาพเลือนลางของบุคคลปรากฎขึ้น มันก้าวเท้าออกไปข้างหน้า ตอนแรกเงาร่างนั้นดูไม่ชัดเจน แต่ก็รวมตัวกันเป็นชายชราอย่างรวดเร็ว
นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายชรา ซึ่งเคยตกกรรมอยู่บนยอดเขาสีขาวในดินแดนตะวันออก ปรมาจารย์จี้ฟางแห่งตระกูลจี้!
มันลอยอยู่กลางอากาศเหนือทะเลเทียนเหอ มองออกไปยังดินแดนด้านใต้ จากนั้นร่างมันก็ส่องประกาย และพุ่งออกไป แต่ขณะที่มันเข้าไปใกล้ชายขอบของดินแดนด้านใต้ และกำลังจะผ่านเข้าไป มันก็ขมวดคิ้ว และแค่นเสียงเย็นชาออกมา ยกมือขวาขึ้น และยื่นตรงไปข้างหน้า
เสียงระเบิดดังก้องอยู่ในอากาศ กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้น้ำทะเลที่ใต้ร่างมันพลุ่งพล่านปั่นป่วน เกิดเสียงกระหึ่มดังขึ้น พื้นดินที่ประกอบขึ้นเป็นชายแดนของดินแดนด้านใต้สั่นสะท้าน และก้อนศิลาขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่รอบชายฝั่งก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ
ขณะที่พื้นดินสั่นสะเทือน และน้ำทะเลปั่นป่วน ชายชราก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าจี้ฟาง ท่านสวมใส่ชุดยาวสีเทา ที่ชายแขนเสื้อทั้งสองข้างมีรูปกระถางปักอยู่
ชายชรามีเส้นผมที่ยาวและเป็นสีขาว มีรูปร่างผอมเป็นอย่างมาก มีรอยด่างเป็นจ้ำๆ อยู่บนผิวหนัง สีหน้าเรียบสงบแต่ก็เต็มไปด้วยพลัง ดวงตาเจิดจ้า และกลิ่นอายแห่งสวรรค์ก็ดูเหมือนจะถูกปกปิดไว้
กลิ่นหอมของตัวยาอันเข้มข้นกระจายออกมาจากร่างท่าน ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น
จี้ฟางมองดูท่านด้วยสายตาเย็นชา และจากนั้นก็กล่าวขึ้น “ข้าควรจะเรียกท่านว่า จื่อตง หรือตานกุ่ย?!”
ชายชราผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก อาจารย์ของเมิ่งฮ่าว, ตานกุ่ย!
ตานกุ่ยเงียบไปสักพัก จากนั้นก็มองกลับไปยังจี้ฟาง “จื่อตงได้ตายไปแล้ว, ข้าคือตานกุ่ย”
“ก็ดี, ไม่สำคัญว่าท่านคือตานกุ่ยหรือจื่อตง” มันกล่าวเสียงเย็นชา เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ถ้าต้องการจะปกป้องไม่ให้สำนักจื่อยิ่นถูกทำลาย ก็หลีกทางให้ข้า ใครก็ตามที่สังหารสมาชิกตระกูลจี้ของข้าต้องตาย!”
ตานกุ่ยส่ายหน้า “ข้าคืออาจารย์ของมัน มันโขกศีรษะให้ข้าสามครั้ง ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าจะทำบางสิ่งบางอย่างให้กับมัน” ท่านโบกสะบัดแขนข้างขวา ทันใดนั้น กระถางปรุงยาสีเงินก็ปรากฎขึ้นอยู่ในมือ มันกระจายปราณโบราณออกไปทุกทิศทางในทันที กลุ่มหมอกสีน้ำเงินอ่อน ไหลออกมาจากกระถางปรุงยา หมุนวนเป็นวงกลมไปรอบๆ ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นโลกแห่งหมอก
“ถ้าท่านเป็นจื่อตงจริงๆ ข้าก็คงต้องหวาดเกรงอยู่บ้าง” จี้ฟางกล่าวพร้อมกับแค่นเสียง “แต่สำหรับเจ้า ก็เห็นได้ชัดว่า…กำลังหาที่ตาย!” ด้วยเช่นนั้น มันก็ยกมือขึ้น และกลุ่มหมอกก็หนาแน่นมากขึ้น ปกคลุมไปทั่วทั้งตัวมันและตานกุ่ยในทันที
เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นคนทั้งสองในตอนนี้ มีแต่เสียงระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่าดังก้องออกมา จากภายในกลุ่มหมอก ด้านล่างคนทั้งสอง ทะเลเทียนเหอพลุ่งพล่านปั่นป่วน พื้นดินที่ชายแดนของดินแดนด้านใต้สั่นสะเทือน การโจมตีแต่ละครั้งของคนทั้งสอง ประกอบไปด้วยพลังที่ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน
เสียงเคร่งขรึมดังก้องออกมาจากภายในกลุ่มหมอก “ตานกุ่ย มันคุ้มค่าที่จะทำเช่นนี้เพื่อศิษย์ของเจ้าจริงๆ? เจ้าอาจจะสามารถหยุดข้าได้ แต่ก็ไม่อาจจะหยุดตระกูลจี้ได้ทั้งหมด!”
“มันเลือกที่จะมาเป็นศิษย์ของข้า และข้าก็เลือกที่จะกลายเป็นอาจารย์ของมัน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกลบล้างไปโดยการตัดขาดจากสำนัก ข้าเชื่อว่ามันคุ้มค่า ถึงข้าไม่อาจจะหยุดตระกูลจี้ แต่ข้าก็สามารถถ่วงเวลาเจ้าได้สักพัก นั่นก็เพียงพอแล้ว!”
เสียงระเบิดที่สั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ได้ดังขึ้นอีก การต่อสู้นี้สะท้านไปทั่วในดินแดนอันห่างไกล ซึ่งเป็นจุดที่ดินแดนด้านใต้บรรจบกับทะเลเทียนเหอ
กลุ่มหมอกพลุ่งพล่านปั่นป่วน, สายฟ้าปะทุขึ้น, ฟ้าร้องเสียงดังสนั่นหวั่นไหว การต่อสู้มาถึงจุดตัดสิน
———-
กำแพงภายในภาพลวงตาแห่งจิตใจของโฉ่วเหมินไถกำลังพังทลายลงในตอนนี้ ขณะที่เมิ่งฮ่าวหายตัวไป ฉื่อชิงกัดริมฝีปากและหลับตาลง
เมิ่งฮ่าวจากไป เขาไม่ใช่ฟางมู่อีกต่อไป แต่ดูเหมือนกับตอนที่เขาได้ออกไปจากแคว้นจ้าวแทน ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของเขาในตอนนี้อยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณก็ตาม เขากลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
เขาไม่ได้ออกจากเขาวงกต เขากำลังจากฉื่อชิงไป
เขาไม่ได้หันหลังมองกลับไป
เครื่องหมายสีเขียวบนหลังมือเขาส่องแสงริบหรี่ มันปรากฎขึ้นหลังจากที่เขาก่อตัวแกนสีม่วง และโลหิตก็เริ่มโคจรหมุนเวียนไปทั่วร่าง
มันปรากฎเป็นสัญลักษณ์เวท แน่นอนว่า เขาเคยเห็นมันมาก่อน ย้อนกลับไปตอนที่เขาบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ รวมถึงตอนที่อยู่ในสำนักจื่อยิ่น เมื่อโฉ่วเหมินไถได้ร้องเรียกเขา
ขณะที่เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าตรงไป กำแพงก็เริ่มพลังทลายกลายเป็นชิ้นๆ ไปเรื่อยๆ เขาวงกตทั้งหมดดูเหมือนกำลังพังทลาย และผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ภายในต่างก็มองเห็นซึ่งกันและกันได้ในตอนนี้ พวกมันเริ่มรวมกลุ่มกันอย่างรวดเร็ว ตามสำนักหรือตระกูลต่างๆ
แต่…ใครที่ไม่อาจรวมกลุ่มกันได้เร็วพอ ก็จะตกเป็นเป้าการโจมตี ทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นเริ่มปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านอากาศส่งเสียงแหลมเล็ก เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีใครมองเห็นใบหน้าเขา เห็นเพียงเงาร่างขณะที่เขาพุ่งผ่านไป
เสียงกระหึ่มกึกก้องดังมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่กำแพงพังทลายลงไปอย่างต่อเนื่อง เมิ่งฮ่าวทันใดนั้นก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ จากกำแพงที่พังทลายอยู่รอบๆ ตัว เขารู้ว่าอีกไม่นานก่อนที่สถานที่แห่งนี้จะหายไปทั้งหมด
“เนื่องจากการตายของหลี่เต้าอี และจี้หงตง โลกด้านนอกคงจะถูกผนึกไว้ ดูเหมือนเครื่องรางนำโชคของข้า…ไม่อาจจะช่วยข้าได้” แสงเจิดจ้าปรากฎขึ้นในดวงตา ทันทีที่เขาได้ตัดสินใจจัดการจี้หงตง ความคิดมากมายก็ได้วิ่งผ่านจิตใจ
“โอกาสเดียวของข้า…คงจะเป็นถ้ำกำเนิดใหม่ ที่ห่างออกไปหนึ่งร้อยหลี่!” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป จู่ๆ ก็มีกลุ่มหมอกมาปกคลุมร่าง และเขาก็พุ่งออกไปยังทิศทางใหม่
ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่ตรงขึ้นไปด้านหน้าจะปรากฎเป็น ฉู่อวี้เยียน, เยี่ยเฟยโม่ รวมถึงศิษย์สำนักจื่อยิ่นคนอื่นๆ พวกมันถูกล้อมและตกอยู่ภายใต้การโจมตีของผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก
“สหายเต๋าจากสำนักจื่อยิ่น” หนึ่งในพวกมันร้องออกมาด้วยเสียงน่ากลัว “ส่งมอบข้อความที่พวกเจ้าเพิ่งจะคัดลอกมา และพวกข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป ถ้าไม่ พวกข้าก็ไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะเป็นศิษย์ของสำนักใหญ่ในดินแดนด้านใต้หรือไม่ พวกข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมดสิ้น!” รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์บนร่างของพวกมันเริ่มกระเพื่อมขึ้นมา ฉู่อวี้เยียน, เยี่ยเฟยโม่ และศิษย์คนอื่นๆ ซึ่งมาจากแผนกลมปราณม่วง กำลังพยายามอย่างดีที่สุดในการต่อต้านพวกมัน
เยี่ยเฟยโม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และใบหน้าก็ซีดขาว แต่มันก็ยังคงต่อสู้อย่างทรหดต่อไป โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากของฉู่อวี้เยียน และแขนขวาของนางก็มีโลหิตไหลออกมา ใบหน้านางซีดขาว กัดฟันแน่น
ทุกคนบาดเจ็บด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังเสี่ยงชีวิตสู้ตาย
ด้านข้างพวกมัน ศิษย์แผนกลมปราณม่วงสองคนนอนพิงอยู่ที่กำแพง เห็นไม่ชัดว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates