คำพูดของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไปราวกับเสียงฟ้าผ่า
ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งจะจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้เท่านั้น ผู้ฝึกตนนับพันที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดต่างก็อ้าปากค้างด้วยเช่นกัน
เมื่อคำพูดดังออกมา ต้าโถวที่อยู่ห่างไกลออกไป กำลังยินดีในคราเคราะห์ของเมิ่งฮ่าว ก็หอบหายใจอ้าปากค้าง ในความคิดของมัน คำพูดของเมิ่งฮ่าวช่างโอ้อวดเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตาตงลั่วหลิงเบิกกว้าง นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จะมีใครเย่อหยิ่งป่าเถื่อนได้เช่นนี้มาก่อน ตงลั่วฮั่นก็จ้องมองมาด้วยความตกตะลึงด้วยเช่นกัน ตามด้วยสมาชิกของตระกูลตงลั่วทั้งหมด ซึ่งมองมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งเริ่มหัวเราะ เสียงหัวเราะของมันดังมากขึ้นไปเรื่อยๆ และสีหน้าก็เริ่มถมึงทึงขึ้น รังสีสังหารที่ซุกซ่อนไว้เป็นเวลานานเริ่มกระจายออกมา
“ผู้เยาว์, เจ้าช่างไม่รู้ว่าฟ้าสูงเพียงใดแผ่นดินต่ำถึงเพียงไหน! ก็ดี, ถ้าเจ้าอยากหาที่ตาย ข้าก็จะช่วยให้เจ้าสมปรารถนา!” ขณะที่มันพูด ก็เริ่มเดินตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เวลาเดียวกันนั้น สมาชิกตระกูลตงลั่วที่อยู่ตรงเชิงเขารอบๆ บึงน้ำ ก็กลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งตรงมาด้วยเช่นกัน
แต่ในขณะที่พวกมันกระทำเช่นนั้น นกแก้ว ซึ่งกำลังทะยานขึ้นไปในกลางอากาศ ทันใดนั้น ก็ส่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมา “ก่อตั้งค่ายกล!”
เสียงแหลมเล็กนั้นกระแทกเข้าไปในหูของพวกที่มุงดูนับพัน ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนร้อยกว่าคนที่เคยอยู่กับเมิ่งฮ่าวมาตั้งแต่ต้นก็เริ่มออกวิ่ง จนแทบจะกลายเป็นสัญชาติญาณ การกระทำของพวกมันได้ไปกระตุ้นผู้ฝึกตนคนอื่นๆ พวกมันได้ถูกนกแก้วฝึกฝนมานานแล้ว หลักใหญ่ๆ ก็คือพัฒนาทักษะนี้ขึ้นมาจากการที่ไม่มีอะไรเลย มันเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่พวกมันก็เริ่มคุ้นเคยกับค่ายกลนี้แล้ว กระทำโดยพร้อมเพรียงกันกับคนอื่นๆ ทำให้กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนก็เริ่มออกวิ่ง ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งอยู่ใกล้กับเมิ่งฮ่าวมากที่สุด มันยกมือขวาขึ้นกำมือเป็นหมัด ทำให้อากาศรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวแตกสลายจมลงไปอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นแรงบดขยี้กดลงไปที่เมิ่งฮ่าว
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายคมกริบ ขณะที่ชายชราเข้ามาใกล้ ค่ายกลกระบี่ดอกบัว ทันใดนั้น ก็ปรากฎขึ้นและพุ่งตรงไป เสียงระเบิดดังก้องออกมา และขณะที่เป็นเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็กระแทกหมัดขวาด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่อออกไป
ชายชราขมวดคิ้ว ทันใดนั้น มันก็หยุดการเคลื่อนที่ตรงไป และจากนั้นก็หายตัวไป หลบเลี่ยงจากค่ายกลกระบี่ของเมิ่งฮ่าวไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นมันก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว มีสีหน้าเหยียดหยามเยาะเย้ย ยื่นมือซ้ายออกมา และกำเป็นหมัด “สลาย” มันกล่าว
เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่อากาศรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวแตกสลายไป ตามด้วยร่างของเขาถูกเฉือนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนนับไม่ถ้วน
“ตอนนี้เจ้าก็รู้ถึงความแตกต่างระหว่างขั้นสร้างแกนลมปราณ และวิญญาณแรกก่อตั้งแล้ว” ชายชรากล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะมีค่ายกลกระบี่อันน่าตื่นใจ หรือพลังที่หมัดขวาแปลกประหลาดเพียงไหน ในที่…หือ?” ท่ามกลางคำพูดของมัน สีหน้าชายชรา ทันใดนั้นก็เปลี่ยนไป และเต็มไปด้วยความตกใจ
นี่เป็นเพราะร่างกายของเมิ่งฮ่าวที่แตกสลายไป ไม่ได้กลายเป็นเศษชิ้นส่วนของกระดูกและเลือดเนื้อ แต่กลายเป็นพลังปราณ
“ร่างจำแลง!?!? ผู้ฝึกตนสร้างแกนลมปราณมีร่างจำแลงได้อย่างไร!?” ใบหน้ามันบิดเบี้ยว หมุนตัวไปรอบๆ ขณะที่ทำเช่นนั้น มันก็มองเห็นกลุ่มหมอกขนาดใหญ่ ซึ่งภายในมีเงาร่างสูงใหญ่เกือบสิบจ้าง วิ่งวนไปมา
มองไม่เห็นสมาชิกของตระกูลสิบกว่าคน ซึ่งติดตามมันมายังที่แห่งนี้
“นี่…” สีหน้ามันดูน่าเกลียดมากขึ้น ถ้ามันไม่เข้าใจว่ามันติดอยู่ในกับดัก มันก็คงไม่ใช่ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งแล้ว
“ค่ายกลเวทอันต่ำต้อยนี้ ไม่อาจหยุดข้าได้” มันกล่าวพร้อมแค่นเสียงเย็นชา ร่างกายขยับอย่างรวดเร็ว และหายตัวไป ขณะที่มันใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย เมื่อมันปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ นี่เป็นเพราะมันได้พบว่า ยังคงถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มหมอกอันไร้ที่สิ้นสุด
“การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยไม่ได้ผล…” ชายชราตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาท่อนไม้ไผ่ออกมา มันลูบไปที่พื้นผิวของไม้ไผ่ทำให้เกิดเป็นเปลวไฟขึ้นมา มีเสียงดังเกิดขึ้นจากภายในเปลวไฟและกลุ่มควัน กลายเป็นภาพภูติผีของสัตว์ป่าอันดุร้าย พุ่งตรงเข้าไปในกลุ่มหมอก
“ทำลาย!” ชายชราร้องออกมา
ขณะที่เสียงระเบิดดังกระหึ่มกึกก้อง ตงลั่วหลิงและคนอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มหมอก มองไปรอบๆ ด้วยความหวาดกลัว พวกมันถูกแยกออกจากกันทั้งหมด และได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนแหลมเล็กเป็นระยะ
สมาชิกตระกูลตงลั่วทั้งหมดที่พุ่งขึ้นมาจากเชิงเขา ต่างก็มีสีหน้าตกใจ ใครก็ตามที่เข้าไปในกลุ่มหมอกก็จะหายตัวไปในทันที สำหรับคนที่ไม่ได้เข้าไปในกลุ่มหมอก พวกมันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่มองลงไปยังบึงน้ำ ซึ่งในตอนนี้ดูราวกับว่ามันได้กลายเป็นทะเลสาบแห่งสายหมอก!
กลุ่มหมอกปกคลุมไปทั่วทั้งบึงน้ำ!
กลุ่มหมอกม้วนตัวอย่างเดือดพล่านไปมาด้วยพลังอันน่ามหัศจรรย์ ภายในมองเห็นเงาร่างภูติผีสูงใหญ่กำลังวิ่งไปมา เงาร่างนั้นดูเหมือนกำลังสวดมนต์บางอย่าง ถึงแม้จะมองเห็นไม่ชัดเจน แต่การวิ่งของพวกมันก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ด้านบนขึ้นไป ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีซีดจาง และกลุ่มเมฆก็เริ่มรวมตัวกันเป็นก้อน
สมาชิกตระกูลตงลั่ว ผู้ที่ไม่ได้เข้าไปในกลุ่มหมอก กำลังจะล่าถอยออกไป แต่ทันใดนั้นพวกมันก็พบว่า โดยไม่รู้ตัวกลุ่มหมอกได้มาปรากฎอยู่ที่ด้านหลัง! พวกมันติดกับแล้ว! เปลี่ยนสถานะจากผู้บุกรุกกลายเป็นผู้ถูกล้อมไปเรียบร้อย!
ผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับค่ายกลนี้ก็คือ ผู้ฝึกตนนับร้อยที่พยายามจะสังหารเมิ่งฮ่าวเท่านั้น แต่พวกมันส่วนใหญ่ก็ตกตายไปหมดสิ้น ผู้ที่ยังไม่ตายก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของขุมกำลังเมิ่งฮ่าวแล้วในตอนนี้ และภายใต้การบังคับให้กลืนกินยาพิษ แน่นอนว่า พวกมันไม่ได้กระจายข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับค่ายกลนี้ออกไป
ดังนั้น ค่ายกลนี้จึงเป็นไม้ตายอันยิ่งใหญ่ของเมิ่งฮ่าว ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับมัน และด้วยพลังของผู้ฝึกตนนับพัน ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวได้รับผลประโยชน์อย่างน่าตื่นตกใจ
ในตอนนี้ เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับใต้ดิน เป็นเขตนั่งเข้าฌาณตามลำพังที่แท้จริงของเขา ขณะที่มองขึ้นไป สายตาก็พุ่งทะลุผ่านพื้นดิน มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นด้านบน
เขามองเห็นความตายของสมาชิกตระกูลตงลั่ว และผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่พวกมันนำมา เขายังได้เห็นผู้เชี่ยวชาญชราวิญญาณแรกก่อตั้งพยายามที่จะทำลายค่ายกลเวทอย่างบ้าคลั่ง แต่โชคร้าย ที่พลังของค่ายกลได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว เมื่อมันอยู่ในช่วงสมบูรณ์ถึงขีดสุด แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งก็ไม่อาจทำลายมันได้
“ตระกูลตงลั่วมาพร้อมกับเจตนาร้าย” เมิ่งฮ่าวคิด “เจ้าไม่อาจตำหนิข้าที่โต้ตอบเช่นนี้ได้” เขากดนิ้วชี้ข้างขวาลงไปที่พื้นดิน ทันใดนั้น ปราณอสูรก็รวมตัวกันเป็นเงาร่างอันเลือนลาง เพียงชั่วพริบตา ร่างนั้นก็ปรากฎเป็นเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็พุ่งผ่านพื้นดินไปร่วมกับเหตุการณ์ที่อยู่ด้านนอก
เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นยืน และออกไปจากห้องลับ เมื่อเขาปรากฎตัวขึ้นในกลุ่มหมอก ลำแสงหลากสีก็พุ่งตรงเข้ามา ซึ่งก็คือนกแก้ว บินมาเกาะอยู่บนไหล่ สีหน้ามันเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง และความพึงพอใจ มันมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าดูถูกเยาะเย้ย
“เมิ่งฮ่าว, ไปปล้นบ้านเมืองกันเถอะ! ปล้นชิงตระกูลเหล่านั้น ไม่ว่ามันจะเรียกว่าอะไร สิ่งที่เป็นของพวกมันก็จะเป็นของพวกเรา! ด้วยค่ายกลเวทของอู่เหยีย พวกเราสามารถจัดการเจ้าสารเลวบัดซบเหล่านั้นจนตายได้! จากนั้นข้าก็จะไปเยี่ยมเยียนเจ้านกน่ารักตัวนั้นอีกครั้ง ฮา ฮา ฮา! อู่เหยียคือสุดยอดผู้ชั่วร้าย! นกน้อย, เจ้ารออู่เหยียด้วย อู่เหยียได้ตัดสินใจแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป เมืองตงลั่วจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองก่านเชวี่ย!”
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจนกแก้ว ร่างกายแวบขึ้นขณะที่พุ่งตรงไป เนื่องจากการช่วยเหลือของนกแก้ว กลุ่มหมอกจึงไม่สามารถทำอะไรกับเมิ่งฮ่าวได้ การเดินเข้าไปภายในกลุ่มหมอกจึงง่ายดายราวกับเดินไปบนเส้นทางที่ราบเรียบ
———————-
จบตอนแหล่ว…เจอกันพรุ่งนี้เที่ยงน้า…