แสงแห่งความดุร้าย สาดประกายอยู่ในดวงตาของผู้ฝึกตนทั้งสาม ปรมาจารย์ต้าโถวหัวเราะเสียงดัง และจากนั้นก็ตบไปที่ถุงสมบัติอีกครั้ง หยิบเอาสิ่งที่ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเมล็ดข้าวธรรมดาออกมา
มันดูอวบ เป็นเงาวาวและมีสีขาว เพียงมองแค่แวบแรก ก็อาจจะทำให้รู้สึกหิวได้
ดวงตาของปรมาจารย์ผมแดงและปรมาจารย์หน้าฝีดาษหดเล็กลง “นั่นคือ…”
“ของสิ่งนี้ถูกดึงออกมาจากปากของตั๊กแตนยักษ์ในสมัยโบราณ” ปรมาจารย์ต้าโถวกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “มันถูกส่งต่อมาจนถึงรุ่นข้า หลังจากที่ศึกษามันอย่างคร่าวๆ ข้าก็กลั่นสกัดมันใหม่อีกครั้ง จนสามารถนำมาใช้ทำลายค่ายกลใดๆ ในสวรรค์และปฐพีนี้ได้” มันโบกสะบัดมือ และทันใดนั้น คลื่นของเมล็ดข้าวก็ลอยออกไปจากมือของมัน กระจายเป็นแผ่นผืนตรงไปยังสายลมเลือนลางสีดำที่อยู่ด้านหน้า
ข้าวสีขาวบริสุทธิ์นั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำลงในทันที เพียงแค่ไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นสีดำสนิท ปรมาจารย์ต้าโถวอ้าปากค้าง และแสงแปลกๆ ก็ปรากฎขึ้นอยู่ในดวงตา ร่างกายมันสั่นเทิ้ม และเริ่มเหี่ยวย่นราวกับว่ามันกำลังเหือดแห้งลง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
“สหายเต๋า, ข้าต้องการพลังจากพื้นฐานฝึกตนของพวกท่าน!” มันยกมือขวาขึ้น ปรมาจารย์ผมแดงและปรมาจารย์หน้าฝีดาษก็เริ่มส่งผ่านพลังจากพื้นฐานฝึกตนของพวกมันมาให้ในทันที ปรมาจารย์ต้าโถวดูดซับเข้าไปโดยไม่ลังเล
ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ได้ยินคำพูดของปรมาจารย์ต้าโถวด้วยเช่นกัน ปรมาจารย์หน้าฝีดาษมองไปยังศิษย์สำนักฮั่นสุ่ยที่ยังเหลืออยู่ ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจ พลังไหลออกมาจากพื้นฐานฝึกตนของผู้ฝึกตนนับร้อยที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ปรมาจารย์ต้าโถวกลายเป็นหลุมดำ ขณะที่ดูดกลืนพลังเข้าไป ดวงตามันเปลี่ยนเป็นสีแดงเจิดจ้า ยกมือชูขึ้นไปในอากาศและยื่นนิ้วออกไป
“แสงแห่งข้าว…” มันกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง ทันใดนั้น แผ่นผืนของข้าวที่เป็นสีดำก็เริ่มกระจายเป็นแสงเจิดจ้าออกมา พุ่งออกไปรวมตัวเข้าด้วยกันเป็นแผ่นผืนของความสว่าง แสงนั้นส่องไปรอบๆ ยังความมืดคลึ้มของสายลมเลือนลาง ถ้าดูเพียงผิวเผิน ก็จะเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเป็นปกติเหมือนก่อนหน้านี้
ปรมาจารย์ต้าโถวกัดลงไปที่ปลายลิ้น พ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ โลหิตสีแดงสดนี้เต็มไปด้วยพลังที่ยืมมาจากผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ หลอมรวมเข้ากับแสงเจิดจ้าของเมล็ดข้าวภายในสายลมอันเลือนลาง
“แปลงเป็นนักรบสวรรค์!”
เสียงระเบิดดังก้องอยู่ในอากาศ และผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ก็มองเห็นเงาร่างจำนวนมากมายปรากฎขึ้นภายในกลุ่มหมอกในทันที มีรูปร่างเตี้ยเล็กขนาดประมาณครึ่งตัวคน และจริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้ดูเหมือนนักรบสวรรค์แต่อย่างใด แต่ดูคล้ายกับวิญญาณชั่วร้ายที่เพิ่งจะคลานออกมาจากนรกอเวจีมากกว่า เมล็ดข้าวทั้งหมดได้กลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายเช่นที่เห็นนั้น
เพียงชั่วพริบตา ก็มีถึงหนึ่งร้อยตน!
ร่างของวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นดูเลือนลาง ราวกับว่าพวกมันไม่อาจจะแสดงตัวออกมาได้เต็มที่ในโลกแห่งนี้ แม้จะเป็นเช่นนั้น เสียงอันชั่วร้ายกระหายเลือดก็ยังดังกระจายออกมาจากพวกมัน
ใบหน้าของปรมาจารย์ต้าโถวซีดขาว ขณะที่มันถอยไปด้านหลังสองสามก้าว ประสานมือและโค้งตัวลง “นักรบสวรรค์, ข้าขอให้ท่านช่วยทำลายค่ายกลนี้ด้วย! ผู้คนมากกว่าร้อยด้านในเป็นเครื่องสังเวยสำหรับพวกท่าน, นักรบสวรรค์!” ด้านหน้าขึ้นไป กลุ่มหมอกพลุ่งพล่านปั่นป่วน ขณะที่ปีศาจยักษ์เริ่มโจมตีไปยังวิญญาณชั่วร้าย เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจดังขึนมา
ด้านในค่ายกล ดวงตานกแก้วเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวและฉุนเฉียว
“บัดซบ! นั่นคือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่เปลี่ยนข้าวให้กลายเป็นนักรบ ใครเป็นคนเปลี่ยนมันให้กลายเป็นวิญญาณชั่วร้าย!? นั่นคงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณจะสามารถนำออกมาใช้ได้ และไม่ใช่วิชาของขุนเขาที่เก้าด้วยเช่นกัน นั่นเป็นสิ่งที่มาจาก…พันธมิตรแห่งไฟโลกันต์ ขุนเขาที่สี่!”
“แต่เจ้าคนผู้นั้นก็ยังได้มาโดยไม่สมบูรณ์…บัดซบ, ไม่ว่าใครก็ไม่จำเป็นต้องสนใจวิญญาณชั่วร้ายนั่น แต่จากร่างกายของข้าในตอนนี้…มันอาจจะทำให้มีปัญหาใหญ่โตได้ถ้าข้าวิ่งเข้าไปหาพวกมัน” ในตอนแรก นกแก้วดูค่อนข้างกังวล “น่ารำคาญนัก…” มันกล่าว สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เวลาเดียวกันนั้น ที่ถ้ำแห่งเซียนในภูเขาเตี้ย ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดแสงเจิดจ้า ขณะที่มองไปยังกระถางปรุงยาสีดำที่เขาถืออยู่ในมือ บนพื้นผิวของกระถางเป็นใบหน้าของเด็กหนุ่ม ซึ่งมองกลับมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่กล่าวได้ว่าไม่เคยยอมจำนนมาก่อน
นี่ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากกระถางปรุงยาที่เขาได้มาจากการแข่งขันในสำนักจื่อยิ่น แต่จากตอนแรกที่เขาได้มันมา มันก็ได้แสดงท่าทีว่าจะไม่มีทางยอมอ่อนข้อต่อเขา ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวมองไปที่มันพร้อมขมวดคิ้ว ในที่สุด เขาก็แค่นเสียงเย็นชา และร่ายเวทอาคมด้วยมือขวา จากนั้นก็กดนิ้วชี้ลงไปบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม สีหน้ามันบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวถูกล้อมรอบไปด้วยเส้นใยปราณจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน ซึ่งมีเขาเพียงคนเดียวที่มองเห็น พวกมันหมุนวนไปรอบๆ ร่างเขาทั่วทุกทิศทางไหลเข้าไปในกระถางปรุงยา
“ถ้าเจ้ายังคงไม่ยอมแพ้, ก็ดี” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “กระถางปรุงยาที่มีวิญญาณอยู่ด้านในก็ดีกว่าเล็กน้อย แต่ข้าก็คุ้นเคยกับการใช้โดยไม่ต้องมีวิญญาณ” เมิ่งฮ่าวกดนิ้วลงไปที่มัน และปราณอสูรในพื้นที่บริเวณนั้นก็ไหลเข้าไป กลายเป็นกรงขังซึ่งกักล้อมไปรอบๆ ภาพของเด็กหนุ่ม และจากนั้นก็กลายเป็นบางสิ่งที่ดูคล้ายตาข่าย ซึ่งสะกดข่มมันไว้โดยสิ้นเชิง
เด็กหนุ่มแผดร้องออกมา เต็มไปด้วยโทสะ แต่ก็เป็นเพียงเสียงร้องที่อ่อนแอ
“ถ้าข้าต้องการให้เจ้ามีชีวิตอยู่, เจ้าก็สามารถคงอยู่ต่อไปได้ ถ้าข้าต้องการให้เจ้าตาย, ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของข้าเท่านั้น” เสียงเมิ่งฮ่าวเย็นชา และแม้แต่ตอนที่เขาพูดออกมา ตาข่ายนั้นก็รัดแน่นขึ้น มัดเด็กหนุ่มนั้นไปทั่วทุกแง่มุม สีดำเข้มของกระถางปรุงยาก็เริ่มส่งแสงสลัวเลือนลางลง ถูกแทนที่ด้วยสีม่วง
เมิ่งฮ่าวชำเลืองดูกระถางปรุงยา โบกสะบัดมือขวา ครั้นแล้วสมุนไพรจำนวนมากมายก็ปรากฎขึ้น มือซ้ายของเขาขยับอย่างรวดเร็วราวภูติผี ขณะที่เริ่มทำการเร่งปฏิกิริยามัน, ดึงเอายางไม้ออกมา, ทำการปรับแต่ง และใส่ส่วนผสมลงไปในกระถางปรุงยา เปลวไฟปรากฎขึ้นในมือขวา มันไม่ได้มีสีแดงแต่เป็นสีม่วง
เปลวไฟนี้ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นเปลวไฟอมตะแห่งแผนกเม็ดยาบูรพา, เป็นเปลวไฟปรุงยาที่ถูกสืบทอดมาซึ่งหลอมรวมอยู่ในแกนสีม่วงของเขา เปลวไฟปรุงยาที่ไม่มีวันดับนี้จะช่วยให้เขาร่ายเวทรวมวิญญาณได้
ขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังจะเริ่มปรุงยา เสียงกระวนกระวายของนกแก้ว ก็ส่งผ่านเข้ามาในจิตใจเขา เมิ่งฮ่าวส่งจิตสัมผัสออกไปในทันที ครั้นแล้วก็มองเห็นกลุ่มหมอกอยู่ในโลกด้านนอก รวมถึงวิญญาณชั่วร้ายนับร้อย
เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็มองไปยังกระถางปรุงยา ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พร้อมทั้งแสงแห่งความเย็นชา
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะทำเช่นไร, ให้เวลาข้าสามวัน!” เขาส่งผ่านข้อความกลับไป จากนั้นก็ตัดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก และเริ่มปรุงเม็ดยา
“สามวัน…” นกแก้วคิด แสงแห่งความกระสับกระส่ายสาดประกายอยู่ในดวงตา ตรงขาของมันเกิดแสงกระพริบขึ้น และผีโต้งก็ปรากฎตัว
“อู่เหยียเข้าใจแล้ว, บัดซบ! ช่างน่ารำคาญยิ่ง! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครบางคนมีสิ่งของจากไฟโลกันต์ ถึงแม้มันจะไม่สมบูรณ์นักก็ตาม, มันก็ยังคง…ยับยั้งอู่เหยียได้!” นกแก้วมองไปยังผีโต้งอย่างเคร่งเครียด “สามวัน เจ้าต้องร่วมมือกับข้าเป็นเวลาสามวัน ถ้าเมิ่งฮ่าวยังทำไม่สำเร็จในเวลานั้น พวกเราก็คงต้องหลบหนีไป”
มีโอกาสเพียงน้อยนิดที่ผีโต้งจะพูดไม่มากนัก แต่ทันทีที่มันได้ยินเกี่ยวกับสิ่งของจากไฟโลกันต์ ดวงตามันก็เบิกกว้าง
ผีโต้งตัวสั่นและพยักหน้าติดต่อกัน “พันธมิตรแห่งไฟโลกันต์ จากขุนเขาที่สี่…เป็นไปได้อย่างไรที่พวกมันจะมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่?!”
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ สีหน้าเมิ่งฮ่าวยังคงสงบนิ่งอยู่ตลอดเวลา ได้ยินเสียงกึกก้องมาจากด้านนอกถ้ำแห่งเซียน ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาที่คาดไม่ถึงซึ่งนกแก้วได้กล่าวไว้
เมิ่งฮ่าวไม่ใช่บุคคลที่ชอบกล่าวโทษคนอื่นๆ อันที่จริง ก็เป็นความคิดของนกแก้วที่ล่อลวงคนทั้งหมดมายังที่แห่งนี้ แต่ถึงแม้จะมีปัญหาสุดคาดคิดได้เกิดขึ้นที่ด้านนอก เมิ่งฮ่าวก็ยังคงเชื่อมั่นว่าพวกมันสามารถจัดการได้
นี่คือความเชื่อมั่นในตัวเองของผู้ฝึกตน
“ตราบเท่าที่ยังไม่มีผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งในที่แห่งนี้ สิ่งที่ข้าต้องทำทั้งหมดก็คือสวมใส่หน้ากากสีโลหิต และข้าก็จะสามารถจัดการเรื่องราวทั้งหมดได้ถ้าจำเป็น แต่นี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะสอนบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเจ้านกแก้ว” มือซ้ายเมิ่งฮ่าวขยับอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาใส่ต้นสมุนไพรเพิ่มเข้าไปในกระถางปรุงยา ตามด้วยปราณสีม่วงจำนวนหนึ่ง นี่ไม่ใช่แกนปราณ ซึ่งสามารถสร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เป็นปราณของพื้นฐานฝึกตนธรรมดาทั่วไป
จุดประสงค์หลักของการกระทำนี้ก็คือ ทำให้เปลวไฟปรุงยาของเขามีความเข้มเข้นมากขึ้น สูตรยาอันซับซ้อนมากมายผุดขึ้นมาในจิตใจ ขณะที่เขาเริ่มปรุงเม็ดยาแกนสีทองสมบูรณ์
ถ้าอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ การปรุงยานี้คงต้องใช้เวลาพอสมควร แต่เมิ่งฮ่าวเป็นเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีเปลวไฟอมตะและเวทรวมวิญญาณ เมื่อพิจารณาจากทั้งหมดนี้ เขาก็เชื่อมั่นว่า สามารถลดเวลาการปรุงยาได้บ้างเล็กน้อย
เวลาผ่านไป สามวันหลังจากนั้น เสียงแผดร้องของนกแก้วดังก้องไปทั่วสายลมเลือนลาง เสียงระเบิดเต็มอยู่ในอากาศ กลุ่มหมอกลดลงไปเกือบครึ่งแล้ว รังสีสังหารของผู้ฝึกตนจากสามสำนักใหญ่เดือดพล่านไปถึงสวรรค์ ตอนนี้พวกมันติดกับอยู่ในที่แห่งนี้มาหลายวันแล้ว และได้ส่งพลังออกไปจากพื้นฐานฝึกตนของตัวเองอยู่ตลอดเวลา พวกมันเริ่มเหนื่อยล้ามากขึ้น แต่ความเกลียดชังที่มีต่อเมิ่งฮ่าวก็ทำให้พวกมันพยายามอย่างไม่ลดละ
สำหรับวิญญาณชั่วร้ายร้อยตน หลงเหลืออยู่เพียงครึ่งหนึ่ง สำหรับผู้ฝึกตนร้อยกว่าคนซึ่งวิ่งอยู่ภายในค่ายกล ส่วนใหญ่กระอักโลหิตออกมา และร่างกายก็อ่อนล้าลง พวกมันดูเหมือนจะไม่มีความหวาดกลัวต่อความเป็นตาย แต่กระนั้น พวกมันก็ค่อยๆ เริ่มหมดสติไป
ขณะที่พวกมันหมดสติไปมากขึ้นเรื่อยๆ กองกำลังของสามสำนักใหญ่ก็เริ่มมีจำนวนคนใกล้เคียงกัน ปรมาจารย์ต้าโถวหยิบเอาเมล็ดข้าวออกมาอีก ขว้างออกไปในอากาศ ความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ แม้แต่ท้องฟ้าก็มืดมัวถึงจะไม่มีกลุ่มเมฆก็ตามที ความมืดนี้เกิดมาจากการปรากฎขึ้นของแม่น้ำเวทที่ขุ่นมัว
“บ่อน้ำพุเหลืองปรากฎ…นี่ต้องเป็นผลงานของพันธมิตรไฟโลกันต์อย่างแน่นอน…” นกแก้วหัวเราะอย่างขมขื่น ด้านในกลุ่มหมอกเกิดเป็นแสงกระพริบขึ้นเมื่อผีโต้งปรากฎตัว มันบินผ่านอากาศมาอย่างซึมเซา ดูท่าทางท้อแท้หมดกำลังใจ พวกมันทั้งสองได้ใช้วิชาพิเศษเฉพาะหลากหลายคอยตั้งรับตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมา แต่ตอนนี้พวกมันไร้เรี่ยวแรงใดๆ หลงเหลืออยู่อีก
“บัดซบ!” นกแก้วกล่าวด้วยความเกลียดชัง “ถ้าข้าได้ฝึกฝนเพิ่มอีกหนึ่งปี หรือมีผู้ฝึกตนห้าร้อยคน พลังอันเล็กน้อยของมรดกที่ไม่สมบูรณ์นี้ ก็ไม่มีทางทำลายค่ายกลเซียนของอู่เหยียได้!” ทันใดนั้น เสียงระเบิดก็ได้ยินออกมาจากภายในถ้ำแห่งเซียน
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขาได้ใช้พลังทั้งหมดที่สามารถรวบรวมได้ เพื่อใช้ปรุงเม็ดยาแกนสีทองสมบูรณ์ ในช่วงวิกฤตสำคัญ กระถางปรุงยาเริ่มสั่นไปมา เส้นใยของแสงสีทองเริ่มกระจายออกมาจากภายใน อาบไล้ตลอดทั้งถ้ำแห่งเซียนด้วยแสงสีทอง
เส้นผมเมิ่งฮ่าวยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง สีหน้ากระสับกระส่าย แต่ความมุ่งมั่นก็ยังคงสาดประกายอยู่ภายในดวงตาสีแดงก่ำ เปลวไฟปรุงยาลุกไหม้ขณะที่เขากลั่นสกัดเม็ดยาต่อไป เพิ่มความเข้มข้นของตัวยาให้มากขึ้น
ในตอนนี้เอง ที่ท้องฟ้าในโลกด้านนอก เริ่มมืดมัวดำคลึ้ม ทันใดนั้นก็เต็มไปด้วยกลุ่มเมฆสีดำจำนวนมากมาย เมฆสีดำพลุ่งพล่านปั่นป่วนม้วนตัวไปมา ปกคลุมอาณาเขตมีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งร้อยหลี่ ภาพลวงตาของบ่อน้ำพุเหลืองถูกปกปิดไว้ ถูกความมืดอันน่าสยดสยองขับไล่ให้หายไป แต่พื้นดินที่ด้านล่างก็มืดสนิทมากยิ่งขึ้น เสียงกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่สายฟ้านับไม่ถ้วนบิดตัวไปมาที่ด้านบนราวกับเป็นอสรพิษสีเงิน
นี่ไม่ใช่ทัณฑสวรรค์ของความสมบูรณ์แบบ นี่เป็นทัณฑ์สวรรค์ซึ่งเกิดมาจากเม็ดยา!
อย่างไรก็ตาม ถ้าเม็ดยาปรุงได้เสร็จสมบูรณ์ และเมิ่งฮ่าวกลืนมันลงไป ทัณฑ์สวรรค์ก็จะเปลี่ยนไป ความรุนแรงของมันก็จะเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว และจะกลายเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่มีการทำลายล้างอย่างน่ากลัว!