Latest Releases

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ภาค-3-ชื่อเสียงของเมิ่งฮ่าวในสำนักจื่อยิ่น แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ภาค-3-ชื่อเสียงของเมิ่งฮ่าวในสำนักจื่อยิ่น แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 313 : นางคือ…เซียนอมตะ!

ความรู้สึกถึงวิกฤตเป็นตายอันรุนแรง ทำให้เหล่าชายชราจากตระกูลจี้และหลี่ รู้สึกจิตใจสั่นสะท้าน ดวงตาพวกมันสาดประกายด้วยความประหลาดใจอย่างเข้มข้น
เมื่อพิจารณาถึงพื้นฐานฝึกตน, อายุ และประสบการณ์ของพวกมัน ก็มีสิ่งน้อยมากในโลกนี้ที่จะทำให้พวกมันรู้สึกประหลาดใจได้อย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้ ความรู้สึกถึงอันตรายอันลึกล้ำ ได้พุ่งขึ้นมาจากภายในจิตใจของพวกมันอย่างพร้อมเพรียงกัน
สำหรับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งที่เกิดความรู้สึกถึงอันตรายเช่นนี้ได้ ก็ทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างมากมายด้วยเช่นกัน
เป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนวิถีเซียนอยู่ตลอดเวลา เพื่อไปให้ถึงขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ผู้คนมากมายรู้สึกว่า เมื่อเหยียบย่างไปบนวิถีทางนั้น การที่จะบรรลุถึงจุดนั้น ก็หมายความว่า พวกมันโชคดีเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ การได้เผชิญหน้ากับจุดวิกฤตของความเป็นความตาย ทำให้มีผลกระทบต่อจิตใจของพวกมันอย่างลึกล้ำ
เป็นครั้งแรก ที่ชายชราทั้งสิบกว่าคนนี้ รู้สึกเสียใจขึ้นมาในทันที…
แต่ก่อนที่พวกมันจะมีโอกาสล่าถอย เสียงแผดร้องอันรุนแรงก็ดังออกมาจากหน้าจอสีโลหิตที่มีความกว้างหนึ่งร้อยจ้าง ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังที่เพียงพอต่อการทำลายสิ่งกีดขวางใดๆ ที่อยู่ตรงหน้ามัน
เสียงของมันเต็มอยู่ในอากาศ ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านอยู่ในจิตใจ บางคนที่มีพื้นฐานฝึกตนต่ำต้อยก็กระอักโลหิตออกมา ชายชราสิบกว่าคนมองมาด้วยความตกตะลึง ขณะที่จอภาพสีโลหิต ทันใดนั้น ก็ดูเหมือนจะเริ่มเปิดออก
ภายในจอภาพมีแสงสีแดงเจิดจ้าขนาดใหญ่พุ่งออกมา ภายในแสงสีแดง…สามารถมองเห็น…
อุ้งเท้าขนาดใหญ่ ยื่นตรงมาที่พวกมัน!
มีเพียงแค่หนึ่งอุ้งเท้า เป็นบางสิ่งที่เป็นของสัตว์อสูรขนาดยักษ์  มันมีกรงเล็บที่ยาวแหลมคม และถูกปกคลุมหนาแน่นไปด้วยขนสีแดง กระจายกลิ่นอายอสูรอันน่าเหลือเชื่อออกมา เป็นเพียงแค่หนึ่งอุ้งเท้า ที่มีขนาดประมาณสิบจ้าง โผล่ออกมาจากจอภาพสีโลหิต มันไม่สนใจแรงกดดันที่กำลังสะกดข่มพื้นฐานฝึกตนของมันไว้ พุ่งออกมา
ทันทีที่อุ้งเท้าปรากฎขึ้น ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันเข้มข้นน่ากลัวอย่างชัดเจน มันระเบิดออกมา กระจายไปทั่วในอากาศ ทำให้ใบหน้าของชายชราสิบกว่าคนนั้น เต็มไปด้วยความตกใจ ม่านตาของพวกมันหรี่เล็กลง และพวกมันก็ล่าถอยไปด้านหลัง จิตใจหมุนเคว้งคว้าง
“นั่นคือ…”
“กลิ่นอายของขั้นตัดวิญญาณ!!”
“บัดซบ! เจ้าเมิ่งฮ่าวผู้นี้จะมีกลิ่นอายขั้นตัดวิญญาณอยู่กับมันได้อย่างไร!?!?”
ชายชราสิบกว่าคนนั้นขนลุกชี้ชันขึ้นในทันที และความรู้สึกถึงอันตรายก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น ทันทีที่พวกมันพยายามจะหลบหนีไป อุ้งเท้าที่โผล่ออกมาจากจอภาพสีโลหิต ก็ยกขึ้นไปในอากาศ จากนั้น ก็ตะปบลงไปที่พวกมัน
นี่เป็นอุ้งเท้าของอ๋าวเฉี่ยนโลหิตที่จำศีลอยู่ ตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านไป มันไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลย แต่หลังจากที่เมิ่งฮ่าวบรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ การเชื่อมต่ออันยิ่งใหญ่ก็ปรากฎขึ้นระหว่างพวกเขา การร้องเรียกครั้งแล้วครั้งเล่าของเมิ่งฮ่าว และจุดวิกฤตของชีวิตและความตายที่เขาได้เผชิญอยู่ ได้ไปกระตุ้นให้อ๋าวเฉี่ยนโลหิต ทันใดนั้น ก็ตื่นขึ้นมา
ในตอนนี้ ที่มันสามารถทำได้ทั้งหมดก็คือ ยื่นอุ้งเท้าออกมา และตะปบลงไป
เสียงแผดร้องดังเต็มไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี อ๋าวเฉี่ยน ซึ่งอยู่ในขั้นตัดวิญญาณเรียบร้อยแล้ว ตะปบอุ้งเท้าแหวกฝ่าอากาศลงไปจนเกิดเสียงหวีดหวิวแหลมเล็ก ผู้อาวุโสสามคนจากตระกูลจี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ขณะที่ไม่อาจจะหลบเลี่ยงได้ พื้นฐานฝึกตนของพวกมันระเบิดออก
ชายชราทั้งสามแผดร้องเสียงโหยหวนอย่างน่ากลัวออกมา โลหิตกระจายออกมาจากปาก และร่างกายก็เริ่มล้มพับไป วิญญาณแรกก่อตั้งของพวกมันพยายามจะหลบหนี แต่ก่อนที่พวกมันจะไปได้ไกล ก็ต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆ โดยอุ้งเท้านั้น
ท่ามกลางผู้อาวุโสจากตระกูลหลี่ มีอยู่สี่คนที่หลบหนีช้าไป ทำให้พวกมันต้องตายไปในทันที
เสียงระเบิดได้ยินออกมา ขณะที่อุ้งเท้าขนาดใหญ่ของอ๋าวเฉี่ยนโลหิต ตบลงไปบนร่างของคนทั้งสี่ ร่างกายของพวกมันกลายเป็นเศษเนื้อในทันที วิญญาณแรกก่อตั้งของพวกมันก็ไม่อาจจะหลบหนีไปได้ และถูกบดขยี้จนกลายเป็นฝุ่นผงในทันที!
ภาพที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึงไปตามๆ กัน เพียงชั่วพริบตา ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งสิบกว่าคน มีอยู่เจ็ดคนถูกสังหารไปในทันที!!
ชายชราทั้งเจ็ดนี้ ไม่อาจจะต้านทานแม้แต่การตะปบลงเพียงแค่ครั้งเดียว จากอุ้งเท้าของอ๋าวเฉี่ยนโลหิต พวกมันถูกสังหารตกตายไปในทันที ทำให้ชายชราที่เหลืออยู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในทันใด สีหน้าพวกมันซีดขาวจนไร้สีเลือด จิตใจเริ่มเต้นรัว ขนลุกชี้ชัน มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกมันคิดได้ในตอนนี้ ก็คือหลบหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่เคยคาดคิดไว้ และเกินกว่าข้อจำกัดของจินตนาการของพวกมัน พวกมันจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเมิ่งฮ่าว ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณอันกระจ้อยร่อย จะเป็นผู้ที่…ยากจะสังหารได้เช่นนี้!
พวกมันไม่มีทางจะรู้ว่า การที่เมิ่งฮ่าวบรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ ก็เป็นแค่หินรองรับเท้าก้าวแรก บนเส้นทางสู่จุดสูงสุดของเขา หลังจากบรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ เขาก็จะมีวิชาเวทที่หลากหลายมากมาย และมีวิธีการต่างๆ ที่เขาสามารถนำมาใช้ได้
สามารถกล่าวได้ว่า เมิ่งฮ่าวได้เก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ก็เพื่อที่จะระเบิดออกมาในตอนสุดท้าย!
เสียงระเบิดยังคงดังก้องออกมา ขณะที่อุ้งเท้าของอ๋าวเฉี่ยนค่อยๆ เริ่มจางหายไป จอภาพสีโลหิตก็เริ่มหายไปด้วยเช่นกัน เมิ่งฮ่าวคว้าจับหน้ากากไว้ ขณะที่มันลอยตกลงมาบนพื้น
ในตอนนี้ หานเป้ย และคนอื่นๆ ดูเหมือนไม่อาจแม้แต่จะหายใจ พวกมันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าวซึ่งเหมือนกับตะเกียงที่ขาดน้ำมัน ไม่มีใครจะคาดคิดได้ว่า เหตุการณ์จะกลับกลายมาเป็นเช่นนี้
“โลหิตศักดิ์สิทธิ์!” หลี่ชือฉีสูดลมหายใจ กล่าวเสียงสั่นสะท้าน “นั่นก็คือโลหิตศักดิ์สิทธิ์!!” คนอื่นๆ คิดย้อนกลับไปยังการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต และอ๋าวเฉี่ยนสีโลหิตในทันที
ในตอนนั้น พวกมันไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของอ๋าวเฉี่ยน ตอนนี้ สามารถกล่าวได้ว่าพวกมันรู้แล้ว แต่ต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อขบคิด เมื่อได้เห็นสิ่งทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยสายตาของตัวเอง ก็ทำให้จิตใจของพวกมันหมุนคว้างไปมา
เมิ่งฮ่าวกำหน้ากากสีโลหิตไว้ หยิบเม็ดยาออกมากลืนลงไป กัดฟันแน่น เขาดิ้นรนลุกขึ้นมายืน มองไปยังกลุ่มคน สายตาเข้าอ้อยอิ่งอยู่ที่ฉื่อชิงชั่วครู่ จากนั้น เขาก็หมุนตัว และมุ่งหน้าตรงไปยังถ้ำกำเนิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยความรวดเร็วเท่าที่เขาจะทำได้
“ฟางมู่…” ฉู่อวี้เยียนร้องออกมา เมื่อได้เห็นเขาหันหลังจากไป ทันใดนั้น นางก็ตระหนักว่า นางไม่มีทางจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะได้พบกับเขาอีก ถ้านางไม่ร้องเรียกออกไป บางทีนางก็อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนี้อีก
ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป
เขารู้ดีว่าผู้พิสดารวิญญาณแรกก่อตั้ง อาจจะถูกข่มขู่โดยการปรากฎขึ้นโดยกระทันหันของอ๋าวเฉี่ยนโลหิต และการสังหารพวกมันไปเจ็ดคน แต่อย่างไรก็ตาม คงอีกไม่นานที่พวกมันจะตระหนักว่าจริงๆ แล้วกำลังเกิดอะไรขึ้น หลังจากลังเลอยู่สักพัก พวกมันก็จะแน่ใจว่า เขาอาจจะดูว่าภายนอกแข็งแกร่ง แต่จริงๆ แล้ว ก็อ่อนแอเป็นอย่างมาก จากนั้น ก็เพียงไม่นานก่อนที่พวกมันจะไล่ล่าเขาอีกครั้ง
สำหรับอ๋าวเฉี่ยนโลหิต หลังจากโจมตีเมื่อครู่นี้ มันก็กลับไปจำศีลอีกครั้งในทันที ตอนนี้ ไม่ว่าเมิ่งฮ่าวจะร้องเรียกมันกี่ครั้ง มันก็ไม่อาจจะตื่นขึ้นมา
“เส้นทางที่ด้านนอกทั้งหมดถูกปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนา ทางเลือกเดียวของข้าก็คือ…ถ้ำกำเนิดใหม่” กัดฟันแน่น เมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านอากาศตรงเข้าไป
ในตอนนี้เองที่ชายชราซึ่งยังเหลืออยู่เจ็ดถึงแปดคนที่ยังไม่ถูกสังหาร ทันใดนั้น ก็หยุดการหลบหนี สีหน้าพวกมันตอนนี้เต็มไปด้วยความลังเล ดูเหมือนพวกมันกำลังวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เมื่อพิจารณาถึงอายุและประสบการณ์ของพวกมัน ก็ใช้เวลาเพียงแค่สูดลมหายใจเข้าออกสิบครั้ง เพื่อเข้าใจในสถานการณ์ทั้งหมด สีหน้าอันน่าเกลียดปรากฎขึ้นบนใบหน้า ทันใดนั้น พวกมันก็หันหลังและมุ่งหน้ากลับไป
เพียงชั่วพริบตา ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งที่หลบหนีทั้งหมด ก็มุ่งหน้าไล่ล่าเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง
เมิ่งฮ่าวห่างจากถ้ำกำเนิดใหม่เพียงแค่ห้าสิบหลี่ ตอนนี้เองที่ภายในถ้ำ เสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้น ก็ได้ยินออกมา
มันเป็นเสียงถอนหายใจของหญิงสาว เป็นเสียงที่คาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง แต่ทันทีที่เสียงนั้นดังเต็มอยู่ในอากาศ ใบหน้าของผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งที่ยังเหลืออยู่ก็เปลี่ยนไป และพวกมันก็กระอักโลหิตออกมา ขณะที่รีบถอยไปด้านหลังตัวสั่นสะท้าน ท่าทางเหวอหวาเต็มอยู่บนใบหน้าของพวกมัน ไม่ว่าพวกมันเพิ่งจะเผชิญกับอะไรก็ตาม แต่ดูเหมือนจะยิ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าอ๋าวเฉี่ยนโลหิต
ภายในร่างกายที่สั่นไปมา วิญญาณแรกก่อตั้งของพวกมันก็สั่นสะท้านไปด้วยเช่นกัน และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด
ไม่เพียงแต่พวกมันเท่านั้น ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกของบึงน้ำ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจนี้เช่นเดียวกัน และก็ส่งผลให้จิตใจของพวกมันสั่นสะท้าน โลหิตกระจายออกมาจากปาก ท่าทางคาดไม่ถึงเต็มอยู่บนใบหน้าของปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณ ของสำนักต่างๆ
“นั่นคือ…”
ใบหน้าของพวกมันหมองคล้ำลง และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากปาก ปรากฎว่าอวัยวะภายในของพวกมันได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส!
ภายในกลุ่มหมอกของบึงน้ำ ผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณแห่งตระกูลจี้ กระอักโลหิตออกมา ความประหลาดใจบนใบหน้าของมัน ไม่ได้เข้มข้นมากนัก ขณะที่มันได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากถ้ำกำเนิดใหม่
นี่ไม่ใช่เสียงของหนึ่งในสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ที่มีอยู่ในสถานที่แห่งนั้น นี่เป็นเสียงถอนหายใจของหญิงสาว!
ภายในกลุ่มหมอก ปรมาจารย์ตระกูลหวัง ซึ่งไม่มีใครมองเห็น รู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งร่างกายกำลังสั่นสะท้าน “นั่นเป็นใคร…? นางคือ…เซียนอมตะ!!” ราวกับว่ามีลมพายุอันรุนแรงกำลังเกิดขึ้นอยู่ภายในจิตใจของมัน สีหน้าอึมครึมเข้มข้นเต็มอยู่บนใบหน้า และดวงตาก็สาดแสงเจิดจ้า ความหวาดกลัวและตกใจ เต็มอยู่ในดวงตา ขณะที่มันมองตรงไปยังถ้ำกำเนิดใหม่
ในตอนนี้เองที่เสียงของหญิงสาวก็ได้ยินออกมา จากถ้ำกำเนิดใหม่
เป็นเสียงที่อบอุ่น พร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง “หลายปีก่อน ท่านบังเอิญไปปลดปล่อยผนึกที่กักขังข้าไว้ นั่นถือว่าเป็นการหว่านเมล็ดกรรม…ท่านไม่อาจจะเข้ามายังถ้ำกำเนิดใหม่ได้ในวันนี้ ไปเถอะ, ข้าจะช่วยให้ท่านจากไป นี่ถือว่าเป็นการชดใช้กรรม” ขณะที่เสียงดังก้องออกมาจากถ้ำ แสงเจิดจ้าสีขาว จู่ๆ ก็ลอยออกมา
มันเป็นเกล็ด!
เกล็ดปลา!
ในขณะที่มันลอยตรงมา ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นขนนก
เป็นขนนกของคุนเผิง!
ขนนกที่ดูคล้ายเกล็ดปลา ลอยออกมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวเกือบจะในทันที ขณะที่เป็นเช่นนี้ มันก็ประทับเข้าไปในหน้าผากเขาในทันใด ทั่วร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่พลังอันอบอุ่นกระจายออกมาจากขนนกที่ดูคล้ายเกล็ดปลาเต็มไปทั่วร่าง
ทันใดนั้น พื้นฐานฝึกตนของเขาก็เริ่มคงที่ มันไม่ได้ลุกไหม้และพังทลายลงไปอีกแล้ว แต่ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ เหมือนก่อนหน้านี้ ที่อยู่ในขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ เพียงชั่วพริบตา บาดแผลทั้งหมดก็ถูกรักษาเยียวยาไปแล้วเกือบสองในสิบส่วน
อันที่จริง แม้อายุขัยของเขาจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้เป็นชายแก่อีกต่อไป ดูยังเยาว์เหมือนก่อนหน้านี้ แต่ความเจ็บปวดก็ยังไม่เปลี่ยนไป
เส้นผมที่เป็นสีขาวของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
“ข้าจะให้ท่านยืมพลังของคุนเผิง ไปเถอะ ออกไปจากสถานที่แห่งนี้…” ขณะที่เสียงดังก้องออกมา ร่างกายเมิ่งฮ่าว จู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงพลังอันน่าเหลือเชื่อที่พุ่งเข้ามา ผลักดันกระจายออกไปทั่วร่าง ทันใดนั้น เขาก็เริ่มพุ่งตรงไปราวกับคุนเผิง
ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งแปดคน ไม่อาจจะปิดกั้นเขาได้แม้แต่น้อย เสียงของหญิงสาวที่ดังมาจากถ้ำกำเนิดใหม่ เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของทุกคนในบริเวณนั้นเกิดความหวาดกลัว
เมิ่งฮ่าวไม่มีเวลาในการขบคิด ขณะที่เขาพุ่งออกไปจากบึงน้ำ และปรากฎขึ้นที่โลกด้านนอกในทันที ต่อหน้าสายตาของผู้ฝึกตนทุกสำนักและทุกตระกูลของดินแดนด้านใต้
สิ่งที่พวกมันมองเห็น เป็นบางสิ่งที่ดูเหมือนดาวตก ภายในดาวตกนั้นก็เป็นเมิ่งฮ่าว ซึ่งมีเส้นผมสีขาว ชุดสีแดงของโลหิต
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความสับสน แต่เพียงไม่นาน มันก็ถูกแทนที่ด้วยความเข้าใจ รู้แล้วว่าใครเป็นคนช่วยเขา
“คุนเผิง…นางก็คือคุนเผิงที่บินตรงมายังถ้ำกำเนิดใหม่ในปีนั้น…แต่ทำไมนางถึงช่วยข้า? ข้าไปหว่านเมล็ดกรรมไว้ที่นางได้อย่างไร…?”
“ทุกคนในกลุ่มพันธมิตรผนึกอสูรต่างก็เลือดเย็นไร้น้ำใจ…” นางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ “ข้าหวังว่าท่านจะแตกต่างไปจากคนเหล่านั้น” ขณะที่คำพูดของนางดังก้องอยู่ในหู ดวงตาเขาก็เบิกกว้าง
——————–
จบภาค 3 ชื่อเสียงของเมิ่งฮ่าวในสำนักจื่อยิ่น – เริ่มลงตอนใหม่ วันอังคารที่ 1 พ.ย นะครับ
ภาค 4 ความสมบูรณ์แบบห้าสี – มีทั้งหมด 314 ตอน ผมจะหยุดพัก 1 สัปดาห์ หลังจากแปลครบทุก 100 ตอนโดยประมาณนะครับ
Read »

ตอนที่ 312 : เพราะคนผู้นี้เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง!

ท่ามกลางเสียงหัวเราะ และเส้นผมสีแดงที่ปลิวไสวไปมา เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้นมา มีเม็ดยาสีม่วงอยู่ระหว่างนิ้ว! นี่เป็นเม็ดยาที่ประกอบไปด้วยเจตจำนงแห่งปีศาจ และทันทีที่มันปรากฎขึ้น เสียงกึกก้องก็ดังไปทั่วทั้งฟ้าดิน
กลิ่นอายอันยากจะอธิบายออกมาได้ พลุ่งพล่านกระจายออกมาจากเม็ดยา เต็มไปทั่วบริเวณนั้น ทำให้ใบหน้าของคนที่มุงดูอยู่ทั้งหมดเปลี่ยนไป โดยไม่ลังเล เมิ่งฮ่าวหย่อนเม็ดยาเข้าไปในปาก
เม็ดยาสีม่วง ละลายไปด้วยความเร็วอย่างน่าตกใจ ย้อมสีอวัยวะภายในของเขาราวกับมันเป็นน้ำหมึก กระจายออกไปทั่วทั้งร่างกาย
อ๊ากกกกก!
เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้นไปในท้องฟ้า ส่งเสียงแผดร้องออกมาอย่างน่าตกใจ ภายใต้หน้ากาก ใบหน้าเขาบิดเบี้ยว ดวงตาสีแดงคล้ำเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และคลื่นของความต้องการสังหารอันรุนแรง หน้ากากสีโลหิตดูเหมือนจะพอใจกับกลิ่นอายที่กระจายออกมาจากร่างของเขา ทำให้มันกระจายออกไปอย่างเข้มข้นมากขึ้น
ความเจ็บปวด!
ความเจ็บปวดอย่างไร้ขอบเขต!
ทั่วร่างของเขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกเฉือนออกเป็นชิ้นๆ ราวกับว่าเขากำลังถูกลงโทษด้วยการเฉือนเนื้อพันครั้งจนตายไป ขณะที่เกิดขึ้นเช่นนี้ มันก็ปลดปล่อยพรสวรรค์และพื้นฐานฝึกตนที่ซ่อนเร้นอยู่ทั้งหมดออกมา ราวกับว่าหีบสมบัติที่อยู่ในร่างกายได้ถูกเปิดออก ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงขั้นสุดท้ายได้วิ่งผ่านไปทั่วร่าง รู้สึกราวกับว่ามีใครมาแหวกหน้าอก ฉีกกระชากหัวใจออกมา ยกชูขึ้นไปในท้องฟ้า!
พลุ่งพล่านปั่นป่วน!
พลุ่งพล่านปั่นป่วนราวกับแผ่นดินไหว!
พลังที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ดูเหมือนจะทำให้ความทรงจำทั้งหมดของเขาหายไป และบดขยี้มันจนกลายเป็นเถ้าธุลี เจตจำนงและสติสัมปชัญญะของเขาถูกโยนเข้าไปในความสับสนปั่นป่วน ภายในความสับสนและปั่นป่วนวุ่นวายนั้น เส้นใยของความต้องการสังหารอันเข้มข้นเต็มอยู่ในร่าง!
หนึ่งเส้นใย, หนึ่งร้อยเส้นใย, หนึ่งพันเส้นใย, หนึ่งหมื่นเส้นใย, หนึ่งแสนเส้นใย…เส้นใยทั้งหมดสิบล้านเส้นใยแห่งความต้องการสังหารอันเข้มข้น!!
ความต้องการสังหารส่งผลให้จิตใจเมิ่งฮ่าวปั่นป่วนวุ่นวาย มันบดขยี้แกนของเขา ทำให้วิญญาณของเขาคลุ้มคลั่ง ปกคลุมมันด้วยความบ้าคลั่งอย่างน่ากลัว!
ความบ้าคลั่งนี้กลายเป็นความบ้าต้องการสังหาร ซึ่งสร้างความสั่นสะเทือนไปทั้งโลก มันลบล้างความสามารถในการคิดของเขาไป หลอมรวมจิตใจเขาจนกลายเป็นความว่างเปล่า เติมเต็มไปด้วยเจตจำนงของปีศาจ กลายเป็นความตั้งใจที่จะทำลายตนเอง ซึ่งทำให้พื้นฐานฝึกตนของเขาไต่ทะยานสูงขึ้นไป
ขั้นกลางสร้างแกนลมปราณ, ขั้นสุดท้ายสร้างแกนลมปราณ, วงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นสร้างแกนลมปราณ…เมิ่งฮ่าวส่งเสียงแผดร้องดังก้องไปทั่วบริเวณนั้น ทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงโดยสิ้นเชิง
เมิ่งฮ่าวไม่ได้เผชิญหน้ากับการเผาไหม้ของจิตวิญญาณ แต่เป็นการแทนที่จิตวิญญาณ เพราะเม็ดยานี้…ก็คือเม็ดยาแปลงปีศาจ! และเจตจำนงนี้ ก็คือเจตจำนงของปีศาจ!
บุคคลผู้นี้ เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง!
พื้นฐานฝึกตนถูกเผาไหม้ ปลดปล่อยจิตวิญญาณ เจตจำนงแห่งความบ้าคลั่ง และความตั้งใจทำลายตัวเอง กลายเป็นความบ้าคลั่งของปีศาจ นี่ก็คือเมิ่งฮ่าว!
ดวงตาเขาเป็นสีแดงเข้ม เต็มไปด้วยเส้นเลือด ด้วยความชั่วร้าย, ด้วยความอาฆาต ภายใต้หน้ากาก เขาเริ่มแก่ตัวลง เส้นผมสีแดงพริ้วไปมารอบๆ ตัวอย่างดุเดือด
ภาพของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ติดตรึงแน่นอยู่ในดวงตาของทุกคนที่กำลังมองมา อย่างยากที่จะลบเลือนไปได้
ในตอนนี้ ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งสิบกว่าคน ซึ่งยังคงถูกสะกดให้อยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณได้เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว พวกมันมีจำนวนมากกว่า และพื้นฐานฝึกตนโดยแท้จริงแล้วก็สูงกว่าเขามาก ดังนั้น พวกมันยังคงใกล้เข้ามา แต่ละคนเตรียมตัวโจมตี
ราวกับว่าแต่ละคนต่างก็กลัวว่าไม่อาจจะสังหารเขาได้ด้วยตนเอง และถ้าเป็นเช่นนั้นก็อาจจะมีปัญหาขึ้นได้เมื่อกลับไปยังตระกูลของพวกมัน
รังสีสังหารของพวกมัน กระจายสูงขึ้นไปจนถึงสวรรค์ ขณะที่พุ่งฝ่าอากาศมา ไม่มีใครในที่นั้นสามารถช่วยเมิ่งฮ่าวได้ ในตอนนี้ เขาโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง เพียงคนเดียวที่สามารถช่วยเขาได้ ก็คือตัวเอง เพียงคนเดียวที่สามารถพึ่งพาได้ก็คือ ตนเอง!
เสียงหัวเราะของเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ดังก้องออกไปในอากาศ และขณะที่เป็นเช่นนั้น เขาก็โบกสะบัดมือขวาไปข้างหน้า
“ไร้หน้า!”
สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน และใบหน้าขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นอีกครั้ง รอบๆ เมิ่งฮ่าว มันมีขนาดใหญ่กว่า และมีตัวตนมากกว่าก่อนหน้านี้ มันดูไม่เหมือนภาพลวงตาอีกแล้วในตอนนี้ แต่เป็นของจริง
ใบหน้านั้นพุ่งสูงขึ้นไป โลหิตไหลออกมาจากดวงตา ดูน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ราวกับปีศาจอันบ้าคลั่ง มันพุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งสิบกว่าคนที่ใกล้เข้ามา
สำหรับพวกที่มุงดู เมิ่งฮ่าวก็เหมือนกับแมลงเม่าที่กำลังบินเข้าไปในกองไฟเหมือนกำลังหาที่ตาย และด้วยการกระทำเช่นนั้น เขาก็ปลดปล่อยความงดงามแห่งชีวิตทั้งหมดออกมา ทำให้ทุกคนรู้สึกเจ็บปวดใจ
แมลงเม่าที่บินเข้าไปในกองไฟ ก็ดูเหมือนเป็นเพราะแมลงเม่าหลงรักกองไฟ มันปรารถนาที่จะไปเกิดใหม่อยู่ภายในกองไฟ สำหรับพวกที่มุงดู ก็ดูเหมือนว่าความตายเช่นนั้นไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ แต่ใครจะรู้ได้ว่าแมลงเม่านี้ไม่ได้หลงรักเปลวไฟ บางทีมันอาจต้องการจะใช้ชีวิตของมันเพื่อดับเปลวไฟนั้นก็เป็นไปได้!
เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน โลหิตสาดกระจายออกมาจากปากของเมิ่งฮ่าว ขณะที่ใบหน้าขนาดใหญ่แตกกระจาย ถึงแม้ว่าพื้นฐานฝึกตนของเขาจะพุ่งทะยานขึ้นไปเนื่องจากเม็ดยาแปลงปีศาจ เขาก็ได้เผชิญกับการโจมตีของสิบกว่าคนรวมกัน แล้วเขาจะต่อต้านได้อย่างไร?
ขณะที่โลหิตพุ่งออกมาจากปาก ร่างกายเขาก็บาดเจ็บอย่างสาหัส ดวงตาเฉยเมย และรอยยิ้มซีดเซียวก็ปกคลุมใบหน้า ขณะที่เขาลอยไปด้านหลังราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน ใบหน้าของศัตรูมากกว่าสิบเปลี่ยนไปขณะที่พวกมันเตรียมโจมตีอีกครั้ง รังสีสังหารของพวกมันราวกับลูกธนูอันแหลมคม เตรียมพร้อมที่จะแทงทะลุร่างเมิ่งฮ่าว
แต่ขณะที่พวกมันพุ่งตรงเข้าไปโจมตี ดวงตาที่เฉยเมยของเมิ่งฮ่าว ก็สาดประกายด้วยความบ้าคลั่งอย่างดื้อรั้น
“หนึ่งคำ!” เขาร้องออกมา ด้วยเสียงแหบแห้ง น่าตกใจที่เขากำลังใช้พลังอันน่ากลัวของเม็ดยาแปลงปีศาจ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของขุมทรัพย์เซียนโลหิต
ขณะที่คำพูดดังออกมาจากปาก ใบหน้าที่แตกกระจาย ทันใดนั้นก็หยุดการพังทลาย รอยร้าวที่ปกคลุมมันก็ดูเหมือนจะพลุ่งพล่านไปด้วยความดุร้าย ขณะที่กลุ่มหมอกสีแดงจำนวนมากมายกระจายออกมาจากใบหน้านั้น
กลุ่มหมอกสีแดงกระจายไปทั่วที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ใบหน้าขนาดใหญ่เหมือนจะผ่านกาลเวลาอย่างรวดเร็ว มันเริ่มหดตัว และรอยร้าวก็หายไป กลับมาเป็นปกติขึ้นอีกครั้ง และจากนั้น…ในตำแหน่งที่ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นเป็นรูปปาก ริมฝีปากก็ปรากฎขึ้น
ปากอ้าขึ้น และดูเหมือนกำลังพูดออกมา แม้จะไม่มีใครสามารถได้ยินเสียงของมันก็ตาม แต่…ทันทีที่เสียงที่ไม่ได้ยินนั้นปรากฎขึ้น ชายชราสิบกว่าคนนั้นก็รู้สึกว่าจิตใจของพวกมันสั่นสะท้าน เส้นโลหิตปกคลุมไปทั่วร่างพวกมันในทันที ราวกับว่าพวกมันกำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ในทันใด
ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวได้พูดประโยคที่สามออกมา
“ไฟสงครามรวมเป็นหนึ่ง!”
ไร้หน้า, หนึ่งคำ, ไฟสงครามรวมเป็นหนึ่ง!
นี่คือหนึ่งในสามความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของขุมทรัพย์เซียนโลหิต ถูกบังคับให้กลายเป็นความเคลื่อนไหวโดยเมิ่งฮ่าว กลุ่มควันพุ่งขึ้นไปจากทั่วทุกทิศทางในทันที ตามด้วยเปลวไฟแห่งสงคราม บิดเบี้ยวลอยไปมารอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว ด้วยเสาแห่งไฟขนาดใหญ่ที่หมุนวนไปมา เสียงกระหึ่มกึกก้องของมันพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์
กระดูกเมิ่งฮ่าวหักมากขึ้น พิรุณโลหิตพุ่งออกมาจากร่างกาย ขณะที่ร่างของเขาล้มกลิ้งไปบนพื้น การลดลงของพลังทำให้หน้ากากหลุดออกมาจากใบหน้าเขาอย่างรุนแรง
รูปลักษณ์ของเมิ่งฮ่าวราวกับเป็นชายชรา ใบหน้าซีดขาว ขณะที่เขานอนอยู่ที่นั่นบนพื้น แต่ความบ้าคลั่งของปีศาจก็ยังคงสาดประกายอยู่ภายในดวงตา
พื้นฐานฝึกตนของเขาอยู่ในจุดที่กำลังถูกทำลายไป ร่างกายดูเหมือนจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ ต้องสูญเสียอายุขัยไปอย่างมากมาย แต่หัวใจก็ยังไม่ยอมพ่ายแพ้ มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นว่า เขาเลือกที่จะเผาไหม้ตัวเองต่อไป
เสียงกระหึ่มดังก้องอยู่ในอากาศ ขณะที่เสาแห่งไฟยืดขยายออกไป ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งสิบกว่าคนนั้น ค่อยๆ ถอยห่างออกไป น่าตกใจที่สามคนของพวกมัน กระอักโลหิตออกมาในทันที
พลังอันรุนแรงของความสามารถศักดิ์สิทธิ์เมิ่งฮ่าว ช่างน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
“ขุมทรัพย์เซียนโลหิตช่างน่าเหลือเชื่อนัก…” หนึ่งในผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งกล่าว สีหน้าของชายชราทั้งสิบกว่าคนเคร่งขรึมดุร้าย โดยเฉพาะสามคนที่ได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บของพวกมันไม่ได้สาหัสมากนัก แต่พวกมันก็ร่วมโจมตีผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณเพียงคนเดียว การเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นสำหรับพวกมันแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับได้
“มันจบลงแล้ว” ชายชราอีกคนกล่าวขึ้น พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว เขาไม่มีพลังที่จะต่อสู้กลับมาอีกแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสไปทั่วร่าง ราวกับตะเกียงที่ขาดน้ำมัน พวกมันค่อยๆ เดินตรงไปที่เขา เตรียมตัวที่จะจบการเผชิญหน้าอย่างยากลำบากนี้
ฉื่อชิงตัวสั่นสะท้าน นางกำลังจะวิ่งออกไป แต่หานเป้ยก็พุ่งเข้ามาถึงตัว และคว้าจับแขนนางไว้ ดึงนางกลับไปด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่อ
ฉื่อชิงหันมามองหานเป้ย ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวหัวเราะออกมา
ผิวกายเขาขาวซีด มีรูปลักษณ์ที่แก่ชรา เขาไม่ได้เยาว์วัยอีกต่อไป แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่มองเห็นได้ภายในสีหน้าของเขา ซึ่งยังคงอยู่ที่นั่นตลอดไป…
เสียงหัวเราะของเขาประกอบไปด้วยสิ่งแปลกๆ บางอย่าง, เป็นบางอย่างที่ดุร้าย ซึ่งเต็มไปด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น!
“ตื่นขึ้นมา, อ๋าวเฉี่ยนของข้า!” เขากล่าว ตระเกียกตระกายดิ้นรน ยกมือขวาขึ้นมา และวางลงไปบนหน้ากากสีโลหิตอย่างอ่อนโยน ขณะที่เขาพูดคำนั้น ดวงตาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความมุ่งหวัง
ในตอนที่เมิ่งฮ่าวได้บรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ เขาก็รู้สึกได้ถึงการจำศีลของอ๋าวเฉี่ยน เขารู้ว่าถึงแม้มันจะยังคงหลับอยู่ ก็เป็นไปได้ที่มันจะตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลได้ทุกเมื่อเป็นระยะ
สิ่งที่เขาต้องทำทั้งหมดก็คือการเรียกมัน, ปลุกมัน นี่คือ…ความต้องการสังหารอย่างแท้จริงของเขา อันที่จริง ทุกสิ่งที่เมิ่งฮ่าวได้กระทำไปจนกระทั่งถึงตอนนี้ ก็เพียงแค่ซื้อเวลาที่จะให้อ๋าวเฉี่ยนได้ตื่นขึ้นมา ตลอดเวลาเขาได้ร้องเรียกมันอย่างเงียบๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
เริ่มจากตอนที่อยู่ภายในอาณาจักรจิตใจ ตลอดเวลาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ตอนต่อสู้อย่างดุร้ายถึงตาย เขาได้ร้องเรียกอ๋าวเฉี่ยนอย่างเงียบๆ เขาได้เรียกมันอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งถึงตอนเมื่อครู่นี้ เมื่อเขาสูญเสียพลังสุดท้ายทั้งหมดที่จะต่อสู้กลับไป ก็เป็นตอนที่อ๋าวเฉี่ยน…ในที่สุดก็แสดงให้เห็นว่ามีการขยับตัว
การขยับตัวนี้ประกอบไปด้วยความตื่นเต้น รวมถึงความบ้าคลั่งที่เหมือนกับความบ้าคลั่งที่เต็มอยู่ในตัวเมิ่งฮ่าว ดูราวกับว่าอ๋าวเฉี่ยนกำลังใช้พลังทั้งหมดที่มันมี เพื่อต่อสู้กับการหลับใหลที่สะกดมันไว้ มันตื่นขึ้นมา เต็มไปด้วยความต้องการเดียวกับที่เคยมีอยู่ ในการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต มันจะต้องปกป้องเจ้านายของมัน
ชายชราสิบกว่าคนพุ่งตรงมา และขณะที่พวกมันทำเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือออกไปแตะหน้ากากสีโลหิต จากนั้น เขาก็ร้องเรียกอ๋าวเฉี่ยน หน้ากากเริ่มสั่นสะท้านขึ้นในทันที มันลอยขึ้นไปในอากาศด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ หยุดอยู่กลางอากาศที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
ทันใดนั้น จอภาพสีโลหิตขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้น มีความกว้างมากกว่าหนึ่งร้อยจ้าง
จอภาพสีโลหิตขนาดใหญ่นั้นดูราวกับเป็นกระจกโลหิตขนาดใหญ่ เมื่อมันปรากฎขึ้น พื้นผิวของกระจกก็เต็มไปด้วยระลอกคลื่นมากมายจนนับไม่ถ้วน รวมถึงเสียงคำรามซึ่งดังออกมาจากด้านใน
เสียงคำรามนั้นทำให้สวรรค์สั่นสะท้านพื้นดินสั่นสะเทือน และทำให้ใบหน้าของชายชราสิบกว่าคนนั้นหมองคล้ำลงในทันที เป็นเสียงที่เหมือนกับอ๋าวเฉี่ยนได้พบกับศัตรู และกำลังข่มขู่มัน เสียงนั้นดังก้องไปทั่วในอากาศ กระจายผ่านกลุ่มหมอกสีดำไปยังโลกด้านนอกของบึงน้ำ
ผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณของตระกูลจี้ ซึ่งถูกกักโดยปรมาจารย์ตระกูลหวัง ทันใดนั้น ก็ลืมตาขึ้นมา ม่านตามันหรี่เล็กลง ที่เบื้องหน้ามันปรมาจารย์ตระกูลหวังหอบหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความประหลาดใจ
เสียงแผดร้องอย่างบ้าคลั่งจนสะเทือนไปถึงสวรรค์ ดังออกมาจากภายในจอภาพสีโลหิตนั้น มันเป็นเสียงแผดร้องของสัตว์อสูร ซึ่งเต็มไปด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้นและบ้าคลั่ง ขณะที่เสียงแผดร้องดังเต็มอยู่ในอากาศ ชายชราสิบกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าว ก็รู้สึกถึงความเป็นตายอันวิกฤตถึงแก่ชีวิต พุ่งขึ้นมาจากจิตใจของพวกมันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในทันที
ในตอนนี้เองที่พื้นผิวของจอภาพสีโลหิตบิดเบี้ยวไปมา ราวกับว่า…มีบางสิ่งกำลังพยายามทะลวงออกมา!
Read »

ตอนที่ 311 : นี่คือผู้ฝึกตน!

ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งขรึม ขณะที่เขามองไปรอบๆ ยังกลุ่มหมอกที่ปั่นป่วนไปมา เขากัดลงไปที่ปลายลิ้นเล็กน้อย พ่นโลหิตออกมาในทันใด ทันทีที่ละอองโลหิตลอยออกไปในอากาศ ก็กลายเป็นกลุ่มหมอกโลหิตอยู่ใต้เท้าเมิ่งฮ่าว
วิธีการนี้ช่วยให้เขาเพิ่มความเร็วได้หลายครั้ง จู่ๆ เขาก็ไปปรากฎตัวขึ้นที่ห่างไกลออกไปอีกสิบหลี่ ด้านข้างของซากศพเซียนที่กำลังหดตัวลง
ทันทีที่เขาทำเช่นนั้น ก็กระอักโลหิตออกมา และเส้นผมสีดำก็กลายเป็นสีขาวอีกครั้ง เมื่อครู่นี้ เขาได้ใช้หนึ่งในวิชาต้องห้ามของขุมทรัพย์เซียนโลหิต ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณสามารถใช้วิชานี้ เพื่อเร่งความเร็วได้เกินกว่าความสามารถของร่างกายปกติ
มันไม่ใช่การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย แต่ก็ช่วยย่นระยะทางได้บ้าง ซึ่งก็ไม่แตกต่างกันมากนัก การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง สำหรับผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ สามารถใช้วิชาลับนี้ได้เพียงสามครั้งตลอดชั่วชีวิตของพวกมัน
ขณะที่ร่างเมิ่งฮ่าวหายลับไป ตำแหน่งที่เขาเพิ่งจะอยู่เมื่อครู่นี้ก็พังทลายลง อากาศกำลังแตกกระจาย เนื่องจากวิชาลับนี้ เขาไม่เคยทำบางสิ่งด้วยการใช้ทักษะและพลังเช่นนี้มาก่อน
นี่เป็นหนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงจากความตาย!
พื้นที่ทั้งหมดได้ถูกปิดกั้นด้วยเวทปิดผนึก ทำให้ไม่สามารถใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลได้ วิชาลับนี้ก็ไม่ใช่เป็นการเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย แต่เป็นการระเบิดเพิ่มความเร็ว ซึ่งทำให้เขาต้องกระอักโลหิตออกมา บ่งชี้ให้เห็นว่าอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้น เสียงแตกร้าวก็ได้ยินออกมาจากขาทั้งสองข้าง
ใบหน้าเขาซีดขาว แต่เขาก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ม่านตาส่องประกายสีม่วง ขณะที่เขาลดอายุขัยของตัวเองลงเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
อายุขัยของเมิ่งฮ่าวได้เพิ่มขึ้นหลังจากที่บรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ กล่าวโดยทั่วไป เขาอาจสามารถมีชีวิตอยู่ประมาณสี่ร้อยปี แต่ในตอนนี้ เขาได้สูญเสียอายุขัยไปเป็นจำนวนมาก
ถึงจะเป็นราคาที่ต้องจ่ายไป เขาก็ยังคงดูเยาว์วัย แต่มีใบหน้าซีดขาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะใช้วิชาแปลงม่านตาม่วงมาช่วยแก้ไขได้
“พวกมันยังคงมีเปรียบ” รอบๆ เมิ่งฮ่าว ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งจากตระกูลจี้และตระกูลหลี่ ถึงแม้จะถูกจำกัดอยู่ที่ขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของสร้างแกนลมปราณ ก็ยังคงพุ่งฝ่าอากาศมาเป็นเสียงแหลมเล็กด้วยความรวดเร็วสูงสุด
เมิ่งฮ่าวหลบเลี่ยงพวกมันได้เมื่อครู่นี้ ทำให้สายตาของผู้อาวุโสกลุ่มนี้เปลี่ยนไป ความจริงที่ว่าเขาได้หลบเลี่ยงจากความตายไปเมื่อครู่นี้ ทำให้พวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หานเป้ย, ฉู่อวี้เยียน และคนอื่นๆ ที่กำลังมองมาจากที่ห่างไกล จิตใจเต็มไปด้วยความตกตะลึง
มือของฉื่อชิงกำเป็นหมัดจนแน่น และนางก็กำลังขบกัดริมฝีปาก มองไปยังเมิ่งฮ่าว ใบหน้านางซีดขาว ตั้งใจจะช่วยเขา แต่เมิ่งฮ่าวที่เหนื่อยหอบก็เพิ่งจะใช้สายตาติดต่อกับนาง และภายในสายตานั้นก็เป็นข้อความที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่ยอมให้นางมายุ่งเกี่ยวด้วย
อย่าได้ทำให้ความพยายามทั้งหมดของข้าต้องสูญเปล่า เขาบอกนางผ่านทางสายตา นางมองมา ตัวสั่นสะท้าน น้ำตาเอ่อล้นขอบตา
หนึ่งในชายชราจากตระกูลหลี่พุ่งตรงไป จ้องมายังเมิ่งฮ่าว “ข้าดูถูกเจ้ามากไป, ผู้เยาว์” มันกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงเย็นชา “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าสามารถสังหารเต้าจื่อของพวกข้าได้ แต่ในวันนี้ เจ้าไม่มีทางหลบหนีไปได้! เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
“ช่างเป็นอุจจาระที่เหม็นคลุ้งนัก!” เมิ่งฮ่าวตอบ ตบไปที่ถุงสมบัติ หน้ากากสีโลหิตปรากฎขึ้น และเขาก็สวมมันลงไปโดยไม่ลังเล ขณะที่มันหลอมรวมเข้ากับใบหน้า กลิ่นอายโลหิตก็กระจายออกมา ใครก็ตามที่มองมาต้องสั่นสะท้านขึ้นในทันที
เฉินฟ่านและคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่มากนัก ขณะที่ปราณโลหิตอันน่ากลัวปกคลุมไปทั่ว พวกมันก็ถอยไปด้านหลังสองสามก้าว แต่ในทางกลับกัน ใบหน้าของผู้อาวุโสจากตระกูลจี้และหลี่ เปลี่ยนไปในทันที
ชุดยาวสีเขียวของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็อาบไล้ไปด้วยแสงสีแดง ทำให้ดูเหมือนเขากำลังสวมใส่ชุดสีโลหิต แสงสีแดงเข้มและหน้ากากสีแดง ซึ่งไร้หน้า มีแค่ดวงตาสองดวง ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง รำลึกถึงภาพที่พวกมันเคยเห็นในบันทึกโบราณของตระกูลขึ้นมาทันที
เซียนโลหิตแห่งชนเผ่าไท่เอ้อโบราณ!
มันดูเหมือนกันเป็นอย่างยิ่ง!
รังสีสังหารอันเข้มข้น ความต้องการสังหารอันเดือดพล่าน ทันใดนั้น ก็พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ด้านบนศีรษะเมิ่งฮ่าวกลายเป็นแกนปราณสีแดง กระจายออกมาทั่วทุกทิศทาง
ด้านล่างเมิ่งฮ่าว ซากศพเซียนได้หดตัวลงจนกระทั่งมีขนาดเล็กกว่าสิบจ้าง
ชายชราสิบสองคนหรือมากกว่านั้น จากตระกูลจี้และหลี่ ยังคงพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว หนึ่งในแปดผู้อาวุโสตระกูลจี้ ดวงตาแวบขึ้นด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น กล่าวขึ้น “ช่างไม่ประมาณตนนัก!”
เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะปลอดภัย มันได้ตัดสินใจที่จะสังหารเมิ่งฮ่าวด้วยตัวเอง โดยไม่มีการลังเลหรือความเวทนาใดๆ ที่มันได้ทำลายชื่อเสียงของตัวเองลง โดยการสังหารคนที่อ่อนแอกว่า มันพุ่งตรงมาอยู่ด้านหน้าคนอื่นๆ รังสีสังหารอันรุนแรงพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์
“ตาย!!” มันร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงดุร้ายน่ากลัว ยกมือขวาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยปกติ เมิ่งฮ่าวไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เช่นนี้เนื่องจากความรวดเร็วของเขา แต่ตอนนี้ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นภาพเลือนลางได้
ชายชราผู้นั้นกำลังใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง!
“ไร้หน้า!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายสีแดง ขณะที่เขาโบกมือขวา เส้นผมเป็นสีขาวไปทั่วทั้งศีรษะ แต่เนื่องจากมันถูกย้อมด้วยแสงสีแดงเข้ม ทำให้ดูเป็นสีแดงอย่างแท้จริง!
แกนปราณเดือดพล่าน กลายเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ในทันที ดวงตาข้างซ้ายดูแปลกประหลาด ในขณะที่เมิ่งฮ่าวปรากฎขึ้นในดวงตาข้างขวา บินออกไป มุ่งหน้าตรงไปยังผู้อาวุโสตระกูลจี้และหลี่ เสียงระเบิดดังกึกก้องเต็มอยู่ในอากาศ
เสี่ยงเดิมพันด้วยชีวิต! ทำลายศัตรูให้หมดสิ้นเพื่อการคงอยู่ของตัวเอง!
ทันทีที่เสียงระเบิดได้ยินออกมา พื้นดินก็กระเพื่อม ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน แม้แต่กลุ่มหมอกสีดำ เสียงระเบิดนี้สามารถได้ยินแม้จะอยู่ที่ด้านนอกของบึงน้ำ
ดวงตาของปรมาจารย์จื่อหลัว แห่งสำนักชิงหลัวสาดประกาย ด้านหลังมัน ปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณ แห่งสำนักชิงหลัวก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน พวกมันบินขึ้นไป และกำลังจะมุ่งหน้าเข้าไปในกลุ่มหมอกสีดำ แต่ทันใดนั้นเอง สองปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณแห่งสำนักจื่อยิ่นก็หายตัวไป เมื่อกระพริบตาอีกครั้ง พวกมันก็มาอยู่ตรงหน้าสองปรมาจารย์จากสำนักชิงหลัว
“ถ้าเจ้ายื่นเท้าไปอีกก้าว ก็อย่าได้ตำหนิว่าพวกข้าสังหารเจ้า” หนึ่งในปรมาจารย์สำนักจื่อยิ่นกล่าว น้ำเสียงน่ากลัว ดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหารและโทสะ
ย้อนกลับไปด้านในของกลุ่มหมอกสีดำ เสียงกึกก้องยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบตัวเมิ่งฮ่าวแตกกระจายไป โลหิตกระจายออกมาจากปาก ขณะที่กระดูกเกือบครึ่งในร่างเขาแตกหัก บาดแผลนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วร่าง จากโลหิตที่ไหลออกมา ทำให้เสื้อผ้าเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างแท้จริง เสื้อผ้าสีแดงไม่ได้เกิดจากแสงสีแดงเข้มที่กระจายอยู่ในอากาศอีกต่อไป ตอนนี้เขากำลังสวมใส่ชุดสีโลหิตอยู่จริงๆ!
ร่างกายลอยละลิ่วไปด้านหลัง ตกลงไปบนซากศพเซียน สั่นไปทั้งร่าง กัดฟันแน่น และลุกขึ้นมายืน ตอนนี้ เมิ่งฮ่าวดูเหมือนกับตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหวังเถิงเฟย ในสำนักเอกะเทวะเป็นอย่างมาก…ความยืนกรานดื้อรั้น และจิตใจอันแข็งแกร่งของเขา ยังคงมีอยู่ตลอดไป แม้ว่าร่างกายของเขาอาจจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ!
แสงสีแดงสาดประกายอยู่ในดวงตา โลหิตจากร่างเขาหยดลงไปบนซากศพเซียนที่อยู่ใต้เท้า ซึ่งตอนนี้มีความสูงน้อยกว่าห้าจ้าง
สำหรับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งจากตระกูลจี้ ร่างของมันสั่นสะท้าน และใบหน้าก็หมองคล้ำลง มันไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด การโจมตีของมันเมื่อครู่นี้ เป็นพลังของวงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นสร้างแกนลมปราณ แม้จะเป็นพลังเพียงเล็กน้อย ก็ควรจะมากเกินพอที่จะทำลายผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณได้ แต่เมิ่งฮ่าว…ก็ยังไม่ตาย!
รังสีสังหารอันเข้นข้นส่องประกายอยู่ในดวงตาของมันในทันที พร้อมด้วยความโลภอยากได้
มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว อยู่แค่ขั้นต้นของสร้างแกนลมปราณ การที่เขาสามารถใช้พลังเมื่อครู่นี้…ก็เนื่องมาจากหน้ากากสีโลหิตนั่นเท่านั้น!
ไม่ใช่มันเพียงคนเดียวที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ ทุกคนที่อยู่ข้างเดียวกับมันก็เริ่มมองตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาอันเจิดจ้า
การโจมตีของเมิ่งฮ่าว ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้ แต่เมื่อพิจารณาถึงพื้นฐานฝึกตนของเขา การที่เขาสามารถต้านทานการโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ที่ถึงแม้จะถูกสะกดข่มไว้ก็ตาม ก็แสดงให้เห็นว่าหน้ากากนั้นทรงพลังมากแค่ไหน
สามารถกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า เมื่อสวมหน้ากากนั้น เมิ่งฮ่าวก็จะแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
แต่อย่างไรก็ตาม…ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังคงไม่อาจต่อสู้กับศัตรูได้ ร่างกายของเขาใกล้จะพังทลายลง ราวกับตะเกียงที่ขาดน้ำมัน ภายใต้หน้ากากนั้น ใบหน้าเขาซีดขาว และเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่ดวงตาก็ลุกโชนไปด้วยความบ้าคลั่ง และเปล่งแสงสีม่วงออกมา
อีกครั้ง ที่เขาเผาผลาญอายุขัยเพื่อรักษาตัวเอง
เขามองไปยังผู้ฝึกตนสิบสองคนหรือมากกว่าใกล้เข้ามา และทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าและหัวเราะออกมา สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความทรนงและแข็งกร้าว เป็นความดื้อรั้นที่บ่งชี้ให้เห็นว่า เขาจะไม่มีวันก้มหัวให้
เขาคือเจ้าโอสถจอมกระถาง! เขาคือผู้ผนึกอสูรรุ่นที่เก้า! เขาคือฟางมู่! เขา…ก็คือเมิ่งฮ่าว!
เขาเกิดมาเพื่อเป็นนักศึกษา แต่วันนี้ เขาคือผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ เขากำลังต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งสิบสองคนหรือมากกว่านั้น พวกมันถูกสะกดพื้นฐานฝึกตนลง และเนื่องจากหน้ากากสีโลหิต ทำให้เขาเกือบจะไม่ใช่มนุษย์ แต่ถ้าคิดว่าในดินแดนด้านใต้ทั้งหมด ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำเรื่องนี้ได้!
ดังนั้น เมิ่งฮ่าวจึงหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ไร้ความเสียใจใดๆ เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสง่าทรนง เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความดื้อรั้น ที่ดังไปจนถึงสวรรค์!
การทำลายพลังชีวิตเพื่อรักษาตัวเอง ทำให้ใบหน้าภายใต้หน้ากากแก่ชราลงอย่างรวดเร็ว เส้นผมที่ยาวสยายของเขา ได้กลายเป็นสีขาวไปทั้งหมดนานแล้ว แต่จากมุมมองของบุคคลภายนอก ภายใต้แสงสีแดงคล้ำ เส้นผมของเขาเป็นสีแดงเจิดจ้า!
ภาพนี้ได้ประทับลึกลงไปในจิตใจของทุกคนที่กำลังมองมาในทันที ขณะที่ผู้ถูกเลือกทั้งหมดของดินแดนด้านใต้ ถูกเคลื่อนย้ายออกมาจากอาณาจักรจิตใจที่พังทลายลง สิ่งแรกที่พวกมันมองเห็นก็คือเมิ่งฮ่าว ภาพนี้ประทับเข้าไปในจิตใจพวกมัน เป็นบางสิ่งที่พวกมันไม่อาจลบเลือนไปได้ ไม่ว่าหนึ่งร้อยปี, หนึ่งพันปี หรือตลอดทั้งชีวิต!
ในตอนนี้ เขาเหมือนกับดวงตะวันอันเจิดจ้า อยู่ในท้องฟ้ายามเที่ยง เป็นตัวแทนของชนรุ่นหลัง ซึ่งจะไม่มีใครที่เหมือนเขาจะปรากฎขึ้นมาอีก ไม่มีใครสามารถเหนือกว่ากับเมิ่งฮ่าวได้
นี่เป็นสิ่งที่แต่ละคนกำลังคิดอยู่
ผู้ถูกเลือก? เต้าจื่อ? เขากำลังสวมใส่หน้ากาก, เส้นผมสีแดงของเขาพริ้วไปมา, เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งมากกว่าสิบคน และกำลังหัวเราะ…พวกมันทั้งหมดราวกับเป็นแมลงตัวเล็กๆ!
“นั่นก็คือ…ผู้ฝึกตน!” ยากที่จะบอกว่าใครเป็นคนกล่าวคำนี้ขึ้นเป็นคนแรก แต่ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อที่จะดังสะท้อนอยู่จิตใจของผู้ถูกเลือกทุกคน
———-
หมายเหตุจาก ผู้ประพันธ์-เอ่อเกิน : ผู้ฝึกตนต้องยืนหยัดอย่างทรนง เงยหน้าไม่ละอายฟ้า ก้มหน้าไม่ละอายดิน, ผู้ฝึกตนต้องมีความดื้อรั้นที่จะไม่ยอมก้มหัว, ไม่ว่าจะต้องต่อสู้หรือมีโลหิตไหลนอง นั่นก็คือผู้ฝึกตน สำหรับผู้ประพันธ์-เอ่อเกิน : ผู้ฝึกตนก็คือคนที่ยืนหยัด, ถึงร่างจะเต็มไปด้วยโลหิต, เส้นผมจะเป็นสีขาว ก็ยังเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างทรนง ไม่ว่าจะมีอันตรายใดๆ, เส้นทางยากเย็นเพียงไหน ผู้ฝึกตนก็จะกัดฟันแน่น เงยหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา! ด้วยท่าทางเช่นนี้ คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นตำนาน! นั่นก็คือคำว่าผู้ฝึกตนของผู้ประพันธ์-เอ่อเกิน
Read »

ตอนที่ 310 : ยังคงเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าเหมือนเช่นเคย!


“บัดซบ!” หญิงสาวแผดร้องออกมา นางเป็นผู้ที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง และท่าทางก่อนที่นางจะโจมตีเมื่อครู่นี้ก็มีเสน่ห์และอ่อนโยน แต่การเคลื่อนไหวของนางก็ระเบิดออกมาราวกับมังกร
ตอนนี้ เสียงแผดร้องของนางก็เต็มไปด้วยพลังอำนาจ และกลิ่นอายนั้นก็เหมือนจะประกาศก้องว่า นางเป็นบุคคลที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในโลกแห่งนี้ เมื่อได้เห็นนางมีท่าทีเช่นนี้ ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวขนหัวลุก เขาไม่เคยพบเห็นหญิงสาวที่มีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน
“บัดซบ!” นางแผดเสียง กำมือขวาเป็นหมัด กระแทกลงไปบนพื้น ซึ่งมีเหลืออยู่ไม่มากนัก และเสียงระเบิดก็ทำให้พื้นที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นสลายมากขึ้นไปอีก
“ทำไมมันไม่เป็นสีดำ!?”
ตูม!
“ทำไมมันไม่เป็นสีแดง!?”
ตูม!
“ทำไมมันไม่เป็นสีม่วง!?”
ทุกประโยค นางก็กระแทกหมัดลงไปบนพื้นรอบๆ เมิ่งฮ่าวอย่างรุนแรง ทำให้พื้นดินเริ่มแตกสลายไป ในที่สุด ก็มีเพียงตำแหน่งที่อยู่ใต้เท้าของเขาที่ยังคงเหลืออยู่
หมัดที่กระแทกลงไปทำให้ความว่างเปล่าที่อยู่รอบๆ คนทั้งสองเริ่มแตกสลายไป…
ขนทั่วร่างเมิ่งฮ่าวลุกชี้ชันมากขึ้น หญิงสาวนางนี้ต้องบ้าอย่างแน่นอน! ด้วยพลังอันแปลกประหลาดเช่นนั้น…จริงๆ แล้วก็มากเกินกว่าจินตนาการของเมิ่งฮ่าว เขารู้สึกว่าแม้เขาจะสวมใส่หน้ากากสีโลหิต ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนบ้าผู้นี้
ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็คิดกลับไปยังคำพูดของจี้หงตงที่เกี่ยวกับหญิงสาวนางนี้ ทันใดนั้น เขาก็เห็นด้วยโดยสิ้นเชิง
เมื่อได้เห็นนางกระแทกความว่างเปล่าให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เมิ่งฮ่าวก็หันหลัง และพุ่งออกไปยังทิศทางอื่นในความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาพุ่งออกไป ก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของหญิงสาวแซ่ฟาง
“ทำไมมันต้องเป็นสีเขียว!?”
ตูม!
เมิ่งฮ่าวใบหน้าซีดขาว เตรียมตัวเคลื่อนย้ายออกไปจากความว่างเปล่านี้ มองลงไปยังหลังมืออย่างรวดเร็ว และเครื่องหมายนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป
“เป็นเพราะเครื่องหมายนี้จริงหรือไม่…” เขาคิด ลังเลอยู่สักพัก คิดย้อนกลับไปยังความพิลึกของหญิงสาวที่คลุ้มคลั่งนั้น เขาก็เริ่มขนลุก จากตอนที่เขายังเยาว์จนกระทั่งตอนที่เขาเติบใหญ่ จากตอนที่เขาเป็นนักศึกษา จนกระทั่งถึงตอนที่เริ่มฝึกฝนวิถีเซียน นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตกใจกลัวหญิงสาวนางหนึ่ง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสลัวเลือนลาง เมื่อมันกระจ่างชัดขึ้น เขาก็มองเห็นกลุ่มหมอกสีดำอยู่ด้านบน และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย นี่คือ…อาณาเขตของถ้ำกำเนิดใหม่
ตอนนี้ ซากศพเซียนได้หดตัวลงอย่างรวดเร็ว จากที่มองไป อีกไม่นานมันก็จะเปลี่ยนเป็นมีขนาดเท่ากับมนุษย์ธรรมดา
ผู้คนกำลังถูกเคลื่อนย้ายออกมายังทุกที่ ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้น เขาก็หยิบเอาเครื่องรางนำโชคออกมา ใช้เวลาไม่นานก็ทดสอบมันได้ และเมิ่งฮ่าวก็ขมวดคิ้ว ตามที่เขาคาดคิดไว้ มันไม่ทำงาน
เก็บเครื่องรางนำโชคกลับเข้าไป เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปยังทิศทางของถ้ำกำเนิดใหม่ในทันที ก่อนที่เขาจะโผล่ออกมา ก็ได้ตัดสินใจแล้ว รู้ว่าต้องติดอยู่ในบริเวณนี้ และถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้
โอกาสเดียวที่จะมีชีวิตรอดจากเส้นทางแห่งความตายนี้…ถ้ำกำเนิดใหม่!
ด้วยเส้นทางแห่งความตายเช่นนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้ของเขา ก็ยังพอมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอด!
เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก มันคือการเดิมพัน แต่เขาก็ได้คิดไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว และด้วยเช่นนั้น ก็พุ่งตรงไปในทันที
ทันทีที่เขาเคลื่อนย้ายทางไกลออกมา ด้านนอกของบึงน้ำที่เต็มไปด้วยกลุ่มหมอก ตรงจุดที่มีเสาแห่งแสงมากกว่าสิบเสาตั้งอยู่ ดวงตาของบุรุษวัยกลางคนจากตระกูลจี้ทันใดนั้นก็เปิดขึ้นมา
“มันอยู่ที่นี่แล้ว!” มันกล่าว โบกสะบัดมือขวา ภาพเรืองแสงก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้ามันในทันที ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเมิ่งฮ่าวที่กำลังหลบหนี “มันมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ!” มันพูดเสียงราบเรียบ ขยับร่างไล่ตามไป ผู้อาวุโสขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งแห่งตระกูลจี้ ติดตามมันเข้าไปในกลุ่มหมอกของบึงน้ำ ใบหน้พวกมันเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยรังสีสังหาร
ผู้ฝึกตนสิบสองคนหรือมากกว่านั้นของตระกูลหลี่ ก็บินขึ้นไปในอากาศด้วยความรวดเร็วเช่นเดียวกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความต้องการสังหาร ขณะที่พวกมันไล่ติดตามเมิ่งฮ่าวไป
ไม่ว่าใครก็ตามในกลุ่มคนเหล่านี้ สามารถสังหารเมิ่งฮ่าวด้วยการสะบัดนิ้วแค่ครั้งเดียว แต่พวกมันทุกคนก็ร่วมไล่ตามเมิ่งฮ่าวไป ด้วยความรู้สึกว่าพวกมันต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
พวกมันเข้าไปในกลุ่มหมอก แต่ขณะที่ทำเช่นนั้น ไม่มีแม้แต่คนเดียวจะสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของปรมาจารย์รุ่นสิบของตระกูลหวัง มันยิ้มขณะที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน มันเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป และไม่มีใครสังเกตเห็นมัน ขณะที่มันเข้ามาร่วมอยู่ภายในกลุ่มหมอก
ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งจากตระกูลจี้และตระกูลหลี่ พุ่งผ่านเข้าไปในหมอกสีดำ และขณะที่พวกมันทำเช่นนั้น พื้นฐานฝึกตนของพวกมันก็ถูกสะกดลงอย่างช้าๆ ในทีสุด พวกมันก็กลับไปอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของสร้างแกนลมปราณ
แม้จะเป็นเช่นนี้ ใครก็ตามในพวกมันก็แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสังหารเมิ่งฮ่าวได้ในทันที
พวกมันมุ่งหน้าตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่ผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นตัดวิญญาณจากตระกูลจี้ พื้นฐานฝึกตนของมันก็ถูกสะกดลงด้วย มันพยายามต่อต้าน แต่ก็ไม่นานมากนัก ในตอนนี้ พื้นฐานฝึกตนของมันก็อยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง
มันกำลังเคลื่อนที่ตรงไปด้วยความเร็วสูงสุดผ่านกลุ่มหมอก ขณะที่มันแหวกฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็ก ทันใดนั้น มันก็ได้ยินเสียงกระแอมไอ ซึ่งฟังดูโบราณเป็นอย่างมาก ดังมาจากที่ห่างออกไปด้านข้าง
เสียงไอนั้นดังขึ้นอย่างกระทันหัน ทำให้ใบหน้าบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนไปในทันที และหยุดการเคลื่อนที่ลงชั่วคราว
“ท่านเป็นใคร?!” มันกล่าว ความกังวลและสงสัยปรากฎขึ้นบนใบหน้า ถึงแม้พื้นฐานฝึกตนของมันจะถูกสะกดไว้ มันก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นตัดวิญญาณอันแข็งแกร่ง มันสามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายที่แวบขึ้นมาทันทีที่มันได้ยินเสียงไอ กลายเป็นเสียงหึ่งๆ อยู่ในจิตใจ และมันก็รู้สึกว่าเจ้าของเสียงนั้น สามารถสังหารมันได้ในทันที ถ้าคนผู้นั้นต้องการจะทำ
“ผู้อาวุโสท่านไหนที่อยู่ที่นี่?” มันถาม ขนลุกชี้ชัน มันคิดเกี่ยวกับถ้ำกำเนิดใหม่ และทันใดนั้น ความรู้สึกถึงวิกฤตอันตรายก็เต็มอยู่ในจิตใจ ทำให้มันเริ่มหอบหายใจ “ผู้อาวุโส, ข้าเป็นคนในตระกูลจี้…”
“จี้สืออี, ยังสบายดีอยู่หรือไม่?” เสียงโบราณนั้นกล่าว ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
“ท่านปรมาจารย์สืออี (สิบเอ็ด)…” ปากและลำคอของบุรุษวัยกลางคนแห้งผากลงในทันที จิตใจมันเริ่มเต้นรัว จี้สืออี เป็นนามที่บุคคลภายนอกไม่มีทางรู้ได้ เป็นนามของบุคคลที่อยู่ในกลุ่มสมาชิกที่โบราณมากที่สุดของตระกูลจี้
ใครก็ตามในคนกลุ่มนั้น ต่างก็เป็นบรรพบุรุษซึ่งทั่วทั้งตระกูลจี้ต้องกราบกราน
“ผู้เยาว์….ผู้เยาว์ไม่เคยเห็นท่านปรมาจารย์สืออีมาก่อน…” บุรุษวัยกลางคนสั่นสะท้าน ดูเหมือนแรงกดดันที่มองไม่เห็น กำลังกระจายออกมาจากร่างเจ้าของเสียงโบราณนั้น ทำให้มันรู้สึกราวกับว่าโลกใบนี้กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ก็ดี” เสียงนั้นพูด ลอยไปมาเหมือนสายลมที่อยู่รอบๆ ตัวบุรุษวัยกลางคน “ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้ามากนัก นั่งเข้าฌาณอยู่ที่นี่จนธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก เจ้าก็จากไปได้” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทำให้สีหน้าบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนไปในทันที มันลังเลชั่วครู่ จากนั้นก็เลือกที่จะนั่งลงขัดสมาธิ
ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ยืนอยู่ที่เบื้องหน้ามัน จ้องมองออกไปยังกลุ่มหมอกสีดำ แต่บุรุษวัยกลางคนก็ไม่อาจมองเห็นมันแม้แต่น้อย
“เด็กน้อย, ข้าได้ถ่วงเวลาคนผู้นี้ให้เจ้าแล้ว” มันกล่าวเสียงแผ่วเบากับตัวเอง “ข้าได้แก้ปัญหาใหญ่สุดให้กับเจ้า พวกที่เหลือได้ถูกสะกดให้อยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ ซึ่งก็หมายความว่า เจ้าอาจจะหลบหนีจากไปได้ แต่ถ้าไม่ได้ ก็หมายความว่า ถึงแม้ข้าจะช่วยให้เจ้าหลบหนีไป เจ้าก็ยังคงต้องตายอยู่ที่ด้านนอกอยู่ดี ในกรณีนั้น ข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนำความสมบูรณ์แบบออกไปจากตัวเจ้าในตอนนี้”
“แย่ยิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่มีทางที่จะบังคับให้ความสมบูรณ์แบบพัฒนาขึ้นมาได้ ข้าไม่แน่ใจว่ามีพลังอะไรมารบกวนมัน…ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ข้าก็เพียงแค่จับตัวเจ้า และปล่อยให้เจ้าเติบโตขึ้นในขอบเขตการดูแลของข้า หลังจากที่เจ้าบรรลุขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ข้าก็จะนำมันไปจากเจ้า อืม, เจ้าไม่ควรปล่อยให้ข้ารอนานไป เจ้าจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช่หรือไม่?” ดวงตาของชายชราสาดประกายด้วยแสงอันน่ากลัว ในตอนนี้ มันดูแปลกประหลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เพียงหนึ่งร้อยยี่สิบหลี่…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดแสงเจิดจ้า จุดที่เขาถูกเคลื่อนย้ายออกมา ไม่ได้อยู่ใกล้กับถ้ำกำเนิดใหม่ กล่าวโดยทั่วไป ระยะทางที่ไกลเช่นนั้น ก็ไม่มีผลต่อเขามากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็มีอันตรายรายล้อมอยู่รอบด้าน ระยะทางหนึ่งร้อยยี่สิบหลี่นี้เป็นตัวแทนของชีวิตและความตาย
ตอนนี้เขาเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หนึ่งร้อยสิบหลี่, หนึ่งร้อยสี่หลี่, หนึ่งร้อยหลี่…ตอนนี้เมิ่งฮ่าวมองเห็นซากศพเซียนที่กำลังหดตัวลง กำลังจะบินผ่านมัน แต่ทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว สมาชิกหลายคนจากสำนักต่างๆ จู่ๆ ก็ปรากฎกายขึ้น ขณะที่พวกมันถูกเคลื่อนย้ายออกมาอยู่ในกลุ่มหมอก ส่งผลให้กลุ่มหมอกพลุ่งพล่านปั่นป่วนไปทั่วทุกทิศทาง สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไป ขณะที่เห็นกลุ่มชายชรา เร่งความเร็วพุ่งผ่านอากาศไล่ตามเมิ่งฮ่าวมา
กลุ่มคนเหล่านี้ประกอบด้วยเฉินฟ่าน, หานเป้ย, ฉู่อวี้เยียน, หวังโหย่วฉาย, หลี่ชือฉี รวมถึง…ฉื่อชิง
พวกมันได้เห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น พวกมันเห็นชายชรากำลังไล่ตามมา และพวกมันก็เห็นว่าใครที่กำลังโดนไล่ล่า ที่ห่างไกลออกไปเป็น…เมิ่งฮ่าว!
เนื่องจากกลุ่มหมอกที่ปั่นป่วนอยู่ ได้กระจายออกจากกันอย่างกระทันหัน ทำให้มองเห็นเมิ่งฮ่าวได้อย่างชัดเจน ทุกคนสามารถมองเห็นเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่ได้ปกปิดตัวตนไว้ ในตอนนี้สายตาทุกคู่ก็จ้องนิ่งไปที่ตัวเขาเพียงผู้เดียว
“เมิ่ง…เมิ่งฮ่าว!” เฉินฟ่านกล่าว จ้องมาด้วยความประหลาดใจ จิตใจมันหมุนคว้าง ขณะที่จะจับตัวเมิ่งฮ่าวไว้ มันได้ค้นหาเขามาหลายปี แต่ก็ไม่อาจจะได้ร่องรอยใดๆ หลังจากที่เขาหายตัวไปในปีนั้น มันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า จู่ๆ ก็มาเห็นเมิ่งฮ่าวในที่นี่?
ใบหน้าฉู่อวี้เยียนซีดขาว และร่างกายก็สั่นสะท้าน นางจ้องไปที่เสื้อผ้าของเมิ่งฮ่าวอย่างงุนงง สีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น ขณะที่นางเข้าใจในทันทีว่า…ฟางมู่ก็คือเมิ่งฮ่าว!
เขาเป็นผู้ฝึกตนจากแคว้นจ้าว ซึ่งนางได้ติดอยู่ด้านในปล่องภูเขาไฟร่วมกับเขาถึงครึ่งปี ความรู้สึกนี้ได้ฟาดลงมาที่นางราวกับสายฟ้า อันที่จริง สายฟ้าได้เริ่มเดือดพล่านอยู่ในจิตใจนางมานานแล้ว นางได้เริ่มเตรียมใจไว้แล้ว แต่ในตอนนี้ นางก็ยังไม่อาจจะควบคุมความรู้สึกที่อยู่ในจิตใจ ซึ่งกำลังพลุ่งพล่านด้วยความซับซ้อนอย่างมากมายนับไม่ถ้วน
ในชีวิตของนางมีอยู่สองคน ที่นางคิดว่าไม่อาจจะลืมเลือนได้ หนึ่งก็คือเมิ่งฮ่าว นางไม่เคยลืมเลือนเขา เนื่องจากความรู้สึกอันซับซ้อนที่เขาเป็นสาเหตุ ในปีที่อยู่ในปล่องภูเขาไฟ เหตุการณ์นั้นทำให้นางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งยากที่จะกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้
บุคคลที่สองที่นางพบว่าไม่อาจจะลืมเลือนได้ก็คือฟางมู่ ทันทีที่นางพบว่าเขาก็คือเจ้าโอสถจอมกระถาง นางก็พบว่าตัวเองกำลังคิดถึงเขา ถึงแม้นางไม่รู้ว่าทำไม บางครั้ง ใบหน้าของเขาก็มาปรากฎอยู่ในจิตใจของนาง และนางก็จะพบว่าตัวเองกำลังแค่นเสียงเบาๆ ออกมา หรือไม่ก็มีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่เป็นระยะ บางครั้ง ใบหน้าของนางก็จะกลายเป็นสีชมพู
“ฟางมู่…เมิ่งฮ่าว…” สองใบหน้าปรากฎขึ้นในจิตใจ ซ้อนทับกัน สุดท้าย สิ่งที่ยังคงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจก็คือ ความขมขื่นและความรู้สึกอันซับซ้อน
หวังโหย่วฉายมองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างเงียบๆ จิตใจของมันเยือกเย็น แต่ลึกๆ ลงไปข้างใน มันยังจำได้ถึงภาพจากเมื่อหลายปีที่ผ่านมาในรอยแยกของภูเขาต้าชิง มันจำได้ถึงตอนที่ยื่นศีรษะออกไป และมองเห็นเมิ่งฮ่าวในชุดนักศึกษา
หลี่ชือฉีมองอย่างเงียบๆ มายังเมิ่งฮ่าว คิดย้อนกลับไปยังการต่อสู้ของคนทั้งสองเมื่อหลายปีก่อน
หานเป้ยถอนหายใจออกมา นางเป็นผู้ที่ชาญฉลาดและมองการณ์ไกล ทันทีที่นางเห็นสีหน้าของฉู่อวี้เยียน เบาะแสบางอย่างของความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ทันใดนั้น ก็ปรากฎขึ้นมาในจิตใจของนาง ถึงแม้นางจะไม่มีทางประติดประต่อได้อย่างสมบูรณ์ก็ตามที เมิ่งฮ่าว แน่นอนว่า ได้ประทับเป็นความทรงจำอันลึกล้ำอยู่ในจิตใจนางเมื่อนานมาแล้ว ดวงตาหงส์ของนางจ้องมาที่เขา
เมิ่งฮ่าว…เป็นนามที่ไม่ได้ปรากฎขึ้นในดินแดนด้านใต้มานานมากแล้ว แต่เขาก็อยู่ที่นี่แล้วในตอนนี้ ยังคงเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าเหมือนเช่นเคย!
Read »

ตอนที่ 309 : คลื่นลูกใหม่สาดซัดมา!

“สถานที่แห่งนี้อาจพังทลายลงได้ทุกเมื่อ!” เยี่ยเฟยโม่กล่าว น้ำเสียงอ่อนแอ “เมื่อไหร่ที่มันเกิดขึ้น พวกเราก็จะถูกเคลื่อนย้ายออกไป!” มันกำลังพูด แน่นอนว่า พูดกับศิษย์สำนักจื่อยิ่น ไม่ใช่ผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก
ใบหน้ามันซีดขาว และภายในความซีดนั้นก็ยังมองเห็น การเต้นของเส้นสีดำ มันไม่ใช่พิษ แต่เป็นแมลงกาฝากบางอย่าง เป็นผลจากวิชาเวทอันแปลกประหลาดจากทะเลทรายตะวันตก หลังจากที่ติดเชื้อ ก็จะทำให้บาดเจ็บอย่างวิกฤตและพื้นฐานฝึกตนจะสูญเสีย หรือตายไป
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ เยี่ยเฟยโม่ก็คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นตอนนี้ ถ้าไม่คำนึงถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของมัน
ฉู่อวี้เยียนกัดฟันแน่น ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาเม็ดยามากลืนลงไป สีหน้าของกลุ่มคนทั้งหมดตัดสินใจสู้ตาย แต่โชคร้ายที่นอกจากฉู่อวี้เยียนแล้ว คนทั้งหมดต่างก็มีลายสีดำแปลกๆ อยู่บนใบหน้า ดูเหมือนพวกมันทั้งหมดกำลังติดเชื้อจากแมลงกาฝาก
พื้นฐานฝึกตนของผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก ไม่ได้สูงกว่าฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ พวกมันทั้งหมดอยู่ในขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ และไม่มีใครอยู่ในจุดสูงสุด ดังนั้น พวกมันจึงลังเลอยู่สักพัก เหตุผลที่พวกมันไม่ได้สังหารในทันทีก็เพราะ ไม่ต้องการจะตอแยก่อปัญหากับดินแดนด้านใต้มากไป แต่รอยแกะสลักจากเมื่อครู่นี้เป็นของวิเศษอันล้ำค่า เมื่อได้เห็นสีหน้ายอมสู้ตายบนใบหน้าศิษย์สำนักจื่อยิ่น ก็ทำให้พวกมันต้องมองตากันไปมา ในที่สุด รังสีสังหารอันเข้มข้นก็พุ่งออกมาจากดวงตาพวกมัน
“สังหารพวกมัน! ก่อนที่สถานที่แห่งนี้จะพังทลายไป!” ด้วยดวงตาที่เจิดจ้า การโจมตีก็เริ่มขึ้น พลังแห่งรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็สำแดงออกมา กลายเป็นสัตว์อสูรขนาดใหญ่สี่ตัว พุ่งตรงไปยังฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ
ในตอนวิกฤตนี้เองที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้น กลุ่มหมอกปกคลุมตัวเขา ทำให้ไม่อาจแยกแยะรูปลักษณ์ของเขาออกได้ ก่อนที่ผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตกจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาก็ไปยืนอยู่หน้าฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ ยกมือขวาขึ้นมา และโบกสะบัดไปข้างหน้า ทันใดนั้น แสงสีม่วงก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้า กลายเป็นรูปดวงจันทร์ขนาดใหญ่
จันทราม่วง ด้วยพลังที่ตัดแยกชีวิต มันกระแทกเข้าไปในสัตว์อสูรทั้งสี่ ส่งผลให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตกมองมาอย่างตกตะลึง จากนั้นก็ถอยไปด้านหลังทีละคน รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์บนร่างสองคนในกลุ่มพวกมัน เริ่มสั่นกระเพื่อมขึ้นมาในทันที ไม่อาจจะต่อต้านพลังจันทราม่วง การโจมตีนี้กระแทกเข้าไปในสองผู้ฝึกตน ฉีกกระชากร่างกายพวกมันให้กลายเป็นชิ้นๆ
สำหรับอีกสองคน หนึ่งกระอักโลหิตออกมากองโต หลบเลี่ยงการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด อีกคนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่ม และเป็นผู้ที่ทำให้เยี่ยเฟยโม่ต้องได้รับบาดเจ็บ พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นกลางของสร้างแกนลมปราณ
การปรากฎตัวของเมิ่งฮ่าว ทำให้ฉู่อวี้เยียนจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นการปรากฎขึ้นของจันทราม่วง ก็ทำให้นางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
นี่เป็นวิชาของสำนักจื่อยิ่นเพียงเท่านั้น ไม่มีทางที่บุคคลภายนอกจะเรียนรู้ได้
“ไสหัวไป!” เมิ่งฮ่าวกล่าว จ้องไปยังสองผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก ที่ยังไม่ได้รับอันตรายมากนักอย่างเยือกเย็น
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันอย่างมากมาย ทำให้ผู้ฝึกตนที่หลบเลี่ยงการระเบิดไปได้ หันหลังและหลบหนีไปในทันที มันเป็นผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก สำหรับมันชีวิตเต็มไปด้วยความทุกข์ยาก มันไม่มีแนวคิดของเกียรติยศและศักดิ์ศรี สำหรับมันการมีชีวิตรอดเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด ดังนั้น เมื่อมันเห็นว่าไม่มีโอกาสชนะ มันก็เลือกที่จะหลบหนี
ก่อนจะจากไป มันประสานมือและโค้งตัวให้กับเมิ่งฮ่าว มันนับถือความแข็งแกร่ง ไม่สำคัญว่าเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะสังหารสหายของมันไปหรือไม่
ผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตกอีกคน เป็นบุรุษวัยกลางคน ซึ่งอยู่ในขั้นกลางของสร้างแกนลมปราณ ลังเลอยู่ชั่วขณะ มันมองมายังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ ในที่สุด มันก็หันหลังและเตรียมตัวจากไป
“ทิ้งยาขจัดพิษไว้!” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงเย็นชา
บุรุษผู้นั้นแอบถอนหายใจ จากนั้นก็โบกสะบัดมือ เพื่อส่งขวดยาสีดำให้ลอยออกมา เมิ่งฮ่าวไม่กังวลว่ามันจะมีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ กำแพงแห่งนี้กำลังจะพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น ทุกคนก็จะถูกส่งออกไป เมื่อมันเกิดขึ้น ปัญหาเล็กน้อยอื่นๆ ทั้งหมดก็คงจะแก้ไขได้ง่ายขึ้น
เมิ่งฮ่าวหันหน้ากลับมามองผ่านกลุ่มหมอกไปยังฉู่อวี้เยียนและคนอื่นๆ “สถานที่แห่งนี้กำลังจะพังทลายลง ท่านทั้งหลาย…ดูแลตัวเองด้วย” ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ขัดแย้งกัน เขาเดินจากไป
“ท่านคือใคร?” ฉู่อวี้เยียน ทันใดนั้น ก็ถามขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบ เขาเดินจากไปอย่างครุ่นคิด
เยี่ยเฟยโม่มองเขาจากไป จากนั้นก็กล่าวขึ้นในทันที “ฟางมู่, เกิดอะไรขึ้น?!”
คำพูดของมันทำให้ฉู่อวี้เยียนโซเซขึ้นมาในทันใด ศิษย์แผนกลมปราณม่วงคนอื่นๆ ทั้งหมดมองตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวหยุดชะงักชั่วครู่ ถอนหายใจแผ่วเบา จากนั้นก็ตอบกลับไป “นับจากนี้ไป ไม่มีฟางมู่ในสำนักจื่อยิ่นอีกแล้ว…” จากนั้นเขาก็เดินต่อไป
ฉู่อวี้เยียน และเยี่ยเฟยโม่อ้าปากค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่นานดวงตาหงส์ของฉู่อวี้เยียนก็หรี่เล็กลงในทันที
“เสียงนั่น…” ลมหายใจของนาง จู่ๆ ก็เริ่มเร่งร้อนขึ้น ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่กำลังจากไป
เสียงกระหึ่มดังก้องออกไป ขณะที่การพังทลายของกำแพงที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นมันก็พังลงโดยสิ้นเชิง เผยให้เห็นถึงความว่างเปล่า ผู้ฝึกตนบางคนเริ่มถูกดูดเข้าไปในความว่างเปล่านั้น และหายตัวไป
เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าจดจ่อและระวังตัว ไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์ที่ด้านนอกจะเป็นเช่นไร แต่ก็คาดเดาได้ว่าน่าจะมีอันตรายอย่างใหญ่หลวง เขาไม่ได้กระทำสิ่งใดๆ อย่างบุ่มบ่าม แต่สังเกตดูกำแพงที่พังทลายไปนั้นด้วยความระมัดระวัง
เวลาไม่นานนักผ่านไป ก่อนที่เสียงกระหึ่มจะยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างพังลงมา สายตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และเขากำลังจะบินเข้าไปในความว่างเปล่า แต่ทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป ยกมือขึ้นโบกสะบัดแขนเสื้อ กระบี่ไม้สองเล่มก็ลอยออกมา เคลื่อนที่มาป้องกันที่ด้านข้างเมิ่งฮ่าว
ในตอนนี้เองที่เสียงระเบิดดังก้องออกมา กำปั้นของหญิงสาวต่อยผ่านอากาศตรงมาที่เขา ไม่รู้ว่าออกมาจากตำแหน่งไหน กำปั้นกระแทกเข้าไปในกลุ่มหมอกสีม่วง ซึ่งอยู่ล้อมรอบตัวเขา ทำให้มันแตกกระจายไปในทันที กำปั้นไม่ได้หยุดชะงัก แต่พุ่งตรงมายังกระบี่ของเมิ่งฮ่าวในทันใด
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป
กระบี่ทั้งสองเล่มส่งเสียงหึ่งๆ และสั่นไปมา หมุนคว้างไปด้านหลัง และกระแทกเข้าไปที่หน้าอกเมิ่งฮ่าว เจ็บปวดไปทั่วร่าง เขาลอยไปด้านหลังราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน โลหิตกระจายออกมาจากปาก
เมิ่งฮ่าวมองไป และเห็นว่าเจ้าของกำปั้นนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกจากหญิงสาวแซ่ฟาง นางสวมใส่ชุดยาวสีเขียว ดูท่าทางสง่างามแต่ก็มีสีหน้ากีดกันผู้คนจนห่างไกล นางค่อยๆ ผ่านความว่างเปล่าเข้ามาใกล้
นางมีความสวยงาม แต่ก็ได้โจมตีเมิ่งฮ่าวด้วยกำปั้นซึ่งมีพลังอย่างน่าประหลาดใจ เป็นพลังที่เกินกว่าขั้นต้นของสร้างแกนลมปราณ พลังเช่นนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวตกตะลึง
กลุ่มหมอกสีม่วงหมุนวนไปรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว และขณะที่เขาจ้องไปยังหญิงสาวนางนั้น ม่านตาเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง บาดแผลเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ก็กลับเป็นปกติเหมือนเดิม ยกเว้นใบหน้าที่ซีดขาวขึ้นเล็กน้อย
เขาปาดเช็ดโลหิตจากมุมปาก และมองไปยังหญิงสาว ใบหน้าเคร่งขรึม
“พลังเช่นนั้น…” เขาคิด “ช่างเป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อนัก! มีพลังสูงกว่าจี้หงตง ข้าคิดว่าพลังระเบิดเมื่อครู่นี้ สามารถกวาดล้างผู้ฝึกตนขั้นต้นสร้างแกนลมปราณธรรมดาไปได้อย่างง่ายดาย!” ดวงตาเขาหรี่เล็กลง
“ช่างหลบหนีได้อย่างรวดเร็วนัก” นางกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าเห็นเจ้าสังหารจี้หงตงที่น่ารำคาญนั่น มันเป็นคนที่ใครๆ ก็เกลียดชัง ข้าสามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย เอาสมบัติเซียนออกมา และยื่นส่งมาให้ข้า เจ้าไม่มีทางใช้มันได้” นางไม่ได้อวดดีและหยิ่งยโสเหมือนกับจี้หงตง แต่ก็กีดกันผู้คนจนห่างไกล เห็นได้ชัดว่า นางมีความแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก
นางยังดูเหมือนจะมีบุคลิกที่อยู่เหนือผู้คนอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับออกคำสั่งอยู่เป็นประจำ
นางรอคอยอยู่สองอึดใจ และจากนั้นก็กล่าวขึ้น “เจ้าไม่เห็นด้วย? ก็ดี ถ้าเช่นนั้นก็ตาย!” นางก้าวเท้าตรงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และมาปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวในทันที ยกมือขวาขึ้น และหมัดก็พุ่งตรงมาที่เขา
เมิ่งฮ่าวเริ่มร่ายเวทอาคมด้วยสองมือ ฝ่ามือโลหิตพุ่งออกมา ด้านล่างเท้า แดนสังหารโลหิตปรากฎขึ้น ร่างจำแลงโลหิตปะทุออกมา และดูเหมือนจะรวมเข้ากับร่างของเขา ขณะที่หมัดใกล้เข้ามา เขาก็ฟาดฝ่ามือออกไป
เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจเต็มอยู่ในอากาศ และพลังอันมหาศาลก็ทำให้พื้นดินด้านล่างคนทั้งสองสั่นสะเทือน กำแพงที่ยังมีอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นแตกกระจายไป กระแสน้ำวนของความว่างเปล่าปรากฎขึ้น และเริ่มดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป
เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา ขณะที่เขาล้มคว่ำไปด้านหลัง ปราณม่วงกระจายออกมาจากร่าง และม่านตาก็เปล่งแสงสีม่วงเจิดจ้าออกมา บาดแผลเขาเริ่มสมานตัวอีกครั้ง แต่ใบหน้าก็ซีดขาวกว่าก่อนหน้านี้
การฟื้นฟูนี้ทำให้เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยพลังชีวิตบางส่วนไป และพลังชีวิตนี้ก็เป็นตัวแทนของอายุขัย เขาล่าถอยไป แสงเย็นชาเปล่งประกายอยู่ในดวงตา ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาหน้ากากสีโลหิตออกมา
หญิงสาวถอยหลังไปสองก้าว ความดุร้ายเต็มอยู่ในดวงตา
“เจ้าเป็นคนแรกที่อยู่ในขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ ที่สามารถทำให้ข้าต้องถอยหลัง!” นางกล่าวอย่างแข็งกร้าว
“ข้าสามารถทำให้โลหิตท่านไหลออกมาได้เช่นกัน” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชาเช่นเดียวกับนาง เขายกมือขึ้นวางหน้ากากลงไปบนหน้า และขณะที่ทำเช่นนั้น หญิงสาวก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา รังสีสังหารในดวงตาของนางเข้มข้นมากขึ้น ร่างกายขยับพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ชูหมัดขึ้นไปในอากาศ
“ฟาง!” นางตะโกนออกมาแค่คำเดียว แต่ทันทีที่ทำเช่นนั้น หมัดนางก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว มีสายฟ้าสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นรอบๆ และกระจายปราณอันน่ากลัวและน่าตกตะลึงออกมา ทำให้เมิ่งฮ่าวขนหัวลุกในทันที
ความรวดเร็วที่หญิงสาวนั้นเข้ามาใกล้ ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรง เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้ในตอนที่ต่อสู้กับจี้หงตงก่อนหน้านี้ จริงๆ แล้ว เขาไม่เคยรู้สึกถึงแรงกดดันบดขยี้จากคนที่อยู่ในรุ่นเดียวกับเขามานานมากแล้ว
“ตาย!” หญิงสาวร้องออกมา เสียงดังก้องไปทั่วทุกทิศทาง ขณะที่เข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว
ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าววางมือขวาไปที่หน้ากากบนใบหน้า ปราณแห่งโลหิตและความตาย ระเบิดออกมาจากตัวเขาในทันที
ในตอนนี้ด้วยเช่นกันที่หลังมือซึ่งเขาวางอยู่ที่หน้ากากบนใบหน้า ได้เผชิญกับหญิงสาวแซ่ฟาง มิหนำซ้ำ เครื่องหมายสีเขียวซึ่งได้ปรากฎขึ้นบนหลังมือ ตอนที่เขาก่อตัวแกนลมปราณ ก็ยังไม่ได้จางหายไป ทันใดนั้น…มันก็กระพริบแสงขึ้นมาเล็กน้อย
เครื่องหมายสีเขียวแวบแสงราวกับสัญลักษณ์เวท และหญิงสาวแซ่ฟางก็มองเห็นมัน ทันทีที่นางเห็น ดวงตาก็เบิกกว้าง และเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง
หมัดของนางเกือบจะสัมผัสโดนเมิ่งฮ่าว จู่ๆ นางก็ส่งเสียงฮึดฮัดด้วยโทสะออกมา ดึงพลังกลับมาอย่างรวดเร็ว บิดการโจมตีไปที่ด้านข้าง ทำให้หมัดของนางกระแทกเข้าไปที่พื้นข้างกายเมิ่งฮ่าว
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว รอยแตกร้าวขนาดใหญ่เต็มไปทั่วพื้น เผยให้เห็นความว่างเปล่าที่อยู่ด้านล่างพวกเขา แม้แต่ความว่างเปล่านั้นก็ดูเหมือนจะสั่นสะเทือน แตกกระจายออกไปด้วยพลังของหมัดนั้น
หญิงสาวกระอักโลหิตออกมา เส้นผมปลิวสยายอย่างยุ่งเหยิง นางหันหน้ามาจ้องยังเมิ่งฮ่าว สายตาเต็มไปด้วยโทสะและความรู้สึกอื่นๆ ที่พัวพันกันอย่างวุ่นวาย
ทำให้เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้าง เขาไม่มั่นใจว่าได้เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่นี้ ในช่วงวิกฤตทำให้นางเปลี่ยนทิศทางของหมัด นางต้องรู้ว่าการกระทำเช่นนั้น ต้องทำให้ตัวนางได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน
Read »

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates