ขณะที่คำพูดของเด็กหนุ่มดังก้องอยู่ในหูของกู่ลา ดวงตามันก็เบิกกว้าง ทันใดนั้นมันก็คิดไปถึงเรื่องราวในอดีตที่ผู้คนต้องจ่ายค่าตอบแทนสำหรับการมาตอแยเมิ่งฮ่าว
ร่างของมันเริ่มสั่นระริก ขณะที่มันจ้องไปยังศิษย์อันดับสาม ทันใดนั้นมันก็เริ่มสงสัยว่าคนผู้นี้…เป็นศิษย์อันดับสาม หรือศัตรูของมันกันแน่
“กู่ลา, เจ้าคิดว่าอย่างไร?” เมิ่งฮ่าวกล่าว ยิ้มไปด้วยขณะที่มองขึ้นไปยังกู่ลา ร่างของกู่ลาคล้ายกับตะกร้าหวาย ไม่เพียงแต่จะสั่นไปมาเท่านั้น แต่ยังมีหยาดเหงื่อไหลรินลงมาด้วย มันกำลังจะอ้าปากเพื่อกล่าวตอบ แต่…
“ช่างหยิ่งผยองนัก!” เด็กหนุ่มตะโกน อีกครั้งที่มันตัดบทคำอธิบายของอาจารย์ “เจ้าบังอาจมาเรียกอาจารย์ของข้าด้วยนามส่วนตัวเช่นนั้น? อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าคู่ควรจะทำได้เช่นนั้น?!”
“เจ้า!!” กู่ลาร้องออกมา ดวงตาแดงก่ำ มันตกใจเป็นอย่างยิ่งเพราะเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะขมวดคิ้ว การขมวดคิ้วของเขาทำให้จู่ๆ กู่ลาก็รู้สึกราวกับมีสายฟ้านับร้อยนับพันกำลังฟาดลงมาในจิตใจของมัน สีหน้ามันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่ส่งเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวออกมา “หุบปาก!!”
เสียงของมันดังก้องไปทั่วในบริเวณนั้น ทำให้สีหน้าของกลุ่มคนเผ่าอูปิงที่อยู่รอบๆ สลดลง ขณะที่พวกมันถอยห่างออกไปจากกู่ลาตามสัญชาตญาณ
เด็กหนุ่มจ้องมองไปยังกู่ลาอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ ก่อนที่จะกล่าวอย่างรวดเร็ว “อาจารย์, เกิดอะไรขึ้น คนผู้นี้หยิ่งยโสอย่างที่สุด ก่อนหน้านี้ มันได้พูดเยาะเย้ยท่านอยู่ตลอดเวลา! อาจารย์…”
โทสะในจิตใจกู่ลาเดือดพล่านขึ้นมาจนไม่อาจจะบอกได้ว่าสูงไปถึงจุดใด เปลวไฟแห่งโทสะดูเหมือนใกล้จะระเบิดออกมาในดวงตาของมัน และดูคล้ายกับต้องการจะกลืนศิษย์ลงไปทั้งเป็น นี่เป็นครั้งแรกที่มันเริ่มสงสัยว่า ทำไมศิษย์มันถึงได้โง่เขลาเช่นนั้น เด็กผู้นี้ไม่เห็นสีหน้าของมัน และไม่ได้ยินคำพูดของอมนุษย์ที่แปลกประหลาดผู้นั้น?
“อาจารย์? ผายลม! ข้าเคยเป็นอาจารย์ของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? เจ้าเด็กบัดซบ เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของข้า! เจ้าเป็นศัตรูของข้า!” ในเวลาเดียวกับที่โทสะของกู่ลาลุกโชนขึ้น มันก็รู้สึกได้ถึงวิกฤตความเป็นตายอย่างลึกล้ำ รู้สึกเสียวสันหลังไปทั่วร่าง ขณะที่คิดไปถึงการถูกเชือดเฉือนเนื้อออกเป็นชิ้นๆ ในปีนั้น เสียงดังก้องระเบิดออกมาจากร่างมัน ขณะที่ยื่นฝ่ามือออกไปที่เบื้องหน้า
เสียงตบดังกังวานก้องออกไป ขณะที่เด็กหนุ่มลอยไปด้านหลังพร้อมกับเสียงแผดร้องโหยหวน มันกระอักโลหิตออกมากองโต ขณะที่กระแทกลงไปบนพื้นที่ห่างไกลออกไป จากนั้นก็สลบไป
นี่ยังไม่ทำให้โทสะของกู่ลาสงบลง ร่างมันแวบตรงไปยังเด็กหนุ่มที่หมดสติและเริ่มกระทืบเท้าลงไป
เสียงแตกร้าวได้ยินมา และเด็กหนุ่มทันใดนั้นก็ได้สติกลับคืนมา มันส่งเสียงแผดร้องออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็สลบเหมือดลงไปเป็นครั้งที่สอง
เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ก็ทำให้สีหน้าของคนเผ่าอูปิงที่อยู่รอบๆ เปลี่ยนไปในทันที ขณะที่พวกมันล่าถอยไปด้านหลังอีกครั้ง
“กู่ต้าซือ, นี่หมายความว่าอะไร!?”
กู่ลาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินพวกมัน ทะยานขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ลอยมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว หยาดน้ำตาไหลลงมาจากใบหน้าจนเป็นสาย เต็มไปด้วยสีหน้าที่ดีใจอย่างสุดซึ้ง
“ในที่สุดก็ได้พบกับนายน้อย นายน้อย…ทาสชราได้ค้นหาท่านมาเกือบปี…ข้าคิดว่าท่านได้ละทิ้งข้าไปแล้ว ข้า…ข้า…”
ทันทีที่คำพูดของกู่ลาดังเต็มอยู่ในอากาศ เสียงร้องด้วยความประหลาดใจก็ได้ยินมา ไม่ว่าจะเป็นอูเฉิน และคนอื่นๆ จากเผ่าอูต๋า หรือกลุ่มคนจากเผ่าอูปิงที่ลอยอยู่กลางอากาศ สีหน้าพวกมันทั้งหมดไม่มีอะไร นอกไปจากความประหลาดใจโดยสิ้นเชิง เมื่อพวกมันได้ยินคำพูดของกู่ลา ก็ทำให้แทบไม่อยากจะเชื่อ
ทีละคน ทีละคน พวกมันเริ่มสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง ขณะที่มองไปยังกู่ลาและเมิ่งฮ่าว
อูเฉินและคนอื่นๆ จากเผ่าอูต๋า จ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“พวกมัน…พวกมันมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?”
“กลายเป็นว่าเมิ่งต้าซือจริงๆ แล้วก็เป็นเจ้านายของกู่ต้าซือ…กลายเป็นว่าเมิ่งต้าซือมีเกียรติภูมิมากกว่าที่พวกเราคิดซะอีก!”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมวิชาลับซือหลงของเมิ่งต้าซือถึงได้ลึกล้ำเช่นนั้น แม้แต่ราชาสัตว์ปีศาจมันก็ยังเลี้ยงดูได้ ถ้าข้าทาสของมันเป็นซือหลงระดับเจ็ด แล้วเมิ่งต้าซือจะอยู่ที่ระดับใดกันแน่?”
แต่ที่มีความตกใจมากไปกว่าคนของเผ่าอูต๋า ก็คือบุคคลที่มีอิทธิพลจากเผ่าอูปิง ซึ่งติดตามกู่ลามายังที่แห่งนี้
“กู่ต้าซือเรียกคนผู้นั้นเป็นนายน้อย…เกิด…เกิดอะไรขึ้นที่นี่!?!?”
“มันเป็นความจริง…? ถ้าคนผู้นั้นเป็นนายน้อยของกู่ต้าซือ เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของกู่ต้าซือแล้ว เจ้านายของมันจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน…?”
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าราบเรียบเหมือนเช่นเคย ขณะที่มองไปยังกู่ลาพร้อมรอยยิ้มอันลึกลับ ก่อนหน้านี้ กู่ลากังวลใจว่าเมิ่งฮ่าวจะลงโทษมัน เห็นได้ชัดว่ามันเสียใจต่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ มันคุกเข่าอยู่ที่นั่น มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความกระวนกระวายใจ ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยและวิงวอนขอร้อง
“เจ้าได้ดูแลยักษ์เถื่อนเป็นอย่างดี” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “เมื่อไหร่ที่ข้าต้องการ ข้าจะเรียกหาเจ้า” เขาหันไปหายักษ์เถื่อน และตบไปที่ตัวมัน จากนั้นก็โบกสะบัดแขนเสื้อ หันหลังเดินออกไปยังที่ห่างไกล ยักษ์เถื่อนดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจที่ต้องแยกจากเขาไป
ต้าเหมา, ค้างคาวดำ และฝูงสัตว์ปีศาจที่เหลือติดตามเมิ่งฮ่าวไป สำหรับอูเฉิน และกลุ่มคนที่เหลือของเผ่าอูต๋า พวกมันหอบหายใจรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
กู่ลาโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าวด้วยความเคารพ จากนั้นก็กล่าวขึ้นเสียงดัง “นายน้อย, ทาสชราผู้นี้ขอสัญญาว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่านจนกว่าจะตายไป!”
ด้วยเช่นนั้น กู่ลาก็ถอนหายใจออกมา ร่างกายมันไม่สั่นสะท้านอีกต่อไป แต่มันก็หวาดกลัวจนแทบตายเมื่อครู่นี้ มันมองเมิ่งฮ่าวจากไป ก่อนที่จะลุกขึ้นมายืน สีหน้าภาคภูมิใจและสูงส่งปรากฎขึ้นอีกครั้ง ประสานมืออยู่ด้านหลัง หันหน้าไปหากลุ่มคนเผ่าอูปิงที่กำลังตกตะลึง อ้าปากค้างอยู่
“กงจื่อ (คุณชาย) ของบ้านข้าถึงแม้อายุยังเยาว์ แต่ก็ยังคงสง่างามเหมือนเช่นเคย ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของทายาทแห่งทะเลทรายตะวันตกอันลึกลับ ข้ามีหน้าที่ปกป้องคุณชายของตระกูล ครึ่งปีก่อน พวกเราถูกแยกออกจากกันเมื่อเคลื่อนย้ายทางไกลมายังที่แห่งนี้” กลอกตาไปมายังพวกมัน ตบไปที่ยักษ์เถื่อน จากนั้นก็ให้มันมุ่งหน้ากลับไปยังเผ่าอูปิง ถึงแม้ว่าดูเหมือนกู่ลาจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แต่แววตาของมันก็เหมือนกับผู้คนที่เพิ่งจะมีชีวิตรอดมาจากมหันตภัยอันยิ่งใหญ่ สำหรับยักษ์เถื่อน มันร้องคำรามถามหาเนื้อต่อไป
“บัดซบ” กู่ลาคิด “ข้าไม่อาจจะอยู่ในสถานที่นี้ได้อีกต่อไป ข้าต้องหลบหนีไปยามราตรี ไปให้ไกลจากอมนุษย์เมิ่งฮ่าว…” ความคิดมากมายนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาในจิตใจกู่ลา แต่มันก็เริ่มลังเล มันรำลึกได้ถึงถ้อยคำของเมิ่งฮ่าว ที่พูดมาก่อนที่เขาจะจากไป และมันก็เริ่มดิ้นรนอยู่ภายใน สักพักหลังจากนั้น มันก็ถอนหายใจยาวออกมา
สุดท้าย มันก็ไม่มีความกล้าหาญที่จะแอบหลบหนีจากไป
เวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็เดินไปตามทางภูเขา ตามติดไปด้วยฝูงสัตว์ปีศาจ อูเฉินและคนอื่นๆ จากเผ่าอูต๋าเดินตามไปด้วยความระมัดระวัง พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความนับถืออย่างช่วยไม่ได้ รวมถึงอูหลิงด้วย แน่นอนว่า อูเฉินมีความเคารพต่อเมิ่งฮ่าวมานานแล้ว จนแทบจะกลายเป็นความคลั่งไคล้
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ เมิ่งฮ่าวไม่พูดจา ดังนั้นทุกคนจึงไม่กล้าจะทำเสียงดังใดๆ ในที่สุด พวกเขาก็โผล่ออกมาจากผืนป่าในภูเขา มองเห็นเผ่าอูต๋าอยู่ในที่ห่างไกลออกไป
ในที่สุด อูเฉินก็ทนไม่ได้อีกต่อไป หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ มันก็เร่งเดินตรงไป และกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “เมิ่ง…เมิ่งต้าซือ…เมิ่งต้าซือ, ความสัมพันธ์ระหว่างท่านและกู่ต้าซือเป็นเช่นไรกันแน่?”
ด้านหลังมัน สายตาของคนอื่นๆ เริ่มสาดประกาย นี่เป็นคำถามเดียวกับที่ทุกคนอยากรู้มาตลอดเวลา
เมิ่งฮ่าวไม่ได้หยุดชะงักลงแม้ชั่วขณะ เมื่อเขาเดินตรงไป แต่ก็ยิ้มออกมา
“เมื่อข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ข้าได้นำยักษ์เถื่อนที่เสพติดเนื้อเป็นอย่างมากมาด้วย การให้อาหารมันเป็นเรื่องน่ารำคาญบ้าง แต่โชคดีที่ข้ามีคนดูแลยักษ์เถื่อนแทน ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู่ลา” เมื่อกล่าวคำอธิบายง่ายๆ ออกไป เมิ่งฮ่าวก็เดินตรงไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่ออูเฉินได้ยินคำอธิบายนี้ ก็เกิดเป็นเสียงราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากรอกหูของมัน คนอื่นๆ อ้าปากค้าง และพวกมันทั้งหมดก็มองดูเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าคลั่งไคล้กว่าก่อนหน้านี้
จากสิ่งที่พวกมันบอกได้ ยักษ์เถื่อก็คือสัตว์ปีศาจ และเป็นหนึ่งในเรื่องที่น่าตกใจ แต่สิ่งที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ เมิ่งฮ่าวมีซือหลงระดับเจ็ดช่วยเลี้ยงยักษ์เถื่อนให้กับเขา!
เรื่องทั้งหมดนี้ ทันใดนั้นก็กลายเป็นผ้าคลุมแห่งความลึกลับที่ห้อหุ้มเมิ่งฮ่าวไว้ ในสายตาของพวกมัน
ขณะที่พวกเขาเข้ามาใกล้เผ่าอูต๋า เมิ่งฮ่าวก็หันหลังกลับมา มองไปยังอูเฉินและคนอื่นๆ พร้อมรอยยิ้มเขากล่าวว่า “ข้าไม่ถือสาที่พวกท่านรู้เรื่องทั้งหมดนี้ แต่โปรดอย่าได้กระจายคำพูดเหล่านี้ไปยังคนอื่นๆ” จากนั้นเขาก็หันหลัง กลายเป็นลำแสงพุ่งจนหายลับตาไป พร้อมกับฝูงสัตว์ปีศาจของเขา
อูเฉินและคนอื่นๆ ประสานมือ โค้งตัวลง ขณะที่เขาจากไป แต่ละคนตัดสินใจว่าเมื่อเมิ่งฮ่าวไม่ปรารถนาจะให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้กระจายออกไป พวกมันก็จะไม่พูดเรื่องราวเหล่านี้กับคนอื่นๆ อย่างแน่นอน
อูเฉินและคนอื่นๆ มองจนกระทั่งเขาหายลับตาไป ทุกคนมีความรู้สึกอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้อยู่ในจิตใจ สิ่งที่พวกมันประสบมาในวันนี้ เกินกว่าที่พวกมันเคยพบเห็นมาในรอบหลายปีนี้
ถอนหายใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก พวกมันเริ่มเดินตรงไปยังหมู่บ้านต่อไป ตรงข้ามกับความคลั่งใคล้ของอูเฉิน, อูหลิงครุ่นคิดขณะที่นางเดินอย่างเงียบๆ เข้าไปในหมู่บ้าน หน้าตาหมองคล้ำท่าทางเศร้าสร้อย รวมทั้งมีความลังเลใจอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากที่มองกลับไปยังอูเฉิน ดวงตาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทำให้ความงดงามของนางเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ
หลังจากที่ยามราตรีปกคลุมไปทั่ว เงาร่างของอูหลิงก็กลายเป็นลำแสง พุ่งตรงไปยังลานบ้านของเมิ่งฮ่าว
นางมาถึงอย่างรวดเร็ว ครั้นแล้วก็มายืนอยู่ด้านนอกภายใต้แสงจันทร์ งดงามจนทำให้จิตใจของใครก็ตามที่มองมาต้องเต้นระรัว
นางกัดริมฝีปาก แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ก้าวเท้าตรงไปและจากนั้นก็กล่าวเสียงแผ่วเบา “อูหลิงขอเข้าพบเมิ่งต้าซือ”
เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในลานบ้าน ลืมตาขึ้น และเขาก็มองไปทั่วบริเวณ เมื่อเห็นอูหลิง คิ้วเขาก็ขมวดขึ้น แต่ก็ไม่ปฏิเสธนาง โดยไม่กล่าวคำพูดใดๆ เขาโบกสะบัดมือ ทำให้ประตูลานบ้านเปิดออก
มองเห็นเงาร่างอันงดงามของอูหลิงรีบเร่งเดินเข้าไป
นางยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางกังวล เมื่อได้เห็นสีหน้าอันเย็นชาของเมิ่งฮ่าว ก็รีบกล่าวขึ้น “ขอบคุณมาก สำหรับการยอมให้อูหลิงเข้ามา เมิ่งต้าซือ”
เมิ่งฮ่าวมองไปยังนางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“ครั้งก่อน เมื่ออูเฉินมาขอความช่วยเหลือจากท่าน อูหลิงไม่เข้าใจถึงเรื่องราวเหล่านั้น ทำให้กระทำการอย่างไม่เหมาะสมหลายอย่าง เมิ่งต้าซือโปรดอย่าได้ขุ่นข้องใจ…” นางเริ่มกังวลใจเพิ่มมากขึ้น และตอนนี้ก็ยึดจับขอบชายเสื้อไว้โดยไม่รู้ตัว ก้มหน้าลงต่ำ
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว
ตอนนี้นางหอบหายใจอยู่เล็กน้อย จิตใจรู้สึกราวกับว่าตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย คำพูดทั้งหมดที่เตรียมไว้ก่อนที่จะมายังที่นี่ ไม่อาจจะกล่าวออกมาได้ “…เรื่องในวันนี้ โปรดไม่ต้องกังวล, เมิ่งต้าซือ ข้ามั่นใจว่าพวกมันจะไม่กระจายข่าวออกไป”
“เจ้ามาที่นี่ทำไม?” เมิ่งฮ่าวถามเสียงดังอย่างเย็นชา ตัดบทนาง
ตอนนี้อูหลิงกังวลใจโดยสิ้นเชิง คำพูดที่ดังมาของเมิ่งฮ่าวทำให้จิตใจนางสั่นสะท้าน กัดฟันแน่น มองขึ้นไป
ขณะที่ทำเช่นนั้น มือขวาของนางก็ยกขึ้นมา และปลดเสื้อผ้าของนางออก ทันใดนั้น เสื้อผ้าก็ตกลงไปบนพื้น เผยให้เห็นผิวกายสีขาวอมชมพู ภายใต้แสงจันทรา ส่วนโค้งส่วนเว้าที่งดงามของนาง ทันใดนั้น ก็ดูเหมือนจะกระจายบรรยากาศอันวาบหวามเย้ายวนใจออกมา
ใบหน้านางซีดขาว แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางยืนอยู่ที่นั่นภายใต้แสงจันทร์ สั่นสะท้านเล็กน้อย แต่ก็จ้องไปยังเมิ่งฮ่าวพร้อมกัดฟันแน่น