ดวงตาอู๋ติงชิวสาดประกาย ขณะที่ทะยานขึ้นไปในอากาศ และเริ่มบินตรงไป “ศิษย์แผนกเม็ดยาบูรพา ห้ามสัมผัสส่วนใดๆ ของซากศพ!” มันร้องออกมา “แผนกลมปราณม่วง ตามข้ามา พวกเรามีเวลาแค่ธูปไหม้หมดหนึ่งดอก! ฉวยโอกาสไปเอาโลหิตของเซียนผู้นี้!”
ผู้ฝึกตนแผนกลมปราณม่วงบินอยู่ในอากาศไปกับมัน ผู้ฝึกตนแผนกเม็ดยาบูรพาที่อยู่รอบๆ เมิ่งฮ่าวก็เริ่มพุ่งขึ้นไปในอากาศติดตามไปด้วยเช่นกัน
ฉู่อวี้เยียนจ้องมายังเมิ่งฮ่าวอย่างดุร้ายชั่วครู่ จากนั้นก็บิดเอวอันอ่อนนุ่ม และเหยียดขาที่ยาวของนางออกไป ขณะที่นางหมุนตัว ชุดยาวก็ตรึงแน่นอยู่รอบๆ สะโพกของนาง ซึ่งเมิ่งฮ่าวสังเกตเห็นอย่างช่วยไม่ได้ นางตามติดไปด้วยหลินไห่หลง และนักปรุงยาคนอื่นๆ ทั้งหมดพุ่งตงไปยังบึงน้ำที่อยู่รอบๆ ถ้ำกำเนิดใหม่
แน่นอนว่า นั่นเป็นสถานที่ซึ่งซากศพเซียนได้ตั้งอยู่
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ไม่ได้คิดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับฉู่อวี้เยียนอีกต่อไป แต่ขณะที่เขาบินขึ้นไปในอากาศ ก็มุ่งเน้นไปที่ความนึกคิดของเขา ที่กำลังบินอยู่ข้างเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเยี่ยเฟยโม่
เยี่ยเฟยโม่เงียบอยู่สองสามอึดใจ จากนั้นก็เริ่มอธิบายให้เมิ่งฮ่าวรับรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น “ไม่มีการปิดกั้นเส้นทางที่จะไปถึงซากศพ แต่ถ้าท่านไปแตะต้องมัน ก็จะถูกดูดเข้าไปในอาณาจักรที่แปลกๆ ทันที บางคนก็กลับออกมาได้ บางคนก็ไม่กลับออกมา ทุกวันในเวลานี้ พลังแปลกๆ ของซากศพ ทันใดนั้น ก็ลดหายไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้น เมื่อมันเกิดขึ้น สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่อยู่ในถ้ำกำเนิดใหม่ก็จะโผล่ออกมา”
“ดังนั้น ท่านปรมาจารย์จากสำนักต่างๆ ก็จะไปก่อนล่วงหน้า เพื่อคอยป้องกัน ให้ศิษย์ของสำนักมีช่วงเวลาเตรียมตัว ไม่เหมือนกับสำนักอื่นๆ สิ่งที่พวกเราต้องการทั้งหมดก็เพียงแค่ตัวอย่างของโลหิต สำหรับแผนกลมปราณม่วง พวกมันอาจจะมีเป้าหมายบางอย่าง แต่พวกมันก็จะร่วมมือกับพวกเรา หลังจากที่พวกเราได้โลหิตแล้ว ค่อยดูภารกิจอื่นต่อไป”
“เหตุผลที่มีนักปรุงยาและเทพกระถางม่วงมาอยู่ที่นี่มากมาย ก็เป็นเพราะโลหิตจากซากศพเซียนนั้นจริงๆ แล้วก็ไม่อาจมองเห็น ทันทีที่มันออกมาจากตัวซากศพ มันก็จะกระจายหายไปในสวรรค์และปฐพี มีเพียงพวกเราที่เป็นผู้ฝึกตนในเต๋าแห่งการปรุงยา ที่จะสามารถใช้วิชาการปรุงเม็ดยา เพื่อกลั่นสกัดโลหิตที่ออกมาจากซากศพนั้นได้ในทันที”
คำอธิบายของเยี่ยเฟยโม่ได้บอกถึงรายละเอียดเป็นอย่างมาก เมื่อมันพูดจบ ก็ก้มหน้าลง และเร่งความเร็วมุ่งหน้าต่อไป ดูเหมือนเหตุผลที่มันอยู่ด้านหลังก็เพียงเพื่ออธิบายเรื่องเหล่านี้ให้กับเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงความตรึงเครียดที่จางลงระหว่างคนทั้งสอง แต่ความท้าทายก็ยังคงมีอยู่เล็กน้อยในคำพูดของมัน ราวกับว่ามันต้องการเตือนเมิ่งฮ่าวว่า มันจะรอดูว่าใครจะเป็นคนแรกที่ได้กลั่นสกัดโลหิตของเซียนนั้น
เมิ่งฮ่าวไม่ได้มายังที่นี่เพื่อตัวอย่างโลหิตใดๆ เขามาก็เนื่องจากเสียงเรียกนั้น ทุกคนอาจจะไม่รู้ แต่เมิ่งฮ่าวรู้ว่าคนผู้นั้น…ยังไม่ได้ตายไป!
ความคิดมากมายไหลผ่านจิตใจ ขณะที่เขากลายเป็นลำแสงแวบผ่านอากาศพุ่งตรงไป ในที่สุด ก็มองเห็นหลี่เต้าอี, โจวเจี๋ย, ฉื่อชิง และคนอื่นๆ คนทั้งหมดต่างก็มารวมตัวกันที่บึงน้ำ
ที่ดึงดูดความสนใจของเมิ่งฮ่าวมากที่สุดก็คือ บุรุษหนุ่มแซ่จี้ พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นสูงสุดของขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ และมันถูกห้อมล้อมไว้ดวยองครักษ์เจ็ดถึงแปดคน ทั้งหมดเป็นชายชรา มันเคลื่อนที่ตรงไป แผ่กระจายกลิ่นอายของความสง่าสูงส่งและภาคภูมิใจออกมา โดยไม่สนใจผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ที่อยู่รอบๆ ทั้งหมด มันพุ่งห่างไกลออกไป
ในเวลาเดียวกันนั้น หญิงสาวแซ่ฟางก็พุ่งตรงไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาไม่ใส่ใจ ทั่วร่างเปล่งประกายแสงสีเงินอันเจิดจ้าออกมา ลำแสงที่พุ่งไปของนางราวกับลูกธนูอันแหลมคม ทำให้ใครก็ตามที่มองมา เกิดความรู้สึกเจ็บปวดราวถูกแทง
บุรุษหนุ่มแซ่จี้ และหญิงสาวแซ่ฟาง ต่างก็สง่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ว่าจงใจหรือไม่ก็ตาม พวกมันกลายเป็นจุดสนใจของคนในบริเวณนั้นมานานแล้ว นอกจากพวกมัน ใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นผู้ถูกเลือก หรือเต้าจื่อ ก็เหมือนกับมดแมลง ความแตกต่างของศักดิ์ฐานะช่างห่างไกลกันเป็นอย่างมาก นี่แน่นอนว่าทำให้ผู้ถูกเลือกและเต้าจื่อของดินแดนด้านใต้ รู้สึกค่อนข้างไม่อาจยอมรับได้ แต่ในจิตใจของพวกมันก็มีคำเตือนของสำนัก และหวาดกลัวต่อพลังของคนทั้งสอง พวกมันรักษาความสงบเงียบไว้
ผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตกก็ปรากฎตัวด้วย พวกมันมีรูปร่างสูงใหญ่ และร่างกายก็เต็มไปด้วยรอยสัก ขณะที่พวกมันบินตรงไปยังบึงน้ำ รอยสักของพวกมันส่องประกายด้วยแสงอันเจิดจ้าออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
เวลาผ่านไป และในที่สุด โอกาสก็มาถึงสำหรับผู้ฝึกตนใดๆ ที่อยู่ใกล้ ไม่ว่าแต่ละสำนักจะมีเป้าหมายเช่นไร ศิษย์ของพวกมันทั้งหมดต่างก็พุ่งตรงไป
อันที่จริง ศิษย์มากมายจากสำนักต่างๆ ที่ด้านนอกของอาณาเขตหลัก ก็ได้คำนวนเวลาไว้แล้ว และในตอนนี้ก็พุ่งตรงมาด้วยเช่นกัน
เมิ่งฮ่าวบังคับตัวเอง เร่งความเร็วขึ้นในช่วงสูดลมหายใจเข้าออกสิบครั้ง ทันใดนั้น ก็รู้สึกราวกับว่าสายลมได้โชยพัดมาที่ตัวเขา กลิ่นเหม็นจากการเน่าเปื่อยลอยมาตามสายลม และขณะที่มันพัดผ่านเขาไป ก็รู้สึกว่าผิวหนังเริ่มเหนียวเหนอะหนะ ราวกับว่าเต็มไปด้วยเหงื่อไคล
สายลมแปลกประหลาดของการเน่าเปื่อย ซึมผ่านเข้าไปในผิวเนื้อ ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไป ราวกับว่าเขากำลังถูกสะกดไว้อย่างรุนแรง เมิ่งฮ่าวนึกขึ้นได้ถึงปรากฎการณ์นี้ที่ได้ฟังมา เมื่อมาถึงในตอนแรก
ไม่นานพื้นฐานฝึกตนของอู๋ติงชิวก็ถูกสะกดให้ลดลงไป ยังขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของสร้างแกนลมปราณ ใบหน้ามันซีดขาว ขณะที่นำทุกคนผ่านเข้าไปในกลุ่มหมอกสีดำ เข้าไปใกล้ซากศพที่ใหญ่โตเหมือนภูเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นซากศพ ก็เห็นว่าจริงๆ แล้ว มันมีขนาดเท่ากับภูเขาขนาดย่อม มีผิวหนังสีเทา และเต็มไปด้วยตราประทับที่ดูคล้ายสัญลักษณ์เวท สัญลักษณ์นั้นดูเหมือนกำลังดิ้นไปมาอย่างน่าประหลาดใจ และส่องแสงสว่างออกมา
แสงห้าสีพุ่งบิดเบี้ยวขึ้นไปในอากาศ แต่ก็ถูกปกคลุมไว้ด้วยกลุ่มหมอกสีดำ ทำให้ยากที่จะมองเห็นได้ชัดเจน แต่ยิ่งเขาเข้าไปใกล้มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งมองเห็นได้ชัดมากขึ้นเท่านั้น สัญลักษณ์เวทเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าได้รวมกลุ่มเข้าด้วยกันกลายเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่
ขณะที่ผู้ฝึกตนจากสำนักต่างๆ เข้าไปใกล้ และมองเห็นตัวอักษรเวทนั้น บางคนก็อุทานออกมา “คัมภีร์เต๋าศักดิ์สิทธิ์!” ผู้ฝึกตนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และมากกว่าครึ่งของพวกมันก็นั่งขัดสมาธิลงไปที่พื้น เพื่อมองไปยังตัวอักษรของคัมภีร์
ศิษย์สำนักจื่อยิ่นบางคน ก็หยุดลงและนั่งขัดสมาธิเพื่อมองไปยังสัญลักษณ์เวทนั้นเช่นเดียวกัน เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองไป ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพียงมองแค่แวบเดียว เขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่า จิตสัมผัสของเขากำลังปั่นป่วนวุ่นวาย
เขารีบเพ่งมองไปในทันที จ้องตรงไปยังซากศพ ศิษย์จากสำนักอื่นๆ ที่สนใจในซากศพนั้น ตอนนี้ก็เข้าไปใกล้มันมากขึ้น
ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ ความกว้างใหญ่ที่แท้จริงของมันเต็มอยู่ในสายตา อู๋ติงชิว ผู้นำศิษย์แผนกลมปราณม่วง เห็นได้ชัดว่า กำลังหวาดกลัวต่อผลกระทบของพลังการเคลื่อนย้ายทางไกลที่แปลกๆ สิ่งที่มันตั้งใจจะทำทั้งหมดก็คือกรีดผิวหนังของซากศพนั้น เพื่อได้หยดโลหิตมา ทันใดนั้น ความรู้สึกถูกเรียกก็ปรากฎขึ้นอีกครั้ง ลอยเข้าไปในจิตใจส่วนลึกของเมิ่งฮ่าว
“มา…มาหาข้า…ข้ารอคอยเจ้ามานานแล้ว…ความจริงทั้งหมด, คำตอบทั้งหมด จะถูกอธิบายให้เจ้าฟัง, ผู้สืบทอดของข้า…”
เสียงเรียกนี้กระจายไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้เขาสั่นสะท้าน มองไปรอบๆ ก็เห็นได้ชัดว่า ไม่มีใครได้ยินเสียงซึ่งเขากำลังได้ยินอยู่ในตอนนี้ เสียงร้องเรียก
ทันทีที่เขาเริ่มมองไปรอบๆ เสียงกระหึ่มกึกก้องทันใดนั้นก็เริ่มเต็มอยู่ในอากาศ ดังออกมาจากตัวซากศพเอง ในเวลาเดียวกันนั้น พื้นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน บึงน้ำของถ้ำกำเนิดใหม่ทั้งหมด เริ่มสั่นอย่างรุนแรง
เสียงฟ้าร้องดังก้องออกมา ทำให้สีหน้าของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเปลี่ยนไปในทันที
“มันขยับตัว!!” บางคนจากสำนักอื่นร้องออกมา “ข้าเพิ่งเห็นมือของซากศพขยับ!”
“เป็นไปไม่ได้! ซากศพนี้ตายมาหลายปีแล้ว มันจะขยับได้อย่างไร!?”
“ข้าก็เห็นเช่นกัน! มือของซากศพขยับเล็กน้อย…มันไม่น่าใช่ภาพลวงตา…”
เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจ เขาก็เพิ่งเห็นสิ่งที่คาดว่าเป็นซากศพได้ขยับมือขวาของมันด้วยเช่นกัน!
เขารู้ว่าเขาต้องไม่ผิดพลาด นอกจากนั้น เขาก็รู้มาค่อนข้างนานแล้วว่า สิ่งที่คาดว่าเป็นซากศพนี้…จริงๆ แล้วก็ยังมีชีวิตอยู่!
ขณะที่ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และเสียงฟ้าร้องก็เต็มอยู่ในอากาศ สายตาทุกคู่มองตรงไปยังซากศพในทันที ซากศพนั้น…ค่อยๆ ยกมือขนาดใหญ่มหึมาขึ้นไปในอากาศ ความเร็วของมันดูเหมือนจะเชื่องช้า แต่ภายในชั่วพริบตา มือของมันก็ยื่นสูงขึ้นไป ราวกับว่ามันกำลังจะวางมือไปบนศีรษะ แต่ทันใดนั้น มือก็ตกลงมาบนพื้นอย่างรวดเร็ว
ทำให้ทุกคนขนหัวลุกชี้ชัน และอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ขณะที่ทุกคนกำลังจะพุ่งถอยไปด้านหลัง…มือใหญ่ยักษ์นั้นก็กระแทกลงไปบนพื้นดิน
ตูม!
ตูม!
ตูม!
เสียงกึกก้องจนยากจะอธิบายออกมาได้ ดังกระจายไปทั่วในอากาศ พื้นดินสั่นสะเทือน และท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี ในเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มหมอกสีดำก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า พื้นดินกระจายออกเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ กวาดออกไปราวกับว่ามันทำการโจมตี
เสียงกรีดร้องอย่างน่ากลัวจนทำให้โลหิตต้องแข็งตัวดังกระจายออกไปทั่ว ทุกสิ่งทุกอย่างเลือนลางไป ถูกโยนเข้าไปในความปั่นป่วนวุ่นวาย
เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจดังก้องออกไป พื้นดินกระเพื่อมไปมา ใบหน้าของปรมาจารย์จากสำนักต่างๆ ซึ่งเป็นผู้นำมายังถ้ำกำเนิดใหม่สลดลงในทันที ในเวลาเดียวกันนั้น กลุ่มหมอกที่กำลังลอยขึ้นไปในท้องฟ้า ก็เริ่มพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง จากนั้นก็พุ่งกลับลงมายังพื้นดิน
ต่อมา แรงดึงดูดอันน่าเหลือเชื่อก็กระจายออกมาจากร่างของซากศพ เริ่มกวาดทุกสิ่งทุกอย่างในพื้นที่บริเวณนั้นตรงเข้าไปยังซากศพในทันที ผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ไม่มีเวลาหลีกเลี่ยง ถูกดูดเข้าไปในทันใด ทันทีที่พวกมันสัมผัสกับผิวหนังของซากศพ พวกมันก็หายตัวไป
หลี่ชือฉี, หวังโหย่วฉาย, หลี่เต้าอี, หวังลี่ไห่, โจวเจี๋ย, เฉินฟ่าน คนทั้งหมดถูกกวาดไปโดยแรงดึงดูดอันป่าเถื่อนนั้น เพียงชั่วพริบตา พวกมันก็ลอยตรงไปยังซากศพ และจากนั้นก็หายตัวไป เคลื่อนย้ายทางไกลไปยังสถานที่แปลกๆ ที่ไม่มีใครรู้
ต่อไปก็เป็นเมิ่งฮ่าว, ฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่ รวมถึงผู้ฝึกตนแผนกเม็ดยาบูรพา และแผนกลมปราณม่วงที่เหลือ ต่างก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คนทั้งหมดถูกส่งให้หมุนคว้างตรงไปยังซากศพ และจากนั้นก็หายตัวไป
สำหรับเมิ่งฮ่าว รู้สึกราวกับว่ามีมือขนาดใหญ่มหึมาได้คว้าตัวเขาไว้ และลากตรงไปยังซากศพ เขาไม่อาจทำสิ่งใดเพื่อต่อต้านได้ แต่สีหน้าเขาก็ยังเยือกเย็น รับรู้ได้ว่าพลังซึ่งคว้าจับเขาไว้ไม่มีความชั่วร้ายแฝงอยู่ ถ้ามี ด้วยความสามารถของเขา ถึงแม้จะพยายามหลบหนีจากไปไกล แต่ก็ยังคงไม่ปลอดภัยอยู่ดี
“ก็ดี, เจ้าได้เรียกข้ามาแล้วสามครั้ง ข้าน่าจะลองไปดู!” ดวงตาเขาสาดประกายเจิดจ้า หลังจากรู้สึกถึงเสียงเรียกนั้นสามครั้ง และได้ยินคำพูดที่อยู่ในนั้น เขาก็เข้าใจมานานแล้วว่า เขาต้องมายังที่แห่งนี้อย่างแน่นอน!
ความสำคัญของสวรรค์และปฐพี ได้ถูกแทนที่โดยความสำคัญของบิดาและมารดา
เรื่องราวของบิดามารดาได้มีน้ำหนักอยู่ในจิตใจเขามาตั้งแต่เริ่มต้น เขามีความรู้สึกอย่างเข้มข้นว่า นี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้รับคำตอบบางอย่าง!
ทันทีที่เขาสัมผัสซากศพ และหายไป เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นบุรุษหนุ่มตระกูลจี้ และหญิงสาวแซ่ฟาง กำลังถูกดูดเข้ามาและหายไปเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นความมืดมิด…