“สะ…สะ…หายเต๋า…” หวงต้าเซียนไม่อาจหยุดจิตใจที่หนักอึ้ง ใบหน้ามันซีดขาว และขณะที่ร่างสั่นสะท้าน มันแปะรอยยิ้มใจดีอยู่บนใบหน้า โดยไม่ต้องขบคิด มันเริ่มถอยไปด้านหลัง
“ฮา ฮา, น่ายินดีนัก…ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ที่พวกเราได้มาพบกัน สหายเต๋า ถ้าท่านต้องการอาศัยอยู่ที่นี่ ก็ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไร” ร่างกายสั่นสะท้าน หวงต้าเซียนเตรียมจากไปในทันที
แต่ขณะที่มันทำเช่นนั้น สายตาอันเยือกเย็นของเมิ่งฮ่าวก็กวาดผ่านไปทั่วร่าง มาหยุดอยู่ที่เท้าของมัน แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านร่างหวงต้าเซียน มันไม่กล้าจะขยับตัวแม้แต่น้อยนิด หยดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผาก จากนั้นก็ไหลลงจากใบหน้าที่ซีดขาวของมัน เกือบจะในทันทีที่สายตาเมิ่งฮ่าวไปหยุดอยู่ที่เท้าของมัน ก็ดูเหมือนว่าทันใดนั้นเท้าคู่นี้ก็ไม่ได้เป็นของมันอีกต่อไป
ในที่สุด สายตาเมิ่งฮ่าวก็ไต่ขึ้น มองเข้าไปในในดวงตาหวงต้าเซียน สมองของมันราวกับจะกระตุก ราวกับว่าจิตวิญญาณของมันกำลังหลุดลอยออกไปจากร่าง จมอยู่ในความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงโดยสิ้นเชิง
“พื้นฐานลมปราณ…นี่ต้องเป็นพื้นฐานลมปราณอย่างแน่นอน…” ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดเท่าที่หวงต้าเซียนเคยพบมาตลอดชีวิตของมันก็คือขั้นพื้นฐานลมปราณ มันรู้สึกหวาดกลัวก็เนื่องมาจากเมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่ลึกล้ำสุดหยั่งคาด ทำให้มันคิดไปถึงบุคคลที่แข็งแกร่งมากที่สุดที่มันเคยพบเห็นมา
ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะพูดออกมา ก็ได้ยินเสียงดังตุบเมื่อหวงต้าเซียนคุกเข่าลง ใบหน้าไร้สีเลือด
“ผู้อาวุโส, ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ที่ข้าพูดจาหยาบคายเมื่อครู่นี้ ข้าผิดไปแล้ว ผู้อาวุโส, ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่มีน้ำใจกว้างขวาง ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย…” สีหน้าหวงต้าเซียนอ้อนวอนอย่างที่สุด เสื้อผ้าที่แผ่นหลังมันเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบที่ไหลรินออกมา
ทันทีที่เห็นเขาลังเล ก็ทำให้มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
“มันต้องการสังหารข้า!!” มันคิด “ข้าจบสิ้นแล้ว จบสิ้น! ข้าเคยได้ยินว่าผู้ฝึกตนพื้นฐานลมปราณ มักจะสังหารผู้คนอยู่ตลอดเวลา และเคยได้ยินว่าบางคนก็มีนิสัยชอบกินเนื้อคนดิบๆ…” ขณะที่คิดเช่นนั้น ม่านตาหวงต้าเซียนก็เริ่มมืดสลัวลง จิตใจมันเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและไม่พอใจ ทันใดนั้นก็คิดว่ามันน่าจะติดอยู่ในสถานที่ ที่มันเพิ่งจะหนีออกมาได้ อย่างน้อยการอยู่ที่นั่นก็ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ตอนนี้…
ทันใดนั้น หวงต้าเซียนก็เริ่มคิด มันไม่ต้องการตาย ดังนั้นความคิดมากมายก็เริ่มพุ่งขึ้นมาในจิตใจ ขณะที่เมิ่งฮ่าวดูเหมือนกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง หวงต้าเซียนก็ตะโกนและพูดว่า “อี๋? นี่เป็นถ้ำแห่งเซียนของข้าจริงๆ? ช่างแปลกนัก ดูเหมือนพลังลมปราณในที่แห่งนี้เข้มข้นเป็นอย่างมาก! ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งหมดก็ดูมีประกายและโปร่งแสง มันช่างรู้สึกเหมือนเป็นที่อยู่ของเทพเซียนอย่างแท้จริง!”
“ผู้อาวุโส, ท่านช่างเป็นบุคคลที่มหัศจรรย์ยิ่ง! ดูสิ, นี่เป็นถ้ำที่เคยธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่เมื่อท่านได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ ก็ทำให้มันดูมีสง่าราศรีขึ้นมา ราวกับเป็นแดนสวรรค์!” เมื่อได้ยินคำพูดของหวงต้าเซียนก็ทำให้เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง
การอ้าปากค้างของเขาก็ทำให้จิตวิญญาณของหวงต้าเซียนตื่นขึ้นมา ดูเหมือนมันคิดว่าน่าจะฉวยโอกาสในการมีชีวิตรอดได้ ดังนั้น มันจึงกล่าวต่อไปด้วยความเมามันมากยิ่งขึ้น
“หลังจากที่ได้เห็นถ้ำแห่งนี้ ข้าก็คิดว่า ข้าคงไม่อาจจะสงบใจให้เยือกเย็นลงได้!” มันมองไปรอบๆ ถ้ำที่ดูธรรมดาเป็นอย่างยิ่งนี้ ราวกับว่ามันได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ ดวงตาเต็มไปด้วยความรักและเคารพ “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าอะไรที่ขาดหายไป ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากท่าน ด้วยท่าทางที่สูงส่งสง่าราวเซียนวิเศษของท่าน ได้ทำให้สถานที่แห่งนี้ช่างน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง”
“ท่านช่างมีบุคคลิกของผู้หลุดพ้นอย่างแท้จริง ทำให้ข้าต้องโค้งตัวคารวะอยู่ในจิตใจอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยการคารวะในแต่ละครั้ง ก็ทำให้ข้ามีความตื่นเต้นจนยากจะควบคุมตัวเองได้ แม้แต่พื้นฐานฝึกตนของข้าก็ทะยานขึ้นด้วยความดีใจ!” ยิ่งมันพูดมากขึ้นเท่าใด มันก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งน้ำลายซ่านกระเซ็น ดูเหมือนมันพยายามทุ่มสุดตัวเพื่อประจบสอพลอเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยสีหน้าเหลอหลา และลังเลขึ้นอีกครั้ง ในที่สุดใบหน้าเขาก็เริ่มเป็นสีแดง
“ข้ากำลังคิดว่า” หวงต้าเซียนพรั่งพรูออกมา “บางทีนี่อาจจะเป็นเจตจำนงแห่งสวรรค์ ที่ทำให้ผู้อาวุโสมาปรากฎกายขึ้นในที่แห่งนี้ ข้าไม่มีข้อเรียกร้องอะไรนอกไปจากขอให้ได้ยืนอยู่ที่เบื้องหน้าท่าน มีโอกาสได้สัมผัสปราณเซียนของท่าน ขอให้ท่านได้โปรดยอมรับในข้อเรียกร้องนี้” หยดน้ำตาไหลลงมาที่ข้างแก้มของมัน ขณะที่จ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยท่าทีสัตย์ซื่อจริงใจ เฝ้ารอคอยความหวังอย่างเอาเป็นเอาตาย
คำพูดทั้งหมดนี้ของมันทำให้เมิ่งฮ่าวต้องขนหัวลุก เขามักคิดอยู่เสมอว่า เมื่ออยู่ในสำนักเอกะเทวะเขาได้เรียนรู้คำประจบสอพลอมาบ้าง และได้ฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ทันใดนั้นก็ตระหนักว่า ในโลกนี้ยังมีบุคคลที่มีความสามารถมากกว่าเขาอยู่อีกมากมาย
หนึ่งในบุคคลเช่นนั้นก็มีอยู่ที่นี่ในดินแดนสีดำ…แต่โชคร้ายที่คำพูดเช่นนั้นไม่มีผลต่อเมิ่งฮ่าว เขามองไปยังผู้ฝึกตนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ความเคร่งขรึมนี้ทำให้จิตใจหวงต้าเซียนสั่นสะท้านขึ้นมามากกว่าเดิมในทันที มันพยายามระงับจิตใจ กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ผู้อาวุโส, ท่านยังมีความดีอื่นอีก ด้วยความยิ่งใหญ่ของท่าน และด้วยเช่นนั้น เมื่อความจริงปรากฎขึ้น ท่านไม่เพียงจะเต็มเปี่ยมไปด้วยคำสรรเสริญเยินยอ คำพูดประจบเหล่านั้นต่างก็เหมือนกับสายลมที่พัดผ่านภูเขา ถ้าท่านต้องการมีโทสะ ท่านก็มีโทสะ ท่านเป็นผู้ที่แข็งแกร่งและมีความเด็ดขาด ท่านเป็นวีรบุรุษผู้กล้าอย่างแท้จริงราวกับเจดีย์อันสูงใหญ่”
ณ จุดนี้ เมิ่งฮ่าวทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหัวเราะออกมา และการหัวเราะนี้ก็ไปผ่อนคลายแรงกดดันที่กำลังกดทับอยู่บนตัวเขา อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่ถ้ำกำเนิดใหม่
เมิ่งฮ่าวพูดแทรกคำสอพลอของหวงต้าเซียน “ก็ดี ข้ามีนิสัยคุ้นเคยกับความเงียบ เมื่อถ้ำแห่งนี้เป็นของเจ้า ข้าก็จะไม่ครอบครองมันเปล่าๆ ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด ข้าก็จะให้เจ้าตอบแทนเป็นค่าเช่า”
ศีรษะหวงต้าเซียนเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แต่ในที่สุดจิตใจมันก็รู้สึกค่อนข้างผ่อนคลาย เพื่อที่จะรักษาชีวิตน้อยๆ ของมันไว้ มันได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้ แล้วมันจะกล้าพูดขอสิ่งอื่นๆ อีกได้อย่างไร?
“ผู้อาวุโส, เมื่อท่านชอบถ้ำแห่งนี้ ข้าจะบังอาจขอสิ่งอื่นใดได้อีก? ไม่เป็นไรจริงๆ โปรดพักอาศัยอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ท่านต้องการ”
เมิ่งฮ่าวมองไปยังหวงต้าเซียนสักพัก พึมพำกับตัวเองชั่วครู่ สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้ก็คือหินลมปราณ เขาตบไปที่ถุงสมบัติหยิบเอาเม็ดยารวบรวมลมปราณ ซึ่งไม่มีเครื่องหมายกระถางออกมา
นี่เป็นเม็ดยารวบรวมลมปราณ ที่เขาปรุงไว้เมื่อนานมาแล้ว และมีความเข้มข้นของตัวยาแบบธรรมดาทั่วไป มันเป็นหนึ่งในชนิดยาที่เขาปรุงขึ้นก่อนที่จะเริ่มมีชื่อเสียง และจริงๆ แล้ว ก็มีเหลืออยู่ไม่มากนักในถุงสมบัติ
ขณะที่เขายื่นเม็ดยาออกไป เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าเป็นของที่ไม่ค่อยมีค่ามากนัก เขากำลังจะดึงกลับมาและยื่นสิ่งอื่นออกไปแทน แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรง
ดวงตาหวงต้าเซียนเบิกกว้าง และมันกำลังสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง จ้องนิ่งมายังเม็ดยาในมือเมิ่งฮ่าว ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งหวังอันเข้มข้น ร่างกายสั่นเทิ้ม ไม่ใช่มาจากความหวาดกลัว แต่มาจากความตื่นเต้น
สำหรับมัน เม็ดยาที่อยู่ตรงหน้า ช่างส่องประกายอย่างสวยงาม เม็ดใหญ่เป็นอย่างมาก การปรากฎขึ้นของยาเม็ดนี้ ทำให้ทั่วทั้งถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังลมปราณอันหนาแน่นในทันที
พลังลมปราณที่ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำ ทันใดนั้น ก็ทำให้รูขุมขนในร่างของมันเปิดขึ้น พื้นฐานฝึกตนของมันดูเหมือนจะก้าวหน้าไปในทันที ทำให้จิตใจหวงต้าเซียนหมุนไปมา
“ยา…นั่นคือเม็ดยา!!” ปากและลิ้นของมันแห้งผาก ดูเหมือนมันจะสูญเสียความคิด ราวกับว่ามันอาจจะพุ่งตรงมา และช่วงชิงเม็ดยาไปจากเมิ่งฮ่าวได้ทุกเมื่อ
ในตลอดชั่วชีวิตของมัน มันเคยโชคดีได้กลืนเม็ดยามาเพียงแค่หนึ่งเม็ด นั่นเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว ตอนที่ยังอยู่กับอาจารย์ของมัน หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มันและอาจารย์ได้หลบหนีไป ก่อนที่อาจารย์จะตาย ได้มอบเม็ดยาตะปุ่มตะป่ำสีดำให้มันไว้หนึ่งเม็ด
นั่นเป็นเม็ดยาที่มีค่าเป็นอย่างมากสำหรับอาจารย์ของมัน และก็เป็นยาเม็ดแรกที่หวงต้าเซียนเคยกินเช่นกัน อันที่จริง มีเพียงแค่เม็ดนั้นเม็ดเดียวในชีวิตของมัน
แต่ยาเม็ดนั้นก็ไม่มีทางเปรียบเทียบได้กับเม็ดที่มันกำลังมองอยู่ในตอนนี้ ราวกับว่าหนึ่งเป็นพื้นดิน อีกหนึ่งเป็นฟากฟ้า!
ดินแดนสีดำเป็นสถานที่อันแห้งแล้ง และผู้ฝึกตนก็มีชีวิตอยู่อย่างลำบากยากแค้น เป็นเรื่องยากที่จะมีต้นสมุนไพรเติบโตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ และก็ไม่มีนักปรุงยาอยู่อย่างแท้จริง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญที่จะมีเม็ดยา ด้วยสภาพเป็นกันชนของดินแดนสีดำ ครึ่งหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนด้านใต้ อีกครึ่งเป็นของทะเลทรายตะวันตก ทำให้ผู้ฝึกตนที่นี่ไม่เคยเห็นเม็ดยามาก่อน หรืออาจจะเหมือนกับหวงต้าเซียน ที่อาจจะเคยเห็นหนึ่งหรือสองเม็ดในชั่วชีวิตของพวกมัน
กล่าวโดยทั่วไป ผู้ฝึกตนในที่แห่งนี้พึ่งพาแค่ยาน้ำ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากเศษส่วนของเม็ดยาที่แตกหักลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งกลายเป็นของเหลว ยาน้ำเช่นนั้นไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนดินแดนสีดำไม่อาจจะขาดมันได้
“ผู้อาวุโส, ท่าน…ท่านกำลังจะมอบเม็ดยาให้ข้า?” หวงต้าเซียนถามด้วยเสียงสั่นสะท้าน หอบหายใจจ้องมายังเม็ดยา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย เขามาอยู่ในดินแดนสีดำหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกับโลกด้านนอกมากเท่าใด เคยเห็นเหตุการณ์มากมายตอนที่เดินทาง ซึ่งก็ไม่ค่อยจะเข้าใจมากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ความคิดของเขาที่เกี่ยวกับคุณค่าของสิ่งต่างๆ ก็ยังคงตั้งอยู่บนพื้นฐานตอนที่เขายังอยู่ในดินแดนด้านใต้
ตอนนี้ เขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว โบกสะบัดมือ ส่งเม็ดยาให้ลอยเข้าไปในมือของหวงต้าเซียน
“ยาหนึ่งเม็ด เพื่อขอเช่าถ้ำแห่งนี้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ
หวงต้าเซียนกำเม็ดยาราวกับว่ามันเป็นของวิเศษ มองมายังเมิ่งฮ่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส โค้งตัวลงต่ำ จากนั้นก็จำได้ว่าเขาเคยบอกว่าชอบความเงียบสงบ ทันใดนั้น มันก็กังวลว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจ จึงรีบออกไปจากถ้ำแห่งเซียนอย่างรวดเร็ว เมื่อออกห่างจากภูเขาเตี้ย ก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาก็สาดประกายด้วยความตื่นเต้นต่อสิ่งที่มันได้พบเห็นเมื่อครู่นี้
“ข้าโชคดีแล้ว!” มันคิด “ยาเม็ดนี้…มันคือยามหัศจรรย์!” มันจากไปอย่างเร่งรีบ เตรียมจะไม่กินยาเม็ดนี้ลงไป แต่จะนำไปทำเป็นยาน้ำ ซึ่งสามารถใช้ได้อีกสักพัก
เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำแห่งเซียน ดวงตาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ประสบการณ์ที่ได้พบเจอกับผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณ ช่วยให้เขาตระหนักว่าการขาดแคลนทรัพยากร จริงๆ แล้วก็ทำให้ผู้ฝึกตนดินแดนสีดำยากจนข้นแค้นเป็นอย่างยิ่ง
“ข้ายังคงมีเม็ดยาเหลืออยู่บางส่วนในถุงสมบัติ” เมิ่งฮ่าวคิด “ส่วนใหญ่ก็ถูกประทับตราด้วยรูปกระถางปรุงยา แต่ข้าสามารถลบมันทิ้งไป จากการที่ข้าขาดแคลนหินลมปราณ ข้าจำเป็นต้องระมัดระวัง ไม่มีนักปรุงยาอยู่ในดินแดนสีดำ ดังนั้นการมีเม็ดยามากมายอาจจะทำให้คนอื่นๆ เกิดความสงสัยขึ้นมาได้” ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องสักพัก เขาได้แอบปล่อยจิตสัมผัสไว้บนร่างผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณผู้นั้นเล็กน้อย ถ้ามันพยายามจะสร้างปัญหาให้ เขาก็จะกระตุ้นจิตสัมผัสให้ทำงานและสังหารมันไปในทันที
ในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็หลับตาลง และเพ่งสมาธิไปที่การรักษาอาการบาดเจ็บอีกครั้ง แม้อายุขัยของเขาจะถูกทำลายลง แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมันมากนัก ปัญหานี้แก้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยเม็ดยาเทียนฟาง หรือเม็ดยาแรกเสริมฟ้า หนึ่งในสามเม็ดยาอันยิ่งใหญ่ของเต๋าแห่งการปรุงยาสมัยโบราณ
เวลาผ่านไป และในที่สุด บาดแผลของเมิ่งฮ่าวก็ได้รับการเยียวยาอย่างสมบูรณ์ เขาลืมตาขึ้น ซึ่งฉายแสงแวววาวขณะที่เขาหยิบเอากระจกทองแดงออกมาจากถุงสมบัติ
“หลังจากที่บรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ วิญญาณที่อยู่ภายในกระจกทองแดงนี้ก็ควรจะตื่นขึ้นมา” มองไปยังกระจกซึ่งเขาได้ครอบครองมานานแล้ว เมื่อหลายปีก่อนในสำนักเอกะเทวะ มันได้อยู่กับเขาตลอดเวลาจนกระทั่งถึงวันนี้
ตอนนี้ ถึงเวลาที่วิญญาณภายในกระจกจะตื่นขึ้นมา!