ในขณะที่ฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่ อยู่ท่ามกลางการปรุงเม็ดยาขั้นพื้นฐานลมปราณ เมิ่งฮ่าวปรุงเม็ดยาฮั่วหลิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเริ่มจะปรุงเม็ดยาขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง
เม็ดยาสำหรับเพิ่มพื้นฐานการฝึกตน ในช่วงวิญญาณแรกก่อตั้ง ถูกสร้างมาจากต้นสมุนไพรที่หายาก ซึ่งพบเห็นได้ไม่บ่อยนักในโลกแห่งนี้ มีเม็ดยาเช่นนี้ในดินแดนด้านใต้ไม่มากนัก ในสำนักหนึ่ง หากมีสี่ถึงห้าคนได้ครอบครองเม็ดยาเช่นนี้ ก็ถือว่าน่าเหลือเชื่อมากแล้ว
นี่เป็นเม็ดยาที่ไม่ได้ผลิตออกมาครั้งละมากๆ หนึ่งครั้งอาจจะมีแค่สาม หรือบางทีก็ห้าเม็ด ดังนั้น มันจึงมีราคาค่อนข้างสูง เม็ดยาเช่นนี้ไม่ใช่เม็ดยาธรรมดาทั่วไป แม้แต่จะอยู่เมื่อในสำนักจื่อยิ่นก็ตามที
เมื่อพิจารณาว่า ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งฝึกฝนการสูดลมหายใจเข้าออก สามารถดูดซับพลังลมปราณทั้งหมดของสวรรค์และปฐพี ภายในรัศมีห้าหลี่ในช่วงการหายใจเข้าไปแค่ครั้งเดียว ก็ง่ายต่อการนึกจินตนาการได้ว่าเม็ดยานี้จะมีความสำคัญต่อพวกมันแค่ไหน ถ้าพวกมันได้ครอบครองเม็ดยาเช่นนี้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยม แต่ถ้าไม่ได้ ก็มีเพียงทางเลือกเดียวก็คือใช้กำลังหยิบฉวยมา
แต่เมื่อมันเป็นเม็ดยาสำหรับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง การปรุงขึ้นมาก็เป็นเรื่องยุ่งยากมากอย่างยิ่ง พอๆ กับคุณค่าอย่างสูงสุดของมัน ซึ่งเป็นเม็ดยาที่ช่วยเพิ่มอายุขัยได้ด้วย!
คุณค่าของยาเช่นนี้ช่างสูงมากเป็นอย่างยิ่ง การยืดอายุที่ไม่เกินกว่าหนึ่งพันปี ไม่ใช่การขัดขืนสวรรค์ มีหนทางเดียวที่จะมีชีวิตอยู่เกินกว่าหนึ่งพันปี ซึ่งเป็นการต่อต้านสวรรค์ ก็คือต้องตัดวิญญาณ มิเช่นนั้น ก็จะต้องตกตายไป
สำหรับเม็ดยาทั้งหมดของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง เม็ดยาพื้นฐานที่สุดก็คือเม็ดยารักษาอาการบาดเจ็บ และเม็ดยานี้ก็ปรุงได้ง่ายดายมากที่สุด
โดยทั่วไปแล้ว พวกมันมักจะมีประสิทธิภาพปานกลาง แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร เม็ดยาเช่นนั้น ก็เป็นเม็ดยาของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง
เมิ่งฮ่าวตัดสินใจที่จะปรุงเม็ดยาง่ายๆ สำหรับขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง เท่าที่เขาคิดนี่ไม่ใช่การคดโกง แต่การใช้วิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อให้ผ่านส่วนของการทดสอบนี้ เขาไม่ต้องการจะใช้แรงกายแรงใจมากมาย ในการปรุงเม็ดยาชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีใครปรุงขึ้นมาก่อน
ดังนั้นอีกไม่กี่วันต่อมา หนึ่งในเม็ดยารักษาอาการบาดเจ็บทั่วไปของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งก็ปรากฎขึ้น เมิ่งฮ่าวถือเม็ดยาสำหรับขั้นทั้งสี่อยู่ในมือ และจากนั้น ก็กดมันเข้าไปในก้อนศิลา, ก้อนศิลาเริ่มสั่นสะท้าน และจากนั้นรอยแยกก็ปรากฎขึ้น เลื้อยลงไปจากตรงกึ่งกลางของก้อนศิลา มีความกว้างกว่าครึ่งฉื่อเล็กน้อย (1 ฉื่อ = 23 เซนติเมตร)
ดูเหมือนว่าก้อนศิลาไม่ค่อยพอใจกับเม็ดยาของเมิ่งฮ่าวมากนัก แต่เขาก็ทำได้ครบทุกเงื่อนไข เม็ดยาแต่ละเม็ดประกอบด้วยห้าในสิบล้านชนิดต้นสมุนไพร ถึงแม้ส่วนใหญ่จะถูกเมิ่งฮ่าวทำให้คลุมเครือ โดยการใช้วิธีการบางอย่างก็ตามที
เขามองไปยังรอยแยก และจากนั้นก็กระแอมไอออกมา เขารู้ว่ากำลังถูกจับตาดูจากคนอื่นๆ ด้วยท่าทางอึดอัดใจและเขินอาย เขาก้มหน้าลง และเดินเข้าไปในรอยแยก ด้วยการหันข้าง และพยายามอีกเล็กน้อย ก็สามารถเบียดตัวผ่านเข้าไป จากนั้น ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและสง่างาม โดยไม่มีท่าทีเชื่องช้าแม้แต่น้อย เขาเดินขึ้นไปบนภูเขาตามเส้นทาง ตรงไปยังด่านที่สาม
เมื่อผู้สังเกตการณ์ในโลกด้านนอกเห็นเช่นนี้ อาจารย์ปรุงยาแห่งแผนกเม็ดยาบูรพา ก็มีรอยยิ้มอันขมขื่นขึ้นมา บางคนที่ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับฟางมู่ก็ดูเหมือนจะอึดอัดใจเล็กน้อย การใช้วิธีการเช่นนั้น เพื่อให้ผ่านการทดสอบ จริงๆ แล้ว ก็ดูน่าเกลียดอยู่เล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองกลับไปยังความสัตย์ซื่อของฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่ ซึ่งพยายามปรุงยาของพวกมันอยู่ ท่าทีของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็ถูกดูแคลนจากคนที่ไม่ชอบเขามากเท่าใดนัก บางคนในแปดเทพกระถางม่วงก็ขมวดคิ้วด้วยเช่นกัน
แต่ถ้าไม่คำนึงถึงสิ่งใดๆ เมิ่งฮ่าวก็เป็นคนแรกที่ผ่านด่านที่สองไป เขาประสานมืออยู่ด้านหลัง เดินช้าๆ ผ่านเข้าไปในด่านที่สาม ดูราวกับเขาแค่กำลังเดินเล่น ชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ
หนึ่งในเทพกระถางม่วง บุรุษวัยกลางคนนาม เยี่ยหยุนเทียน กล่าวว่า “ฟางมู่ ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจจริงจังนัก ด้วยท่าทางที่เอื่อยเฉื่อยเช่นนั้น ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมาะที่จะกลายมาเป็นเทพกระถางม่วง” เสียงของมันราบเรียบ และดูเหมือนจะมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
อันจ้ายไห่หัวเราะและกล่าวว่า “ไม่จำเป็น ไม่มีกฎข้อไหนที่ห้ามไม่ให้ใช้วิธีการที่ง่ายที่สุดในการผ่านด่าน”
“นั่นก็ถูกต้อง, ศิษย์พี่อัน” เยี่ยหยุนเทียนกล่าวตอบ พร้อมรอยยิ้ม “ตอนนี้ เมื่อคิดดูแล้ว ข้าก็อยากรู้นักว่า มันจะใช้วิธีการอะไรในด่านที่สาม”
หลังจากนั้น ก็มีผู้เข้าแข่งขันโผล่ออกมาจากด่านที่สองเพิ่มขึ้น มีเพียงฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่ที่ยังอยู่ด้านใน มีทั้งหมดห้าคนที่ออกมา อีกสองคนที่เหลือไม่อาจจะปรุงเม็ดยาได้สำเร็จ ด้วยความเข้มข้นของตัวยาแปดในสิบส่วน และถูกปรับให้แพ้ออกไป
ตอนนี้ มีเพียงแค่แปดจอภาพที่เหลืออยู่จากเดิมสิบจอภาพ ด้านบนของกระถางปรุงยาในโลกด้านนอก
เมื่อเมิ่งฮ่าวมาถึงก้อนศิลาซึ่งเป็นเครื่องหมายของด่านที่สาม ปราณม่วงกระจายออกมา มันเป็นเพียงแค่เส้นใยเล็กๆ และกินเวลาเพียงแค่สามลมหายใจ ปราณม่วงก็หมดไป ซึ่งก็พิสูจน์ให้เห็นว่าแดนสวรรค์ไม่ได้พอใจเท่าใดนัก
หลังจากเส้นใยแห่งปราณม่วง เข้าไปในกระถางปรุงยา เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังก้อนศิลา จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิอยู่ตรงด้านหน้า ถือโอกาสลบล้างความเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยของเขาไป จนกระทั่งเต็มไปด้วยพลังงาน
ยาเม็ดสุดท้ายของฉู่อวี้เยียนโผล่อออกมา และเมื่อมันเกิดขึ้นเช่นนั้น ใบหน้าของนางก็ซีดขาว มันเป็นเรื่องยากเป็นอย่างยิ่งสำหรับนางที่จะปรุงยาทั้งสี่เม็ดนี้ออกมา การสร้างเม็ดยาต้นแบบ นางได้ยืนกรานจนกระทั่งถึงเม็ดยาพื้นฐานลมปราณ สำหรับเม็ดยาสร้างแกนลมปราณ และวิญญาณแรกก่อตั้ง นางไม่อาจจะสร้างเม็ดยาแบบใหม่เช่นนั้นออกมาได้ แต่นางก็เลือกสูตรยาที่ยากมากที่สุดที่นางรู้เพื่อปรุงเป็นยาสองเม็ดสุดท้าย
เมื่อปาดเช็ดเหงื่อจากคิ้ว นางก็มองไป ขณะที่รอยแยกซึ่งกว้างหนึ่งจ้าง (1 จ้าง = 3 เมตร) แยกออกมาจากก้อนศิลาที่เบื้องหน้า รอยยิ้มแห่งความมั่นใจในตัวเองปรากฎขึ้นบนใบหน้า นางเดินตรงเข้าไป
หลังจากนั้น เยี่ยเฟยโม่ก็เสร็จสิ้นการปรุงเม็ดยา เช่นเดียวกับฉู่อวี้เยียน มันไม่อาจจะผลิตเม็ดยาต้นแบบสำหรับยาที่แตกต่างกันทั้งสี่เม็ด มันทำได้สำเร็จถึงเม็ดยาขั้นสร้างแกนลมปราณ แต่สำหรับขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง มันไม่อาจจะทำได้ โดยไม่มีทางเลือก มันได้ปรุงเม็ดยาที่ยาก และเป็นระดับสูงสุดสำหรับขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งที่มันสามารถคิดได้ออกมา โดยต้องใช้ความพยายามถึงสิบครั้ง ก่อนที่จะทำได้สำเร็จในครั้งสุดท้าย
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว เพราะสิ่งทั้งหมดเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็วภายในโลกของแดนสวรรค์ ในขณะที่ด้านนอก อาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีในการปรุงเม็ดยาทั้งสี่เม็ดนั้น
เยี่ยเฟยโม่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่มองไปยังรอยแยกสองจ้างที่เปิดออกมาที่ก้อนศิลาเบื้องหน้า ท่าทางภาคภูมิใจฉายอยู่ในแววตา ขณะที่มันเดินผ่านเข้าไป
เห็นได้ชัดว่ามันเหนือกว่าผู้แข่งขันคนอื่นๆ เมื่อดูจากความกว้างของรอยแยก เสียงพูดคุยดังก้องออกมาจากกลุ่มผู้สังเกตการณ์ ขณะที่พวกมันเริ่มพูดเกี่ยวกับภาพอันน่าตกใจของรอยแยก ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเยี่ยเฟยโม่
ขณะที่ฉู่อวี้เยียน และคนอื่นๆ ไปถึงก้อนศิลา ซึ่งเป็นเครื่องหมายของด่านที่สาม ปราณม่วงอันเข้มข้นไหลตรงมาที่พวกมัน ปราณม่วงซึ่งกระจายออกมาสำหรับฉู่อวี้เยียน ใช้เวลาชั่วธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอกก่อนที่มันจะจางหายไป ที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือเยี่ยเฟยโม่ มันใช้เวลานานถึงธูปไหม้หมดไปสองดอก ยิ่งไปกว่านั้น กระถางปรุงยาของมันก็ได้เปลี่ยนเป็นสีม่วงเรียบร้อยแล้ว!
บนเส้นทางต่างๆ ของผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ กระถางปรุงยาของพวกมัน ดูดซับปราณม่วง ต่อมา พวกมันก็เริ่มจดจ่อกับก้อนศิลา ขมวดคิ้วขึ้น การทดสอบสำหรับด่านที่สามนี้ ยิ่งยากลำบากกว่าทั้งสองด่านแรกมากนัก
เมิ่งฮ่าวเสร็จสิ้นการเข้าฌาณ ลืมตาขึ้นมา และพวกมันก็สาดประกายเจิดจ้า เขาฟื้นฟูพลังกลับมาอย่างสมบูรณ์ ดวงตาสาดประกาย ขณะที่ตรวจสอบตัวอักษรบนก้อนศิลาที่เบื้องหน้า ท่าทางครุ่นคิดปรากฎขึ้นบนใบหน้า
ด้านหลังของก้อนศิลา ไม่มีบันไดหิน ทางบันไดดูเหมือนจะมาสิ้นสุดตรงจุดนี้ มองเห็นเพียงก้อนเมฆลอยไปมา
“ต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติ…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง ขณะที่มองไปยังรูปสลักที่อยู่บนก้อนศิลา ปรากฎเป็นต้นสมุนไพรที่มีเก้าดอกอยู่บนก้อนศิลา ซึ่งแต่ละดอกก็มีสีที่แตกต่างกัน “ต้นม่านไข่มุกสามสมบัติเป็นสมุนไพรธรรมดาทั่วไป ต้นม่านไข่มุกหกสมบัติเป็นสมุนไพรที่พิเศษออกไป สำหรับต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติ…พวกมันเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากยิ่ง! แต่ละดอกก็ประกอบไปด้วยตัวยาที่แตกต่างกัน ทั้งเก้าดอกสามารถนำมาผสมรวมกันได้ ต้นสมุนไพรชนิดนี้สามารถใช้กับสูตรยาที่แตกต่างกันมากกว่าหนึ่งพันสูตร…สูตรที่ใช้ และคุณสมบัติของเม็ดยาที่ปรุงขึ้นมา จะเป็นตัวกำหนดขั้นตอนที่ปรากฎขึ้นอีกมากมาย…” เมิ่งฮ่าวหลับตาลงขบคิดอยู่สักพัก
บนเส้นทางอื่น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ กำลังเผชิญหน้ากับการทดสอบนี้เช่นเดียวกัน
ฉู่อวี้เยียน มาถึงก็วางมือของนางลงไปบนก้อนศิลา ทันใดนั้น แสงเจิดจ้าก็ปรากฎขึ้น และต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติ ก็ปรากฎออกมาอยู่ตรงหน้านาง
ผู้ฝึกตนที่อยู่บนยอดเขาในโลกด้านนอก รวมถึงตัวแทนจากสำนักและตระกูลต่างๆ ต่างก็เพ่งความสนใจไปยังภาพอันน่าเหลือเชื่อ ซึ่งกำลังเกิดขึ้นภายในการประลอง
เทพกระถางม่วง เยี่ยหยุนเทียน เปิดปากกล่าวเสียงราบเรียบว่า “ด่านที่สาม เป็นการทดสอบทั้งเรื่องการปรุงยา และการตัดสินใจ เม็ดยามากมายเท่าใดที่ต้องปรุงขึ้นมา เพื่อสร้างเป็นบันไดเวทที่สมบูรณ์? นั่นก็คือกุญแจ” จากเริ่มต้นจนจบลง สายตาของมันไม่เคยห่างออกจากจอภาพของเยี่ยเฟยโม่
คำพุดของมันทำให้ใบหน้าของอาจารย์ปรุงยามากมาย เต็มไปด้วยความประหลาดใจ พวกมันเริ่มเพ่งความสนใจไปบนจอภาพทีละคน ทีละคน
ฉู่อวี้เยียน มองไปยังต้นสมุนไพรที่กำลังลอยอยู่เบื้องหน้า แววตาครุ่นคิดส่องประกายอยู่ในดวงตาหงส์ของนาง
“เต๋าแห่งการปรุงยา ก็เหมือนกับเต๋าแห่งการฝึกตนอันยิ่งใหญ่” นางคิด “ต้นสมุนไพรเติบโตขึ้นภายในสวรรค์และปฐพี แต่สวรรค์และปฐพีก็ไม่มีชีวิต การปรุงเม็ดยา…ก็เหมือนกับการกลั่นสกัดสวรรค์ และการเปลี่ยนแปลงพื้นปฐพี ค้นหาประกายแห่งชีวิตที่อยู่ในนั้น และเปลี่ยนให้กลายเป็นเม็ดยา ดังนั้น การปรุงยา…ก็คือการค้นหาชีวิต เส้นทางที่จะค้นหาประกายนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ภายใต้สวรรค์และปฐพีนี้!”
“เก้าเป็นตัวเลขสูงสุด ดังนั้น ข้าจะสร้างยาเก้าเม็ด แต่ละเม็ดจะประกอบไปด้วยแปดดอก ดังนั้น แต่ละเม็ดก็จะประกอบด้วยตัวยาที่หายไปหนึ่งดอก! ยาทั้งเก้าเม็ดนี้จะก่อตัวเป็นวงจร ที่จะเปิดเป็นเส้นทางสู่สวรรค์!” ดวงตาฉู่อวี้เยียนสาดประกายด้วยความมุ่งมั่น นางตัดสินใจได้แล้วในตอนนี้ จึงเริ่มทำการปรุงเม็ดยาในทันที
หลังจากขบคิดอยู่เป็นชั่วยาม ความจริงจังก็เต็มอยู่บนใบหน้าเยี่ยเฟยโม่ มันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาหรี่เล็กลง ขณะที่โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติปรากฎขึ้นตรงหน้า และมันก็เริ่มปรุงเม็ดยา
“ถ้าจะปรุงเม็ดยา ข้าก็จะปรุงเพียงเม็ดเดียว” มันคิด “เม็ดยานี้จะประกอบไปด้วยตัวยาของทั้งเก้าดอก เช่นเดียวกับตัวยาที่เพิ่มเข้ามา! ข้าจะปรุงไม่เพียงแค่เก้าตัวยา แต่เป็นสิบ! ข้าจะปรุงเม็ดยาที่ประกอบไปด้วยตัวยาที่ต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติไม่มี ด้วยการรักษาตัวตนของข้าไว้ ตัวยาที่สิบนี้จะไม่เคยมีมาก่อน!”
ยากที่จะบอกว่าความคิดของใครในเต๋าแห่งการปรุงยาจะดีกว่ากัน ระหว่างบุคคลทั้งสอง หนึ่งใช้เต๋าแห่งการปรุงยาในการกลั่นสกัดชีวิตเพื่อให้อยู่ในจุดสูงสุด อีกคนรวมตัวแปรที่ซับซ้อนทั้งหมดเพื่อสร้างเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ในตอนนี้ ทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของแต่ละคน ก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนต่อหน้าผู้สังเกตการณ์บนยอดเขา และเป็นเหตุให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาเล็กน้อย ทุกคนรวมถึงตัวแทนจากสำนักและตระกูลต่างๆ เริ่มคิดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่นี้
หลังจากฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่ ตัดสินใจได้แล้ว เทพกระถางม่วงทั้งแปดก็พยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
แต่ก็ยากที่จะอ่านใบหน้าของเจ้าโอสถจอมปีศาจออกได้ ทำให้ทุกคนสงสัยว่าท่านกำลังมองไปยังจอภาพไหนกันแน่…
ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา และพวกมันก็ส่องประกายด้วยแสงแปลกๆ เขายกมือขึ้นมา และกดลงไปบนก้อนศิลา ต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติก็ปรากฎขึ้น ตามด้วยกระถางปรุงยา เขาไม่เริ่มทำการปรุงยาในทันที แต่จ้องไปยังต้นสมุนไพร ด้วยดวงตาที่สาดประกาย
ภายในจิตใจแวบไปมาด้วยสูตรยาจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน ทักษะเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรของเขามีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ต้นม่านไข่มุกเก้าสมบัติหมุนวนไปมาในจิตใจ ขณะที่เริ่มจัดระเบียบตัวยาที่แตกต่างกัน และวิธีการทำงานร่วมกันของพวกมันอยู่ในจิตใจ
แต่เมิ่งฮ่าวก็ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งอย่างรวดเร็ว มองไปยังต้นสมุนไพร จากนั้นดวงตาก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น เขามอง…อย่างสนใจ ท่าทางของเขาในตอนนี้ แตกต่างเป็นอย่างมากกับความเกียจคร้านที่เขาได้แสดงออกมาในด่านที่สอง
“ข้าจะปรุงยาสิบเม็ด” เขาคิด “ยารองเก้าเม็ด และยาหลักหนึ่งเม็ด เก้าเป็นตัวเลขที่สูงสุด เป็นตัวแทนแห่งความแข็งแกร่ง ร่างกายของข้าก็คือกระถางปรุงยา และจิตใจของข้าก็คือสูตรยา กลั่นสวรรค์ สกัดปฐพี กลั่นสกัดการเปลี่ยนแปลงแห่งเวลา ปรุงเม็ดยาซึ่ง…ประกอบด้วยสาระสำคัญของความเรียบง่ายแห่งธรรมชาติ!” ท่าทางลึกซึ้งและเจิดจ้าสาดประกายอยู่ในดวงตา ถ้านี่เป็นสถานที่แห่งอื่น เขาก็จะไม่แสดงท่าทีต่อการปรุงยาเช่นนี้ออกมา แต่ภายใต้การทดสอบของสำนักจื่อยิ่น เขาได้ถูกกระตุ้นให้เกิดความสนใจขึ้นมา เขาจะไม่ปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาอีกต่อไป เขาจะแสดงทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาอย่างเต็มที่สุดความสามารถ
———————
ขออภัยครับ แปลผิด — เยี่ยเฟยโม่ ต้องการปรุงยาแค่เม็ดเดียวครับ