ทันทีที่เขายืนขึ้น ก็ราวกับว่าทั่วทั้งโลกแห่งนี้เริ่มเล็กลง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแทนที่โดยเมิ่งฮ่าว การลุกขึ้นมานี้เหมือนกับพายุฤดูใบไม้ผลิกำลังมาถึง ทำให้แม้แต่สายฟ้ายังได้พุ่งขึ้นไปในสวรรค์
จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง และสั่นสะท้าน ทันใดนั้นกลิ่นอายของเขาก็ระเบิดออกมา ปกคลุมไปทั่วทั้งลานบ้าน ทำให้ฝูงสัตว์ปีศาจทั้งหมดเริ่มสั่นไปมา และจ้องไปที่เขาด้วยความหวาดกลัว พวกมันเริ่มส่งเสียงครวญครางและนอนคว่ำลงไปบนพื้น ไม่กล้าที่จะขยับตัวเคลื่อนไหว
แม้แต่ต้าเหมาก็ตัวสั่นสะท้าน ก้มศีรษะลง ค้างคาวดำก็สั่นระริกด้วยเช่นกัน ขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ มีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับมันอย่างแน่นอน แต่เมิ่งฮ่าวก็อยู่ในขั้นสุดท้ายแกนลมปราณสีทอง และเป็นผู้ผนึกอสูรด้วยเช่นกัน เนื่องจากสองสิ่งนี้ เพียงแค่เขาคิดก็สามารถทำลาย และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเถ้าธุลีลอยไปตามสายลมได้อย่างง่ายดาย
สำหรับค้างคาวดำ เรื่องเช่นนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวกลายเป็นเจ้านายที่แตกต่างไปจากเจ้านายก่อนหน้านี้ของมันโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้ สายฟ้ากำลังปะทุขึ้นมาในอากาศเหนือลานบ้าน สายฟ้าจำนวนมากมายเต้นระริกไปมา บรรยากาศในลานบ้านถูกโยนเข้าไปในความปั่นป่วนวุ่นวายในทันที ราวกับว่าบริเวณนั้นทั้งหมดได้ถูกตัดขาดออกไปจากโลกภายนอก และตอนนี้ได้คงอยู่ด้วยตัวของมันเอง เป็นส่วนหนึ่งของเมิ่งฮ่าว
แสงสีทองเริ่มกระจายออกมาจากร่างเขา เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ ก็ไม่มีกลิ่นอายของนักศึกษาหลงเหลืออยู่บนร่างเขาอีกต่อไป ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยว มันถูกแทนที่ด้วยเจตจำนงที่พุ่งทะยานขึ้นมาของผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่งของสวรรค์และปฐพี ในตอนนี้ เขาไม่ใช่นักศึกษาอีกต่อไป แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญอันยิ่งใหญ่ของขั้นสุดท้ายแกนลมปราณสีทอง เป็นคนที่สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งได้อย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งหมดนี้…ไม่อาจจะมองเห็นได้จากโลกภายนอก ที่ด้านนอกสายลมพัดผ่านอย่างอ่อนโยน และกลุ่มเมฆก็ลอยไปมา แต่ด้านในของลานบ้าน มีเจตจำนงอันแข็งแกร่งที่กระจายออกมาจากเมิ่งฮ่าวครอบคลุมไปทั่ว
เขาจ้องนิ่งไปยังค้างคาวดำที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ในตอนนี้ จากนั้นก็หลับตาลง ต่อมาไม่นาน เขาก็ลืมตาขึ้นมาในทันที สายฟ้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย และความปั่นป่วนวุ่นวายก็หายไป ร่างเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนเป็นปกติธรรมดา เขาไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งอีกต่อไป แต่ดูเหมือนนักศึกษาที่สุภาพอ่อนโยนขึ้นอีกครั้ง
“กระบี่ไม้…” เขาหายใจออกมาเบาๆ ยื่นมือขวาออกไปในอากาศ และฉับพลันนั้นค้างคาวดำก็เริ่มสั่นสะท้าน ไม่อาจจะต่อต้านได้ มันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ซึ่งคว้าจับมันไว้ในทันที
ความหวาดกลัวอย่างรุนแรงพุ่งขึ้นมาในจิตใจค้างคาวดำ ความหวาดกลัวที่มันมีต่อเมิ่งฮ่าวแสดงออกมาทางแววตา เท่าที่มันคิด ดูเหมือนอำนาจของสวรรค์ ตามมาด้วยปราณอสูรจางๆ ของเมิ่งฮ่าว กลายเป็นแรงกดดันอย่างรุนแรงกดทับลงมาบนตัวมัน
เมิ่งฮ่าวจับค้างคาวไว้ แววตาครุ่นคิด หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ยกมือซ้ายขึ้นมา และแทงเข้าไปในร่างของมัน ค้างคาวที่บาดเจ็บเริ่มดิ้นไปมา พลังชีวิตของมันเริ่มลดน้อยลง แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ปราณอสูรก็เริ่มไหลออกมาจากมือซ้ายของเมิ่งฮ่าว ฟื้นฟูพลังชีวิตของค้างคาวดำในช่วงที่มันสูญเสียไปขณะที่เขากรีดเนื้อมันให้แยกออกจากกัน
มือของเขาค่อยๆ ล้วงลึกเข้าไปในร่างค้างคาว ในที่สุดก็ลึกเข้าไปในเลือดเนื้อของมัน มือเมิ่งฮ่าวจับไปที่ด้ามของกระบี่ไม้ ทันทีที่เป็นเช่นนั้น เขาก็ดึงกระบี่ออกมาจากร่างของค้างคาว
โลหิตพร่างพรมลงมา และค้างคาวดำก็กรีดร้องเสียงแหลมเล็กอย่างน่ากลัวออกมา ขณะที่มันถอยไปด้านหลัง และกระเสือกกระสนบินขึ้นไปในอากาศ แต่มันก็หล่นลงมาบนพื้น หอบหายใจ เหมือนใกล้จะตายไป ในเวลาเดียวกันนั้น ท่าทางขอบคุณก็ปรากฎในแววตาของมัน ถึงแม้ร่างกายมันกำลังสั่นสะท้าน พลังชีวิตของมันในตอนนี้ก็กำลังพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
ราวกับว่ากระบี่นั้นจริงๆ แล้วก็ได้ปิดกั้นพลังชีวิตและขัดขวางพลังฝึกตนของค้างคาวไว้ ตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้เอามันออกไป พื้นฐานฝึกตนของมันก็ฟื้นคืนกลับมาในทันที และพลังชีวิตของมันก็ระเบิดออก รวมเข้ากับปราณอสูรจากเมิ่งฮ่าว ทำใหพลังชีวิตของค้างคาวเริ่มกลับมาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
มันดูท่าทางอ่อนแออยู่ในตอนนี้ แต่บาดแผลของมันกำลังถูกรักษาอย่างรวดเร็ว และกลิ่นอายอันแข็งแกร่งก็กระจายออกมาเพิ่มขึ้น
ความรู้สึกขอบคุณในแววตาของมันค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยความเย็นเยียบ ขณะที่มันจ้องมายังเมิ่งฮ่าว
สีหน้าเมิ่งฮ่าวเรียบเฉยไม่แยแส และไม่สนใจค้างคาวโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าพลังอำนาจที่เพิ่มขึ้นมาในทันทีของมัน ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสนใจแม้แต่น้อย
แต่เมิ่งฮ่าวจ้องไปยังกระบี่ไม้ ที่เขาเพิ่งจะดึงออกมาจากร่างของค้างคาว เขาสะบัดมันทำให้เลือดเนื้อที่ปกคลุมมันไว้หายไป ตอนนี้กระบี่ดูปกติเหมือนเดิม มันดูเป็นกระบี่ธรรมดา ราวกับว่าไม่มีอะไรที่แปลกพิเศษ แต่พลังลมปราณในบริเวณนั้นจู่ๆ ก็เริ่มถูกดูดตรงมาที่กระบี่ ทำให้มันเริ่มดูคล้ายกับเป็นกระแสวังน้ำวนของพลังลมปราณอย่างรวดเร็ว ลมปราณทั้งหมดถูกกระบี่ดูดกลืนเข้าไปจนหมดสิ้น
เมิ่งฮ่าวมองไปที่กระบี่ด้วยสีหน้าแปลกๆ เขาตบไปที่ถุงสมบัติ และลำแสงสีดำสองสายก็พุ่งออกมาในทันที ซึ่งจากนั้นก็กลายเป็นกระบี่สองเล่ม ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับกระบี่ที่เขากำลังถืออยู่ในมือ
ตอนนี้กระบี่ไม้สามเล่มลอยอยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ดวงตาเขาสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ
“ข้าพบกระบี่ไม้ในร่างของมังกรปีกวารีเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ ข้าพบกระบี่ไม้อีกเล่มในร่างของค้างคาวดำตัวนี้ กระบี่ไม้เหล่านี้ต้องมีที่มาอย่างน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน…” สายตาเขากวาดมองไปยังกระบี่ไม้ทั้งสามเล่ม เว้นแต่จะรู้ว่ามีอยู่หนึ่งเล่มในนั้นถูกคัดลอกขึ้นมา ไม่เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ทีจะบอกว่าพวกมันไม่เกี่ยวข้องกัน
“แย่ยิ่งนักที่ข้าใช้หินลมปราณมากมายเพื่อทำการคัดลอกกระบี่เล่มนี้ ถ้าข้ามีหินลมปราณมากพอ ก็น่าจะใช้มันไปสร้างรูปแบบแรกของค่ายกลกระบี่ดอกบัวดีกว่า!”
“ข้าอยากรู้นักว่า ค่ายกลกระบี่เช่นนั้นจะมีความแข็งแกร่งเช่นไร…บางทีคงไม่ได้อ่อนแอกว่าค่ายกลกระบี่กาลเวลามากเท่าใด นอกจากนั้นกระบี่ไม้นี้ก็ได้ดูดซับพลังลมปราณที่ต้องใช้หินลมปราณจำนวนมากมายเพื่อคัดลอกมันออกมา กระบี่นี้…ช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง!”
ดวงตาเขาสาดประกายขณะที่โบกสะบัดมือขวา ทำให้กระบี่ไม้ทั้งสามเล่มลอยกลับเข้าไปในถุงสมบัติ เขามองกลับไปยังค้าวคาวดำ
รอยแผลของค้างคาวดำตอนนี้ได้ฟื้นฟูเกือบหมดแล้ว กลิ่นอายของมันมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นจากก่อนหน้านี้ ตอนนี้ มันไม่ได้อยู่ในขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณอีกต่อไป แต่อยู่ในขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ ดูเหมือนจะเห็นได้ชัดว่าหลังจากที่เวลาผ่านไป มันก็จะฟื้นฟูร่างกายกลับมาและมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น
“สัตว์อสูรที่ถูกแทงด้วยกระบี่ไม้เช่นนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับมังกรปีกวารี…ทำให้สามารถคาดคิดได้ว่าค้างคาวตัวนี้จะมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน…ใครจะไปรู้ว่ามันถูกแทงด้วยกระบี่นี้กี่ปีนานมาแล้ว จนกระทั่งตกมาอยู่ในระดับปัจจุบันนี้ หลังจากที่มันฟื้นฟูและบรรลุถึงระดับสูงสุด มันจะมีความแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ…” เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา ไม่ว่าค้างคาวจะมีความแข็งแกร่งถึงระดับไหน เท่าที่มันมีปราณอสูรอยู่ภายในร่าง เขาก็สามารถควบคุมมันได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่า…ปราณอสูรที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะส่งให้มันดูดซับเข้าไปด้วยความจงใจในตอนที่มันยังอ่อนแออยู่ ซึ่งปราณอสูรนั้นก็เป็นวิธีหลักที่เขาจะใช้ควบคุมมัน
ขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังศึกษาค้างคาวดำ มันก็มองกลับมาที่เขาด้วยแววตาที่วาววับ หลังจากชั่วขณะผ่านไป มันก็ก้มหน้าลง แสดงท่าทียอมอ่อนข้อเชื่อฟัง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าเป็นความจริงมากแค่ไหน เป็นเรื่องเท็จมากเพียงใด แต่ในตอนนี้ มันก็เลือกที่จะยอมจำนน
ไม่กี่วันผ่านไป ข่าวคราวการต่อสู้ตัวต่อตัวของซือหลง ระหว่างเมิ่งฮ่าวและมั่วฟางได้กระจายออกไปทั่วเผ่าอูต๋า เพียงชั่วพริบตา นามเมิ่งฮ่าวก็โด่งดังเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว ตอนนี้เขามีชื่อเสียงอยู่ภายในเผ่าอย่างแท้จริง
ในยามเย็นของวันหนึ่ง ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีได้นำเหรียญคำสั่งมาส่งให้เขาด้วยตัวเอง นี่เป็นการบ่งบอกว่าเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ ได้กลายเป็นผู้ติดตามอย่างเป็นทางการของเผ่าอูต๋าแล้ว
นอกจากเหรียญคำสั่ง เมิ่งฮ่าวยังมีโอกาสจะได้รับการรู้แจ้งจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอูต๋าอีกด้วย ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้มีนามว่า ต้นไม้ชิงมู่ (ต้นไม้สีเขียว)…
เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดเกี่ยวกับพลังชีวิตภาพศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถสร้างพลังเวทเพื่อช่วยปกป้องไปทั่วทั้งเผ่า เขายังได้คิดเกี่ยวกับซู่เหริน (มนุษย์ต้นไม้) ยักษ์ที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ เขาต้องการภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไม้ และจะทำทุกวิถีทาง…เพื่อให้ได้ครอบครองห้ารอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกับธาตุทั้งห้านั้น เห็นได้ชัดว่า ถ้าภาพศักดิ์สิทธิ์มีพลังมาก เขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องปรุงวิญญาณแรกก่อตั้งห้าสี
โอกาสที่เขาจะได้รับการรู้แจ้งจากต้นไม้ชิงมู่ จะเกิดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้านี้
ในช่วงของเจ็ดวันนั้น เผ่าอูต๋าได้จัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เมิ่งฮ่าวกลายเป็นผู้ติดตามอย่างแท้จริง แต่เป็นงานสักการะบรรพบุรุษ และจัดเตรียมตราประทับชิงมู่ ด้วยประเพณีนี้เท่านั้นที่เมิ่งฮ่าวจะสามารถเข้าไปในอาณาเขตของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้
สำหรับคนในเผ่า ความรู้แจ้งเช่นนี้เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใหญ่ทุกคนของเผ่าต่างก็เข้าร่วมงานนี้ ซึ่งจะช่วยกลั่นพลังชีวิตของพวกมันให้เข้มแข็งขึ้น และถือว่าเป็นโชคสำหรับผู้ติดตามทุกคนด้วยเช่นกัน
ในวันที่เจ็ด ได้มีการจัดทำพิธีกรรมอันซับซ้อนอย่างต่อเนื่อง คนในเผ่าอูต๋าทั้งพันกว่าคน มานั่งขัดสมาธิรวมตัวกันบนยอดเขา พวกมันนั่งล้อมกันเป็นวงกลม ท่องสวดคาถาแปลกๆ ด้วยเสียงแผ่วเบา จนเสียงดังกระจายเต็มไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี ทำให้กลุ่มเมฆม้วนตัวไปมาเป็นชั้นๆ เต็มอยู่ในท้องฟ้า ราวกับว่าเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมิ่งฮ่าวสวมใส่ชุดยาวสีเขียว ขณะที่เขาเดินขึ้นไปตามทางบันไดของภูเขา ซึ่งนำไปสู่แท่นบูชา
ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพียืนอยู่ที่นั่น มีหญิงชราอยู่ด้านข้าง ซึ่งเป็นผู้เฒ่าสูงสุดท้องฟ้าของเผ่าอูต๋า คนทั้งสองยิ้มให้ขณะที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้
“เผ่าอูต๋าปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความจริงใจ” ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีกล่าว ด้วยเสียงอ่อนโยน “เรื่องทั้งหมดนี้ จริงๆ แล้วต้องมีค่าใช้จ่ายก่อนที่จะได้รับผลประโยชน์ แต่สหายเต๋าเมิ่งก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป และคงรับรู้ถึงความเชื่อถือของเผ่าอูต๋าได้อย่างแน่นอน”
“ขอบคุณมาก” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบพร้อมกับประสานมือ
“พวกเรามาเริ่มกันเถอะ!” ผู้เฒ่าสูงสุดท้องฟ้ากล่าว หญิงชราโบกสะบัดแขน เกิดเสียงกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ และรอยแยกก็เปิดออกตรงกึ่งกลางของแท่นบูชา ทันใดนั้น ลำแสงสีเขียวก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ ภายในลำแสงนั้นกระจายปราณอสูรอันเข้มข้นออกมา
การปรากฎขึ้นของปราณอสูรนี้ ทำให้ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลงในทันที ภายในลำแสงนั้นมีมนุษย์ต้นไม้พุ่งขึ้นมาด้วยเช่นกัน ซึ่งมีสีเขียวดูเก่าแก่โบราณ และมีความสูงถึงสิบกว่าจ้าง ใบไม้ที่เหี่ยวแห้งปกคลุมร่างกายของมัน และกระจายความโบราณอันลึกล้ำออกมา…
ราวกับว่ามันได้คงอยู่ภายในกระแสของกาลเวลามานาน, นานมากแล้ว ราวกับว่าสามารถมองเห็นร่องรอยของกาลเวลาอยู่ภายในดวงตาของมัน ขณะที่มันลอยขึ้นมา ร่างของมันก็กระจายพลังชีวิตอันไร้ขอบเขตออกมา
ความหนาแน่นในพลังชีวิตของมันเช่นนั้น ทำให้สิ่งมีชีวิตธาตุไม้ทั้งหมดต้องหมอบกราบต่อหน้ามัน และเรียกมันว่าบรรพบุรุษ แต่…ภายในพลังชีวิตที่มากมายเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวสัมผัสได้ถึงการลดลงและเสื่อมสลายไป ราวกับว่าพลังชีวิตของมันกำลังมาถึงเส้นทางสุดท้ายแล้ว
ร่างของมนุษย์ต้นไม้ยังปกคลุมไปด้วยรอยแผลมากมายจนนับไม่ถ้วน มันกระจายกลิ่นอายอันแข็งแกร่งออกมา จนทำให้ท้องฟ้าต้องเปลี่ยนสี พื้นดินต้องเปลี่ยนไป กลุ่มเมฆม้วนตัวไปมา และผืนป่าที่อยู่รอบๆ ต้องถอนหายใจออกมา
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความฉลาดรอบรู้ ขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าว
ทันทีที่มันปรากฎกายขึ้น เสียงสวดมนต์จากกลุ่มคนของเผ่านับพันก็ดังมากขึ้น และพวกมันก็เริ่มคุกเข่าลงและโขกศีรษะ
ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีและผู้เฒ่าสูงสุดท้องฟ้า ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับมนุษย์ต้นไม้
เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะละสายตาไปจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นี้ได้ จิตใจเขาสั่นสะท้าน ตอนนี้เขาแน่ใจว่ามนุษย์ต้นไม้นี้เป็นอสูรอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพีแห่งนี้ มันก็เป็นเช่นเดียวกับทะเลเหนือ เป็นอสูรที่แท้จริง!
มนุษย์ต้นไม้ยักษ์จู่ๆ ก็เริ่มพูดขึ้น “คนนอกเผ่า…ได้รับการยินยอมจากเผ่าที่ข้าปกป้องอยู่ เช่นนั้น ข้า…จะประทานโชคให้กับเจ้า ข้าจะให้เจ้ารับรู้ถึงความทรงจำบางส่วนของข้า จากนิรันดร์กาลที่ผ่านมา…” มนุษย์ต้นไม้ค่อยๆ ยกมือขวาของมันขึ้นมาช้าๆ และวางไปตรงเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
มันยื่นมือค้างอยู่ที่นั่น รอคอยให้เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าขึ้นไป แม้ในขณะที่เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น แผ่นหยกผนึกอสูรภายในถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าว ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาเกิดขึ้น เป็นครั้งแรกที่มันทำเช่นนี้ในทะเลทรายตะวันตก
เสียงเก่าแก่โบราณของแผ่นหยกดังก้องออกมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว
“เต๋าโบราณ; ยืนกรานจะผนึกสวรรค์; สร้างคุณความดีให้กับทั้งหมดในขุนเขา; ทัณฑ์แห่งเต๋าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเก้าขุนเขาทะเล; จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์!”