ขณะที่เมิ่งฮ่าวหายลับตาไปในแสงจันทร์ เขามองกลับไปด้านหลัง และเห็นฉื่อชิงยืนอยู่ที่นั่นบนยอดเขา ความทรงจำแห่งเวลาที่เขาได้ใช้ร่วมกันกับนางเต็มอยู่ในจิตใจ
ครั้งแรกที่เขายื่นส่งเม็ดยาให้นาง ที่ด้านนอกของถ้ำแห่งเซียนในสำนักเอกะเทวะ, เมื่อเขามอบเม็ดยาคงโฉมให้นาง เสียงของนางภายใต้แสงจันทร์ จากนั้นก็เป็นการใช้เวลาร่วมกันในดินแดนสงบสุขสำนักชิงหลัว และในตอนนี้
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ก็ดูเหมือนราวกับว่าได้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในช่วงเวลาเหล่านั้น
เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่านี่เป็นความรักหรือไม่ ความรู้สึกในจิตใจของเขาในตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยรู้สึกถึงมาก่อน ไม่เคยมีประสบการณ์ สิ่งที่เขารู้ก็คือ ทุกครั้งที่เขาเห็นฉื่อชิง ความรู้สึกเป็นสุขก็ไหลท่วมเต็มจิตใจ ซึ่งดูเหมือนจะถูกฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขา
มันเป็นความรู้สึกที่ดี
อันที่จริงในช่วงห้าปีที่เขาอยู่ในสำนักจื่อยิ่น เขาได้พบว่าสิ่งที่เขาคิดบ่อยมากที่สุดก็คือฉื่อชิงผู้เย็นชา ซึ่งกำลังยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ เส้นผมยาวเงางามสีดำของนางลอยพริ้วไปมาในสายลม
“ข้าสงสัยนักว่ามันจะเป็นเช่นไร…ถ้าสำนักเอกะเทวะยังคงอยู่ที่นั่น, ถ้าสำนักชิงหลัวไม่ได้นำศิษย์พี่หญิงฉื่อจากไป? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเรายังคงอยู่ในสำนักเอกะเทวะ?” เมิ่งฮ่าวมองไปข้างหน้าอีกครั้ง แสงจันทร์ส่องลงมาบนแผ่นหลังของเขา ขณะที่เขาพุ่งออกไปไกล ไร้คำตอบสำหรับคำถามเช่นนั้น
ยิ่งเขาเดินทาง ก็ยิ่งห่างไกลออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ…
สองวันหลังจากนั้น สองลำแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าเหนือเส้นทางที่ทอดไปสู่ประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ซึ่งนำพวกเขาไปยังภูเขาฮวงหลิ่ง พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เมิ่งฮ่าวและโจวเต๋อคุน ภารกิจของพวกเขาสำเร็จลุล่วง ตอนนี้กำลังอยู่บนเส้นทางกลับไปยังสำนัก
หลังจากออกจากสำนักชิงหลัว โจวเต๋อคุน กระแอมไอเบาๆ จากนั้นก็กล่าวว่า “อ้ายยย…เจ้ารู้อะไรหรือไม่? เจ้าควรจะออกมานอกสำนักให้บ่อยมากกว่านี้ และคบหาเป็นสหายกับตระกูลผู้ฝึกตนเหล่านั้น เช่นนี้เป็นอย่างไร ข้าจะนำเจ้าไปพบใครบางคน ในขณะที่พวกเราเดินทางไปยังประตูเคลื่อนย้ายทางไกล”
มันกล่าวต่อไปด้วยท่าทางทุกข์ใจ “พวกเราเป็นเจ้าแห่งเตา และพวกเราก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่แต่ในสำนัก เจ้าก็รู้ว่าการปรุงเม็ดยาต้องใช้ทรัพยากรมากมาย สิ่งที่เจ้าได้รับในสำนักก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้มีชีวิตรอดต่อไปได้ ดังนั้น…อา, ฟางมู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าถูกส่งออกไปนอกสำนัก ก็ไม่ต้องรีบกลับไป ใช้เวลาไปติดต่อกับบุคคลภายนอกบ้าง พวกมันมีความมั่งคั่งเหลือเฟือ และเป็นสหายที่ดีเยี่ยมสำหรับนักปรุงยาเช่นพวกเรา”
เมิ่งฮ่าวผงกศีรษะเห็นด้วย หลังจากเหตุการณ์ในสำนักชิงหลัว ความรู้สึกที่ไม่ดีก่อนหน้านี้ระหว่างเขาและโจวเต๋อคุนก็หายไป ตอนนี้พวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกันค่อนข้างดี
ด้วยเช่นนั้น โจวเต๋อคุนได้นำเมิ่งฮ่าวไปพบปะตระกูลผู้ฝึกตน และสำนักขนาดกลางในเขตนั้นนานถึงครึ่งเดือน พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะไปที่แห่งใด พวกเขาก็ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างสูงสุด เมื่อได้เห็นโจวเต๋อคุนอวดเก่งอยู่ท่ามกลางตระกูลผู้ฝึกตน ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าพวกเขาต้องการอะไรก็จะได้รับสิ่งนั้น อันที่จริง เมื่อไหร่ที่มีโอกาสขายเม็ดยา หินลมปราณก็จะลอยเข้าไปในถุงสมบัติอย่างมากมาย ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวส่องประกายเจิดจ้า ในช่วงครึ่งเดือนนี้ เขาสามารถขายเม็ดยาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
จริงๆ แล้ว เม็ดยาส่วนใหญ่ที่เขาขายไป เป็นส่วนที่เขาได้มาจากเฉินเจียสี่
ในที่สุด ครึ่งเดือนหลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวและโจวเต๋อคุนก็กำลังเดินทางเข้าไปใกล้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ซึ่งนำไปสู่ภูเขาฮวงหลิ่ง
ภูเขาฮวงหลิ่งตั้งอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของดินแดนด้านใต้ พื้นที่บริเวณนั้นเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญของสำนักและตระกูลต่างๆ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของประตูเคลื่อนย้ายทางไกล จึงทำให้มันกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการเดินทางไปในที่สุด
ในหุบเขาด้านทิศตะวันออกของภูเขาฮวงหลิ่ง เป็นสถานที่ซึ่งมักจะคึกคักเต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ แต่ตอนนี้ มันสามารถอธิบายได้แต่เพียงคำว่า น่ากลัว
กลิ่นคาวโลหิตเต็มอยู่ในอากาศ และบนพื้นก็กระจัดกระจายเต็มไปด้วยซากศพ ที่กำลังค้นหาถุงสมบัติของซากศพเหล่านั้น เป็นผู้ฝึกตนสิบกว่าคน ซึ่งสวมใส่ชุดยาวสีดำ และหน้ากากสีขาว บางครั้งพวกมันอาจจะพบใครบางคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็จะแทงกระบี่เข้าไปในร่างนั้นทันที
นอกจากผู้ฝึกตนชุดดำ ก็เป็นกรงเหล็กสีดำ สูงหลายจ้าง เมื่อพิจารณาจากการที่กรงเหล็กนั้นลอยอยู่ในอากาศ และเปล่งแสงอันลี้ลับออกมา ก็เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอาวุธเวท ด้านในกรงเหล็กเป็นผู้ฝึกตนสองคน
พวกมันมีสีหน้าซีดขาว และสลบไม่ได้สติทั้งคู่ ร่างกายเต็มไปด้วยโลหิต ซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังไม่ตาย กลิ่นหอมจางๆ ของตัวยากระจายออกมาจากร่างของคนทั้งสอง เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นนักปรุงยา หนึ่งในนั้นสวมใส่ชุดยาวสีเขียว ซึ่งปักเป็นรูปกระถางปรุงยาอยู่ที่ชายแขนเสื้อ แสดงให้เห็นว่ามันเป็นนักปรุงยาแห่งแผนกเม็ดยาพสุธา
ที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ผู้ฝึกตนสามคนกำลังต่อสู้กันกลางอากาศ ระลอกคลื่นพลังกระจายออกมาทั่วบริเวณนั้น นี่ไม่ใช่เวทอาคมของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่ระดับของพลังก็เห็นได้ชัดว่า พวกมันไม่ใช่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ แต่เป็นสร้างแกนลมปราณ
สำหรับสามผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ สองคนสวมใส่ชุดสีดำ และหน้ากากสีฟ้า พวกมันโจมตีอย่างชั่วร้าย คนทั้งสองเพียงอยู่ในขั้นต้นของสร้างแกนลมปราณ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่พวกมันโจมตี เสียงระเบิดก็ดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
“เจ้าเป็นใคร?!” ผู้ฝึกตนที่ถูกกลุ้มรุมอยู่นั้นแผดร้องออกมา “ข้ามาจากสำนักจินซวง…” โลหิตกระจายออกมาจากปากของมัน ขณะที่พุ่งถอยออกไปทางด้านหลัง
ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามของมัน สำหรับสองผู้ฝึกตนที่สวมหน้ากากสีฟ้า คนหนึ่งอ้วนม่อต้อ อีกคนร่างผอมแห้ง พวกมันรุกคืบไปข้างหน้า การโจมตีเริ่มดุร้ายมากยิ่งขึ้น
ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น หนึ่งในสามของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลในหุบเขาเริ่มเรืองแสงขึ้นมา ทันทีที่แสงกระจายออก กลุ่มผู้ฝึกตนนับสิบที่สวมใส่ชุดดำ และหน้ากากสีขาวก็เริ่มใกล้เข้ามาที่ประตู
แสงสว่างของการเคลื่อนย้ายทางไกลสว่างขึ้นไม่กี่อึดใจ จากนั้นก็ค่อยๆ เริ่มจางหายไป สองเงาร่างปรากฎขึ้น เมิ่งฮ่าวและโจวเต๋อคุน
โจวเต๋อคุนกำลังหัวเราะ และกล่าววาจาบางอย่างกับเมิ่งฮ่าว
“ข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลผู้ฝึกตนไม่น้อยในภูเขาฮวงหลิ่ง ต่อจากนี้ ข้าจะพาเจ้าไปยัง…”
เมิ่งฮ่าวกำลังยิ้มแย้ม แต่ในทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในทันที ในขณะที่การเคลื่อนย้ายทางไกลกำลังเสร็จสมบูรณ์ ก่อนที่เขาและโจวเต๋อคุนจะมองเห็นสิ่งใดๆ ที่ด้านนอก ความรู้สึกถึงอันตรายก็พุ่งขึ้นมาจากภายในจิตใจ
ก่อนที่เขาจะพูดออกมา ความรู้สึกถึงอันตรายก็พุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์ สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป เขาโบกสะบัดแขนเสื้อ และลมอันรุนแรงก็พุ่งออกมา ตรงไปยังโจวเต๋อคุน กระแทกมันออกไปที่ด้านข้าง เมิ่งฮ่าวยืมพลังของสายลมนั้น ร่างกายคล้ายกิ่งหลิวในสายลมปลิวไปอีกด้าน
เมิ่งฮ่าวและโจวเต๋อคุนลอยออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกัน เกือบจะในทันทีที่พวกเขาออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกล เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วในอากาศ ขณะที่เวทอาคมของผู้ฝึกตนนับสิบกระแทกลงมา
ขณะที่เสียงระเบิดดังก้องออกมา เมิ่งฮ่าวก็พุ่งถอยไปด้านหลังสามจ้าง สองมือขยับร่ายเวทอาคมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โบกสะบัดไปด้านหน้า เสียงปะทุดังออกมา ขณะที่พลังที่มาจากผู้ฝึกตนทั้งสิบกว่าคนหายไป
สีหน้าโจวเต๋อคุนเปลี่ยนไป หลังจากถูกผลักออกไปจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกลโดยเมิ่งฮ่าว มันก็ขยับมือขวาร่ายเวทอาคม จากนั้นก็กระแทกลงไปบนพื้นดิน ลำแสงเจิดจ้าพุ่งออกมาจากร่างของมัน ปิดกั้นพลังจากการโจมตีด้วยวิชาเวท ถึงแม้มันจะอยุ่ในขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ แต่โลหิตก็กระจายออกมาจากปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และมองไปยังบุคคลที่โจมตีมันด้วยโทสะ
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยแสงอันเย็นชา เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้ต่อสู้กับใครเลย ตลอดช่วงเวลาห้าปีในสำนักจื่อยิ่น ไม่แม้แต่จะโจมตีใครแม้แต่คนเดียว แต่ทักษะในการต่อสู้ด้วยวิชาเวท และความสามารถในการสังหารของเขา ก็ไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย อันที่จริง การจำศีลตลอดห้าปีที่ผ่านมา ได้ทำให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้นด้วยซ้ำไป
มีบางอย่างที่ต้องทำกับเต๋าแห่งการปรุงยา และเต๋าแห่งพิษ ทำให้ตลอดช่วงห้าปีที่ผ่านมา เขาได้ปรุงเม็ดยาพิษออกมาไม่น้อย รังสีสังหารสาดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่เขามองไปยังผู้ฝึกตนสิบกว่าคนที่สวมหน้ากากสีขาวในชุดยาวสีดำ
ทันทีที่เขามองไป ก็สัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่เปล่งกระจายออกมาจากพวกมัน เขาเห็นซากศพที่นอนอยู่รอบๆ บนพื้น และอีกสองคนที่อยู่ในกรงเหล็ก เขายังมองเห็นการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่ในอากาศที่ห่างไกลออกไป
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย มือขวาตบไปที่ถุงสมบัติ และกระบี่ไม้สองเล่มก็ลอยออกมา รังสีกระบี่สว่างวาบออกมา พวกมันถูกเก็บอยู่ในความเงียบมาเป็นเวลานาน และตอนนี้พวกมันก็ออกมาแล้ว รังสีสังหารอันเข้มข้นเดือดพล่าน ทำให้ผู้ฝึกตนชุดดำเกือบทั้งหมดต้องหันหน้ามองมายังเมิ่งฮ่าว
“บังอาจนัก!” โจวเต๋อคุนแผดร้อง “ข้าคือเจ้าแห่งเตา แห่งแผนกเม็ดยาบูรพา เจ้า…” โดยส่วนตัว มันไม่ได้ต่อสู้ด้วยวิชาเวทมาเป็นเวลานานมากแล้ว ตั้งแต่ที่กลายมาเป็นเจ้าแห่งเตา มันก็ได้เหยียบย่ำไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความสุภาพอ่อนโยนและความเคารพนับถือ แต่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าก่อนที่มันจะย่างเท้าก้าวออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกล มันก็ต้องตกเป็นเหยื่อของการถูกลอบโจมตี
ก่อนที่โจวเต๋อคุนจะทันได้พูดจบ เมิ่งฮ่าวก็เห็นดวงตาของบุรุษชุดดำเริ่มสาดประกาย ขณะที่พวกมันมองมายังโจวเต๋อคุน
“แย่แล้ว” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาแวบขึ้น โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ร่างเขาขยับพุ่งตรงไป
เขาเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ กระบี่ไม้ทั้งสองเล่มกรีดร้องแหวกฝ่าอากาศ ราวกับสองกระบี่มังกร พุ่งตรงไปยังบุรุษชุดดำสองคน ก่อนที่บุรุษทั้งสองจะล่าถอยไป กระบี่ไม้ทั้งสองเล่มก็แทงทะลุหน้าผากของพวกมัน ออกมายังอีกด้านของศีรษะเกิดเป็นน้ำพุสีแดงและขาวกระจายออกไป
เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าอย่างต่อเนื่อง ขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ผลักฝ่ามือตรงออกไป ภาพมือมากมายปรากฎขึ้น พวกมันเริ่มส่งเสียงกระหึ่มออกมา จากนั้นก็พุ่งโจมตีตรงไปยังบุรุษชุดดำ ซึ่งมันก็รีบถอยหนีไปด้านหลังในทันที
“ผู้อาวุโสโจว” เมิ่งฮ่าวส่งเสียงไปยังโจวเต๋อคุน “อย่าได้ลืมความสามารถของเสื้อผ้า! ออกไปจากที่นี่!” ผู้ฝึกตนสิบกว่าคนแยกออกเป็นสองกลุ่มในทันที กลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าตรงมายังเมิ่งฮ่าว อีกกลุ่มตรงไปยังโจวเต๋อคุน
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โจวเต๋อคุนกำลังอยู่ในอาการตกใจ แต่ทันทีที่เมิ่งฮ่าวกล่าวเตือน มันก็กระทืบเท้าลงไปบนพื้น ชุดของเจ้าแห่งเตาก็เริ่มเรืองแสง และทันใดนั้น มันก็หายตัวไป
เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะกระตุ้นเตือนการทำงาน ส่วนของการเคลื่อนย้ายทางไกลของเสื้อผ้าเจ้าแห่งเตาไป เมื่อเห็นโจวเต๋อคุนหายตัวไป เสียงแค่นอันเย็นชาเต็มอยู่ในอากาศ หนึ่งในสองผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ ผู้ที่มีรูปร่างอ้วนม่อต้อ กลายเป็นลำแสง และพุ่งไล่ตามโจวเต๋อคุนไป
ขณะที่มันหายตัวไปในที่ห่างไกล เสียงของมันก็ดังออกมา “มีผู้ฝึกตนจากแผนกเม็ดยาบูรพาส่งมาถึงหน้าประตูของพวกเรา พี่หยาง ข้าจะไปจับคนที่เพิ่งจะหนีไป!”
ไร้คำพูดจากผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณอีกคน ที่มีรูปร่างผอมแห้ง มันเริ่มต่อสู้กับบุรุษจากสำนักจินซวงใหม่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าบุรุษจากสำนักจินซวงผู้นั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในตอนนี้ จากที่เห็นมันคงจะถูกสังหารตกตายไปได้ทุกเมื่อ
ด้านล่างบนพื้นดิน บุรุษชุดดำสิบกว่าคน เปลี่ยนความสนใจจากโจวเต๋อคุนมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวไม่ได้หลบหนีไป ดวงตาเขาสาดประกายด้วยรังสีสังหาร และมุมปากก็เกิดเป็นรอยยิ้มจางๆ ขึ้น เป็นเวลานานมากแล้ว ที่เขาไม่ได้ต่อสู้กับใคร บุคคลที่อยู่เบื้องหน้าเขากลุ่มนี้ เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ในสายตาของเมิ่งฮ่าว พวกมันได้ตายไปเรียบร้อยแล้ว
“ข้าไม่ได้สังหารใครเลยในห้าปีที่ผ่านมา ข้าเกรงว่าพวกเจ้ากำลังจะทำให้ข้าต้องทำลายกฎข้อนี้แล้ว” นี่เป็นครั้งแรกในรอบห้าปีซึ่งพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวจะระเบิดออกมาอย่างเต็มที่!