เวลานานผ่านไป กลิ่นอายอันดุร้ายซึ่งกระจายออกมาจากร่างของเมิ่งฮ่าวก็ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ในที่สุด เขาก็ลืมตาขึ้นมา ม่านตาเขาดูปกติ แต่ลึกลงไปในซอกหลืบมีความลึกซึ้งจนน่าตกใจอยู่ พวกมันราวกับสระน้ำอันลึกล้ำ หรือท้องฟ้ายามราตรีที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้จุดสิ้นสุด
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ภายในร่างของเขา เสาแห่งเต๋าทั้งแปดต้นส่องแสงสีม่วงออกมา พวกมันโคจรหมุนเวียน ส่งพลังปราณไปตลอดทั้งร่าง ซึ่งพลังก่อนหน้านี้ของเขาไม่มีทางเทียบได้เลยแม้แต่น้อย
“มันยังคงไม่เพียงพอ” เขาคิด “แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าสามารถทำได้แล้วในตอนนี้ เสาแห่งเต๋าแปดต้น ข้าคงไม่อาจผ่านจุดวิกฤตสำหรับเสาแห่งเต๋าต้นสุดท้ายได้” ไม่ใช่เพราะว่าเขามีเม็ดยาไม่เพียงพอ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ ว่า มีบางสิ่งที่เกี่ยวกับเสาแห่งเต๋าต้นที่เก้า ไม่อาจใช้เม็ดยาสร้างขึ้นมาได้
เขารู้สึกราวกับว่ากำลังตกอยู่ในจุดตีบตัน และอยู่ที่จุดบางอย่างที่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยน เมื่อไหร่ที่จุดเปลี่ยนนี้ได้มาถึง เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดยาอีกต่อไป แต่เขาสามารถพึ่งพาเสาแห่งเต๋าทั้งแปดต้นเพื่อสร้างต้นที่เก้าขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็จะมีวงจรอันยิ่งใหญ่สมบูรณ์ของพื้นฐานลมปราณ
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และนั่งครุ่นคิดอยู่ที่นั่นนานสักพัก ในที่สุด ก็เงยหน้าขึ้น มองออกไปที่ด้านนอกของถ้ำแห่งเซียน มันยังคงมีฝนตกลงมา เสียงบ่นพึมพำของสายฝนกระจายเต็มไปทั่วพื้นดิน ทุกสิ่งทุกอย่างดูสลัวและเลือนลาง
เขานั่งเข้าฌาณไปเป็นเวลานาน และไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เขาไม่รู้ว่าโจวเต๋อคุนได้หลบหนีเอาชีวิตรอดไปได้หรือไม่ด้วยเช่นกัน
ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเลือกที่จะไม่ออกไป ดวงตาเขาสาดประกาย มองลงไปยังถุงสมบัติ จากนั้นก็หยิบเอาต้นชุนชิวออกมา
เมื่อเข้าฌาณไปนานกว่าครึ่งปีแล้ว เขาก็ไม่สนใจว่าเวลาจะผ่านไปนานมากเท่าใด เมื่อไหร่ที่เขาออกไป เขาต้องเตรียมพร้อมสำหรับการแก้แค้นในความพ่ายแพ้ ด้วยเงื้อมมือของผู้ฝึกตนหน้ากากฟ้าก่อนหน้านี้ ด้วยความตาย!
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ยกต้นชุนชิวที่อยู่ในมือขวาขึ้นมา แสงเจิดจ้าสีม่วงปรากฎขึ้นในฝ่ามือ เขาใช้พลังทั้งหมดของเสาแห่งเต๋าทั้งแปดต้น เริ่มทำการเริ่งปฏิกิริยาต้นชุนชิว
แสงสีม่วงเริ่มเข้มข้นมากขึ้น และมากยิ่งขึ้น ต้นชุนชิวดูดซับมันเข้าไป ในไม่ช้า สองใบอ่อนก็ปรากฎขึ้นที่พื้นผิวของมัน ในเวลาเดียวกันนั้น มือซ้ายของเมิ่งฮ่าว ก็ขยับร่ายเวทอาคม ประทับลงไปบนต้นชุนชิวด้วยเวทเก็บกักเวลา
“รวมถึงตอนที่ข้าทดลองในสำนักชิงหลัว เวลายี่สิบปีได้ถูกเก็บไว้ในต้นชุนชิวแล้วตอนนี้” เขาดึงกล่องหยกออกมา ภายในมีเม็ดยาแรกเสริมฟ้าอยู่ เขาตรวจสอบมันอย่างละเอียด นำมาเปรียบเทียบกับต้นชุนชิว
“เวลาก็เหมือนกับยาพิษ, ซึ่งสามารถใช้สำหรับการกลั่นสกัดของวิเศษ มันหลอมรวมเข้ากับพลังชีวิต…” ภายในจิตใจเมิ่งฮ่าว ปรากฎภาพที่เกิดขึ้นกับเฉินเจียสี่ หลังจากเวลานานผ่านไป เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็หยิบต้นชุนชิวขึ้นมาอีกครั้ง และเริ่มเร่งปฏิกิริยา เวลาที่อยู่ด้านใน
เวลาสิบวันผ่านไปเพียงชั่วพริบตา ในวันหนึ่ง ความตั้งอกตั้งใจปกคลุมทั่วใบหน้าเมิ่งฮ่าว ต้นชุนชิวในมือเขาตอนนี้เป็นสีเทาครึ่งหนึ่ง แต่ด้านในมีเวลาเกือบห้าสิบปีเก็บกักไว้ ยิ่งผ่านไปนานมากเท่าไหร่ พื้นฐานฝึกตนที่เขาใช้ในการเร่งปฏิกิริยาก็ยิ่งลดน้อยลง
ในตอนนี้ เขากำลังจะเสร็จสิ้นการกักเก็บสิบปีสุดท้ายของวงจรหกสิบปี เมื่อการเร่งปฏิกิริยานี้เสร็จสมบูรณ์ ต้นชุนชิวก็ดูแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
เป็นเวลาพลบค่ำ และสายฝนที่ด้านนอกก็ยังคงตกลงมาเป็นแผ่นผืน เมิ่งฮ่าวเพ่งสมาธิไปที่ต้นชุนชิวโดยสิ้นเชิง เร่งปฏิกิริยาอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก ทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป ต้นชุนชิวเริ่มแห้งเหี่ยวลง
ดูราวกับว่าต้นชุนชิวไม่อาจควบคุมเวลาห้าสิบปีได้ ไม่ว่ามันจะมีคุณสมบัติอันลึกลับใดๆ ก็ตาม ในตอนนี้มันกำลังจะตายไป ในที่สุด มันก็กลายเป็นขี้เถ้าสีเทา แตกกระจายผ่านร่องนิ้วเมิ่งฮ่าวไป
สีหน้าอันน่าเกลียดปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา มองลงไปยังขี้เถ้านั้น จากนั้นก็มองกลับมาที่มือขวา มือของเขาดูเหมือนจะมีอายุมากขึ้นเช่นกัน มันไม่ใช่ห้าสิบปี แต่เห็นได้ชัดว่าความล้มเหลวเมื่อครู่นี้ทำให้มือเขาเริ่มหดตัวลง
โดยไม่สนใจมือ เมิ่งฮ่าวเริ่มใช้ความคิด
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของวิเศษเช่นนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง การสร้างของวิเศษกาลเวลาเป็นเรื่องที่ซับซ้อนยิ่งนัก ล้มเหลวเพียงครั้งเดียวก็สามารถลบล้างความสำเร็จก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น มันอาจจะต้องจ่ายด้วยค่าตอบแทนอันยิ่งใหญ่ แต่จากนั้นก็ทำความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในตอนท้าย ถ้าเกิดขึ้นเช่นนั้น ทั้งหมดก็คือความล้มเหลว ยิ่งไปกว่านั้น การล้มเหลวทุกครั้งก็ต้องจ่ายด้วยการหดตัวของเวลา…” เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า การหดตัวเมื่อครู่นี้ ทำให้พลังชีวิตของเขาหายไปบางส่วน
“แต่ถ้ามีใครบางคนสามารถสร้างของวิเศษเช่นนี้ได้จริงๆ…คนผู้นั้นก็ต้องเป็นข้า” ดวงตาเริ่มสาดประกายเจิดจ้า และพึมพำกับตัวเอง เขาตบไปที่ถุงสมบัติ เพื่อหยิบต้นชุนชิวออกมาอีกต้นหนึ่ง อีกครั้งที่เขาเริ่มทำการเร่งปฏิกิริยาของมัน
เวลาผ่านไป ในยามราตรีนั้น ต้นชุนชิวก็มีเวลาเก็บไว้สิบปี สิบวันหลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็มาถึงจุดที่ต้นชุนชิวเก็บกักเวลาไว้ได้ห้าสิบปีอีกครั้ง
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และกลืนเม็ดยาบางส่วนลงไปเพื่อฟื้นฟูพลัง หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น เขาก็ลืมตาขึ้นมา ไม่เริ่มทำการเร่งปฏิกิริยาสิบปีสุดท้ายในทันที แต่หยิบกระจกทองแดงออกมาจากถุงสมบัติ เขาทำการคัดลอกเม็ดยาบางส่วน จากนั้นก็ใช้หินลมปราณที่ยังเหลืออยู่ คัดลอกต้นชุนชิว ที่มีเวลาห้าสิบปีเก็บกักอยู่ด้านใน
ดูเหมือนวงจรหกสิบปีของเวลาจะเป็นจุดเปลี่ยน ก่อนที่จะถึงจุดนั้น ราคาในการคัดลอกก็ไม่สูงมากนัก แต่หลังจากบรรลุถึงวงจรหกสิบปี เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกอย่างแรงกล้าว่า ราคาในการคัดลอกคงต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมาย
ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เสียงปังดังขึ้น เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าฉุนเฉียว ขณะที่ตลอดทั้งแขนขวาของเขามีอายุเพิ่มมากขึ้น และต้นชุนชิวก็ร่วงกลายเป็นฝุ่นไปอีกครั้ง เขามีหินลมปราณเหลืออยู่ไม่มากนัก แต่ก็สะกดข่มความรู้สึกเจ็บปวดใจลง และใช้ส่วนที่เหลืออยู่เกือบทั้งหมดทำการคัดลอกต้นชุนชิวอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มเร่งปฏิกิริยาต่อไป
การเร่งปฏิกิริยาครั้งล่าสุดใช้เวลาสองวันเต็ม ก่อนที่ต้นชุนชิวจะกลายเป็นสีเทา หลังจากผนึกมันด้วยเวทผนึกเวลา ต้นชุนชิวก็เริ่มกระจายความรู้สึกอันเก่าแก่ของเวลาออกมา
ในที่สุดเขาก็ทำการเปลี่ยนต้นชุนชิวให้มีเวลาหกสิบปีได้สำเร็จ
เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจ ขณะที่เขามองไปยังต้นชุนชิว ดวงตาเริ่มส่องประกาย เขาสัมผัสได้ว่าต้นชุนชิวได้เก็บความรู้สึกของเวลาไว้เช่นเดียวกับเม็ดยาแรกเสริมฟ้า! มันเป็นความรู้สึกที่เบาบางเป็นอย่างมาก แต่ก็มีอยู่อย่างแน่นอน
“น่าเศร้านักที่ข้ามีหินลมปราณไม่เพียงพอ ในวันข้างหน้า ของวิเศษนี้คงต้องใช้หินลมปราณจำนวนมากมายอย่างแน่นอน ของวิเศษแห่งกาลเวลา ที่มีเวลาหกสิบเก็บกักไว้ ต้องเป็นสิ่งที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง คิดดูแล้ว ก็คงจะเพียงพอแล้วในตอนนี้!” ดวงตาสาดประกาย มองไปยังต้นชุนชิวด้วยท่าทางครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ใช้มือซ้ายเริ่มริดกิ่งใบมันออก
ไม่นานหลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็ถือกระบี่ไม้เรียบๆ อยู่เล่มหนึ่ง ดูหยาบกระด้างไม่สวยงาม แต่กระบี่ไม้ที่หยาบกระด้างนี้ก็คืออาวุธเวทที่เมิ่งฮ่าวได้สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง
เขามองไปยังกระบี่ไม้แห่งกาลเวลาสักพัก จากนั้นก็เก็บมันไว้ในถุงสมบัติ ต่อจากนั้น ก็หยิบเอาขวดหยกออกมาบางส่วน แต่ละขวดมีโลหิตอยู่ด้านใน พวกมันไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากเป็นโลหิตสามชั่วคน ซึ่งเขาได้มาจากสำนักชิงหลัว ตอนที่ปรุงเม็ดยากลั่นวิญญาณ
“ข้าได้ปรุงเม็ดยาให้ศิษย์สำนักชิงหลัวสิบสามคน และในกลุ่มคนพวกนั้น ก็สามารถรวบรวมโลหิตสามชั่วคนได้ห้าชุด…จากโลหิตเหล่านี้ ข้าน่าจะสร้างร่างจำแลงโลหิตขั้นต้นได้ห้าร่าง” ภายในจิตใจ เขามองเห็นรายละเอียดข้อมูลของร่างจำแลงโลหิต ซึ่งมีอยู่ในขุมทรัพย์เซียนโลหิต
“ร่างจำแลงโลหิตก็เหมือนกับเงาร่าง หลอมรวมตัวมันเองเข้าไปในเงาร่าง และกลายเป็นภูติผี ความเป็นตายของมันผูกติดอยู่กับความคิดของข้า ร่างจำแลงโลหิตประกอบด้วยพลังพื้นฐานฝึกตนสองหรือสามในสิบส่วนของพลังที่แท้จริงของข้า ถ้าสามารถยกระดับมันเป็นวิญญาณโลหิต มันก็สามารถใช้พลังพื้นฐานฝึกตนที่แท้จริงของข้าได้เต็มที่ทั้งสิบส่วน สำหรับรูปแบบสุดท้ายที่สร้างขึ้นมาจากโลหิตทั้งเก้าชั่วคน ซึ่งก็คือโลหิตศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการต่อต้านสวรรค์!” ขุมทรัพย์เซียนโลหิตช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง! เริ่มแรก, เขายังมีความสงสัยอยู่ แต่หลังจากหลายปีที่ผ่านมาในโลกแห่งการฝึกตน และหลังจากได้ศึกษาเรียนรู้เต๋าแห่งการปรุงยา และเต๋าแห่งพิษ ในตอนนี้เขาก็เริ่มเข้าใจได้มากขึ้น
“เวทอาคมก็เหมือนกับยาพิษ ที่มีอยู่นับพันชนิด เต๋าอันยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัด เต็มไปด้วยเส้นทางที่ถูกเหยียบย่ำโดยเจตจำนงและการตัดสินใจของแต่ละคนเอง” เขายกมือขวาขึ้น ใช้วิธีที่ได้อธิบายอยู่ในขุมทรัพย์เซียนโลหิต เริ่มสร้างร่างจำแลงโลหิตของตัวเองขึ้นมา
วิชานี้ใช้โลหิตของตัวเองเป็นวิญญาณ และโลหิตสามชั่วคนคอยเกื้อหนุน ยิ่งไปกว่านั้น วัตถุที่ใช้บูชายัญก็จำเป็นด้วยเช่นกัน จากขุมทรัพย์เซียนโลหิต วัตถุที่ใช้บูชายัญนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างสูงสุด แน่นอนว่า มีวัตถุอยู่มากมายนับไม่ถ้วนในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้ ต้นไม้ใบหญ้า, ก้อนหินดินทราย ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถนำมาใช้ได้ อันที่จริง เซียนโลหิตในสมัยโบราณ ก็ใช้แม้กระทั่งผิวหนังของศัตรูนำมาทำเป็นวัตถุที่ใช้บูชายัญ
ตราบเท่าที่วัตถุบูชายัญนี้ไม่ถุกทำลายไป ร่างจำแลงโลหิตก็จะไม่ถูกทำลายลงด้วยเช่นกัน ยิ่งมีการหลอมรวมระหว่างทั้งสองนี้มากเท่าใด พลังพื้นฐานฝึกตนของร่างจำแลงโลหิตก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากขบคิดอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็ตัดสินใจว่า สิ่งของที่เขาจะใช้เป็นวัตถุบูชายัญก็คือผิวหนังที่ลอกคราบออกมาของผีโต้ง!
เมื่อผีโต้งลอกคราบ มันได้ทิ้งผิวหนังไว้มากมาย ซึ่งเมิ่งฮ่าวได้รวบรวมเก็บไว้ เขาหยิบเอาผิวหนังชิ้นเล็กๆ ที่มีขนาดเท่าเล็บนิ้วออกมาห้าชิ้น จากนั้นก็เริ่มใช้มันเพื่อกลั่นสกัดร่างจำแลงโลหิต
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุด สามเดือนก็ผ่านไป…
บ่อน้ำพุร้อนแห่งเต๋าในเขตตะวันตกของดินแดนด้านใต้ ในที่สุดก็เพิ่มอัตราส่วนการปะทุ จากหนึ่งครั้งต่อเดือนเป็นทุกๆ สามวัน ในไม่ช้า ช่องว่างของมันก็สั้นลงมากขึ้น ทุกๆ สองวัน และจากนั้นก็เป็นทุกๆ วัน สุดท้าย มันก็ปะทุขึ้นมาหลายครั้งต่อวัน เหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด!
จากบันทึกโบราณของสำนักต่างๆ ในดินแดนด้านใต้ การปะทุอย่างต่อเนื่องนี้จะดำเนินต่อไปเป็นเวลาเจ็ดวัน และจากนั้นน้ำพุร้อนนี้ก็จะหายไป
เวลากำลังจะหมดลง ผู้ถุกเลือกของสำนักใหญ่และตระกูลดัง ใช้เวลาของพวกมันทั้งหมด เพ่งสมาธิไปที่การพยายามจะได้รับการรู้แจ้ง แก่งแย่งโอกาสที่จะได้รับความโชคดีในจุดวิกฤตนี้
วันหนึ่ง เต้าจื่อของสำนักเซี่ยเยา, หลี่ชือฉีอได้รับการรู้แจ้ง และทะลวงผ่านขั้นสร้างแกนลมปราณ พลังลมปราณที่ไหลกระจายออกมาจากน้ำพุร้อน ได้ถูกนางดูดซับเข้าไปเพียงผู้เดียว ไม่มีใครกล้าที่จะมาขโมยมันไปแม้เพียงเศษเสี้ยว
หลังจากนางก็เป็นเต้าจื่อตระกูลหลี่, หลี่เต้าอี ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่พ่ายแพ้แต่ไม่ถูกสังหารไปโดยฉื่อชิง นามของมัน ทันใดนั้น ก็กระจายไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ว่า เป็นผู้ฝึกตนคนที่สาม ที่ได้ทะลวงผ่านไปยังขั้นสร้างแกนลมปราณ อีกครั้ง ที่พลังลมปราณซึ่งไหลออกมาจากน้ำพุร้อนแห่งเต๋า ได้ถูกดูดซับโดยมันแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการรู้แจ้ง
ดินแดนด้านใต้เต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย
ในช่วงเวลานี้เองที่เมิ่งฮ่าว ในที่สุด ก็ออกมาจากการเข้าฌาณโดยลำพัง หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งปี เขาก้าวเท้าออกมา เส้นผมยาวเหยียด มือขวาค่อนข้างแห้งเหี่ยว เขาไม่ได้สวมใส่ชุดเจ้าแห่งเตาสำนักจื่อยิ่นอีกต่อไป แต่เป็นชุดยาวสีฟ้า
เป็นยามเช้าที่มีฝนตกตอนที่เขาโผล่ออกมา ทันใดนั้น เขาก็กลายเป็นลำแสงพุ่งหายลับตาไปในที่ห่างไกล
สีหน้าเขาสงบเรียบ แต่ดวงตาดูเหมือนจะมีความลึกซึ้งของหมู่ดาวอยู่ภายใน
พื้นฐานฝึกตนของเขายังคงอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ แต่พลังต่อสู้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณอีกต่อไป สำหรับการที่เขาจะมีพลังอันแข็งแกร่งอยู่มากมายเท่าใดนั้น…
เมิ่งฮ่าวต้องการพิสูจน์ด้วยตัวเอง!
ดังนั้น เขาต้องไปต่อสู้!
ด้วยการต่อสู้นั้น เขาถึงจะได้รับการรู้แจ้งแห่งสวรรค์และปฐพี ด้วยการต่อสู้นั้น เขาถึงจะได้รับการรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับเสาแห่งเต๋าต้นที่เก้า ด้วยการต่อสู้นั้น…เขาจึงจะทำให้โลกต้องตกตะลึง!
เขาต้องค้นหาจุดเปลี่ยน ซึ่งจะนำไปสู่การทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนของเขา!