สายฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ขอบฟ้าไม่ได้มืดมิดอีกต่อไป แสงจันทร์ส่องผ่านก้อนเมฆลงมา และที่ห่างไกลออกไป แสงของดวงอาทิตย์ยามเช้ากำลังสาดส่องมา ยามราตรีกำลังจางหายไป และดวงตะวันก็เริ่มทอแสงไปทั่วพื้นดิน
ขณะที่ดวงอาทิตย์แทนที่ดวงจันทร์ สายฝนก็ยังคงตกลงมา และเมิ่งฮ่าวก็เดินทางต่อไปด้วยสีหน้าสงบเยือกเย็น ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน วันที่ฝนตกหนักเช่นนี้ ทำให้เขาคิดไปถึงหิมะที่ตกลงมาในแคว้นจ้าว
เขาไม่มั่นใจว่ากำลังอยู่ที่ไหนกันแน่ในดินแดนด้านใต้ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาสามารถเห็นได้ก็คือ เทือกเขาซึ่งยืดยาวออกไปไกลสุดสายตา มีเพียงสายฝนที่กำลังตกลงมา และสายลมที่หนาวเย็นอยู่เป็นเพื่อน
การต่อสู้กับโจวเจี๋ยได้ยืนยันถึงพลังต่อสู้ ของเสาแห่งเต๋าทั้งห้าต้นของเขา เขาสามารถสะกดข่มเต้าจื่อได้อย่างไม่ต้องสงสัย เป็นผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในขั้นพื้นฐานลมปราณ
“โชคร้าย ที่ข้ายังคงขาดเรื่องวิชาเวท” เขาคิด “และอาวุธเวทของข้าก็ยังน้อยอยู่ มิเช่นนั้น ข้าก็สามารถบดขยี้มันได้อย่างแน่นอน” เขาเดินไปท่ามกลางสายฝน จมอยู่ในห้วงความคิด โลกแห่งการฝึกตนแตกต่างเป็นอย่างมากกับชีวิตของนักศึกษา เขาค่อยๆ เรียนรู้ถึงจุดอ่อนของตัวเอง ต้องไม่ปล่อยให้จุดอ่อนนั้น ทำให้การต่อสู้ครั้งต่อไปจบลงด้วยความตายของเขาเอง
“ข้าคงทำอะไรไม่ได้มากนักเกี่ยวกับวิชาเวท การเข้าสังกัดสำนักจื่อยิ่นน่าจะช่วยได้มาก ถ้าข้าสามารถหาหนทางเข้าไปได้ แต่…สำหรับอาวุธเวท…” เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว
อาวุธเวททั้งหมดของเขาได้มาจากการต่อสู้ แต่ยิ่งเขามีพื้นฐานฝึกตนแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ อาวุธเวทของเขาก็ยิ่งมีประสิทธิภาพน้อยลงไปเท่านั้น กระบี่ไม้, หมอกสายฟ้า และแหสีดำ ทั้งสามสิ่งนี้ได้เติบโตไปพร้อมกับเขา แต่สำหรับพัด, ธนู และอาวุธอื่นๆ พวกมันค่อยๆ กลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์น้อยลงไปเรื่อยๆ
“ข้ายังไม่ได้ติดอยู่ในเรื่องนี้มากนัก ข้ายังมีสองวิธีที่สามารถใช้เพื่อสร้างอาวุธเวท ข้าสามารถไปยังโม่ถู่ (ดินแดนสีดำ) เพื่อค้นหาดักแด้หิมะเยือกเย็น ถ้าข้าให้มันกินใบต้นหม่อนแหสายฟ้า มันก็จะกลายเป็นดักแด้ไร้ตา ซึ่งสามารถผลิตใยไหมที่ไม่อาจทำลายออกมาได้!”
“ข้ายังมีแผ่นหยกที่ได้จากบรรพบุรุษของหานเป้ย ซึ่งสามารถใช้สร้างอาวุธกาลเวลา แค่หนึ่งในสองอย่างนี้ ก็สามารถแก้ปัญหาตอนนี้ของข้าได้ แต่โชคร้าย…ทั้งสองเรื่องนี้ช่างยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง และไม่อาจจะทำให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่า ยังมีธงสามแฉกอีกหนึ่งผืน ที่ข้าไม่อาจจะใช้มันได้ด้วยพลังฝึกตนของข้าในตอนนี้…” เขาส่ายศีรษะ มองไปรอบๆ ยังสายฝนที่ไม่ยอมหยุดตก ดูเหมือนมันกำลังตกหนักมากยิ่งขึ้น ร่างเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และเขาก็พุ่งตรงไปยังเทือกเขาที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น โบกสะบัดมือ กระบี่บินก็ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศออกไป และกรีดเป็นถ้ำแห่งเซียนเข้าไปที่ด้านข้างของภูเขา
ด้วยการโบกสะบัดแขนเสื้อ เขาก็โผบินเข้าไปในถ้ำราวกับปักษา จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาณ พื้นฐานฝึกตนของเขากระจายพลังออกมา และความร้อนซึ่งแผ่กระจายออกมา ก็ทำให้ความชื้นของถ้ำที่ขุดใหม่นั้นหายไปในทันที
เขาพ่นหมอกสายฟ้าออกมาจากปาก กระจายออกไปปกคลุมทั่วทั้งถ้ำ รวมถึงทางเข้า จากนั้นก็หลับตาลง และโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตน หลังจากธูปไหม้หมดไปครึ่งดอก เขาก็ลืมตาขึ้น ตบไปที่ถุงสมบัติ เมื่อยกมือขึ้น ไข่มุกลูกบาศก์ก็ถูกถืออยู่ในมือ
เมื่อดูเพียงแวบแรก ก็เห็นเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยม แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ดูเหมือนว่าจริงๆ แล้ว ก็ไม่ใช่ มันแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เมิ่งฮ่าวมองไปที่ไข่มุก และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาสาดประกายความมุ่งหวัง
เขาหยิบเอากระจกทองแดงออกมา เพื่อจะผลิตไข่มุกซ้ำ แต่โชคร้ายที่เขามีหินลมปราณเหลืออยู่ไม่มากนัก หลังจากลังเลชั่วขณะ เขาก็ตัดสินใจลอกเลียนแบบมันเพียงหนึ่งลูก
“ข้าหวังว่าไข่มุกนี้ จะสามารถขจัดพิษของดอกปี่อ้านได้” เขากล่าว มองดูไข่มุกด้วยดวงตาสาดประกาย เขาไม่มั่นว่าไข่มุกนี้ทำงานอย่างไร แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่เขาเคยเป็นมาก่อน เขามีความแข็งแกร่งเท่ากับคนที่อยู่ในขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ โดยไม่ลังเล เขาส่งจิตสัมผัสเข้าไปในไข่มุก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ขมวดคิ้ว กัดปลายลิ้นเล็กน้อย และพ่นโลหิตลงไปบนไข่มุก เพียงชั่วพริบตา ไข่มุกนั้นก็ดูดซับโลหิตเข้าไป จากนั้นก็เริ่มละลายในทันที
เส้นใยของแสงสีขาวลอยขึ้นมา ตามด้วยกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนบริสุทธิ์ ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มส่องประกาย หลังจากผ่านไปสักพัก เขาโบกสะบัดมือ และถ้ำแห่งเซียนก็สั่นสะเทือน รอยแตกร้าวกระจายไปทั่วพื้น และทันใดนั้น ต้นเถาวัลย์ก็มุดขึ้นมา
ด้านล่างที่เมิ่งฮ่าวอยู่ เส้นเถาวัลย์ยืดออก ตรงไปยังเส้นใยสีขาว จากนั้นก็เริ่มดูดซับมัน เส้นใยสีขาวพุ่งตรงไปยังเถาวัลย์ในทันที เข้าไปด้านในของมัน เมิ่งฮ่าวมองดูด้วยสายตาที่ส่องประกาย
หลังจากหายใจเข้าออกสิบครั้งผ่านไป เถาวัลย์ก็เริ่มเปลี่ยนสี ในไม่ช้า มันก็ไม่ได้มีสีแดงคล้ำอีกต่อไป แต่เป็นสีขาวบริสุทธิ์ ความรู้สึกพิสุทธิ์สดใสเปล่งประกายออกมาจากต้นเถาวัลย์นั้น
เวลาผ่านไปอีก เมิ่งฮ่าวมองไปยังไข่มุกที่กำลังละลายอย่างช้าๆ และเส้นใยสีขาวซึ่งลอยขึ้นมานั้นอย่างครุ่นคิด ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และเขาก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เส้นใยนั้นพุ่งตรงมา เข้าไปในร่างผ่านทางปากและจมูก
เขาหลับตาลง และหลังจากหายใจเข้าออกสิบครั้งผ่านไป ร่างของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน เส้นเลือดโผล่ขึ้นมาบนใบหน้า และดวงตาก็เปิดขึ้น ภายในม่านตา เห็นเป็นใบหน้าของปีศาจที่กำลังหัวเราะร้องไห้อยู่ ด้านบนของใบหน้านั้น มีเส้นใยสีขาวซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ
ดูเหมือนเส้นใยสีขาวกำลังพยายามชะล้างดอกปี่อ้านในตัวเมิ่งฮ่าวอยู่
เวลาเลื่อนผ่านไป ในไม่ช้า ครึ่งชั่วยามก็ผ่านไป หยาดเหงื่อไหลออกมาจากตัวเมิ่งฮ่าวราวสายฝน ใบหน้าซีดขาว แต่ดวงตาส่องประกายความดื้อรั้นออกมา เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเส้นใยสีขาวก็ลอยเข้าไปในร่างผ่านปากและจมูกเพิ่มขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น ใบหน้าปีศาจในม่านตาเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวและเปลี่ยนรูปไป
เสียงกรีดร้องอย่างเลือนลาง ดังก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว และเขาก็รู้สึกราวกับว่าร่างกำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ดูเหมือนกำลังมีการต่อสู้ระหว่างชีวิตและความตายอยู่ในร่างของเขา ใบหน้าปีศาจในดวงตาเขาบิดเบี้ยวมากยิ่งขึ้น ภาพภูติผีปรากฎขึ้น และกลุ่มควันสีดำก็เริ่มลอยขึ้นมาจากด้านบนศีรษะของเมิ่งฮ่าว กลุ่มควันบิดเบี้ยวไปมา และรวมตัวกันเป็น…ดอกปี่อ้านสามสี!
ไข่มุกลูกบาศก์ดูเหมือนจะเริ่มมืดมัวลง ราวกับว่ามันกำลังจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดของมันออกมา ตอนนี้มันมีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของขนาดเดิม ดูเหมือนว่าในไม่ช้า มันก็จะใช้ความสามารถของมันจนหมดสิ้น และเส้นใยสีขาวก็จะหายไป
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้า โดยไม่ลังเล เขายื่นมือออกไป และคว้าจับไข่มุกไว้ ครั้งนี้ เขาไม่ได้สูดเส้นใยเข้าไป แต่กลืนไข่มุกลงไปทั้งลูก
เสียงกระหึ่มดังก้องอยู่ในร่าง ซึ่งดูเหมือนจะสอดคล้องกับสายฟ้าที่กำลังฟาดลงมาที่ด้านนอก ดอกปี่อ้านบนศีรษะของเขาแห้งเหี่ยวลง ราวกับว่ามันกำลังถูกกระแทกโดยสายลมอันทรงพลัง ในที่สุด มันก็เริ่มจะกระจายหายไป
เสียงกรีดร้องแหลมเล็กดังในอยู่ศีรษะ และใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว โดยไม่ลังเล เขายกไข่มุกลูกที่สองขึ้นมา และกัดฟันแน่น ยอมสูญเสียหินลมปราณเพื่อลอกเลียนแบบเพิ่ม
หลังจากลอกเลียนแบบไข่มุกลูกที่สอง เขาก็ไม่มีหินลมปราณอีกแล้วในตอนนี้ ดวงตาส่องประกายความดื้อรั้นออกมา เขายกไข่มุกทั้งสองลูกขึ้นมา และหย่อนพวกมันลงไปในปาก
เสียงกระหึ่มราวฟ้าฟาดดังกึกก้องอย่างน่าตกใจ เต็มอยู่ในร่างเมิ่งฮ่าว ทันทีที่ไข่มุกลูกบาศ์เข้าไปในปาก เสียงกึกก้องก็ดังกระจายออกไปทั่วภูเขาบริเวณนั้นอย่างน่าเหลือเชื่อ เส้นใยสีขาวผุดออกมาจากรูขุมขนของเมิ่งฮ่าว หมุนวนไปรอบๆ ร่างของเขา
ดอกปี่อ้านสามสีบนศีรษะ ทันใดนั้นก็สั่นสะท้าน ดูเหมือนมันกำลังจะจางหายไป ราวกับว่ามันจะหายไปได้ทุกเมื่อ ขณะที่เมิ่งฮ่าว นั่งอยู่ที่นั่นล้อมรอบไปด้วยกลุ่มหมอกสีขาว ใบหน้าปีศาจภายในดวงตากระจายภาพภูติผีออกมาในทันใด และค่อยๆ จางหายไปช้าๆ ดูเหมือนไข่มุกจะสามารถขจัดพิษนี้ได้
หลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไป ภาพของดอกปี่อ้านบนศีรษะของเมิ่งฮ่าวเกือบจะมองไม่เห็นโดยสมบูรณ์ ไร้ร่องรอยว่าเคยมีใบหน้าปีศาจอยู่ในดวงตาของเขา แต่…
ทันใดนั้น กลุ่มหมอกซึ่งกำลังกำจัดดอกปี่อ้านก็กระจายออกไปในทันที จากนั้น เส้นใยสีขาวก็เริ่มเดือดพล่าน รวมตัวกันที่ด้านบนศีรษะเมิ่งฮ่าว ริ้วสีแดงปรากฎขึ้นในกลุ่มหมอก ตามมาด้วยริ้วสีเหลืองเจิดจ้า และสุดท้ายก็เป็นริ้วสีน้ำเงินราวท้องฟ้า
สีทั้งสี่รวมเข้าด้วยกันภายในกลุ่มหมอกที่กำลังเดือดพล่านนั้น ก่อตัวเข้าด้วยกันเป็น…ดอกปี่อ้านสี่สี!
เห็นได้ชัดว่า ดอกปี่อ้านไม่ได้ถูกทำลายไป ถึงแม้มันจะตายไป มันก็สามารถปรากฎขึ้นใหม่ได้ ราวกับว่ามันได้กำเนิดขึ้นมาใหม่
สีหน้าอันน่าเกลียดปรากกฎขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขามองเห็นดอกปี่อ้านสี่สี ดวงตาเขาสลัวเลือนลาง แต่จากนั้นก็เริ่มส่องประกายขึ้นมาในทันที
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ก็ดูเหมือนดอกปี่อ้านสี่สี ซึ่งคล้ายกับใบหน้าปีศาจนี้ จะมีกลิ่นอายที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากไปกว่าดอกปี่อ้านสามสีก่อนหน้านี้ อันที่จริง ดอกปี่อ้านใหม่นี้กำลังสั่นสะท้านอยู่
“นั่นไม่ใช่สีที่สี่!” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาหดแคบลง หลังจากคิดกลับไปยังดอกปี่อ้านสี่สี ที่เขาเคยเห็นในเขตล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต เขาก็ตระหนักว่า ดอกปี่อ้านของเขาแตกต่างกัน
“ถ้ามันเกิดเป็นสีที่สี่ขึ้นจริงๆ ข้าก็จะต้องสูญเสียสติสัมปชัญญะไป และข้าจะต้องกลายเป็นดอกปี่อ้าน แต่ข้าไม่ได้รู้สึกแปลกๆ อะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้น สีของกลีบดอกที่สี่นี้…”
ทันใดนั้น ดอกปี่อ้านสี่สีที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ก็เริ่มกระตุกไปมา กลีบดอกสีขาวแตกสลายกลายเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีขาว แสงนั้นพุ่งตรงไปยังกลีบดอกสีน้ำเงิน และดอกปี่อ้านก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรงมากขึ้น ภายในไม่กี่อึดใจ เมิ่งฮ่าวมองดูต่อไป ดวงตาสาดประกาย
เขามองไปขณะที่กลีบดอกสีน้ำเงินเริ่มเหี่ยวเฉาลง และจากนั้นก็หายไป ตอนนี้ ดอกปี่อ้านมีเพียงแค่สองสี เมื่อตรวจดูอย่างละเอียด กลีบดอกสีน้ำเงินไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็แทบจะมองไม่เห็น อันที่จริง ดูเหมือนมันจะค่อยๆ เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างช้าๆ
ดอกปี่อ้านสองสีดูเหมือนจะอ่อนแอลง ในเวลาเดียวกันนั้นกลิ่นอายอันบริสุทธิ์ก็กระจายออกมา เห็นได้ชัดว่า หลังจากดูดซับไข่มุกลูกบาศก์เข้าไป ดอกปี่อ้านก็หายไปหนึ่งสี นอกจากนั้น ก็ดูเหมือนว่าพลังในการขจัดพิษของไข่มุกลูกบาศก์จะไม่มีผลกระทบกับดอกปี่อ้านมากเท่าไหร่นัก
ดอกปี่อ้านสองสีส่องประกาย เมิ่งฮ่าวไร้กำลังที่จะกระทำสิ่งใดๆ ขณะที่มันค่อยๆ จมลงไปในร่างเขา ทางด้านบนศีรษะ กลิ่นอายของมันอ่อนแอลงมาก เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นยืน หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ ดวงตาก็เต็มไปด้วยการตกลงใจ
“ไข่มุกลูกบาศก์ ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าข้าต้องการจะขจัดพิษให้หมดไปอย่างสมบูรณ์ ข้าก็ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องแฝงตัวเข้าไปอยู่ในสำนักจื่อยิ่น เมื่ออยู่ที่นั่น ข้าก็สามารถค้นหาวิธีกำจัดมันได้อย่างสิ้นเชิง พิษนี้ราวกับกระดูกที่ติดอยู่ในลำคอของข้า!”