วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 342 : ปรมาจารย์จินกวง!

Posted By: wuxiathai - 00:32
สองวันต่อมา เงาร่างสีดำบินออกมาจากหุบเขา
“ไม่ต้องกังวลไป พี่ใหญ่โอวหยาง” เสียงหยิ่งยโสกล่าว “ข้าจะช่วยท่านดูแลผู้ที่ไล่ตามมานี้เอง คงไม่นานนักก่อนที่พวกเราจะใช้กระโหลกของมันมาเป็นจอกดื่มสุราด้วยกัน!” เงาร่างนั้นพุ่งแหวกฝ่าอากาศไปพบกับลำแสงสีทองที่ใกล้เข้ามา
คนผู้นี้มีแกนปราณที่ก่อตัวเป็นภูเขาขนาดใหญ่ พลังของแกนปราณรวมกับภาพศักดิ์สิทธิ์ของลิงยักษ์ที่กำลังส่งเสียงคำราม กระแทกตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ต้าโถวอยู่ห่างไกลออกไป มองมาด้วยสีหน้าพอใจ ในที่สุดก็มีสหายที่ยินดีจะช่วยเหลือมัน
สิ่งแรกที่มันทำก็คือ หมุนตัวและหลบหนีไปด้วยความรวดเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ก่อนที่มันจะบินไปแค่ไม่กี่อึดใจ เสียงแผดร้องโหยหวนก็ดังออกมา จากนั้นก็ถูกตัดขาดไปโดยเสียงระเบิดดังกึกก้อง
ด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน ต้าโถวมองกลับไปเห็นลิงยักษ์กลายเป็นชิ้นๆ และภูเขาก็พังทลายลง ผู้ฝึกตนที่พยายามจะขวางกั้นเมิ่งฮ่าวระเบิดออก ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการต่อยไปเพียงครั้งเดียวของเขา
ภาพที่เมิ่งฮ่าวใช้หมัดขวาต่อยไปทำให้ต้าโถวขนลุกชี้ชัน พ่นโลหิตออกมาอีกครั้ง หลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
“ช่างน่ากลัวนัก! ดินแดนสีดำไปมีบุคคลที่เหนือมนุษย์เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? ข้าไปตอแยมันได้อย่างไร…?” จิตใจเต็มไปด้วยความขมขื่น มันก้มหน้าพุ่งตรงไปด้วยความเร็วสูงสุด
ยามพลบค่ำอีกสี่วันหลังจากนั้น…
“ไม่ต้องกลัว, ท่านพี่โอวหยาง!” ผู้ฝึกตนหัวล้านกล่าว ยกจอกสุราขึ้นมา “พวกเรา, เก้านักบุญภูเขาสีดำ ไม่อาจจะเทียบกับท่านได้ในแง่ของพื้นฐานฝึกตน แต่เมื่อใช้ค่ายกลเวท พวกเราก็สามารถกักใครก็ตามที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าวิญญาณแรกก่อตั้งได้อย่างน้อยก็สามวัน”
ต้าโถวใบหน้าซีดขาว ยกจอกสุราขึ้นมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจ สายตามันจ้องมองไปยังที่ห่างไกล ซึ่งมีแปดเงาร่างกำลังพุ่งตรงไปยังลำแสงสีทองที่กำลังใกล้เข้ามา
“ท่านพี่โอวหยาง, ท่านไม่ต้องกังวลไป แค่คิดไปถึงคำพูดของท่านเกี่ยวกับภาพศักดิ์สิทธิ์จิ้งเหลนสีทองที่บอกว่าจะให้พวกข้าก็พอ” ผู้ฝึกตนศีรษะล้านหัวเราะ แต่ภายในดวงตามองเห็นร่องรอยของการดูถูกเหยียดหยามอยู่จางๆ
จากข่าวลือที่มันได้ยินมา โอวหยางจากสามสำนักใหญ่แห่งเมืองตงลั่ว ไปมีเรื่องกับผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่อยู่ในขั้นกลางสร้างแกนลมปราณ และถูกไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตายมาครึ่งเขตตะวันตกของดินแดนสีดำ
เมื่อได้เห็นความหวาดกลัวของโอวหยาง ผู้ฝึกตนศีรษะล้านก็ดูแคลนมันอย่างช่วยไม่ได้ และสรุปไปเองว่า โอวหยางมีแต่ชื่อเสียงอันจอมปลอม
ผู้ฝึกตนศีรษะล้านดื่มสุราลงไปจากนั้นก็กล่าวว่า “ผู้ฝึกตนขั้นกลางสร้างแกนลมปราณอันต่ำต้อย ถูกเรียกว่าปรมาจารย์จินกวง (แสงสีทอง) ได้อย่างไร?” ช่างน่าหัวเราะนัก! พวกข้าเก้านักบุญภูเขาสีดำ…หือ?” ก่อนที่มันจะพูดจบ เสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องไปทั่ว จนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ที่ยิ่งน่าตกใจไปกว่านั้นสำหรับมันก็คือ แม้ตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาเที่ยงวัน ในตำแหน่งที่มีการต่อสู้กัน ก็สามารถมองเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอยู่มากมาย!
ในขณะที่ผู้ฝึกตนศีรษะล้านตกตะลึงจนเงียบเสียงลง จิตใจโอวหยางก็เริ่มหมุนคว้าง สีหน้าเริ่มสิ้นหวัง ขณะที่มันโยนจอกสุราลง ตบไปที่หน้าอก ทำให้มีโลหิตกระจายออกมาจากปากมันเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นวิชาลับของมัน พุ่งออกไปยังที่ห่างไกลด้วยความรวดเร็ว ซึ่งกลายเป็นนิสัยประจำตัวของมันไปแล้ว ผู้ฝึกตนศีรษะล้านอ้าปากค้างมองตามไป
สีหน้าเยาะเย้ยปรากฎขึ้นบนใบหน้าของผู้ฝึกตนศีรษะล้าน สักพักหลังจากนั้น ในขณะที่สายตามันยังคงจ้องมองไป เส้นขนทั่วร่างก็ลุกขึ้นตั้งชี้ชัน ความรู้สึกถึงอันตรายอันรุนแรง ทันใดนั้น ก็เต็มอยู่ในจิตใจ มันหมุนคว้างไปราวกับว่าถูกฟาดโดยสายฟ้า ที่เบื้องหน้ามีบุรุษหนุ่มในชุดนักศึกษาอาบไล้ด้วยแสงสีทองยืนอยู่ ยากที่จะบอกว่ามาถึงเมื่อใด เขาหยิบเอาขวดสุราขึ้นมาและจิบดื่มลงไป
“เจ้า…” ผู้ฝึกตนศีรษะล้านกล่าว หันหน้าไปมองยังที่ห่างออกไป ซึ่งมีร่างของสหายทั้งแปดของมันกำลังตกลงมาจากกลางอากาศ
มันอ้าปากค้าง และจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มมืดลง
แต่ก่อนที่ทั้งหมดจะมืดมิด ผู้ฝึกตนศีรษะล้านก็โพล่งออกมา “ข้าขอภักดีต่อปรมาจารย์จินกวง!” ทันใดนั้น สายตาของมันกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
การไล่ล่ายังคงมีอย่างต่อเนื่องไปอีกเจ็ดวัน!
ปรมาจารย์ต้าโถว เลือกที่จะไม่กลับไปยังสำนักของมัน มันเป็นปรมาจารย์ และได้นำผู้อาวุโสของสำนักออกไปด้วย ผู้คนที่กลับสำนักไปมีเพียงผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณเท่านั้น ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณไม่มีเหลืออยู่แม้แต่ผู้เดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ มันไม่อาจจะก่อตั้งค่ายกลเวทอันยิ่งใหญ่ของสำนักได้ และรู้ดีว่าถ้ามันหยุดอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันก็ต้องตกตายอย่างแน่นอน
ดังนั้น มันไม่อาจจะทำอันใดได้นอกจากหลบหนี มองหาบุคคลที่แข็งแกร่งซึ่งมันคุ้นเคยรู้จักอยู่ในอาณาเขตแถบนี้ แต่โชคร้ายที่บุคคลเหล่านั้นไม่มีพื้นฐานฝึกตนที่เพียงพอ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่อยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง
กล่าวโดยทั่วไป ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมากที่สุด ที่สามารถพบเห็นได้ในดินแดนสีดำ ภายใต้สถานการณ์อื่นๆ มันน่าจะสามารถขอความช่วยเหลือจาก ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งเร่ร่อนได้บ้าง แต่โชคร้าย…เนื่องจากความปั่นป่วนวุ่นวายในดินแดนสีดำ ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งในตอนนี้ เป็นสิ่งที่มีค่ามากมายต่อพันธมิตรของจิ่วเหมิง (เก้าสหพันธ์) และโม่ถู่กง (ราชวังดินแดนสีดำ) ขุมกำลังทั้งสองนี้ทำทุกอย่างเพื่อกำจัด หรือรับสมัครพวกมันไว้ เห็นได้ชัดว่าต้าโถวไม่อาจจะเทียบกับขุมกำลังทั้งสองนี้ได้
ดังนั้นมันจึงบินจากสถานที่แห่งหนึ่ง ไปยังอีกสถานที่แห่งหนึ่งด้วยความดิ้นรนอย่างขมขื่น มันคิดว่าจะไปยังเมืองตงลั่ว แต่มันก็รู้ดีถึงความโหดเหี้ยมของผู้ฝึกตนดินแดนสีดำ เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขในตอนนี้ มันไม่มีค่าใดๆ ต่อเมืองตงลั่ว พวกมันคงไม่ยอมทำสิ่งใดเพื่อผลประโยชน์ของมันเอง ถ้ามันได้รับปากกับคนเหล่านั้นก่อนหน้านี้ ก็คงทำให้เรื่องราวง่ายขึ้น คนเหล่านั้นคงต้องช่วยเหลือมันอย่างแน่นอน
แต่โชคร้าย เพื่อที่จะได้ผลประโยชน์สูงสุด มันได้บอกคนเหล่านั้นว่า มันจะพิจารณาข้อเสนอ แต่ก็ไม่ได้ทำพิธียืนยันข้อตกลง ด้วยเช่นนั้น คงยากที่จะเรียกร้องความช่วยเหลือจากเมืองตงลั่วได้
“บัดซบ! เจ้าสัตว์ป่าเหนือมนุษย์ผู้นั้นปรากฎตัวขึ้นในดินแดนสีดำตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” มันคิด ก่นด่าสาปแช่งเมิ่งฮ่าวอยู่ในใจ ทันใดนั้น มันก็มองเห็นลำแสงสีทองอยู่ด้านหลัง มันรีบพ่นโลหิตออกมาและบินตรงไป รู้สึกราวกับว่าได้พ่นโลหิตที่มีค่าตลอดชีวิตของมันออกมา ใบหน้าซีดขาว และอาการบาดเจ็บของมันก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม จากการสูญเสียโลหิตไป
แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น มันไม่อาจต่อสู้กลับไป ดังนั้นได้แต่หลบหนี
ด้านหลังมัน เมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านอากาศมาเป็นเสียงแหลมเล็ก ล้อมรอบด้วยแสงสีทองที่กระจายออกมา ติดตามด้วยผู้ฝึกตนเกือบสี่ร้อยคน นี่เป็นกลุ่มคนอันแข็งแกร่งที่ต้าโถวพยายามจะขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย พวกมันก็เลือกที่จะอยู่ข้างเดียวกันกับเมิ่งฮ่าว
หนึ่งในนั้นเป็นผู้ฝึกตนศีรษะล้านขั้นกลางสร้างแกนลมปราณจากภูเขาสีดำ กลุ่มคนทั้งหมดบินผ่านท้องฟ้า มองตรงไปยังเมิ่งฮ่าวและแสงสีทองนั้น
ความแข็งแกร่งมาพร้อมกับจำนวน ตลอดช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา คนกลุ่มนี้มีชื่อเสียงบ้างอยู่ในส่วนตะวันตกของดินแดนสีดำ เมื่อพวกมันผ่านไปยังที่แห่งไหน เงาอันมืดมิดของพวกมันก็ปกคลุมไปทั่วพื้นดินและบดบังท้องฟ้า เมื่อรวมกับเมิ่งฮ่าวและแสงสีทองซึ่งเขาจงใจให้กระจายออกมาจากร่าง ก็ยิ่งทำให้เกิดเป็นภาพที่น่าตกตะลึงขึ้นอย่างแท้จริง
ยากที่จะบอกว่าใครเป็นคนเรียกนามปรมาจารย์จินกวงเป็นคนแรก แต่คำพูดนี้ก็เริ่มกระจายออกไป และในที่สุดกลุ่มคนอันทรงพลังทั้งหมดในอาณาเขตนั้นก็รู้จักนามนี้
หนึ่งวันต่อมา ต้าโถวเหน็ดเหนื่อยจนถึงที่สุด แม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็กัดฟันแน่น และมุ่งหน้าบินตรงไปยังภูเขาสูง ภูเขานี้ดูน่ากลัว พื้นด้านล่างล้อมรอบไปด้วยน้ำสีดำ กลุ่มคฤธรขนาดใหญ่ห้าตัวบินเป็นวงกลมรอบๆ ยอดเขา ส่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมาเป็นระยะ
ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาเป็นชายชราสามคน หนึ่งคนตรงกลางสวมใส่ชุดยาวเจ็ดสี และอยู่ในขั้นสุดท้ายสร้างแกนลมปราณ อีกสองคนอยู่ในขั้นกลางสร้างแกนลมปราณ
สีหน้าพวกมันดูน่าเกลียด นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ดูเหมือนกำลังเข้าฌาณอยู่ แต่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันกำลังหมุนวนไปมา และกำลังระมัดระวังตัว ดวงตาจ้องนิ่งไปยังผู้ฝึกตนศีรษะใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา และแสงสีทองขนาดใหญ่ที่ไล่ตามมันมา
“บัดซบ, นั่นคือปรมาจารย์จินกวง!”
“ไม่กี่วันมานี้ ทุกคนได้พูดถึงปรมาจารย์จินกวงพยายามที่จะสังหารโอวหยาง ใครก็ตามที่ช่วยเหลือโอวหยางก็จะจบลงโดยการถูกสังหาร!”
“ข้าได้ยินมาว่าผู้ฝึกตนสร้างแกนลมปราณสิบกว่าคนตายใต้เงื้อมมือของปรมาจารย์จินกวง…ผู้ที่อ่อนแอสุดอยู่ในขั้นกลางสร้างแกนลมปราณ และยังมีขั้นสุดท้ายสร้างแกนลมปราณอีกสองคน!”
“เจ้าลืมเรื่องของสามสำนักใหญ่แห่งเมืองตงลั่วไปแล้ว? โอวหยางกำลังหลบหนีเอาชีวิตรอด แต่ปรมาจารย์ของอีกสองสำนักก็ไม่ได้ปรากฎตัวขึ้น พวกมันต้องพบจุดจบไปเรียบร้อยแล้ว ถ้ารวมพวกมันเข้าไปด้วย ก็หมายความว่าจำนวนของผู้ฝึกตนสร้างแกนลมปราณ ที่ตกตายไปด้วยเงื้อมมือของปรมาจารย์จินกวงก็มีมากมายจนน่าเหลือเชื่อนัก!”
ในตอนนี้ใบหน้าพวกมันน่าเกลียดมากยิ่งขึ้น พวกมันเป็นสหายกับต้าโถว แต่ความสัมพันธ์เช่นนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะให้พวกมันไปต่อต้านปรมาจารย์จินกวง และแน่นอนว่าต้าโถวได้มุ่งหน้ามายังพวกมันเพื่อหาที่หลบภัย
“สหายเต๋า, ช่วยข้าด้วย!” มันร้องตะโกน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยินดี เมื่อพิจารณาถึงฐานะและระดับพื้นฐานฝึกตนของมัน การร้องตะโกนออกมาเช่นนั้น ก็แสดงให้เห็นว่ามันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแค่ไหน เสียงของมันดังไปถึงยอดเขา และเข้าไปในหูของชายชราทั้งสาม ทำให้พวกมันรู้สึกเห็นใจขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้ แหวกฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็ก ล้อมรอบไปด้วยแสงสีทอง “พวกท่านทั้งสามต้องการยุ่งเกี่ยวด้วยเช่นกัน?” เขากล่าวเสียงราบเรียบ ดังก้องไปทั่วทุกทิศทางราวกับสายฟ้า
ใบหน้าของสามชายชราเปลี่ยนไป โดยเฉพาะสองคนที่มีพื้นฐานฝึกตนอ่อนด้อย จิตใจพวกมันหมุนคว้าง และใบหน้าก็ซีดขาวจนไร้สีเลือด แกนลมปราณของพวกมันสั่นสะท้านอยู่ด้านใน ชายชราทั้งสามสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
พวกมันอดจะคิดไปถึงข่าวลือที่กระจายออกมา เกี่ยวกับปรมาจารย์จินกวงอย่างช่วยไม่ได้ว่า
มันชอบฉีกกระชากแกนปราณออกมาจากผู้ฝึกตน และกินลงไปแบบดิบๆ! มันชอบสังหารหมู่ ไม่ปล่อยให้ผู้ใดมีชีวิตรอดจากไป! ด้วยวิธีอันอำมหิตโหดร้ายและป่าเถือน!
ไม่ค่อยชัดเจนนักว่าข่าวลือเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวเช่นนี้กระจายออกไปได้อย่างไร จริงๆ แล้ว เขาไม่ได้สังหารผู้คนมากมายเท่าใดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้คนส่วนใหญ่ตายใต้เงื้อมมือของผู้ติดตามเขานับร้อยนี้
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่คำพูดของเมิ่งฮ่าวดังกระทบไปถึงหูของชายชราทั้งสามบนยอดเขา ชายชราซึ่งมีพื้นฐานฝึกตนสูงที่สุด ผู้ที่สวมใส่ชุดยาวเจ็ดสี ก็ลุกขึ้นมายืน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มันประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
“ขอคารวะปรมาจารย์จินกวง แน่นอนว่าพวกเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องราวของพวกท่านทั้งสอง” หลังจากที่กล่าวจบ มันก็กระทืบเท้าลงไป ทำให้เกราะป้องกันเรืองแสง พุ่งขึ้นมารอบๆ ภูเขา ทำให้ต้าโถวไม่อาจผ่านเข้าไปได้
ต้าโถวส่งเสียงร้องคร่ำครวญ พ่นโลหิตออกมาอีกเพื่อกระตุ้นวิชาลับของมันเร่งความเร็วจากไป ตอนนี้มันผอมแห้งและอ่อนแอ ทำให้ศีรษะอันใหญ่โตของมันดูโดดเด่นจับตามากขึ้น มันบินไปในอากาศ อ่อนแอเสียจนไม่อาจแม้แต่จะกำมือเป็นหมัดได้ ศีรษะของมันก้มต่ำลง
ความโศกเศร้าและเสียใจ เต็มอยู่บนใบหน้า ขณะที่มันพุ่งตรงไป
สองวันผ่านไป ต้าโถวยังคงเสียใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่ามันจะไปที่ไหน สหายของมันทั้งหมดต่างก็เริ่มใช้วิชาเวทของพวกมันสกัดกั้นเส้นทางไป ราวกับว่ามันกลายเป็นตัวอัปมงคลบางอย่าง
อันที่จริง ยังมีผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ได้เคลื่อนค่ายกลเวทของพวกมันชักช้า เมื่อมันเข้าไปขอความช่วยเหลือ สหายของมันจึงได้ฉีกหน้าลงมือโจมตี เห็นได้ชัดว่าสหายผู้นั้นเกรงว่าจะทำให้ปรมาจารย์จินกวงเกิดความเข้าใจผิด
ต้าโถวในตอนนี้หมดหวังโดยสิ้นเชิง มันลอยอยู่กลางอากาศมองไปรอบๆ ทั่วทุกทิศทาง โชคร้ายที่ไม่มีผู้ใดที่มันพอจะไปขอความช่วยเหลือได้ มันไร้เรี่ยวแรง และไม่อาจหลบหนีได้อีกต่อไป ด้วยใบหน้าซีดเทา มันหันหลังกลับมา และมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่ใกล้เข้ามา
หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกสิบครั้งผ่านไป เมิ่งฮ่าวก็มาหยุดอยู่ตรงหน้ามัน “เลิกหลบหนีแล้ว?” เขาถามเสียงราบเรียบ

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates