“ตกลง” อูเฉินกล่าว ขบฟันแน่น
โดยไม่สนใจพี่สาว อูเฉินยกมือขึ้นไปแตะที่หน้าผาก ทันใดนั้น โลหิตรูปทรงกลมก็โผล่ออกมาจากปากของมัน ซึ่งจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใบไม้สีแดง มองเห็นลายเส้นอยู่บนใบไม้ได้ชัดเจน และกระจายแสงแปลกๆ ออกมา ปราณธาตุไม้กระจายออกมาจากใบไม้สีแดง ทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็น ดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงที่ยากจะสังเกตเห็นได้
“ต้องกระทำบางอย่างกับสายโลหิต…” เขาคิด “ไม่, ไม่ใช่เช่นนั้น มันเป็นแค่วัตถุ ดังนั้นมันจึงต้องหลอมรวมเข้ากับร่างกาย?” ใบไม้พุ่งออกมาจากอูเฉินตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
สีหน้าพี่สาวอูเฉินหมองคล้ำลงในทันที และนางก็ก้าวเท้ามาข้างหน้า
“พี่, นี่เป็นการตัดสินใจของข้า!” อูเฉินกล่าว ขบฟันแน่น
พี่สาวมองไปที่มัน เมื่อได้เห็นสีหน้าของน้องชาย นางก็คิดไปถึงความยากลำบากทั้งหมดที่คนทั้งสองต้องอดทนมาด้วยกัน ในที่สุด นางก็แอบถอนหายใจและหลับตาลง
ใบไม้ลอยอยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าว เขายื่นมือออกไปแตะสัมผัสมัน ด้วยเช่นนั้นใบไม้ก็หายไป กลายเป็นกลุ่มควันสีแดง หลอมรวมเข้ากับมือของเขา จากนั้นก็ปรากฎเป็นรูปภาพอยู่ในจิตใจ
เป็นภาพที่ประกอบไปด้วยวิชาที่จำเป็นในการปลูกใบไม้อยู่ภายในร่างเขาอย่างถาวร มีรายละเอียดอันซับซ้อนยุ่งยาก และถือได้ว่าเป็นเวทลับ คนที่ไม่ได้อยู่ในสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่ไม่อาจจะรับรู้ถึงมันได้
หลังจากเวลานานผ่านไป ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกาย และเขาก็พยักหน้า ลุกขึ้นมายืน
“ไปกันเถอะ”
อูเฉินสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ยืนขึ้น และโค้งตัวลงต่ำให้กับเมิ่งฮ่าว การมอบเวทลับของชนเผ่าให้เขาเป็นการจ่ายค่าตอบแทนอันยิ่งใหญ่ อูเฉินไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเมิ่งฮ่าวจู่ๆ ก็ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือมันหลังจากนี้
สำหรับอูเฉิน ทั้งหมดนี้เป็น…การเดิมพันอันยิ่งใหญ่!
เมื่อต้องเสี่ยงเช่นนี้ มันจึงจำเป็นต้องสะกดข่มทุกสิ่งทุกอย่างไว้และทุ่มจนสุดตัว!
“ผู้อาวุโส, นี่คือพี่สาวของข้า, อูหลิง” อันที่จริง อูเฉินไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่นางในตอนนี้
อูหลิงจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว และจากนั้น ก็พูดออกมาอย่างรวดเร็วในคราเดียว “มันเป็นการฝ่าฝืนกฎอย่างร้ายแรงสำหรับอูเฉิน ที่มอบเวทลับให้กับเจ้า ถ้าเจ้ากำลังหลอกลวงมัน ข้า, อูหลิง ขอสาบานกับภาพศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าว่า ข้าจะไม่ยอมหยุดจนกว่าเจ้าจะตายไป!” นางยังคงเชื่อว่าอูเฉินกำลังถูกหลอกลวง และรังสีสังหารอันเข้มข้นก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ในความคิดเห็นของนาง เจตนาร้ายของเมิ่งฮ่าวถูกเปิดเผยออกมาในทันที ที่เขาพูดเกี่ยวกับความต้องการที่จะได้ครอบครองวิชาเวทลับ คนเช่นนี้ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้น ถ้าข่าวคราวกระจายออกไปว่า เขาได้ครอบครองวิชานี้ไปจากอูเฉิน ไม่สำคัญว่าอูเฉินจะเป็นทายาทของสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่หรือไม่ เป็นไปไม่ได้ที่มันจะหลีกหนีจากการถูกลงโทษไปได้
เหตุผลที่นางไม่ได้ป้องกัน ไม่ให้มันกระทำการเช่นนั้นเมื่อครู่นี้ ก็เป็นเพราะต้องการจะปกป้องความรู้สึกในการนับถือตัวเองของมันไว้ นางได้แอบคิดเกี่ยวกับวิธีการอันมากมาย ที่จะสังหารเมิ่งฮ่าวเพื่อปิดปากเขา
“ถ้าเจ้าจะตำหนิใครบางคน” นางคิด “ก็ตำหนิตัวเองไปเถอะ สำหรับความโลภมากเช่นนั้น!” นางมองเขาอย่างลึกซึ้ง ในจิตใจ เขาได้ตายไปเรียบร้อยแล้ว
เมิ่งฮ่าวส่งยิ้มน้อยๆ ให้ แต่ก็ไม่โต้ตอบ ประสานมืออยู่ด้านหลัง ก้าวเดินเนิบนาบออกไป เมื่อทำเช่นนี้ สุนัขป่าชิงมู่ทั้งห้าตัวก็ลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้านเดินตามเขาไป
อูเฉินเดินนำไป สำหรับอูหลิง เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวไม่สนใจนาง ก็ทำให้นางแอบแค่นเสียงอยู่ในใจ ดวงตาสาดประกายด้วยรังสีสังหาร ขณะที่เดินตามไป
ในที่สุด พวกเขาก็เดินผ่านลานบ้านของผู้เฒ่าสุ่ยมู่ ซือหลงระดับสาม อูหลิงร้องเรียกอูเฉิน จากนั้นก็เดินเข้าไปในลานบ้าน ไม่นานนางก็เดินออกมาพร้อมกับชายชรา
ชายชรามีสีหน้าหยิ่งยโส นี่เป็นบุคคลเดียวกับที่ได้ช่วยแนะนำเมิ่งฮ่าว ในเรื่องที่จะเลี้ยงสัตว์ปีศาจอย่างไร มันค่อนข้างจะมีชื่อเสียงในเขตเลี้ยงสัตว์ปีศาจแห่งนี้ และเป็นผู้ดูแลผู้เลี้ยงสัตว์ปีศาจทั้งหมด แน่นอนว่ามันก็คือผู้เฒ่าสุ่ยมู่, ซือหลงระดับสาม
อสรพิษชิงมู่สีเขียวสดใสนอนอยู่บนไหล่ของมัน มองดูคล้ายกับถูกสร้างขึ้นมาจากแก้วผลึก แต่มันก็แลบลิ้นเข้าออกอย่างรวดเร็ว และดวงตาก็สาดประกายแสงอันเย็นเยียบออกมา
“ขอบคุณมาก ท่านผู้เฒ่าสุ่ยมู่! ข้า, อูหลิง จะไม่มีวันลืมความเมตตาของท่านในครั้งนี้!” สีหน้าเลื่อมใสเต็มอยู่บนใบหน้าอูหลิง แม้ว่านางจะเป็นทายาทของหนึ่งในสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่ แต่นางก็ยังคงไม่กล้าที่จะตอแยซือหลงระดับสาม ยิ่งไปกว่านั้น นางยังได้จ่ายด้วยราคาที่สูงลิ่ว เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือในครั้งนี้ ทั้งหมดนี้นางทำเพื่ออูเฉิน
สีหน้าชายชราเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสขณะที่มันกล่าวตอบ “เมื่อคิดว่าท่านมาพร้อมกับเหรียญคำสั่ง และข้าก็เป็นหนี้ท่านอยู่ ข้าก็ต้องให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่ก็แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ อย่าคิดว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ข้าก็ไม่อาจจะรับประกันได้ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้”
สายตาของชายชราสุ่ยมู่ ฉับพลันนั้นก็มาหยุดอยู่ที่เมิ่งฮ่าว และจู่ๆ มันก็มีท่าทางหงุดหงิด จากนั้นก็มองไปยังสุนัขป่าชิงมู่ของเขา และดวงตามันก็สาดประกายเจิดจ้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันได้เห็นสุนัขป่าเหล่านี้ มันได้สังเกตมานานแล้วว่าพวกมันไม่ธรรมดา แต่มันก็ไม่ได้สนใจมากนัก
สุ่ยมู่มองไปยังอูหลิง และขมวดคิ้ว “มันมาทำอะไรที่นี่?”
อูหลิงลังเล “มันถูกเชิญมาโดยน้องชายของข้า” นางกล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านผู้เฒ่าสุ่ยมู่…”
ความหงุดหงิดของสุ่ยมู่เพิ่มมากขึ้นจนเห็นได้ชัดเจน และมันก็ส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชาออกมา “เมื่อท่านได้เชิญคนอื่นมาแล้ว ข้าก็เกรงว่าไม่อาจจะเข้าร่วมด้วยได้” มันมีสีหน้าไม่พอใจ โบกสะบัดชายแขนเสื้อ หันหลัง เดินกลับเข้าไปในลานบ้านของมัน ภายในใจ มันคิดไม่ถึงว่า มันซึ่งเป็นซือหลงจะต้องร่วมมือกับผู้เลี้ยงสัตว์ปีศาจอันกระจ้อยร่อยผู้นี้ได้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเล็กน้อย ขณะที่เห็นสุ่ยมู่หันหลังเดินจากไป เขาไม่กล่าวอะไรออกมา แต่รอดูว่าอูเฉินและอูหลิงจะจัดการสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร
อูหลิงเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นอย่างแท้จริง นางได้ใช้ความพยายามอย่างมากมาย เพื่อที่จะได้รับความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าสุ่ยมู่ นางจ้องอย่างเกลียดชังไปยังเมิ่งฮ่าว เดินตามหลังสุ่ยมู่ไป สีหน้าเต็มไปด้วยคำวิงวอนขอร้อง นางส่งเสียงพูดออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พยายามจะชักจูงให้มันกลับมา ในที่สุด นางก็กัดฟันที่สวยงามจนแน่น และยื่นข้อเสนอที่มีค่าตอบแทนมากกว่าเดิม สุดท้ายสุ่ยมู่ก็พยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก หันหลังมา เดินผ่านเมิ่งฮ่าวไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามาชำเลืองมองดูเขา
อูหลิงถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา แต่ความขมขื่นในจิตใจก็ยิ่งมีอย่างลึกล้ำมากขึ้น นางมองไปยังอูเฉินอย่างมีความหมาย จากนั้นก็ส่ายศีรษะช้าๆ นางรู้สึกผิดหวัง นางรู้สึกว่าอูเฉินได้กระทำความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่ไม่ได้เชื่อคำแนะนำของนางตั้งแต้ต้น
อูหลิงถอนหายใจ เดินตามหลังผู้เฒ่าสุ่ยมู่ไป เมิ่งฮ่าวยิ้มอย่างไม่แยแสขณะที่เขาติดตามไป สำหรับอูเฉิน มันมีท่าทางครุ่นคิดขณะที่เดินไป ทั้งหมดออกจากเขตเลี้ยงสัตว์ปีศาจ และเดินตรงขึ้นไปบนภูเขา ยังพื้นที่สี่เหลี่ยมที่เปิดโล่ง ซึ่งถูกตัดออกมาจากภูเขา เป็นพื้นผิวที่ราบเรียบของก้อนศิลา
เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ขณะที่เดินไป ขณะที่อูเฉินกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เบื้องหน้าขึ้นไป อูหลิงยื่นกิ่งไม้ออกไป ขณะที่นางโบกไปมาอยู่ที่ด้านหน้า ลำแสงสีเขียวปรากฎขึ้น จากนั้นก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าและระเบิดออกมา
เสียงระเบิดดูเหมือนจะปลุกอูเฉินให้หลุดออกมาจากห้วงภวังค์ มันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และมองขึ้นไปยังการระเบิดนั้น สิบลำแสง ทันใดนั้นก็พุ่งออกมาจากบ้านที่อยู่บนภูเขาที่แตกต่างกัน ไม่นานหลังจากนั้น สิบผู้คนก็โผล่ออกมา นอกจากนี้ กลุ่มคนของเผ่าอูต๋าอื่นๆ อีกมากมาย ก็มาจากด้านล่างภูเขา และเดินทางขึ้นมา อูเฉินหันหน้ามาหาเมิ่งฮ่าว ความมุ่งมั่นสาดประกายอยู่ในแววตา มันประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
“ท่านผู้เฒ่า, โปรดช่วยข้าด้วย”
เมิ่งฮ่าวยิ้ม และพยักหน้าให้เล็กน้อย ความประทับใจในตัวอูเฉินของเขามีมากขึ้น บุรุษหนุ่มวัยเยาว์มักจะหุนหันพลันแล่น แต่ความมุ่งมั่นและความบากบั่นอุตสาหะ ก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม
ผู้คนเริ่มมาถึง ที่มาเป็นกลุ่มแรกก็คือคนทั้งสิบ
หนึ่งในคนกลุ่มนั้นเป็นชายชราที่สวมใส่ชุดยาวสีขาว เส้นผมสีขาวของมันพริ้วไปมาในสายลม ร่างกายประดับประดาเต็มไปด้วยรอยสัก หนึ่งในรอยสักนั้นเป็นภาพของต้นไม้
ดูเหมือนมันจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในคนกลุ่มนี้ คนที่เหลือก็กระจายพลังภาพศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างเข้มข้น พื้นฐานฝึกตนของพวกมันไม่ธรรมดา ส่วนใหญ่อยู่ในขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ
สำหรับชายชรา มันกระจายพลังที่เทียบเท่ากับขั้นกลางของวิญญาณแรกก่อตั้งออกมา
ที่กำลังยืนอยู่ข้างกายชายชราเป็นบุรุษวัยกลางคนที่กำลังยิ้มพร้อมกับเส้นผมดอกเลา ร่างมันก็เต็มไปด้วยรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน และกระจายพลังที่น่าตกใจออกมา ดูเหมือนมันจะอ่อนแอกว่าชายชราเล็กน้อย มันมีพลังอยู่ในขั้นต้นวิญญาณแรกก่อตั้ง
อูหลิงก้าวเท้าตรงไป และประสานมือให้กับชายชรา “อูหลิง ทายาทของสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่ ขอคารวะท่านผู้เฒ่าสูงสุดปฐพี ด้วยคำสั่งของหัวหน้าเผ่าได้ย้ำว่า เมื่อไหร่ก็ได้ในช่วงสามวันนี้ น้องชายข้า, อูเฉิน สามารถเริ่มการประลองสัตว์ปีศาจตัวต่อตัวกับอูอาหลี่ได้ ผู้ชนะก็จะได้รับเหรียญภาพศักดิ์สิทธิ์ไปครอบครอง!”
สุ่ยมู่ยืนอยู่ข้างกายนาง ด้วยท่าทางภาคภูมิใจ ขณะที่มันประสานมือคารวะชายชรา
อูเฉินดูท่าทางกังวลใจ ขณะที่ก้าวเท้าออกไปยืนอยู่ข้างกายอูหลิง ก้มศีรษะลง
ชายชราที่อยู่ในขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นหนึ่งในสองผู้เฒ่าสูงสุดของเผ่าอูต๋า ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ในการจัดการงานของเผ่า มันมองมายังอูหลิง, จ้องไปยังอูเฉิน จากนั้นก็แอบถอนหายใจ ด้วยอารมณ์ความรู้สึก มันรู้สึกเสียใจต่อคนทั้งสอง แต่เมื่อไหร่ที่ผู้นำเผ่าได้ตัดสินไปแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีไม่เคยโต้เถียงผู้นำเผ่ามาก่อน เว้นแต่ว่าจะมีเรื่องราวที่สำคัญมากจริงๆ เกิดขึ้น มันพยักหน้าให้กับคนทั้งสองเล็กน้อย จากนั้นก็มองมายังเมิ่งฮ่าว สำหรับสุนัขป่าชิงมู่ที่ยืนรวมกลุ่มกันที่ด้านหลังเขา ดวงตามันสาดประกายขณะที่ศึกษาพวกมัน แต่มันก็ไม่ได้กล่าวอันใดออกมา กลับหันไปมองสุ่ยมู่แทน
“ของคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน, ซือหลงสุ่ยมู่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ทำให้สุ่ยมู่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยในทันที มันรีบประสานมือและโค้งตัวลงอย่างรวดเร็ว
“การได้ช่วยเหลือทายาทของสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่ เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับคนชั้นต่ำอย่างข้า”
ขณะที่ทำการพูดคุยเช่นนี้ คนที่เหลือของสิบคนก็มาถึง หนึ่งในพวกมันเป็นบุรุษวัยเยาว์ ที่สวมใส่เสื้อผ้าที่คล้ายคลึงกับของอูเฉิน มันมีรูปร่างสูงใหญ่และกำยำแข็งแร็ง ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา และค่อนข้างจะหยิ่งยโส ขณะที่มันเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงความเย็นชาที่กระจายออกมาจากดวงตาอูเฉิน
บุรุษวัยเยาว์ที่มาใหม่ ส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชาออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า “อูเฉิน เหรียญภาพศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นของข้า, อูอาหลี่ แต่เมื่อหัวหน้าเผ่ามีคำสั่งลงมา ข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเอาชนะเจ้า และทำเรื่องนี้ให้จบไป!” หลังจากที่มันประสานมือและโค้งตัวคารวะผู้เฒ่าสูงสุดปฐพี รวมถึงชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างกายผู้เฒ่าสูงสุดปฐพี
ชายวัยกลางคนยิ้มให้และพยักหน้า มันเป็นผู้เฒ่าของเผ่าอูต๋า มีตำแหน่งรองจากผู้เฒ่าสูงสุด แต่กระนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด มันเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังซึ่งมีสายโลหิตเดียวกับอูอาหลี่ เนื่องจากมันจึงทำให้อูอาหลี่กลายเป็นผู้ที่ก้าวร้าวเอาแต่ใจเมื่อเร็วๆ นี้ และพยายามที่จะเอาเหรียญภาพศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นของอูเฉินไป
ในตอนนี้เองที่กลุ่มคนเล็กๆ จากชนเผ่าอูต๋าคนอื่นๆ ได้มาถึงจากด้านล่างภูเขา มีไม่มากนัก แต่ไม่นานก็มีเกือบถึงหนึ่งร้อยคน ยืนอยู่รอบๆ เขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส
อูเฉินรู้สึกกังวลใจ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่จ้องไปยังอูอาหลี่ มันกำลังจะกล่าวอะไรออกมา แต่อูอาหลี่ก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา จากนั้นก็โบกสะบัดมือ แสงสีเขียวพุ่งออกมาหมุนวนเป็นวงกลมไปรอบๆ ท่ามกลางอากาศ ส่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมา
ทันใดนั้น แสงอยู่หยุดเคลื่อนไหว และกลายเป็นค้างคาวชิงมู่ตัวเล็ก มีขนาดเท่าฝ่ามือมนุษย์ มีเขี้ยวที่แหลมคม และดวงตาสาดประกายด้วยแสงอันเย็นชา ทั้งหมดนี้ ดูท่าทางดุร้าย และทำให้ดวงตาของพวกที่มุงดูอยู่ทุกคนสาดประกายเจิดจ้า
“นี่คือสัตว์ปีศาจระดับสองของข้า, ค้างคาวชิงมู่!” อูอาหลี่พูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “อูเฉิน, นำสัตว์ปีศาจของเจ้าออกมา ถ้าเจ้าไม่มี ก็กลับไปขอให้ซือหลงของเจ้ามาช่วย”