หลังจากที่โจวเจี๋ยแห่งสำนักชิงหลัว บรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ เนื่องจากน้ำพุร้อนเต๋าโบราณ ลมพายุก็กระพือพัดขึ้นท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ในดินแดนด้านใต้
มันกวาดไปทั่วทั้งสำนักใหญ่และตระกูลดัง ทำให้ศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ มุ่งหน้าตรงไปยังเขตตะวันตกของดินแดนด้านใต้
ตอนนี้ เขตตะวันตก ซึ่งก่อนหน้านี้ยากที่จะพบเห็นร่องรอยของผู้คน ก็กลายเป็นศูนย์รวมของผู้ถูกเลือกอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่า การกระทบกระทั่งกันก็เกิดขึ้นในทันที เพียงเวลาแค่ไม่กี่เดือน ก็เกิดการต่อสู้ขึ้นอย่างนับไม่ถ้วน ใครก็ตามที่เป็นผู้ชนะการต่อสู้นั้นก็จะมีชื่อเสียงขึ้นมาในทันที
การรวมตัวกันเองเช่นนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากในดินแดนด้านใต้ มันไม่เพียงแต่เป็นการชุมนุมกันของผู้ถูกเลือกเท่านั้น คนทั้งหมดต่างก็มารวมตัวกันในสถานที่แห่งเดียวกัน และต่อสู้กันเพื่อความเป็นหนึ่ง
นี่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เมื่อคิดดูแล้ว ก็ต้องขอบคุณสำหรับการปรากฎขึ้นของน้ำพุร้อนเต๋าโบราณนี้!
น้ำพุร้อนได้ปะทุขึ้นเป็นประจำทุกเดือน ยิ่งไปกว่านั้น ก็มีช่วงเวลาที่จำกัดในการตรวจสอบมัน ด้วยเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่การต่อสู้ด้วยเวทอาคมจะเกิดขึ้น
ในเดือนที่สองหลังจากการปรากฎขึ้นของน้ำพุร้อนเต๋าโบราณ ศิษย์แกนหลักฉื่อชิง แห่งสำนักชิงหลัวก็ได้ยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับเต้าจื่อตระกูลหลี่, หลี่เต้าอี สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเขตตะวันตกแห่งนี้
ก่อนการต่อสู้ครั้งนี้ น้อยคนนักที่จะเคยได้ยินนามของฉื่อชิง แต่หลังจากนี้ นามนี้ก็คงกระจายออกไปไกลเป็นวงกว้าง
ในเดือนที่สี่ เต้าจื่อแห่งตระกูลหวัง ผู้ซึ่งถูกลือว่าได้ตายไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา หวังลี่ไห่ ติดตามมาด้วยหานซานเต้า หนึ่งในเจ็ดบุตรกระบี่ แห่งสำนักกูตู๋เจี้ยน คนทั้งสองได้รับความรู้แจ้งจากน้ำพุร้อนเต๋าโบราณ ถึงแม้พวกมันจะไม่ได้ทะลวงผ่าน แต่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน จากข่าวลือที่บอกเล่าต่อๆ กันมา คนทั้งสองได้รับการรู้แจ้งที่เกี่ยวกับวิชาเวทบางอย่าง
ในเดือนที่ห้า เต้าจื่อของตระกูลซ่ง, ซ่งหยุนซู ต่อสู้กับเฉินฟ่าน หนึ่งในเจ็ดบุตรกระบี่แห่งสำนักกูตู๋เจี้ยน สุดท้าย พวกมันก็เสมอกัน แต่เนื่องจากการต่อสู้นั้น ชื่อเสียงของเฉินฟ่านก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเดือนเดียวกันนั้น เต้าจื่อแห่งสำนักเซี่ยเยา, หลี่ชือฉี ต่อสู้กับ ซานหลิง แห่งสำนักกูตู๋เจี้ยน การต่อสู้นั้นทำให้เกิดการระเบิดปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ และไม่ได้จบลงด้วยชัยชนะหรือพ่ายแพ้ แต่คนทั้งสองก็ได้รับการรู้แจ้งของน้ำพุร้อนแห้งเต๋าร่วมกัน
ในเดือนที่หก เกิดการขัดแย้งกันระหว่างเต้าจื่อแห่งสำนักจินซวง และหวังโหย่วฉาย ผู้ถูกเลือกแห่งสำนักเซี่ยเยา การต่อสู้จนเห็นโลหิตได้เกิดขึ้น ในตอนนี้แขนของเต้าจื่อถูกตัดจนขาดออกไป ทำให้เกิดคลื่นแห่งความประหลาดใจ กระจายไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้
ในช่วงเวลาเดือนเดียวกันนั้น หวังเถิงเฟย ผู้ถูกเลือกของตระกูลหวัง และเป็นน้องชายของหวังลี่ไห่ ก็ได้รับการรู้แจ้งเช่นกัน มันได้ทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตน บรรลุถึงขั้นวงจอันยิ่งใหญ่ของพื้นฐานลมปราณ เรื่องนี้ก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นไม่น้อยเช่นกัน
ด้วยการสังเกตดูภาพที่อยู่ภายในน้ำพุร้อน และได้รับพลังของการรู้แจ้ง คนผู้หนึ่งสามารถได้รับสิ่งของบางอย่างจากความว่างเปล่า และทำให้พื้นฐานฝึกตนก้าวหน้าขึ้นไป โดยไม่ใช้เม็ดยาใดๆ มันก็คือโอกาสสำหรับทุกคนในขั้นพื้นฐานลมปราณ ในดินแดนด้านใต้แห่งนี้ ที่จะได้รับความโชคดีอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นนั้น
เนื่องจากน้ำพุร้อนแห่งเต๋านี้ ทำให้พื้นฐานลมปราณสามารถทะลวงผ่านเขาไปในขั้นสร้างแกนลมปราณได้ แต่ก็ยังมีสิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งไปกว่านั้น ก็คือช่วยให้ขั้นสร้างแกนลมปราณสามารถทะลวงผ่านเข้าไปในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งได้ จึงสามารถจินตนาการได้ว่า จะมีการต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อของสิ่งนี้มากมายสักเพียงใด
เพียงชั่วพริบตา เขตตะวันตกของดินแดนด้านใต้ ก็ตกอยู่ในห้วงความสับสนอลหม่าน มีเพียงสำนักจื่อยิ่นเท่านั้นที่ไม่ได้ส่งศิษย์ใดๆ มายังน้ำพุร้อนแห่งเต๋านี้ มีการคาดเดาต่างๆ นาๆ กันไปสำหรับเรื่องนี้ และผู้คนส่วนมากก็สรุปได้ว่า สำนักจื่อยิ่นคงมีบางสิ่งที่ต้องทำกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในดินแดนสีดำ
เขตตะวันตกของดินแดนด้านใต้เริ่มกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว ที่ห่างไกลออกไปจากตำแหน่งของน้ำพุร้อนแห่งเต๋าไม่มากนัก เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่
ร่างกายของเขาได้แห้งเหี่ยวราวกับซากศพอีกครั้ง แต่พลังชีวิตอันไร้ขอบเขตก็คงอยู่ลึกลงไปข้างในตัวเขา เสียงหัวใจเต้นเริ่มดังออกไป ดังขึ้น และดังมากขึ้น
เสาแห่งเต๋าต้นที่แปดของเขาในตอนนี้ ได้ก่อตัวขึ้นมามากกว่าเก้าในสิบส่วน จุดวิกฤตได้มาถึง และเขาก็ได้กลืนเม็ดยาลงไปเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนที่เขามี ในตอนนี้ ขวดยาว่างเปล่านับร้อย วางระเกะระกะไปทั่วในถ้ำแห่งเซียนนั้น
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุด ครึ่งเดือนก็ผ่านไป ด้านนอกถ้ำแห่งเซียน เมฆดำเต็มอยู่ในท้องฟ้า และสายฝนจางๆ ก็ตกลงมา ม่านสายฝนทำให้โลกด้านนอกมีกลุ่มหมอกเกิดขึ้น ทันใดนั้น บรรยากาศอันสงบสุขของสายฝนก็ถูกทำลายลง เมื่อลำแสงสองลำพุ่งเข้ามาในพื้นที่บริเวณนั้น
ผู้ฝึกตนอายุเยาว์สองคนเข้ามาใกล้ กำลังต่อสู้กันด้วยวิชาเวท หนึ่งคนมาจากสำนักกูตู๋เจี้ยน อีกคนมาจากสำนักเซี่ยเยา เสียงระเบิดที่เกิดจากวิชาเวทของพวกมันดังก้องออกไปอยู่ตลอดเวลา ผู้ฝึกตนทั้งสองคนนี้ เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอยู่ในโลกแห่งนี้ พวกมันเป็นผู้ถูกเลือกของสำนัก และตอนนี้พวกมันก็อยู่ในเขตตะวันตก และต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
เสียงระเบิดดังก้องออกไป วิชาเวทอันน่าตกใจถูกใช้ออกมา พวกมันพุ่งเข้าหากัน, ปะทะกัน ทำให้รอบๆ บริเวณนั้นสั่นสะเทือน โดยไม่รู้ตัวว่า พวกมันกำลังเข้ามาใกล้ภูเขาโดดเดี่ยวของเมิ่งฮ่าว เมื่อมองไปก็เห็นได้ชัดว่า วิชาเวทของพวกมันกำลังส่งระลอกคลื่นพุ่งตรงมายังภูเขาลูกนี้
เสียงระเบิดดังก้องออกมา ภายในถ้ำแห่งเซียน ร่างกายของเมิ่งฮ่าวที่แห้งเหี่ยวราวกับซากศพ ทันใดนั้น ก็ลืมตาขึ้นมา สาดประกายราวกับสายฟ้า
ทันทีที่สองตาเปิดขึ้น สายตาของเขาก็แวบขึ้น เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง และแสงเจิดจ้า มันน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง มากจนทำให้ตัวภูเขาเองเริ่มสั่นสะเทือน แม้แต่สายฝนซึ่งกำลังตกลงมาที่ด้านนอกก็เริ่มสั่นไปมา
ก่อนหน้านี้ ผู้ฝึกตนที่ต่อสู้กันอยู่ทั้งสอง ก็เพียงแค่ระมัดระวังซึ่งกันและกัน แต่ในทันใดนั้นเอง เส้นผมของพวกมันก็ลุกขึ้นชี้ชัน ดูเหมือนจะเกิดขึ้นจากสัญชาตญาณ ความรู้สึกถึงอันตรายอันน่าเหลือเชื่อพุ่งขึ้นมา และสีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไปในทันที พื้นฐานฝึกตนของพวกมัน ทันใดนั้น ก็ถูกสะกดข่มไว้ ร่างกายเริ่มบิดเบี้ยว หนังศีรษะเริ่มด้านชา พวกมันรู้สึกราวกับว่าความตายได้จ้องมองลงมาที่พวกมัน ทำให้จิตใจเริ่มหนักอึ้ง
ริมฝีปากที่แห้งเหี่ยวของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นก็เปิดขึ้น เมื่อเขาเริ่มพูดออกมา เสียงนั้นค่อนข้างอ่อนแออยู่เล็กน้อย แต่ทันทีที่ดังออกไป เสียงคำรามอันน่าตกใจก็เต็มอยู่ในโลกด้านนอกของถ้ำแห่งเซียน กระแทกเข้าไปในหูของสองผู้ฝึกตนนั้น ดังขึ้น และดังมากขึ้น ปกคลุม และกลายเป็นโลกทั้งหมดของพวกมัน ราวกับว่านี่เป็นเพียงเสียงเดียวที่มีอยู่ในโลกแห่งนี้
“ไสหัวไป!”
ไสหัวไป…
…ไป…
…ไป…
…
เสียงคำรามนั้นสะท้อนกลับไปกลับมา ในเขตพื้นที่สิบหลี่รอบๆ บริเวณนั้น จุดศูนย์กลางอยู่ที่ภูเขาโดดเดี่ยวลูกนั้น ดูเหมือนว่าพื้นที่แห่งนี้จะเป็นเขตหวงห้าม
จิตใจสองผู้ฝึกตนนั้นหมุนเคว้งคว้าง และพวกมันก็กระอักโลหิตออกมาในทันที พื้นฐานฝึกตนของพวกมันอยู่ในขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ แต่ภายใต้เสียงที่เพิ่งจะได้ยินไปนั้น ก็ทำให้พวกมันดูเหมือนจะอ่อนแอจนแม้แต่การฟาดเพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำให้พวกมันตกตายไป ใบหน้าซีดขาว หนังศีรษะด้านชา สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจและหวาดกลัว พวกมันใช้ความแข็งแกร่งเท่าที่มีอยู่ทั้งหมด หลบหนีไปด้วยความรวดเร็ว จนกระทั่งบินไกลออกไปถึงหนึ่งร้อยหลี่ ในที่สุดพวกมันก็มองกลับมา
สายฝนตกลงมารอบๆ ตัวพวกมัน เมื่อครู่นี้พวกมันเพิ่งจะต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ในตอนนี้ คนทั้งสองก็ดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์ที่จะต่อสู้กันอีก พวกมันจ้องมองซึ่งกันและกัน และพวกมันทั้งสองก็รู้สึกราวกับว่า เพิ่งจะหลบหนีภัยพิบัติมาได้อย่างเฉียดฉิว
“นั่น…เป็นใคร?”
“ผู้มีชื่อเสียงทั้งหมดของดินแดนด้านใต้ ต่างก็มายังเขตตะวันตก ทั้งเต้าจื่อและผู้ถูกเลือก ข้าไม่แน่ใจว่าบุคคลผู้นี้คือใคร แต่ข้ารู้สึกว่ามันยังน่ากลัวว่าศิษย์พี่หญิงซานหลิง หรือศิษย์พี่หานซานเต้า แห่งสำนักกูตู๋เจี้ยนของข้ามากนัก!”
“ข้าก็เช่นกัน แม้แต่การเผชิญหน้ากับศิษย์พี่หญิงหลี่ ก็ยังไม่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ ข้ารู้สึกราวกับว่าข้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา…”
เมื่อได้เห็นต่างคนต่างก็ตัวสั่นสะท้าน พวกมันก็หันหลังเร่งความเร็ว แยกย้ายจากกันไปคนละทิศทางที่ต่างกัน
สามวันหลังจากที่พวกมันจากไป เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ในถ้ำแห่งเซียน ทันใดนั้น แสงสีม่วงก็พุ่งออกมาจากร่างกาย มันไม่ได้กระจายออกไปด้านนอกถ้ำ ซึ่งถูกปิดผนึกไว้ แต่แสงนี้ก็ทำให้ทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียนกลายเป็นสีม่วง
แสงนี้คงอยู่หลายชั่วยาม จากนั้นก็เริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่น ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานเกือบครึ่งปี
เขาไม่ได้ดูอ่อนแอและแห้งเหี่ยวอีกต่อไป เขาได้ฟื้นฟูกลับมาโดยสมบูรณ์ ดวงตาปิดลง แต่ก็ดูเหมือนจะมีพลังอันแข็งแกร่งอยู่ภายใน
เขาไม่ได้เคลื่อนไหว แต่เมื่อมองไปที่เขา ก็จะเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเขาขยับตัวเคลื่อนไหวก็จะสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี