อันที่จริงแม้เมิ่งฮ่าวจะไม่ได้ปรุงเม็ดยาใดๆ หมอกพิษก็ไม่สามารถทำอันตรายเข้าได้แม้แต่น้อย ถึงดอกปี่อ้านจะถูกสะกดไว้ แต่พรสวรรค์ของมันก็ยังคงอยู่ในตัวเขา ซึ่งสามารถกำจัดพิษได้ทุกชนิดตามธรรมชาติ
เมิ่งฮ่าวไม่เกรงกลัวพิษ
ถึงจะผ่านมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่การแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต ซึ่งมีผู้ฝึกตนมากมายได้ร่วมเป็นสักขีพยาน แต่ถ้ามีใครบางคนสังเกตเห็น ก็จะสามารถเชื่อมโยงคนทั้งสองเข้าด้วยกันอย่างง่ายดาย ด้วยเช่นนั้น เขาจึงได้ปรุงเม็ดยาเพื่อทำให้ดูเหมือนว่า เม็ดยาเหล่านั้นสามารถขจัดพิษได้ แต่อย่างไรก็ตาม หน้าที่จริงๆ ของเม็ดยาเหล่านั้นก็คือ สะกดกลิ่นอายของตัวเขาเอง ซึ่งมีผลต่อแมลงพิษและหมอกพิษ
แน่นอนว่านั่นเป็นบางสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเขา ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ
จริงๆ แล้วก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องสะกดกลิ่นอายของเขาลงด้วยวิธีการเช่นนี้ ถ้าไม่ทำด้วยเม็ดยาเช่นนั้น ขณะที่เขาเดินผ่านกลุ่มหมอกพิษ มันก็จะกระจายห่างออกไปจากตัวเขาในทันที และพื้นที่บริเวณนั้นทั้งหมดก็จะไร้หมอกพิษโดยสิ้นเชิง
แม้จะทำการสะกดกลิ่นอายไปแล้ว หมอกพิษก็ยังคงกระจายออกไป เขาจึงไม่อาจทำอะไรได้อย่างแท้จริง ได้แต่เดินเข้าไปในหมอกพิษ และทำให้มันยังคงมีอยู่
สำหรับแมลงพิษ ถ้าไม่ใช่กลิ่นอายของเขาได้ถูกสะกดไว้ พวกมันก็คงไม่กล้าปรากฎขึ้นใกล้ตัวเขา อันที่จริง เมิ่งฮ่าวกังวลว่าเขาอาจจะสูญเสียการควบคุมการสะกดกลิ่นอายไป และด้วยเช่นนั้น แมลงต่างๆ ที่บินไปไม่ไกลจากตัวเขาเพียงพอ ก็จะตายลงในทันที ถ้าเกิดขึ้นเช่นนั้น มันก็จะไปดึงดูดความสนใจจากโลกด้านนอกอย่างแน่นอน
ดังนั้น สิ่งที่เขาสามารถทำได้อย่างดีที่สุดก็คือ ใช้เม็ดยาในการสะกดกลิ่นอายของตัวเอง ระมัดระวังเป็นอย่างมาก ที่จะไม่ทำให้หมอกพิษหายไปโดยสิ้นเชิง และพยายามที่จะทำให้แมลงพิษ มีปฏิกิริยาเป็นปกติ แม้จะเป็นเช่นนั้นทั้งหมด เขาก็ยังคงเป็นเหตุให้โลกด้านนอกปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ก็เป็นเพียงแค่ความปั่นป่วน ไม่เพียงพอที่จะให้ใครนึกโยงไปถึงการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต
ไม่กี่วันหลังจากนั้น บุคคลแรกที่ไปถึงด่านที่สอง แน่นอนว่าเป็น เยี่ยเฟยโม่ ตามติดมาด้วย ฉู่อวี้เยียน และจากนั้นอันดับสาม, เมิ่งฮ่าว หนึ่งในสามผู้นำกลุ่มคนใหม่
สำหรับเจ็ดคนที่เหลือ สองคนในที่สุดก็ปรากฎขึ้นที่ก้อนศิลาซึ่งเป็นเครื่องหมายของด่านที่สอง ห้าคนอื่นๆ ยังคงติดอยู่ที่เส้นทางในหมอกพิษ กำลังปรุงเม็ดยา และเคลื่อนที่ตรงมาอย่างช้าๆ
เมื่อผู้แข่งขันมาถึงก้อนศิลาขนาดใหญ่ คนทั้งหมดก็ได้พบเจอสิ่งเดียวกัน เส้นใยแห่งปราณม่วงโผล่ออกมา และติดแน่นไปบนกระถางปรุงยา จากนั้นก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน ทำให้กระถางเปลี่ยนสี
สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับเมิ่งฮ่าว กระถางปรุงยาสีดำดูเหมือนจะต่อต้านในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นอย่างมาก แต่มันก็ถูกสะกดข่มโดยเมิ่งฮ่าว ดังนั้นมันจึงไม่อาจจะต่อต้านได้
ผู้คนที่ด้านนอกเริ่มพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ในทันที
“พวกมันเพิ่งจะผ่านด่านแรกมาได้ และพวกเราก็สามารถมองเห็นความแตกต่าง…”
“ดูเหมือนผู้แข่งขันคนสุดท้ายจะเป็นบุคคลทั้งห้านี้ แต่ข้าก็ยังคงคิดว่า เจ้าแห่งเตาเยี่ยมีเปรียบกว่า”
ทันใดนั้น เสียงของเทพกระถางม่วง อันจ้ายไห่ก็ดังขึ้น “การประลองคัดเลือกเทพกระถางม่วง เป็นการทดสอบทักษะในเต้าแห่งการปรุงยาของนักปรุงยา การตกอยู่ด้านหลังไม่ได้แปลว่าพ่ายแพ้ ในปีที่ข้าเข้าคัดเลือก ข้าเป็นคนสุดท้ายในสองด่านแรก แต่ข้าก็ผ่านด่านที่สาม ซึ่งคนส่วนใหญ่ติดอยู่ในด้านนั้นได้สำเร็จ พวกเจ้าควรจะใช้เวลาในการสังเกตดูว่า นักปรุงยาที่ถูกเลือกทั้งสิบคนนี้ปรุงยาอย่างไร ดีกว่าที่จะมาพูดคุยถึงสิ่งที่พวกเจ้าได้เห็นในตอนนี้” เสียงของอันจ้ายไห่ ทันใดนั้น ก็ทำให้การพูดคุยของนักปรุงยารอบๆ บริเวณนั้นเงียบลงในทันที พวกมันนั่งครุ่นคิดอย่างเงียบๆ และเริ่มมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
สิ่งที่พวกมันมองเห็นก็คือ นักปรุงยาทั้งห้าที่อยู่ในอันดับสุดท้าย ทั้งหมดต่างก็เยือกเย็น พวกมันกำลังปรุงเม็ดยาด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน และไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รู้สึกว่ากำลังพ่ายแพ้แม้แต่น้อย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เมิ่งฮ่าวได้จ้องไปอย่างครุ่นคิดมากกว่าหนึ่งชั่วยาม ที่ก้อนศิลาซึ่งเป็นเครื่องหมายของด่านที่สอง ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น บนเส้นทางที่แตกต่างกัน เยี่ยเฟยโม่ และฉู่อวี้เยียน ก็จ้องไปยังก้อนศิลาพร้อมคิ้วที่ขมวดขึ้นเช่นกัน
ก้อนศิลาปิดกั้นเส้นทางต่างๆ ไว้ มีแต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ จึงจะมีรอยแยกเปิดขึ้นในก้อนศิลา และยอมให้ผ่านเข้าไปได้
เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตัวเอง ขณะที่เขานั่งขัดสมาธิอยู่ข้างก้อนศิลา “ปรุงเม็ดยาสำหรับสี่ขั้นอันยิ่งใหญ่ของรวบรวมลมปราณ, พื้นฐานลมปราณ, สร้างแกนลมปราณ และวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่ละเม็ดต้องมีความเข้มข้นของตัวยาแปดในสิบส่วนหรือมากกว่านั้น และต้องประกอบด้วยต้นสมุนไพรที่แตกต่างกันในท่ามกลางสิบล้านชนิด ถ้าสามารถสร้างเม็ดยาที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้ ก็จะถูกนับว่าเป็นความสมบูรณ์…” ท่าทางครุ่นคิดปรากฎขึ้นในแววตาของเขา
ด่านทั้งสี่ของการทดสอบเทพกระถางม่วง ประกอบด้วยการทดสอบทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของนักปรุงยา ด่านแรกทดสอบทักษะในการปรุงเม็ดยาซึ่งขึ้นกับสถานการณ๋ในตอนนั้น สถานการณ์ที่แตกต่างก็ต้องปรุงเม็ดยาที่ต่างกันออกไป ต้องใช้ความยืดหยุ่น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริง เจ้าแห่งเตาส่วนใหญ่ก็ไม่อาจจะทำเรื่องเช่นนั้นได้
ด่านที่สองยิ่งยากขึ้นไปอีก เป็นการทดสอบความสามารถพื้นฐานของการปรุงยา ยาสี่เม็ด แต่ละเม็ดสำหรับสี่ขั้นอันยิ่งใหญ่ ต้องมีความเข้มข้นของตัวยา และต้องใช้สมุนไพรในสิบล้านชนิดที่แตกต่างกัน
นี่เป็นการทดสอบที่ครอบคลุมเป็นวงกว้าง และในด่านที่สองนี้ บางคนที่ไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของเจ้าแห่งเตา ก็ไม่อาจจะผ่านมันไปได้ แม้แต่คนที่มีคุณสมบัติเช่นนั้น การผ่านด่านนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เมิ่งฮ่าวนั่งครุ่นคิดอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน เช่นเดียวกับฉู่อวี้เยียน, เยี่ยเฟยโม่ ตามมาด้วยคนอื่นๆ ที่มาถึงก้อนศิลาของด่านที่สอง
ไม่มีการบอกว่า ต้องใช้ต้นสมุนไพรอะไร นักปรุงยาแต่ละคนสามารถปรุงได้ตามความพอใจ อันที่จริง ก็ขึ้นกับพื้นฐานที่เกี่ยวกับต้นสมุนไพรต่างๆ ของแต่ละคน บางคนอาจจะแค่สร้างภาพของเม็ดยาบนพื้นผิวของก้อนศิลา และพลังของแดนสวรรค์ก็จะสร้างภาพลวงตาซ้ำขึ้นมา ซึ่งสามารถใช้สำหรับการปรุงยาภาพลวงตาได้
ถึงพวกมันจะเป็นเพียงภาพลวงตาที่ทำซ้ำขึ้นมา แต่จริงๆ แล้ว ก็เป็นของจริง
“มีอยู่สองทางเลือก” ฉู่อวี้เยียนคิด “หนึ่งเป็นทางเลือกแบบง่ายๆ ปรุงเม็ดยาที่มีอยู่แล้ว จากนั้นก็แค่ทำให้ตัวยามีความเข้มข้น และใช้ต้นสมุนไพรที่แตกต่างกันในสิบล้านชนิดตามที่กำหนดมา”
“อีกทางเลือก ซึ่งยากกว่า คือต้องสร้างเม็ดยาใหม่ขึ้นมา สร้างบางสิ่งจากความว่างเปล่า…ทั้งสองทางเลือกนี้น่าจะทำได้ นำไปสู่จุดสูงสุดที่สูงที่สุด แต่ก็เห็นได้ชัดว่า เส้นทางของเทพกระถางม่วง…วางอยู่บนทางเลือกที่สอง!” ความมุ่งมั่นเต็มอยู่ในดวงตา นางเป็นศิษย์ในนามของเจ้าโอสถจอมปีศาจ ดังนั้น การที่จะกลายเป็นเทพกระถางม่วง นางต้องพิสูจน์ตัวเอง
เยี่ยเฟยโม่ ก็เห็นได้ชัดว่า รู้สึกเช่นเดียวกัน มันจ้องไปยังก้อนศิลา และขณะที่ทำเช่นนั้น แสงเจิดจ้าก็สาดประกายอยู่ในดวงตา ตามมาด้วยความภาคภูมิใจ ท่าทางแข็งกร้าว
“ถ้าข้าจะปรุงเม็ดยาใดๆ” มันคิด “ข้าก็จะปรุงเม็ดยาที่ไม่มีใครเคยเห็น เม็ดยาที่ประกอบด้วยตัวของข้าเอง! ข้าจะแสดงให้เห็นว่า ข้ามีเจตจำนงแห่งเทพกระถางม่วง!”
เกือบจะเป็นเวลาเดียวกัน การตกลงใจได้แสดงขึ้นบนใบหน้าของฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่ ขณะที่พวกมันเลือกเส้นทางที่สอง
ขณะที่คนอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเลือกเส้นทางแรกที่ง่าย ถึงแม้บางคนจะพยายามปรุงเม็ดยาแบบดั้งเดิม แต่ละคนก็ตัดสินใจบนพื้นฐานเต๋าแห่งการปรุงยาของพวกมันเอง
เมิ่งฮ่าวมองไปยังก้อนศิลาอย่างครุ่นคิด ถอนหายใจขณะที่ยกมือขึ้นลูบจมูก เขาได้เดินทางมาเป็นเวลาสี่วันโดยไม่หยุดพัก ติดอยู่ในการต่อสู้ของเจตจำนงกับกระถางปรุงยาสีดำ และตอนนี้ก็เหน็ดเหนื่อยโดยสิ้นเชิง เขามองไปยังรายการเงื่อนไขบนก้อนศิลา และตระหนักว่าการเดินไปบนเส้นทางการปรุงยา คงจะทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม
เขาเริ่มพึมพำกับตัวเอง “การปรุงเม็ดยาที่มีอยู่แล้ว ต้องดีกว่าปรุงเม็ดยาชนิดใหม่อย่างแน่นอน การปรุงเม็ดยาชนิดใหม่ ต้องมีโชค, ความรู้แจ้งของการปรุงยา และความละเอียดรอบคอบ มิเช่นนั้น ก็จะได้เม็ดยาที่ด้อยคุณภาพ…ใช่แล้ว นี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุด การวิเคราะห์ของข้าถูกต้องอย่างแน่นอน ข้าจะไม่ยอมให้คุณภาพของเม็ดยาด้อยลงไป”
ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมากเท่านั้น เมื่อตัดสินได้แล้ว เขาก็เริ่มปรุงเม็ดยา ยกมือขวาขึ้นมา และกดลงไปบนก้อนศิลา มันกระจายระลอกคลื่นราวกับสายน้ำออกมาในทันที ต้นสมุนไพรซึ่งลอยอยู่ในจิตใจของเขา ค่อยๆ เริ่มปรากฎขึ้นตรงหน้า
“ข้าจะสร้างเม็ดยาที่ง่ายที่สุดก่อน ก็คือเม็ดยารวบรวมลมปราณ” เขาโบกสะบัดแขนเสื้อ และภาพลวงตาของกระถางปรุงยาก็โผล่ออกมาจากก้อนศิลา เขาใส่กิ่งของต้นสมุนไพร กิ่งแล้วกิ่งเล่าเข้าไปในกระถาง หลังจากครุ่นคิดอีกสักพัก ก็เริ่มปรุงเม็ดยา
เวลาผ่านไปไม่นานก่อนที่ดวงตาฉู่อวี้เยียนจะลืมขึ้นมา และนางก็โบกสะบัดมืออันสวยงามละเอียดอ่อนของนาง กระถางปรุงยาปรากฎขึ้น และดวงตาของนางก็สาดประกายเจิดจ้า ขณะที่เริ่มต้นปรุงเม็ดยา
หลังจากเวลาผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดหนึ่งดอก เยี่ยเฟยโม่ก็ลืมตาขึ้น เต็มไปด้วยความมั่นใจ มันเริ่มปรุงเม็ดยา
ผู้สังเกตการณ์ที่ด้านนอก บนภูเขาตงหลาย กำลังมองอย่างตั้งใจ ขณะที่สิ่งทั้งหมดได้เกิดขึ้น สายตาของพวกมันกลอกสลับกันไปมา ระหว่างจอภาพทั้งสิบ รวมถึงเมิ่งฮ่าว ผู้สมัครคนที่สิบ
แน่นอนว่า จุดสำคัญก็คือเยี่ยเฟยโม่ และฉู่อวี้เยียน ซึ่งมีการแสดงออกอย่างน่าประทับใจในด่านแรก และแน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ต่างก็เพ่งความสนใจไปที่เมิ่งฮ่าว ซึ่งดึงดูดความสนใจด้วยความสามารถของตัวเองที่นั่นด้วยเช่นกัน
แต่เมิ่งฮ่าวก็ได้เลือกวิธีการที่ง่ายสำหรับการปรุงเม็ดยา ตอนนี้ เขากำลังปรุงเม็ดยารวบรวมลมปราณ แต่ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว มีทั้งหมดเจ็ดคนที่ทำเช่นนี้
ผู้ชมสามารถมองเห็นคำสั่งบนก้อนศิลา และจากนั้นก็เริ่มพูดคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา มันค่อนข้างง่ายในการตวจสอบว่าส่วนของการทดสอบนี้เกี่ยวกับอะไร
“กลายเป็นว่าฟางมู่กำลังปรุงเม็ดยารวบรวมลมปราณ…ดูเหมือนมันกำลังตามหลังฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ในด่านที่สองนี้”
“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้าแห่งเตา เยี่ยเฟยโม่ เมื่อนานมาแล้ว ทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของมัน อยู่ที่ขั้นสูงสุด จากการมองดู มันไม่ได้ปรุงเม็ดยาธรรมดาทั่วไป มันกำลังสร้างเม็ดยาใหม่ขึ้นมา?”
หลินไห่หลงยิ้มน้อยๆ ขณะที่หันไปยังอันจ้ายไห่ และกล่าวว่า “ฉู่อวี้เยียน ก็กำลังสร้างเม็ดยาใหม่ขึ้นมาด้วยเช่นกัน…แค่ความเชื่อมั่นเช่นนี้ก็ควรค่าแก่การภาคภูมิใจได้แล้ว”
อันจ้ายไห่พยักหน้าให้เล็กน้อย สีหน้าสงบนิ่งขณะที่มองไปยังจอภาพทั้งสิบ เมื่อมันเห็นเมิ่งฮ่าว และรับรู้ว่าเขากำลังปรุงเม็ดยาอะไรอยู่ มันก็รู้สึกน่าขบขันเล็กน้อย ในความคิดของมัน เมิ่งฮ่าวเข้าใจว่า ถึงการสร้างเม็ดยาชนิดใหม่ขึ้นมาจะช่วยให้เขาผ่านจุดวิกฤตนี้ไปได้ แต่การตัดสินใจทำเช่นนี้ก็จะช่วยประหยัดเวลาและไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าใด
เพียงชั่วพริบตา สามวันก็ผ่านไป เมิ่งฮ่าวได้ปรุงเม็ดยารวบรวมลมปราณ ซึ่งมีความเข้มข้นของตัวยาแปดในสิบส่วน เช่นเดียวกับเม็ดยาจู้จีเทียน (สร้างพื้นฐานสวรรค์) ด้วยคุณภาพเช่นเดียวกัน ตอนนี้เขากำลังปรุงเม็ดยาสำหรับขั้นสร้างแกนลมปราณ, เม็ดยาฮั่วหลิง (จิตวิญญาณ)
ก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวต้องใช้เวลาอย่างยากลำบากในการปรุงเม็ดยาเช่นนี้ เมื่อพิจารณาจากพื้นฐานฝึกตนของเขา แต่ตอนนี้เขามีเสาแห่งเต๋าสิบต้น และอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่ของพื้นฐานลมปราณ การปรุงเม็ดยาฮั่วหลิงที่เรียบง่ายธรรมดา ถึงจะต้องใช้ความพยายามบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยากมากจนเกินไป
อันที่จริง เขาทั้งกำลังปรุงยา และกำลังพักผ่อนในเวลาเดียวกัน การได้อยู่ที่ภูเขาจื่อตงมาหลายวัน ทำให้ตอนนี้เขาได้ฟื้นฟูพลังงานมาได้บางส่วน ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป และการปรุงเม็ดยาของเขาก็เริ่มรวดเร็วขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
แต่ตอนที่เม็ดยาฮั่วหลิงของเขาปรากฎขึ้น ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เม็ดยารวบรวมลมปราณแบบใหม่ของฉู่อวี้เยียนโผล่ออกมาเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น แสงเจิดจ้าก็พุ่งออกมาจากเม็ดยาของนาง เพียงมองแค่แวบแรก ก็เห็นได้ชัดว่า มันไม่ใช่เม็ดยาธรรมดาทั่วไป มันดึงดูดความสนใจของโลกด้านนอกในทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น เม็ดยาของเยี่ยเฟยโม่ก็ปรากฎขึ้น แสงสี่สีปกคลุมมันไว้ เจิดจ้ากว่าแสงของเม็ดยาฉู่อวี้เยียนเล็กน้อย ทันใดนั้น เสียงหอบหายใจด้วยความประหลาดใจก็ได้ยินออกมาจากผู้สังเกตการณ์ด้านนอก
ขณะที่เมิ่งฮ่าว เขาไม่ได้สร้างอะไรที่แปลกพิเศษ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เกือบทั้งหมด เขาเลือกที่จะปรุงเม็ดยาที่คุ้นเคย ยิ่งไปกว่านั้น จากท่าทีของเขา ดูเหมือนเขากำลังรู้สึกเสียเวลา มันช่างแตกต่างจากจิตใจของฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่โดยสิ้นเชิง
อันที่จริงสิ่งที่แตกต่างระหว่างพวกเขาที่เห็นได้ชัดเจนก็…ทำให้เมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะธรรมดามากขึ้น
มีเพียงคนเดียว บนภูเขาตงหลายที่คิดแตกต่าง เจ้าโอสถจอมปีศาจ เมื่อท่านมองไปยังจอภาพของเมิ่งฮ่าวอย่างไม่ได้ตั้งใจ เงาของรอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า