ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งขรึม ขณะที่เขามองไปรอบๆ ยังกลุ่มหมอกที่ปั่นป่วนไปมา เขากัดลงไปที่ปลายลิ้นเล็กน้อย พ่นโลหิตออกมาในทันใด ทันทีที่ละอองโลหิตลอยออกไปในอากาศ ก็กลายเป็นกลุ่มหมอกโลหิตอยู่ใต้เท้าเมิ่งฮ่าว
วิธีการนี้ช่วยให้เขาเพิ่มความเร็วได้หลายครั้ง จู่ๆ เขาก็ไปปรากฎตัวขึ้นที่ห่างไกลออกไปอีกสิบหลี่ ด้านข้างของซากศพเซียนที่กำลังหดตัวลง
ทันทีที่เขาทำเช่นนั้น ก็กระอักโลหิตออกมา และเส้นผมสีดำก็กลายเป็นสีขาวอีกครั้ง เมื่อครู่นี้ เขาได้ใช้หนึ่งในวิชาต้องห้ามของขุมทรัพย์เซียนโลหิต ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณสามารถใช้วิชานี้ เพื่อเร่งความเร็วได้เกินกว่าความสามารถของร่างกายปกติ
มันไม่ใช่การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย แต่ก็ช่วยย่นระยะทางได้บ้าง ซึ่งก็ไม่แตกต่างกันมากนัก การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง สำหรับผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ สามารถใช้วิชาลับนี้ได้เพียงสามครั้งตลอดชั่วชีวิตของพวกมัน
ขณะที่ร่างเมิ่งฮ่าวหายลับไป ตำแหน่งที่เขาเพิ่งจะอยู่เมื่อครู่นี้ก็พังทลายลง อากาศกำลังแตกกระจาย เนื่องจากวิชาลับนี้ เขาไม่เคยทำบางสิ่งด้วยการใช้ทักษะและพลังเช่นนี้มาก่อน
นี่เป็นหนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงจากความตาย!
พื้นที่ทั้งหมดได้ถูกปิดกั้นด้วยเวทปิดผนึก ทำให้ไม่สามารถใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลได้ วิชาลับนี้ก็ไม่ใช่เป็นการเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย แต่เป็นการระเบิดเพิ่มความเร็ว ซึ่งทำให้เขาต้องกระอักโลหิตออกมา บ่งชี้ให้เห็นว่าอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้น เสียงแตกร้าวก็ได้ยินออกมาจากขาทั้งสองข้าง
ใบหน้าเขาซีดขาว แต่เขาก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ม่านตาส่องประกายสีม่วง ขณะที่เขาลดอายุขัยของตัวเองลงเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
อายุขัยของเมิ่งฮ่าวได้เพิ่มขึ้นหลังจากที่บรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ กล่าวโดยทั่วไป เขาอาจสามารถมีชีวิตอยู่ประมาณสี่ร้อยปี แต่ในตอนนี้ เขาได้สูญเสียอายุขัยไปเป็นจำนวนมาก
ถึงจะเป็นราคาที่ต้องจ่ายไป เขาก็ยังคงดูเยาว์วัย แต่มีใบหน้าซีดขาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะใช้วิชาแปลงม่านตาม่วงมาช่วยแก้ไขได้
“พวกมันยังคงมีเปรียบ” รอบๆ เมิ่งฮ่าว ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งจากตระกูลจี้และตระกูลหลี่ ถึงแม้จะถูกจำกัดอยู่ที่ขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของสร้างแกนลมปราณ ก็ยังคงพุ่งฝ่าอากาศมาเป็นเสียงแหลมเล็กด้วยความรวดเร็วสูงสุด
เมิ่งฮ่าวหลบเลี่ยงพวกมันได้เมื่อครู่นี้ ทำให้สายตาของผู้อาวุโสกลุ่มนี้เปลี่ยนไป ความจริงที่ว่าเขาได้หลบเลี่ยงจากความตายไปเมื่อครู่นี้ ทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หานเป้ย, ฉู่อวี้เยียน และคนอื่นๆ ที่กำลังมองมาจากที่ห่างไกล จิตใจเต็มไปด้วยความตกตะลึง
มือของฉื่อชิงกำเป็นหมัดจนแน่น และนางก็กำลังขบกัดริมฝีปาก มองไปยังเมิ่งฮ่าว ใบหน้านางซีดขาว ตั้งใจจะช่วยเขา แต่เมิ่งฮ่าวที่เหนื่อยหอบก็เพิ่งจะใช้สายตาติดต่อกับนาง และภายในสายตานั้นก็เป็นข้อความที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่ยอมให้นางมายุ่งเกี่ยวด้วย
อย่าได้ทำให้ความพยายามทั้งหมดของข้าต้องสูญเปล่า เขาบอกนางผ่านทางสายตา นางมองมา ตัวสั่นสะท้าน น้ำตาเอ่อล้นขอบตา
หนึ่งในชายชราจากตระกูลหลี่พุ่งตรงไป จ้องมายังเมิ่งฮ่าว “ข้าดูถูกเจ้ามากไป, ผู้เยาว์” มันกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงเย็นชา “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าสามารถสังหารเต้าจื่อของพวกข้าได้ แต่ในวันนี้ เจ้าไม่มีทางหลบหนีไปได้! เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
“ช่างเป็นอุจจาระที่เหม็นคลุ้งนัก!” เมิ่งฮ่าวตอบ ตบไปที่ถุงสมบัติ หน้ากากสีโลหิตปรากฎขึ้น และเขาก็สวมมันลงไปโดยไม่ลังเล ขณะที่มันหลอมรวมเข้ากับใบหน้า กลิ่นอายโลหิตก็กระจายออกมา ใครก็ตามที่มองมาต้องสั่นสะท้านขึ้นในทันที
เฉินฟ่านและคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่มากนัก ขณะที่ปราณโลหิตอันน่ากลัวปกคลุมไปทั่ว พวกมันก็ถอยไปด้านหลังสองสามก้าว แต่ในทางกลับกัน ใบหน้าของผู้อาวุโสจากตระกูลจี้และหลี่ เปลี่ยนไปในทันที
ชุดยาวสีเขียวของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็อาบไล้ไปด้วยแสงสีแดง ทำให้ดูเหมือนเขากำลังสวมใส่ชุดสีโลหิต แสงสีแดงเข้มและหน้ากากสีแดง ซึ่งไร้หน้า มีแค่ดวงตาสองดวง ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง รำลึกถึงภาพที่พวกมันเคยเห็นในบันทึกโบราณของตระกูลขึ้นมาทันที
เซียนโลหิตแห่งชนเผ่าไท่เอ้อโบราณ!
มันดูเหมือนกันเป็นอย่างยิ่ง!
รังสีสังหารอันเข้มข้น ความต้องการสังหารอันเดือดพล่าน ทันใดนั้น ก็พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ด้านบนศีรษะเมิ่งฮ่าวกลายเป็นแกนปราณสีแดง กระจายออกมาทั่วทุกทิศทาง
ด้านล่างเมิ่งฮ่าว ซากศพเซียนได้หดตัวลงจนกระทั่งมีขนาดเล็กกว่าสิบจ้าง
ชายชราสิบสองคนหรือมากกว่านั้น จากตระกูลจี้และหลี่ ยังคงพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว หนึ่งในแปดผู้อาวุโสตระกูลจี้ ดวงตาแวบขึ้นด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น กล่าวขึ้น “ช่างไม่ประมาณตนนัก!”
เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะปลอดภัย มันได้ตัดสินใจที่จะสังหารเมิ่งฮ่าวด้วยตัวเอง โดยไม่มีการลังเลหรือความเวทนาใดๆ ที่มันได้ทำลายชื่อเสียงของตัวเองลง โดยการสังหารคนที่อ่อนแอกว่า มันพุ่งตรงมาอยู่ด้านหน้าคนอื่นๆ รังสีสังหารอันรุนแรงพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์
“ตาย!!” มันร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงดุร้ายน่ากลัว ยกมือขวาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยปกติ เมิ่งฮ่าวไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เช่นนี้เนื่องจากความรวดเร็วของเขา แต่ตอนนี้ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภาพเลือนลางได้
ชายชราผู้นั้นกำลังใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง!
“ไร้หน้า!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายสีแดง ขณะที่เขาโบกมือขวา เส้นผมเป็นสีขาวไปทั่วทั้งศีรษะ แต่เนื่องจากมันถูกย้อมด้วยแสงสีแดงเข้ม ทำให้ดูเป็นสีแดงอย่างแท้จริง!
แกนปราณเดือดพล่าน กลายเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ในทันที ดวงตาข้างซ้ายดูแปลกประหลาด ในขณะที่เมิ่งฮ่าวปรากฎขึ้นในดวงตาข้างขวา บินออกไป มุ่งหน้าตรงไปยังผู้อาวุโสตระกูลจี้และหลี่ เสียงระเบิดดังกึกก้องเต็มอยู่ในอากาศ
เสี่ยงเดิมพันด้วยชีวิต! ทำลายศัตรูให้หมดสิ้นเพื่อการคงอยู่ของตัวเอง!
ทันทีที่เสียงระเบิดได้ยินออกมา พื้นดินก็กระเพื่อม ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน แม้แต่กลุ่มหมอกสีดำ เสียงระเบิดนี้สามารถได้ยินแม้จะอยู่ที่ด้านนอกของบึงน้ำ
ดวงตาของปรมาจารย์จื่อหลัว แห่งสำนักชิงหลัวสาดประกาย ด้านหลังมัน ปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณ แห่งสำนักชิงหลัวก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน พวกมันบินขึ้นไป และกำลังจะมุ่งหน้าเข้าไปในกลุ่มหมอกสีดำ แต่ทันใดนั้นเอง สองปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณแห่งสำนักจื่อยิ่นก็หายตัวไป เมื่อกระพริบตาอีกครั้ง พวกมันก็มาอยู่ตรงหน้าสองปรมาจารย์จากสำนักชิงหลัว
“ถ้าเจ้ายื่นเท้าไปอีกก้าว ก็อย่าได้ตำหนิว่าพวกข้าสังหารเจ้า” หนึ่งในปรมาจารย์สำนักจื่อยิ่นกล่าว น้ำเสียงน่ากลัว ดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหารและโทสะ
ย้อนกลับไปด้านในของกลุ่มหมอกสีดำ เสียงกึกก้องยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบตัวเมิ่งฮ่าวแตกกระจายไป โลหิตกระจายออกมาจากปาก ขณะที่กระดูกเกือบครึ่งในร่างเขาแตกหัก บาดแผลนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วร่าง จากโลหิตที่ไหลออกมา ทำให้เสื้อผ้าเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างแท้จริง เสื้อผ้าสีแดงไม่ได้เกิดจากแสงสีแดงเข้มที่กระจายอยู่ในอากาศอีกต่อไป ตอนนี้เขากำลังสวมใส่ชุดสีโลหิตอยู่จริงๆ!
ร่างกายลอยละลิ่วไปด้านหลัง ตกลงไปบนซากศพเซียน สั่นไปทั้งร่าง กัดฟันแน่น และลุกขึ้นมายืน ตอนนี้ เมิ่งฮ่าวดูเหมือนกับตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหวังเถิงเฟย ในสำนักเอกะเทวะเป็นอย่างมาก…ความยืนกรานดื้อรั้น และจิตใจอันแข็งแกร่งของเขา ยังคงมีอยู่ตลอดไป แม้ว่าร่างกายของเขาอาจจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ!
แสงสีแดงสาดประกายอยู่ในดวงตา โลหิตจากร่างเขาหยดลงไปบนซากศพเซียนที่อยู่ใต้เท้า ซึ่งตอนนี้มีความสูงน้อยกว่าห้าจ้าง
สำหรับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งจากตระกูลจี้ ร่างของมันสั่นสะท้าน และใบหน้าก็หมองคล้ำลง มันไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด การโจมตีของมันเมื่อครู่นี้ เป็นพลังของวงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นสร้างแกนลมปราณ แม้จะเป็นพลังเพียงเล็กน้อย ก็ควรจะมากเกินพอที่จะทำลายผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณได้ แต่เมิ่งฮ่าว…ก็ยังไม่ตาย!
รังสีสังหารอันเข้นข้นส่องประกายอยู่ในดวงตาของมันในทันที พร้อมด้วยความโลภอยากได้
มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว อยู่แค่ขั้นต้นของสร้างแกนลมปราณ การที่เขาสามารถใช้พลังเมื่อครู่นี้…ก็เนื่องมาจากหน้ากากสีโลหิตนั่นเท่านั้น!
ไม่ใช่มันเพียงคนเดียวที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ ทุกคนที่อยู่ข้างเดียวกับมันก็เริ่มมองตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาอันเจิดจ้า
การโจมตีของเมิ่งฮ่าว ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้ แต่เมื่อพิจารณาถึงพื้นฐานฝึกตนของเขา การที่เขาสามารถต้านทานการโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ที่ถึงแม้จะถูกสะกดข่มไว้ก็ตาม ก็แสดงให้เห็นว่าหน้ากากนั้นทรงพลังมากแค่ไหน
สามารถกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า เมื่อสวมหน้ากากนั้น เมิ่งฮ่าวก็จะแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
แต่อย่างไรก็ตาม…ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังคงไม่อาจต่อสู้กับศัตรูได้ ร่างกายของเขาใกล้จะพังทลายลง ราวกับตะเกียงที่ขาดน้ำมัน ภายใต้หน้ากากนั้น ใบหน้าเขาซีดขาว และเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่ดวงตาก็ลุกโชนไปด้วยความบ้าคลั่ง และเปล่งแสงสีม่วงออกมา
อีกครั้ง ที่เขาเผาผลาญอายุขัยเพื่อรักษาตัวเอง
เขามองไปยังผู้ฝึกตนสิบสองคนหรือมากกว่าใกล้เข้ามา และทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าและหัวเราะออกมา สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความทรนงและแข็งกร้าว เป็นความดื้อรั้นที่บ่งชี้ให้เห็นว่า เขาจะไม่มีวันก้มหัวให้
เขาคือเจ้าโอสถจอมกระถาง! เขาคือผู้ผนึกอสูรรุ่นที่เก้า! เขาคือฟางมู่! เขา…ก็คือเมิ่งฮ่าว!
เขาเกิดมาเพื่อเป็นนักศึกษา แต่วันนี้ เขาคือผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ เขากำลังต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งสิบสองคนหรือมากกว่านั้น พวกมันถูกสะกดพื้นฐานฝึกตนลง และเนื่องจากหน้ากากสีโลหิต ทำให้เขาเกือบจะไม่ใช่มนุษย์ แต่ถ้าคิดว่าในดินแดนด้านใต้ทั้งหมด ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องนี้ได้!
ดังนั้น เมิ่งฮ่าวจึงหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ไร้ความเสียใจใดๆ เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสง่าทรนง เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้น ที่ดังไปจนถึงสวรรค์!
การทำลายพลังชีวิตเพื่อรักษาตัวเอง ทำให้ใบหน้าภายใต้หน้ากากแก่ชราลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมที่ยาวสยายของเขา ได้กลายเป็นสีขาวไปทั้งหมดนานแล้ว แต่จากมุมมองของบุคคลภายนอก ภายใต้แสงสีแดงคล้ำ เส้นผมของเขาเป็นสีแดงเจิดจ้า!
ภาพนี้ได้ประทับลึกลงไปในจิตใจของทุกคนที่กำลังมองมาในทันที ขณะที่ผู้ถูกเลือกทั้งหมดของดินแดนด้านใต้ ถูกเคลื่อนย้ายออกมาจากอาณาจักรจิตใจที่พังทลายลง สิ่งแรกที่พวกมันมองเห็นก็คือเมิ่งฮ่าว ภาพนี้ประทับเข้าไปในจิตใจพวกมัน เป็นบางสิ่งที่พวกมันไม่อาจลบเลือนไปได้ ไม่ว่าหนึ่งร้อยปี, หนึ่งพันปี หรือตลอดทั้งชีวิต!
ในตอนนี้ เขาเหมือนกับดวงตะวันอันเจิดจ้า อยู่ในท้องฟ้ายามเที่ยง เป็นตัวแทนของชนรุ่นหลัง ซึ่งจะไม่มีใครที่เหมือนเขาจะปรากฎขึ้นมาอีก ไม่มีใครสามารถเหนือกว่ากับเมิ่งฮ่าวได้
นี่เป็นสิ่งที่แต่ละคนกำลังคิดอยู่
ผู้ถูกเลือก? เต้าจื่อ? เขากำลังสวมใส่หน้ากาก, เส้นผมสีแดงของเขาพริ้วไปมา, เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งมากกว่าสิบคน และกำลังหัวเราะ…พวกมันทั้งหมดราวกับเป็นแมลงตัวเล็กๆ!
“นั่นก็คือ…ผู้ฝึกตน!” ยากที่จะบอกว่าใครเป็นคนกล่าวคำนี้ขึ้นเป็นคนแรก แต่ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อที่จะดังสะท้อนอยู่จิตใจของผู้ถูกเลือกทุกคน
———-
หมายเหตุจาก ผู้ประพันธ์-เอ่อเกิน : ผู้ฝึกตนต้องยืนหยัดอย่างทรนง เงยหน้าไม่ละอายฟ้า ก้มหน้าไม่ละอายดิน, ผู้ฝึกตนต้องมีความดื้อรั้นที่จะไม่ยอมก้มหัว, ไม่ว่าจะต้องต่อสู้หรือมีโลหิตไหลนอง นั่นก็คือผู้ฝึกตน สำหรับผู้ประพันธ์-เอ่อเกิน : ผู้ฝึกตนก็คือคนที่ยืนหยัด, ถึงร่างจะเต็มไปด้วยโลหิต, เส้นผมจะเป็นสีขาว ก็ยังเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างทรนง ไม่ว่าจะมีอันตรายใดๆ, เส้นทางยากเย็นเพียงไหน ผู้ฝึกตนก็จะกัดฟันแน่น เงยหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา! ด้วยท่าทางเช่นนี้ คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นตำนาน! นั่นก็คือคำว่าผู้ฝึกตนของผู้ประพันธ์-เอ่อเกิน