สีหน้าผู้ฝึกตนหน้ากากฟ้าหมองคล้ำลง ดวงตามันส่องแสงความเย็นชาออกมา ลึกลงไปในความเย็นชานั้นเต็มไปด้วยโทสะ ตั้งแต่มันอยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ และฝึกฝนแกนปราณ มันก็สามารถกวาดล่างผู้ฝึกตนใดๆ ที่ไม่มีแกนปราณได้อย่างง่ายดาย
แต่วันนี้ ผู้ฝึกตนพื้นฐานลมปราณได้ทำลายแกนปราณของมัน ทำให้มันได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็สะกดข่มมันลงได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้ ทำให้เพลิงโทสะของมันลุกโชน
มันยิ่งเดือดดาลมากขึ้นไปอีก เมื่อบุคคลที่มันมองว่าอ่อนแอราวกับมดแมลง ได้สังหารกลุ่มคนหน้ากากขาวทั้งหมดต่อหน้ามัน ทำให้ความต้องการสังหารอันรุนแรงพุ่งขึ้นมาในจิตใจ แต่…แม้จะอยู่ภายใต้รังสีสังหารเช่นนั้น บุรุษผู้นั้นก็ยังหลบหนีจากไปได้
ความเย็นชาในดวงตาของมันแหลมคมมากยิ่งขึ้น มันรู้ว่าถ้าสหายร่วมสำนักของมันรู้เรื่องนี้ ก็แน่นอนว่าพวกมันต้องหัวเราะเยาะเย้ยมัน นอกจากนี้ ผู้ฝึกตนที่สามารถหลบหนีออกไปจากเงื้อมมือมันได้ ไม่ได้เก่งในด้านวิชาเวท แต่เป็นเพียงนักปรุงยาเท่านั้น
มันไม่อาจยอมรับได้ และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อันที่จริง ท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนทั้งหมดที่มันรู้ว่าใครเป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านเวทอาคม มันก็คิดว่าไม่มีใครที่จะสามารถเทียบได้กับนักปรุงยาผู้นี้
ในแง่ของความเด็ดขาด, ทักษะการต่อสู้ และเล่ห์เหลี่ยม ทำให้มันอดคิดอย่างช่วยไม่ได้ว่า นักปรุงยาที่เพิ่งจะหลบหนีไปผู้นี้ จริงๆ แล้วก็เหมือนกับผู้ฝึกตนผู้โหดเหี้ยมของดินแดนสีดำเป็นอย่างยิ่ง
“จะไปมีนักปรุงยาเช่นนั้นได้อย่างไร?!” มันจ้องไปยังสถานที่ซึ่งเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะหายตัวไป แกนปราณของมันในตอนนี้ก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่ว่ามันจะส่งจิตสัมผัสค้นหาไปอย่างไร มันก็ไม่อาจจะได้ร่องรอยใดๆ แม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่า ศัตรูของมันได้เคลื่อนย้ายไปยังสถานที่บางแห่งซึ่งไกลออกไปมากๆ สถานที่ที่มันไม่อาจจะสัมผัสได้
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ผู้ฝึกตนหน้ากากฟ้า ก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา “ก็ดี, มันได้รับบาดเจ็บจากพลังเยือกแข็งของสิบมังกรของข้า มันสามารถหลบหนีไป แต่ก็ไม่อาจจจะหลีกหนีจากความตายไปได้ ถึงแม้มันจะเป็นเจ้าแห่งเตา มาดูกันว่ามันจะตกตายหรือไม่ในตอนท้าย”
“มันกำลังจะตาย…ผู้ฝึกตนพื้นฐานลมปราณ…ไม่มีใครสามารถมีชีวิตได้มากกว่าสิบวัน หลังจากที่ถูกโจมตีจากพลังเยือกแข็งของสิบมังกรของข้า” มันละทิ้งความคิดที่จะไล่ตามสังหาร หันหลังและหายตัวจากไป
ในเขตตะวันตกของดินแดนด้านใต้อันกว้างใหญ่ มีพื้นที่ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ มีเทือกเขาอยู่บางส่วน และมองเห็นทะเลสาบอยู่มากมาย ท่ามกลางทะเลสาบเหล่านี้ ก็คือหนึ่งในเขตอันตรายที่มีชื่อเสียงของดินแดนด้านใต้, ทะเลสาบเต๋ายุคแรก
เมื่อมองไป เขตตะวันตกดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยกระจกอันนับไม่ถ้วนวางอยู่บนพื้น กระจกเหล่านี้ก็แน่นอนว่าเป็นทะเลสาบที่มากมายอย่างนับไม่ถ้วน
ในตอนนี้เอง ที่ด้านบนตรงกลางของหนึ่งในทะเลสาบ น้ำที่สงบนิ่งเหมือนกระจกก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นก็เริ่มกระจายออกเป็นระลอกคลื่น หลุมดำขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น และเมิ่งฮ่าวก็โซเซออกมา
ทันทีที่เขาปรากฎกายขึ้น ก็กระอักโลหิตออกมากองใหญ่ โลหิตเป็นสีดำ และกระจายความเย็นเยียบอันเข้มข้นออกมา พร่างพรมลงไปในทะเลสาบและหายไป แต่ไม่นานหลังจากนั้น ผิวหน้าของทะเลสาบก็ปกคลุมไปด้วยแผ่นน้ำแข็งบางๆ
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งหายลับตาไป
ไม่กี่วันหลังจากนั้น หนึ่งในเทือกเขาในเขตตะวันตกของดินแดนด้านใต้ เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำแห่งเซียนที่เขาขุดขึ้นมาใหม่ กลืนเม็ดยาลงไป และโคจรพื้นฐานฝึกตน ขณะที่จะพยายามรักษาอาการบาดเจ็บ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุด หนึ่งเดือนก็ผ่านไป ในช่วงเวลานั้น เมิ่งฮ่าวไม่ได้ก้าวเท้าออกไปที่ด้านนอกถ้ำแห่งเซียนเลยแม้แต่ครึ่งก้าว เขาเพ่งสมาธิไปที่การรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเต็มที่ ถ้ำแห่งนี้อยู่ในสถานที่ห่างไกล เมื่อพิจารณาว่ามีคนอาศัยอยู่ในเขตตะวันตกนี้น้อยมาก รวมถึงมีหมอกปกคลุมไปทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ มันจึงเป็นสถานที่สงบเงียบเป็นอย่างยิ่ง
สุดท้ายในวันหนึ่ง ดวงตาเมิ่งฮ่าวลืมขึ้นมา ใบหน้าเขาไม่ได้ซีดขาวอีกต่อไป และร่างกายก็ฟื้นคืนกลับมาเกือบทั้งหมดในตอนนี้
“ผู้ฝึกตนหน้ากากฟ้า!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวเปล่งแสงอันเย็นชาออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บในห้าปีที่ผ่านมา และเป็นอาการบาดเจ็บที่ค่อนข้างรุนแรง ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถในการรักษาที่เพิ่มขึ้นของวิชาแปลงม่านตาม่วง เขาก็คงไม่อาจจะสร้างถ้ำแห่งเซียนนี้ขึ้นมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาไม่ใช่นักปรุงยา มีเม็ดยาที่แตกต่างกันอย่างมากมาย เขาก็คงไม่อาจมีชีวิตรอดได้ถึงหนึ่งเดือน
นอกจากนี้ เขายังได้รับบาดเจ็บจากผู้เชี่ยวชาญสร้างแกนลมปราณ ผู้ซึ่งสามารถใช้แกนปราณ!
ถ้าผู้เชี่ยวชาญสร้างแกนลมปราณผู้นั้น ได้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนพื้นฐานลมปราณใดๆ ที่ไม่ใช่เมิ่งฮ่าว บุคคลผู้นั้นก็ไม่มีทางที่จะหลบหนีจากไปได้ และต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สีหน้าเขาเคร่งขรึมขณะที่หยิบกระถางปรุงยา และต้นสมุนไพรบางส่วนออกมา จากนั้นก็เริ่มปรุงเม็ดยา อาการบาดเจ็บของเขายังไม่ถูกรักษาโดยสมบูรณ์ ยังคงมีความเย็นอันเข้มข้นอยู่ในร่าง
เมิ่งฮ่าวเริ่มปรุงเม็ดยาที่เขาออกแบบมาโดยเฉพาะ สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ของเขาเอง
อีกสองสามเดือนผ่านไป สามวันหลังจากเมิ่งฮ่าวได้กลืนเม็ดยาที่เขาปรุงขึ้นมาโดยพิเศษเฉพาะ ดวงตาทันใดนั้นก็ลืมขึ้นมา จากนั้นก็พ่นความเย็นเยียบราวน้ำแข็งส่วนสุดท้ายภายในร่างกายออกมา กระจายออกไปทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียน ทำให้เกิดเป็นผลึกน้ำแข็ง ซึ่งจากนั้นก็กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งปกคลุมไปทั่ว
หลังจากเวลานานผ่านไป ถ้ำก็เริ่มกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
ถ้าผู้ฝึกตนหน้ากากฟ้าได้มามองเห็นภาพที่เบื่องหน้านี้ มันก็คงไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง มันเชื่อมั่นว่าไม่มีผู้ฝึกตนพื้นฐานลมปราณคนใด จะสามารถรอดชีวิตจากพลังเยือกแข็งของสิบมังกรวารีของมันได้ แต่…ก็เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวได้ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บได้อย่างสมบูรณ์
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ รังสีสังหารเริ่มเข้มข้นมากขึ้นในดวงตา นั่งครุ่นคิดอยู่ที่นั่นสักพัก จากนั้นความมุ่งมั่นก็เปล่งประกายอยู่ในดวงตา เขาตีไปที่ถุงสมบัติหยิบเอากระถางปรุงยาออกมาอีกครั้ง
เขาถือมันอยู่ในมือ จมอยู่ในภวังค์ความครุ่นคิด
“ข้าจำเป็นต้องปรุงยาที่ช่วยให้ข้าทะยานไปข้างหน้า ข้าจำเป็นต้องมีเม็ดยาที่ช่วยสร้างเสาแห่งเต๋าโดยปราศจากความผิดพลาดใดๆ เป็นเม็ดยาที่ดีกว่าเม็ดยาสร้างพื้นฐานฟ้า และช่วยให้พื้นฐานฝึกตนของข้าพุ่งทะยานขึ้น” ความคิดอันลึกล้ำปรากฎขึ้นในดวงตา ในจิตใจของเขา สูตรยามากมายจนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้น ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจที่จะใช้สูตรยาที่รู้จักกันในนามว่า เม็ดยาทะลวงขั้น
“ยาเม็ดนี้สามารถใช้ร่วมกับเม็ดยาสามมฤตยู เพื่อทะลวงผ่านขั้นพื้นฐานลมปราณเข้าไปสู่ขั้นสร้างแกนลมปราณ!”
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานอีกสักพัก ดวงตาก็เต็มไปด้วยการตัดสินใจ เขาหยิบต้นสมุนไพรจำนวนมากมายออกมาจากถุงสมบัติ และเริ่มปรุงเม็ดยาทะลวงขั้น เขาเพ่งสมาธิมุ่งความสนใจไปยังขั้นตอนการปรุงยาอย่างเต็มที่ สองสามวันผ่านไป แม้ในตอนที่กำลังใช้วิชาเวทแปลงเต๋าปรุงยา เขาก็ทำล้มเหลวไปหลายครั้ง จนกระทั่งถึงวันที่สิบเจ็ด เขาจึงสามารถปรุงยานี้ได้สำเร็จ
เมื่อมันปรากฎขึ้น กลิ่นหอมของตัวยาก็กระจายออกมา ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียน ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้จัดเตรียมเพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นหอม ไหลซึมออกไปจากถ้ำแห่งเซียนนี้เป็นการพิเศษเฉพาะแล้ว มันก็คงจะไปดึงดูดความสนใจที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
ถือเม็ดยาอยู่ในมือ ดวงตาสาดประกาย เขาหยิบเอากระจกทองแดง และหินลมปราณออกมา จากนั้นก็เริ่มคัดลอกเม็ดยา
เม็ดยาทะลวงขั้นเม็ดแล้วเม็ดเล่าปรากฎขึ้น ซึ่งเมิ่งฮ่าวเก็บทั้งหมดไว้ในขวด ในที่สุด ขวดยาสิบขวดที่เต็มไปด้วยเม็ดยาก็จัดเรียงอยู่ที่เบื้องหน้า เขาพ่นหมอกสายฟ้าออกมา และส่งกระบี่ไม้ให้หมุนวนไปรอบๆ ตัว นอกจากนั้น เขายังกระตุ้นให้เหรียญกษาปณ์สร้างเกราะป้องกันขึ้น เมื่อได้จัดเตรียมทั้งหมดเหล่านี้แล้ว เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หยิบเม็ดยาทะลวงขั้นขึ้นมาหนึ่งเม็ด และหย่อนมันเข้าไปในปาก
เสาแห่งเต๋าต้นที่เจ็ดของเขาเสร็จสมบูรณ์ถึงแปดในสิบส่วนแล้ว เมื่อเขาหย่อนเม็ดยาเข้าไปในปาก มันก็กลายเป็นพลังปราณซึ่งทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้านขึ้นในทันที เสาแห่งเต๋าต้นที่เจ็ดเริ่มเปล่งแสงสีม่วงออกมา และเริ่มแข็งตัวมากขึ้นกว่าเดิม
“ทำต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ!” เขาคิด ดวงตาสาดประกายด้วยความมุ่งมั่น จากนั้นก็หลับตาลง และเริ่มเข้าฌาณ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หนึ่งเดือนหลังจากนั้น ร่างกายเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสั่นสะท้านและเหี่ยวแห้งลง เขาหยิบเม็ดยาขึ้นมาหนึ่งกำมืออย่างใจเย็น และเริ่มใส่มันเข้าไปในปากเม็ดแล้วเม็ดเล่า
อีกเจ็ดวันผ่านไป เสียงกระหึ่มดังอยู่ในร่างกาย และแสงสีม่วงก็กระจายเจิดจ้าออกมา ปกคลุมไปทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียน เสาแห่งเต๋าต้นที่เจ็ดปรากฎขึ้นโดยสมบูรณ์!
ทันทีที่เป็นเช่นนั้น พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นไป จิตสัมผัสมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และพลังการต่อสู้ก็น่ากลัวมากขึ้น ทั่วทั้งร่างของเขาเหมือนกับกระบี่ที่หลุดออกมาจากฝัก ดูอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้ เขาไม่ได้อยู่ในขั้นกลางพื้นฐานลมปราณอีกต่อไป แต่อยู่ในขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณ!
แม้แต่บางคนที่มีพื้นฐานไร้ตำหนิ ก็ไม่อาจจะต่อต้านพลังกดดันสะกดข่มที่เขากระจายออกมาได้แม้แต่น้อย ในตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาคืออันดับหนึ่งในขั้นพื้นฐานลมปราณทั้งหมด!
แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังไม่พึงพอใจ การไร้คู่แข่งในขั้นพื้นฐานลมปราณ ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาต้องการจะต่อสู้กับผู้ฝึกตนหน้ากากฟ้า! ด้วยการทำเช่นนั้น พื้นฐานฝึกตนของเขาในตอนนี้ก็ยังไม่เพียงพอ!
แสงเจิดจ้าเต็มอยู่ในดวงตา และเขาก็สูดลมหายใจลึกๆ เข้าไปอีกครั้ง หยิบหินลมปราณจำนวนมากมายออกมา และเริ่มต้นคัดลอกเม็ดยา หินลมปราณเหล่านี้มาจากผลกำไร ที่เขาขายเม็ดยาในแผนกเม็ดยาบูรพา รวมถึงที่ได้เป็นของกำนัลจากสำนักชิงหลัว และได้รับในช่วงการท่องเที่ยวไปพร้อมกับโจวเต๋อคุน มันมีจำนวนค่อนข้างมาก แต่ทุกครั้งที่เขามองไปที่หินลมปราณเหล่านั้น ก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับเขา
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาต้องการจะก้าวหน้าไปได้ไกลในวันนี้จริงๆ แล้ว เขาก็ต้องไม่สนใจความเจ็บปวดใจ ในการใช้มันคัดลอกเม็ดยา การฝึกฝนในวิถีเซียนของเขาเป็นสิ่งที่ไม่มีใครในดินแดนด้านใต้เคยพบเห็นมาก่อน
แม้แต่เต้าจื่อก็ยังไม่อาจใช้เม็ดยาฟุ่มเฟือย เหมือนกับที่เมิ่งฮ่าวใช้ในตอนนี้ได้!
เวลาผ่านไป หนึ่งเดือน, สองเดือน, สามเดือน…
เมิ่งฮ่าวไม่รับรู้ถึงกาลเวลาที่ผ่านไปอยู่ในถ้ำแห่งเซียน ขณะที่เขาฝึกฝนตนเอง เสาแห่งเต๋าต้นที่แปดก็เริ่มมองเห็นได้อย่างช้าๆ
หนึ่งส่วน, สองส่วน, สามส่วน…หลังจากครึ่งปีผ่านไป เสาแห่งเต๋าต้นที่แปดของเขาก็ก่อตัวขึ้นแปดในสิบส่วนแล้วในตอนนี้
ในเวลาเดียวกันนั้น ด้านนอกในดินแดนด้านใต้ ลมพายุอันรุนแรงแห่งความวุ่นวายได้ก่อตัวขึ้น
พายุลูกนี้เกิดขึ้นมาจากดินแดนสีดำ!
ผู้ฝึกตนดินแดนสีดำ ได้ทำการรุกรานเข้ามาในดินแดนด้านใต้!!
นักปรุงยามากกว่าเจ็ดสิบคนได้หายตัวไป!
ทั้งสองเหตุการณ์นี้ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับดินแดนด้านใต้ ถึงแม้ว่าจะมีนักปรุงยาอื่นๆ อีกเล็กน้อยที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่นักปรุงยาที่หายตัวไปส่วนใหญ่ก็มาจากแผนกเม็ดยาบูรพา และแผนกเม็ดยาพสุธา ความโชคร้ายอย่างไม่คาดฝันนี้ ทำให้โทสะของสำนักจื่อยิ่น และจินซวง พุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์
สำนักทั้งสองนี้เป็นส่วนแรกที่เริ่มปฏิบัติการ ปรมาจารย์ลึกลับจากทั้งสองสำนักเริ่มเดินทางไปยังดินแดนสีดำในทันที จากข่าวลือที่เล่ากันมา เจ้าโอสถจอมปีศาจ และเจ้าโอสถภูผานิรันดร์ ต่างก็ออกเดินทางไปด้วยตัวเองอย่างลับๆ
ดินแดนสีดำได้คงอยู่มานานหลายปีแล้ว และเป็นสถานที่อันโหดเหี้ยม แต่ดินแดนด้านใต้ก็ทำอะไรกับมันได้ไม่มากนัก รายละเอียดของเรื่องนี้ระหว่างขุมพลังของทั้งสองไม่ได้ถูกรับรู้ในวงกว้าง มีเพียงสิ่งเดียวที่ทุกคนรู้ก็คือ สำนักจินซวงไม่สามารถนำนักปรุงยาของพวกมันกลับมาได้เลยแม้แต่คนเดียว ในขณะที่สำนักจื่อยิ่นได้นำทุกคนกลับมาได้ ยกเว้นเจ้าแห่งเตานามว่า โจวเต๋อคุน หลังจากเหตุการณ์นี้ ก็ไม่มีสำนักไหนสนใจดินแดนสีดำอีกเลย
สำหรับดินแดนสีดำ พวกมันยอมแพ้และยอมอยู่นิ่งเฉย สามารถกล่าวได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในดินแดนด้านใต้ดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ไม่มีนักปรุงยาหายตัวไปอีก และก็ไม่มีใครรู้ว่าได้เกิดอะไรขึ้นในดินแดนสีดำ
หลังจากการรุกรานของดินแดนสีดำผ่านไปครึ่งปี ก็มีน้ำพุร้อนแห่งเต๋าเกิดขึ้นห่างจากทะเลสาบเต๋ายุคแรกไม่ไกลมากนัก ในเขตตะวันตกของดินแดนด้านใต้
ภายในน้ำพุซึ่งพุ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำร้อน สามารถมองเห็นเป็นภาพเลือนลางของ ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณในสมัยโบราณ กำลังทะลวงผ่านเข้าไปในขั้นสร้างแกนลมปราณอยู่
การปรากฎขึ้นของน้ำพุร้อนนี้ ก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างใหญ่โต ท่ามกลางสำนักใหญ่และตระกูลดังของดินแดนด้านใต้ ผู้อาวุโสจากสำนักต่างๆ ได้มาตรวจสอบน้ำพุร้อนนี้ จากนั้นก็กลับไป หลังจากนั้น ผู้ถูกเลือกในขั้นพื้นฐานลมปราณ รวมถึงเต้าจื่อ ก็ถูกส่งมาเพื่อตรวจสอบน้ำพุร้อนนี้อย่างต่อเนื่อง
ข้อความจากปรมาจารย์ขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง แห่งสำนักกูตู๋เจี้ยนได้ถูกส่งออกไป
“น้ำพุร้อนนี้ประกอบไปด้วยความรู้แจ้ง ถ้าได้ครอบครองความรู้แจ้งนี้ พวกเจ้าก็อาจจะบรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ มันไม่เหมาะสำหรับพวกข้า แต่เหมาะสำหรับพวกเจ้าที่เป็นผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ”
คำพูดนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว ท่ามกลางผู้ถูกเลือกขั้นพื้นฐานลมปราณ ภายในดินแดนด้านใต้ จากทุกพื้นที่ พวกมันเริ่มแห่กันไปยังเขตตะวันตกของดินแดนด้านใต้ หนึ่งเดือนหลังจากนั้น โจวเจี๋ย, เต้าจื่อแห่งสำนักชิงหลัว ได้ทะลวงเข้าไปในขั้นสร้างแกนลมปราณ ใกล้กับน้ำพุร้อนแห่งเต๋านั้น มันสร้างแกนสีเขียวขึ้นมาได้ ทำให้ทุกคนประหลาดใจไปตามๆ กัน