ทันทีที่เมิ่งฮ่าวทำลายเหรียญกษาปณ์เทพกระถางม่วง ในตอนที่ชุดยาวเทพกระถางม่วงเริ่มจางหายไป บางสิ่งได้เกิดขึ้นในแคว้นตงหลาย, สำนักจื่อยิ่น, แผนกเม็ดยาบูรพา, บนภูเขาเตี้ยๆ ของเจ้าโอสถจอมปีศาจ
ในอาคารหลังหนึ่งมีชั้นวางแผ่นหยกสามชั้นตั้งอยู่
บนชั้นที่สามมีแผ่นหยกอยู่เก้าชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นก็มีชื่อเขียนอยู่ ถ้ามองไปใกล้ๆ ก็จะเห็นว่าพวกมันเป็นของเทพกระถางม่วงทั้งเก้า, อันจ้ายไห่, เยี่ยเฟยโม่ และคนอื่นๆ นี่เป็นศิษย์ในนามของตานกุ่ยทั้งหมด
บนชั้นที่สองมีแผ่นหยกอยู่เพียงชิ้นเดียว นี่เป็นของฉู่อวี้เยียน ผู้เป็นศิษย์ส่วนตัวของท่าน
ชั้นแรกก็มีแผ่นหยกแค่ชิ้นเดียวด้วยเช่นกัน ด้านบนถูกเขียนด้วยสองตัวอักษร ฟางมู่!
ศักดิ์ฐานะของเขาสูงส่ง เป็นศิษย์สืบทอดทายาท แผ่นหยกนี้เป็นตัวแทนที่สำคัญของเมิ่งฮ่าวในแผนกเม็ดยาบูรพา แห่งสำนักจื่อยิ่น จู่ๆ แผ่นหยกของฟางมู่ก็เริ่มสั่นไปมา เสียงแตกร้าวดังออกไป และรอยแยกก็กระจายออกไปจากจุดตรงกลางของแผ่นหยก ทันใดนั้น…มันก็ระเบิดออก กลายเป็นเถ้าธุลี
ในตอนที่แผ่นหยกแตกสลายไป ตานกุ่ยในชุดขาว กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา มองออกไปยังที่ห่างไกล แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วร่าง ท่านหันหน้า มองลงไปยังห้องที่เก็บแผ่นหยก จ้องสายตาไปเป็นเวลานาน ใบหน้าอันเก่าแก่โบราณนั้น จู่ๆ ก็ดูเหมือนจะแก่ลงกว่าเดิม รอยเหี่ยวย่นปรากฎมากขึ้น
เวลาเดียวกันนั้น ในจุดศูนย์กลางของดินแดนด้านใต้ ตรงจุดกึ่งกลางของอาณาเขตตระกูลหลี่ เป็นที่ตั้งของสถานที่ ที่คล้ายกับที่อยู่อาศัยของเซียนอมตะ ทันใดนั้น เสียงกระหึ่มกึกก้องก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ตามมาด้วยเสียงแผดร้องของเงาร่างที่เต็มไปด้วยโทสะ
ขณะที่เงาร่างนั้นพุ่งออกมา เจ็ดถึงแปดคนปรากฎกายอยู่ด้านหลังมัน มันถือแผ่นหยกที่แตกหักอยู่ในมือ แผ่นหยกนั้นกระจายแสงเจิดจ้าออกมา ตรงกลางแสงนั้นเป็นใบหน้า…ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเมิ่งฮ่าว!
นี่เป็นผลสะท้อนที่อยู่ในม่านตาของหลี่เต้าอี ก่อนที่มันจะตายไป ใบหน้าของเมิ่งฮ่าว
“เต้าอี!!” ชายชราแผดร้อง เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ส่งเสียงกู่ร้องออกมา เต้าจื่อของตระกูลถูกสังหาร เรื่องเช่นนี้ได้ถูกพูดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็กลายเป็นว่าจริงๆ แล้วก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ แม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ทำให้ดินแดนด้านใต้ตกตะลึงกันไปทั่ว แต่ตอนนี้ มันได้เกิดขึ้นจริง ครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องโกหก เต้าจื่อผู้นี้ได้พบกับความตายไปแล้วจริงๆ
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใคร” ชายชราบันดาลโทสะ “เจ้าสังหารเต้าจื่อของตระกูลหลี่! ไม่ว่าเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักไหน เจ้าก็ต้องตาย!!” มันและเงาร่างทั้งแปดพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล ด้านหลังพวกมัน ผู้ฝึกตนตระกูลหลี่สิบสองคนติดตามไป พวกมันกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังถ้ำกำเนิดใหม่ ด้วยความเร็วเช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะฉีกกระชากท้องฟ้าให้ฉีกขาดไปได้
เวลาเดียวกันนั้น ในตระกูลหวังแห่งดินแดนด้านใต้ ลึกเข้าไปภายในเทือกเขาที่เรียงรายจนเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด มีถ้ำลาวาของปรมาจารย์รุ่นที่สิบแห่งตระกูลหวัง ทันใดนั้น ฝาของโลงศพก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และปรมาจารย์ตระกูลหวังรุ่นที่สิบก็ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ
มันเดินเข้าไปในลาวา และขณะที่มันทำเช่นนั้น ลาวาก็ค่อยๆ สงบและเริ่มมืดลง เช่นเดียวกับถ้ำแห่งนั้น
“เหมือนกับหนึ่งในปรมาจารย์ตระกูลหวังในตำนานเคยกล่าวไว้ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้เพาะกรรมไว้ ดังนั้น ก็ต้องได้รับผลกรรมนั้นด้วยชีวิต, มาเป็นความตาย…วันนี้ ข้าจะช่วยเจ้า ใช่แล้ว มันก็คือการเพาะกรรม แต่ในวันข้างหน้า ข้าจะกลืนกินเจ้า และนั่นก็คือผลของกรรมที่เจ้าต้องจ่าย วันนี้ เจ้าจะไม่ตาย แต่ก็เพียงแค่แสดงให้เห็นว่าในอนาคต เจ้าจะเป็นของข้าโดยสมบูรณ์” ปรมาจารย์ตระกูลหวังรุ่นที่สิบหัวเราะเสียงแหบแห้ง ขณะที่มีแสงสีแดงกระจายอยู่รอบๆ ตัวมัน
“ข้าไม่ได้ออกไปเป็นเวลานานมากแล้ว…” มันพึมพำเสียงแผ่วเบา จากนั้นก็หายตัวไป
———-
ใกล้กับถ้ำกำเนิดใหม่ ภายในอาณาจักรจิตใจของซากศพเซียน ในส่วนลึกของเขาวงกต เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ข้างซากศพหลี่เต้าอี สูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง
ในตอนที่เขาได้แสดงโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา เมิ่งฮ่าวก็ได้คุร่นคิดในเชิงลึกอย่างต่อเนื่องว่า หลี่เต้าอีต้องตาย ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของจี้หงตง โชคชะตาของหลี่เต้าอีก็ได้ถูกผนึกไว้แล้ว มันต้องถูกสังหาร!
มีเพียงคนตายเท่านั้น ที่จะสามารถรักษาความลับไว้ได้อย่างแท้จริง
ฉื่อชิงมีความลับของนาง เช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว ถ้าคำพูดเหล่านั้นกระจายออกไป ฉื่อชิงก็จะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาได้ในชีวิตของนาง…อันที่จริง, นางต้องตายอย่างแน่นอน
ดังนั้น หลี่เต้าอีต้องตาย!
แต่ก็มีความแตกต่างเป็นอย่างมาก ระหว่างตายในเงื้อมมือของฟางมู่ และเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มที่ไม่รู้ความเหมือนที่เคยเป็น เมื่อเขาได้เข้ามาในโลกแห่งการฝึกตนนี้ในตอนแรก การฝึกฝนวิถีเซียนในสำนักจื่อยิ่นมาหลายปี ทำให้ความเข้าใจในสิ่งต่างๆ ของเขาเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ทำไมเขาจะไม่เข้าใจว่า เต้าจื่อของสำนักใดๆ ก็ตามเมื่อตายไป สำนักนั้นจะรับรู้ได้ในทันที?
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันมีวิชาที่สามารถเปิดเผยถึงตัวตนของใครก็ตามที่เป็นผู้สังหาร แม้แต่ตำแหน่งที่เกิดเรื่องก็สามารถบ่งชี้ได้อย่างไม่ยากเย็น อาจจะเป็นไปได้สำหรับผีโต้ง ที่จะช่วยให้เขาปกปิดความจริงจากตระกูลหลี่ แต่…เมิ่งฮ่าวก็ไม่มั่นใจพอที่จะเสี่ยงเช่นนั้น
เมิ่งฮ่าวรู้ดีถึงสถานการณ์และผลของการกระทำนี้…ดังนั้น เขาไม่อาจสังหารหลี่เต้าอี ในขณะที่กำลังเป็นฟางมู่
ด้วยเช่นนั้น…เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องละทิ้งตัวตนของฟางมู่ไป
สำหรับจี้หงตง สมาชิกลำดับขั้นของตระกูลอันดับหนึ่งในทวีปหนานซาน ถ้ามันตาย เมิ่งฮ่าวสามารถจินตนาการได้ว่าตระกูลจี้จะมีปฏิกิริยาเช่นไร ตระกูลอันทรงพลังและน่ากลัวใดๆ ก็ตาม ต้องตามล่าผู้ที่สังหารสมาชิกของพวกมันอย่างเคร่งเครียดจริงจัง นั่นเป็นปฏิกริยาที่จำเป็นในการรักษาเกียรติและพลังของตระกูล
การสังหารจี้หงตงก็เหมือนกับการสังหารองค์ชายของฮ่องเต้, ฮ่องเต้อาจจะมีองค์ชายมากมาย แต่เรื่องเช่นนั้นก็จะเป็นการตอแยภัยพิบัติอันร้ายแรงและปัญหาที่ไม่รู้จักจบสิ้น
สำนักจื่อยิ่นไม่มีทางจะตอบโต้ตระกูลจี้ได้อย่างแท้จริง จากคำอธิบายของอันจ้ายไห่ และความเข้าใจส่วนตัวของเมิ่งฮ่าว ถึงแม้สำนักจื่อยิ่นจะเป็นสำนักใหญ่ในดินแดนด้านใต้ แต่เมื่อเทียบกับตระกูลจี้ มันก็เหมือนกับ…แมลงเม่าตัวเล็กๆ
ถ้าศิษย์สำนักจื่อยิ่นสังหารสมาชิกของตระกูลจี้ ความตายนั้นไม่เพียงแต่จะเกี่ยวข้องกับศิษย์ที่ไปสังหารนั้น มีแนวโน้มว่าทั่วทั้งสำนักต้องพังทลายลงเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ขณะที่นิ้วของเมิ่งฮ่าวบดลงไปยังเหรียญกษาปณ์เทพกระถางม่วง เขากำลังคิดถึงท่านอาจารย์ เขายังได้คิดไปถึงเทพกระถางม่วงคนอื่นๆ เขาคิดเกี่ยวกับภูเขาสีเขียว และน้ำสีฟ้าใสกระจ่างของแผนกเม็ดยาบูรพา เขาคิดเกี่ยวกับประสบการณ์ทั้งหมดตลอดหลายปีที่นั่น
ทั้งหมดนี้ก็เพราะว่า…จี้หงตงต้องตาย!
ถ้ามันไม่ตาย ฉื่อชิงก็จะตกอยู่ในห้วงอันตรายเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าตระกูลจี้รับรู้ถึงการคงอยู่ของผู้ผนึกอสูร, เพียงแค่คิดถึงมัน เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงอันตรายที่จะตามมา
ดังนั้น จี้หงตงก็ถึงวาระที่ต้องแตกดับไป มีเพียงความตายของมันเท่านั้น ที่จะแน่ใจได้ถึงความปลอดภัยของฉื่อชิง ทำให้นางอาศัยอยู่ในสำนักชิงหลัว และหลอมรวมเข้ากับเฟิ่งจู่ต้าเหรินได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีใครสงสัยนาง
ดังนั้น เมิ่งฮ่าวจึงได้ทำลายเหรียญกษาปณ์เทพกระถางม่วง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เขาได้ตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับสำนักจื่อยิ่น ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ในตอนนี้เขาคือเมิ่งฮ่าว ฟางมู่เป็นบุคคลอื่น เมื่อไหร่ที่ข้อมูลได้ถูกเปิดเผยออกมา สำนักจื่อยิ่นก็จะสามารถอธิบายให้กระจ่างชัดได้
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ การทำลายเหรียญกษาปณ์ได้บ่งชี้ให้เห็นว่า เขากำลังตัดขาดจากสำนัก หรืออาจจะหมายความว่า ฟางมู่ได้ตายไปแล้ว
มีเพียงสิ่งที่น่าผิดหวังก็คือ เมื่อเขาออกจากสถานที่แห่งนี้ ตระกูลหลี่คงจะไล่ล่าเขา คงไม่มีที่ไหนในดินแดนด้านใต้อันกว้างใหญ่ ที่เขาจะสามารถหลบซ่อนตัวได้ คงต้องถูกบังคับให้จากไป หายสาบสูญไปจากดินแดนด้านใต้อย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่จะหายตัวไป เขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับความปั่นป่วนวุ่นวาย ที่คล้ายกับลมพายุชุดใหญ่นี้ให้ดี
ความคิดทั้งหมดนี้ได้วิ่งผ่านในจิตใจเขาอย่างรวดเร็ว ในตอนที่ตัวตนของฉื่อชิงได้ถูกเปิดเผยต่อจี้หงตง แม้เขาจะทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนได้แล้ว เขาก็ยังคงลังเลอยู่ในตอนแรก สุดท้าย เขาก็ตัดสินใจได้เด็ดขาด
“ท่านอาจารย์” เขาคิด ค่อยๆ มองออกไปยังทิศทางของสำนักจื่อยิ่น “ข้าไม่คู่ควร…ได้โปรดคิดว่า ฟางมู่…ตายไปแล้ว!” สายตาเขาแวบขึ้นขณะที่มองกลับมายังจี้หงตง ในตอนแรก สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น หลังจากที่ใช้เวลาในการวิเคราะห์ความคิดทั้งหมดที่วิ่งอยู่ในจิตใจของเมิ่งฮ่าว ซึ่งจริงๆ แล้ว ความคิดเหล่านั้นก็แวบผ่านจิตใจเขาในทันใด เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกมันก็เปลี่ยนเป็นรังสีสังหารอันเข้มข้น
รังสีสังหารนี้ทำให้จิตใจจี้หงตงสั่นสะท้าน นี่เป็นเพราะมันเพิ่งได้เห็นคนที่จ้องมองมาเช่นนี้เป็นครั้งแรก ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่ามันจะไปที่ไหน หรือต่อสู้กับใคร ผู้คนอาจจะโจมตีมัน แต่ก็ไม่เคยคิดจะสังหารมันมาก่อน
นี่เป็นเพราะมันแซ่จี้ สายโลหิตแห่งตระกูลจี้ได้ไหลเวียนอยู่ในร่างของมัน ในดินแดนด้านใต้ ในทวีปหนานซาน น้อยคนนักที่จะกล้าตอแยตระกูลจี้!
“เจ้าต้องการสังหารข้า? เจ้ากล้า?!” ดวงตามันสาดประกายความเย็นชาออกมา ขณะที่ยกมือขวาขึ้นมา และขยับร่ายเวทอาคม แกนปราณเบ่งบานอยู่ด้านบนศีรษะของมันในทันที อีกครั้ง ที่สนามแห่งดวงดวงปรากฎขึ้น ครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่ามีดวงดาวระยิบระยับมากกว่าครั้งก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก พวกมันปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ เต็มอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น จากนั้นก็พุ่งลงมายังเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ดวงดาวอันเจิดจ้าตกลงมาที่เขา รังสีสังหารของเมิ่งฮ่าวก็กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อดวงดาวใกล้เข้ามา เขาก็ยกมือขวาขึ้นกระแทกตรงไป ขณะที่ทำเช่นนั้น นิ้วที่เต็มไปด้วยโลหิตของเขาก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ทันใดนั้น ฝ่ามือโลหิตก็ปรากฎขึ้น
ฝ่ามือโลหิตขยายขนาดใหญ่ขึ้น ต่อจากนั้นก็เป็นแดนสังหารโลหิต ซึ่งมีร่างจำแลงโลหิตของเมิ่งฮ่าวอยู่ภายใน พวกมันเผชิญหน้ากับดวงดาวที่ใกล้เข้ามา และเคลื่อนที่ไปปะทะกันในทันที
ฝ่ามือโลหิตพุ่งขึ้นไปราวกับหัตถ์ยักษ์ กระแทกเข้าไปในสนามแห่งดวงดาว
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว เมิ่งฮ่าวสั่นไปทั้งร่าง และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปาก สนามแห่งดวงดาวเริ่มพังทลายลง และดวงดาวก็แตกกระจายไป แต่แดนสังหารโลหิตของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มแตกสลายไปด้วยเช่นกัน
ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวยังไม่ได้ฝึกฝนแกนปราณ แต่เขาก็ได้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนที่มีแกนปราณ แต่อย่างไรก็ตาม เมิ่งฮ่าวแตกต่างเป็นอย่างมากกับครั้งล่าสุด ที่เขาได้ต่อสู้กับผู้ฝึกตนหน้ากากฟ้าจากดินแดนสีดำ เขาจะไม่หลบหนีอีกแล้ว เขาสามารถต่อสู้ได้แล้วในตอนนี้
สีหน้าจี้หงตงเปลี่ยนไป พ่นโลหิตออกมาจากปาก และเดินโซเซถอยไปด้านหลัง สีหน้าดุร้ายมากขึ้น มันโบกสะบัดมือขวาออกไป
“นอกจากเจ้าบ้าบัดซบจากตระกูลฟางแล้ว เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าต้องรับบาดเจ็บ! บัดซบ! ห้องขังแห่งสวรรค์; อวตารมาเป็นคุก!” ขณะที่มันแผดร้องออกมา มือของมันก็ขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โบกสะบัดตรงไปในอากาศเหนือเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น แสงสีฟ้าก็ปรากฎขึ้น กระจายออกไป ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง กลายเป็น…ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆสีขาว ซึ่งก็คือสวรรค์ของมันเอง
แปลกเป็นอย่างมาก ที่ท้องฟ้านี้ปกคลุมเฉพาะเมิ่งฮ่าวคนเดียว สถานที่อื่นๆ ก็ดูเหมือนปกติก่อนหน้านี้
“สั่นระฆังตะวันออก; เก้าสังหาร; ใช้เจตจำนงแห่งสวรรค์ทำลายร่างกาย; ใช้สายตาแห่งท้องนภาลงโทษจิตวิญญาณl ใช้โลหิตแห่งตระกูลจี้ลงโทษคนผู้นี้ด้วยทัณฑ์แห่งสวรรค์!” ดวงตาจี้หงตงเต็มไปด้วยเส้นโลหิตฝอย มันลดนิ้วลง และแนวสวรรค์สีฟ้าที่อยู่เหนือเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยก้อนเมฆสีดำที่ม้วนตัวไปมา สายฟ้าปะทุขึ้น และที่น่าตกใจมากไปกว่านั้น ดูเหมือนสายฟ้าจะฟาดลงมาในไม่ช้า
“เจ้าต้องการสังหารข้า? เจ้ายังไม่คู่ควร!” จี้หงตงตบไปที่ถุงสมบัติของมัน และระฆังสีเงินก็ปรากฎขึ้นอยู่ในมือ เสียงระฆังดังออกมาได้ยินชัดเจนขึ้นในทันที
“ใช้สายโลหิตแห่งตระกูลจี้ ชี้นำระฆังตะวันออก เพื่อตัดสินเจตจำนงแห่งสวรรค์ต่อเมิ่งฮ่าวผู้นี้! ตาย!” ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวด้วยโทสะ ขณะที่ส่งเสียงแผดร้องออกมา