วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 310 : ยังคงเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าเหมือนเช่นเคย!

Posted By: wuxiathai - 20:43

“บัดซบ!” หญิงสาวแผดร้องออกมา นางเป็นผู้ที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง และท่าทางก่อนที่นางจะโจมตีเมื่อครู่นี้ก็มีเสน่ห์และอ่อนโยน แต่การเคลื่อนไหวของนางก็ระเบิดออกมาราวกับมังกร
ตอนนี้ เสียงแผดร้องของนางก็เต็มไปด้วยพลังอำนาจ และกลิ่นอายนั้นก็เหมือนจะประกาศก้องว่า นางเป็นบุคคลที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในโลกแห่งนี้ เมื่อได้เห็นนางมีท่าทีเช่นนี้ ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวขนหัวลุก เขาไม่เคยพบเห็นหญิงสาวที่มีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน
“บัดซบ!” นางแผดเสียง กำมือขวาเป็นหมัด กระแทกลงไปบนพื้น ซึ่งมีเหลืออยู่ไม่มากนัก และเสียงระเบิดก็ทำให้พื้นที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นสลายมากขึ้นไปอีก
“ทำไมมันไม่เป็นสีดำ!?”
ตูม!
“ทำไมมันไม่เป็นสีแดง!?”
ตูม!
“ทำไมมันไม่เป็นสีม่วง!?”
ทุกประโยค นางก็กระแทกหมัดลงไปบนพื้นรอบๆ เมิ่งฮ่าวอย่างรุนแรง ทำให้พื้นดินเริ่มแตกสลายไป ในที่สุด ก็มีเพียงตำแหน่งที่อยู่ใต้เท้าของเขาที่ยังคงเหลืออยู่
หมัดที่กระแทกลงไปทำให้ความว่างเปล่าที่อยู่รอบๆ คนทั้งสองเริ่มแตกสลายไป…
ขนทั่วร่างเมิ่งฮ่าวลุกชี้ชันมากขึ้น หญิงสาวนางนี้ต้องบ้าอย่างแน่นอน! ด้วยพลังอันแปลกประหลาดเช่นนั้น…จริงๆ แล้วก็มากเกินกว่าจินตนาการของเมิ่งฮ่าว เขารู้สึกว่าแม้เขาจะสวมใส่หน้ากากสีโลหิต ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนบ้าผู้นี้
ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็คิดกลับไปยังคำพูดของจี้หงตงที่เกี่ยวกับหญิงสาวนางนี้ ทันใดนั้น เขาก็เห็นด้วยโดยสิ้นเชิง
เมื่อได้เห็นนางกระแทกความว่างเปล่าให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เมิ่งฮ่าวก็หันหลัง และพุ่งออกไปยังทิศทางอื่นในความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาพุ่งออกไป ก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของหญิงสาวแซ่ฟาง
“ทำไมมันต้องเป็นสีเขียว!?”
ตูม!
เมิ่งฮ่าวใบหน้าซีดขาว เตรียมตัวเคลื่อนย้ายออกไปจากความว่างเปล่านี้ มองลงไปยังหลังมืออย่างรวดเร็ว และเครื่องหมายนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป
“เป็นเพราะเครื่องหมายนี้จริงหรือไม่…” เขาคิด ลังเลอยู่สักพัก คิดย้อนกลับไปยังความพิลึกของหญิงสาวที่คลุ้มคลั่งนั้น เขาก็เริ่มขนลุก จากตอนที่เขายังเยาว์จนกระทั่งตอนที่เขาเติบใหญ่ จากตอนที่เขาเป็นนักศึกษา จนกระทั่งถึงตอนที่เริ่มฝึกฝนวิถีเซียน นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตกใจกลัวหญิงสาวนางหนึ่ง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสลัวเลือนลาง เมื่อมันกระจ่างชัดขึ้น เขาก็มองเห็นกลุ่มหมอกสีดำอยู่ด้านบน และสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย นี่คือ…อาณาเขตของถ้ำกำเนิดใหม่
ตอนนี้ ซากศพเซียนได้หดตัวลงอย่างรวดเร็ว จากที่มองไป อีกไม่นานมันก็จะเปลี่ยนเป็นมีขนาดเท่ากับมนุษย์ธรรมดา
ผู้คนกำลังถูกเคลื่อนย้ายออกมายังทุกที่ ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัวขึ้น เขาก็หยิบเอาเครื่องรางนำโชคออกมา ใช้เวลาไม่นานก็ทดสอบมันได้ และเมิ่งฮ่าวก็ขมวดคิ้ว ตามที่เขาคาดคิดไว้ มันไม่ทำงาน
เก็บเครื่องรางนำโชคกลับเข้าไป เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปยังทิศทางของถ้ำกำเนิดใหม่ในทันที ก่อนที่เขาจะโผล่ออกมา ก็ได้ตัดสินใจแล้ว รู้ว่าต้องติดอยู่ในบริเวณนี้ และถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้
โอกาสเดียวที่จะมีชีวิตรอดจากเส้นทางแห่งความตายนี้…ถ้ำกำเนิดใหม่!
ด้วยเส้นทางแห่งความตายเช่นนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้ของเขา ก็ยังพอมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอด!
เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีก มันคือการเดิมพัน แต่เขาก็ได้คิดไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว และด้วยเช่นนั้น ก็พุ่งตรงไปในทันที
ทันทีที่เขาเคลื่อนย้ายทางไกลออกมา ด้านนอกของบึงน้ำที่เต็มไปด้วยกลุ่มหมอก ตรงจุดที่มีเสาแห่งแสงมากกว่าสิบเสาตั้งอยู่ ดวงตาของบุรุษวัยกลางคนจากตระกูลจี้ทันใดนั้นก็เปิดขึ้นมา
“มันอยู่ที่นี่แล้ว!” มันกล่าว โบกสะบัดมือขวา ภาพเรืองแสงก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้ามันในทันที ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเมิ่งฮ่าวที่กำลังหลบหนี “มันมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ!” มันพูดเสียงราบเรียบ ขยับร่างไล่ตามไป ผู้อาวุโสขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งแห่งตระกูลจี้ ติดตามมันเข้าไปในกลุ่มหมอกของบึงน้ำ ใบหน้พวกมันเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยรังสีสังหาร
ผู้ฝึกตนสิบสองคนหรือมากกว่านั้นของตระกูลหลี่ ก็บินขึ้นไปในอากาศด้วยความรวดเร็วเช่นเดียวกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความต้องการสังหาร ขณะที่พวกมันไล่ติดตามเมิ่งฮ่าวไป
ไม่ว่าใครก็ตามในกลุ่มคนเหล่านี้ สามารถสังหารเมิ่งฮ่าวด้วยการสะบัดนิ้วแค่ครั้งเดียว แต่พวกมันทุกคนก็ร่วมไล่ตามเมิ่งฮ่าวไป ด้วยความรู้สึกว่าพวกมันต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้
พวกมันเข้าไปในกลุ่มหมอก แต่ขณะที่ทำเช่นนั้น ไม่มีแม้แต่คนเดียวจะสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของปรมาจารย์รุ่นสิบของตระกูลหวัง มันยิ้มขณะที่เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน มันเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป และไม่มีใครสังเกตเห็นมัน ขณะที่มันเข้ามาร่วมอยู่ภายในกลุ่มหมอก
ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งจากตระกูลจี้และตระกูลหลี่ พุ่งผ่านเข้าไปในหมอกสีดำ และขณะที่พวกมันทำเช่นนั้น พื้นฐานฝึกตนของพวกมันก็ถูกสะกดลงอย่างช้าๆ ในทีสุด พวกมันก็กลับไปอยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของสร้างแกนลมปราณ
แม้จะเป็นเช่นนี้ ใครก็ตามในพวกมันก็แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสังหารเมิ่งฮ่าวได้ในทันที
พวกมันมุ่งหน้าตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่ผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นตัดวิญญาณจากตระกูลจี้ พื้นฐานฝึกตนของมันก็ถูกสะกดลงด้วย มันพยายามต่อต้าน แต่ก็ไม่นานมากนัก ในตอนนี้ พื้นฐานฝึกตนของมันก็อยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง
มันกำลังเคลื่อนที่ตรงไปด้วยความเร็วสูงสุดผ่านกลุ่มหมอก ขณะที่มันแหวกฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็ก ทันใดนั้น มันก็ได้ยินเสียงกระแอมไอ ซึ่งฟังดูโบราณเป็นอย่างมาก ดังมาจากที่ห่างออกไปด้านข้าง
เสียงไอนั้นดังขึ้นอย่างกระทันหัน ทำให้ใบหน้าบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนไปในทันที และหยุดการเคลื่อนที่ลงชั่วคราว
“ท่านเป็นใคร?!” มันกล่าว ความกังวลและสงสัยปรากฎขึ้นบนใบหน้า ถึงแม้พื้นฐานฝึกตนของมันจะถูกสะกดไว้ มันก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นตัดวิญญาณอันแข็งแกร่ง มันสามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายที่แวบขึ้นมาทันทีที่มันได้ยินเสียงไอ กลายเป็นเสียงหึ่งๆ อยู่ในจิตใจ และมันก็รู้สึกว่าเจ้าของเสียงนั้น สามารถสังหารมันได้ในทันที ถ้าคนผู้นั้นต้องการจะทำ
“ผู้อาวุโสท่านไหนที่อยู่ที่นี่?” มันถาม ขนลุกชี้ชัน มันคิดเกี่ยวกับถ้ำกำเนิดใหม่ และทันใดนั้น ความรู้สึกถึงวิกฤตอันตรายก็เต็มอยู่ในจิตใจ ทำให้มันเริ่มหอบหายใจ “ผู้อาวุโส, ข้าเป็นคนในตระกูลจี้…”
“จี้สืออี, ยังสบายดีอยู่หรือไม่?” เสียงโบราณนั้นกล่าว ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
“ท่านปรมาจารย์สืออี (สิบเอ็ด)…” ปากและลำคอของบุรุษวัยกลางคนแห้งผากลงในทันที จิตใจมันเริ่มเต้นรัว จี้สืออี เป็นนามที่บุคคลภายนอกไม่มีทางรู้ได้ เป็นนามของบุคคลที่อยู่ในกลุ่มสมาชิกที่โบราณมากที่สุดของตระกูลจี้
ใครก็ตามในคนกลุ่มนั้น ต่างก็เป็นบรรพบุรุษซึ่งทั่วทั้งตระกูลจี้ต้องกราบกราน
“ผู้เยาว์….ผู้เยาว์ไม่เคยเห็นท่านปรมาจารย์สืออีมาก่อน…” บุรุษวัยกลางคนสั่นสะท้าน ดูเหมือนแรงกดดันที่มองไม่เห็น กำลังกระจายออกมาจากร่างเจ้าของเสียงโบราณนั้น ทำให้มันรู้สึกราวกับว่าโลกใบนี้กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ก็ดี” เสียงนั้นพูด ลอยไปมาเหมือนสายลมที่อยู่รอบๆ ตัวบุรุษวัยกลางคน “ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้ามากนัก นั่งเข้าฌาณอยู่ที่นี่จนธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก เจ้าก็จากไปได้” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทำให้สีหน้าบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนไปในทันที มันลังเลชั่วครู่ จากนั้นก็เลือกที่จะนั่งลงขัดสมาธิ
ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ยืนอยู่ที่เบื้องหน้ามัน จ้องมองออกไปยังกลุ่มหมอกสีดำ แต่บุรุษวัยกลางคนก็ไม่อาจมองเห็นมันแม้แต่น้อย
“เด็กน้อย, ข้าได้ถ่วงเวลาคนผู้นี้ให้เจ้าแล้ว” มันกล่าวเสียงแผ่วเบากับตัวเอง “ข้าได้แก้ปัญหาใหญ่สุดให้กับเจ้า พวกที่เหลือได้ถูกสะกดให้อยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ ซึ่งก็หมายความว่า เจ้าอาจจะหลบหนีจากไปได้ แต่ถ้าไม่ได้ ก็หมายความว่า ถึงแม้ข้าจะช่วยให้เจ้าหลบหนีไป เจ้าก็ยังคงต้องตายอยู่ที่ด้านนอกอยู่ดี ในกรณีนั้น ข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนำความสมบูรณ์แบบออกไปจากตัวเจ้าในตอนนี้”
“แย่ยิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรมา ก็ไม่มีทางที่จะบังคับให้ความสมบูรณ์แบบพัฒนาขึ้นมาได้ ข้าไม่แน่ใจว่ามีพลังอะไรมารบกวนมัน…ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ข้าก็เพียงแค่จับตัวเจ้า และปล่อยให้เจ้าเติบโตขึ้นในขอบเขตการดูแลของข้า หลังจากที่เจ้าบรรลุขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ข้าก็จะนำมันไปจากเจ้า อืม, เจ้าไม่ควรปล่อยให้ข้ารอนานไป เจ้าจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช่หรือไม่?” ดวงตาของชายชราสาดประกายด้วยแสงอันน่ากลัว ในตอนนี้ มันดูแปลกประหลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เพียงหนึ่งร้อยยี่สิบหลี่…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดแสงเจิดจ้า จุดที่เขาถูกเคลื่อนย้ายออกมา ไม่ได้อยู่ใกล้กับถ้ำกำเนิดใหม่ กล่าวโดยทั่วไป ระยะทางที่ไกลเช่นนั้น ก็ไม่มีผลต่อเขามากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็มีอันตรายรายล้อมอยู่รอบด้าน ระยะทางหนึ่งร้อยยี่สิบหลี่นี้เป็นตัวแทนของชีวิตและความตาย
ตอนนี้เขาเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หนึ่งร้อยสิบหลี่, หนึ่งร้อยสี่หลี่, หนึ่งร้อยหลี่…ตอนนี้เมิ่งฮ่าวมองเห็นซากศพเซียนที่กำลังหดตัวลง กำลังจะบินผ่านมัน แต่ทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว สมาชิกหลายคนจากสำนักต่างๆ จู่ๆ ก็ปรากฎกายขึ้น ขณะที่พวกมันถูกเคลื่อนย้ายออกมาอยู่ในกลุ่มหมอก ส่งผลให้กลุ่มหมอกพลุ่งพล่านปั่นป่วนไปทั่วทุกทิศทาง สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไป ขณะที่เห็นกลุ่มชายชรา เร่งความเร็วพุ่งผ่านอากาศไล่ตามเมิ่งฮ่าวมา
กลุ่มคนเหล่านี้ประกอบด้วยเฉินฟ่าน, หานเป้ย, ฉู่อวี้เยียน, หวังโหย่วฉาย, หลี่ชือฉี รวมถึง…ฉื่อชิง
พวกมันได้เห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น พวกมันเห็นชายชรากำลังไล่ตามมา และพวกมันก็เห็นว่าใครที่กำลังโดนไล่ล่า ที่ห่างไกลออกไปเป็น…เมิ่งฮ่าว!
เนื่องจากกลุ่มหมอกที่ปั่นป่วนอยู่ ได้กระจายออกจากกันอย่างกระทันหัน ทำให้มองเห็นเมิ่งฮ่าวได้อย่างชัดเจน ทุกคนสามารถมองเห็นเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่ได้ปกปิดตัวตนไว้ ในตอนนี้สายตาทุกคู่ก็จ้องนิ่งไปที่ตัวเขาเพียงผู้เดียว
“เมิ่ง…เมิ่งฮ่าว!” เฉินฟ่านกล่าว จ้องมาด้วยความประหลาดใจ จิตใจมันหมุนคว้าง ขณะที่จะจับตัวเมิ่งฮ่าวไว้ มันได้ค้นหาเขามาหลายปี แต่ก็ไม่อาจจะได้ร่องรอยใดๆ หลังจากที่เขาหายตัวไปในปีนั้น มันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า จู่ๆ ก็มาเห็นเมิ่งฮ่าวในที่นี่?
ใบหน้าฉู่อวี้เยียนซีดขาว และร่างกายก็สั่นสะท้าน นางจ้องไปที่เสื้อผ้าของเมิ่งฮ่าวอย่างงุนงง สีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น ขณะที่นางเข้าใจในทันทีว่า…ฟางมู่ก็คือเมิ่งฮ่าว!
เขาเป็นผู้ฝึกตนจากแคว้นจ้าว ซึ่งนางได้ติดอยู่ด้านในปล่องภูเขาไฟร่วมกับเขาถึงครึ่งปี ความรู้สึกนี้ได้ฟาดลงมาที่นางราวกับสายฟ้า อันที่จริง สายฟ้าได้เริ่มเดือดพล่านอยู่ในจิตใจนางมานานแล้ว นางได้เริ่มเตรียมใจไว้แล้ว แต่ในตอนนี้ นางก็ยังไม่อาจจะควบคุมความรู้สึกที่อยู่ในจิตใจ ซึ่งกำลังพลุ่งพล่านด้วยความซับซ้อนอย่างมากมายนับไม่ถ้วน
ในชีวิตของนางมีอยู่สองคน ที่นางคิดว่าไม่อาจจะลืมเลือนได้ หนึ่งก็คือเมิ่งฮ่าว นางไม่เคยลืมเลือนเขา เนื่องจากความรู้สึกอันซับซ้อนที่เขาเป็นสาเหตุ ในปีที่อยู่ในปล่องภูเขาไฟ เหตุการณ์นั้นทำให้นางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งยากที่จะกล่าวออกมาเป็นคำพูดได้
บุคคลที่สองที่นางพบว่าไม่อาจจะลืมเลือนได้ก็คือฟางมู่ ทันทีที่นางพบว่าเขาก็คือเจ้าโอสถจอมกระถาง นางก็พบว่าตัวเองกำลังคิดถึงเขา ถึงแม้นางไม่รู้ว่าทำไม บางครั้ง ใบหน้าของเขาก็มาปรากฎอยู่ในจิตใจของนาง และนางก็จะพบว่าตัวเองกำลังแค่นเสียงเบาๆ ออกมา หรือไม่ก็มีรอยยิ้มน้อยๆ อยู่เป็นระยะ บางครั้ง ใบหน้าของนางก็จะกลายเป็นสีชมพู
“ฟางมู่…เมิ่งฮ่าว…” สองใบหน้าปรากฎขึ้นในจิตใจ ซ้อนทับกัน สุดท้าย สิ่งที่ยังคงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจก็คือ ความขมขื่นและความรู้สึกอันซับซ้อน
หวังโหย่วฉายมองมายังเมิ่งฮ่าวอย่างเงียบๆ จิตใจของมันเยือกเย็น แต่ลึกๆ ลงไปข้างใน มันยังจำได้ถึงภาพจากเมื่อหลายปีที่ผ่านมาในรอยแยกของภูเขาต้าชิง มันจำได้ถึงตอนที่ยื่นศีรษะออกไป และมองเห็นเมิ่งฮ่าวในชุดนักศึกษา
หลี่ชือฉีมองอย่างเงียบๆ มายังเมิ่งฮ่าว คิดย้อนกลับไปยังการต่อสู้ของคนทั้งสองเมื่อหลายปีก่อน
หานเป้ยถอนหายใจออกมา นางเป็นผู้ที่ชาญฉลาดและมองการณ์ไกล ทันทีที่นางเห็นสีหน้าของฉู่อวี้เยียน เบาะแสบางอย่างของความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ทันใดนั้น ก็ปรากฎขึ้นมาในจิตใจของนาง ถึงแม้นางจะไม่มีทางประติดประต่อได้อย่างสมบูรณ์ก็ตามที เมิ่งฮ่าว แน่นอนว่า ได้ประทับเป็นความทรงจำอันลึกล้ำอยู่ในจิตใจนางเมื่อนานมาแล้ว ดวงตาหงส์ของนางจ้องมาที่เขา
เมิ่งฮ่าว…เป็นนามที่ไม่ได้ปรากฎขึ้นในดินแดนด้านใต้มานานมากแล้ว แต่เขาก็อยู่ที่นี่แล้วในตอนนี้ ยังคงเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าเหมือนเช่นเคย!

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates