ไม่เพียงแต่โจวเต๋อคุนคนเดียวเท่านั้น ที่จ้องมาด้วยความตกตะลึง หานเสวี่ยชานก็จ้องมายังเมิ่งฮ่าวอย่างมีโทสะพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ เงียบไปสักพัก จากนั้น พวกมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฟางมู่? อย่าบอกข้านะว่า มันกำลังพูดถึงตานติ่งต้าซือผู้โด่งดัง แห่งดินแดนด้านใต้?”
“น่าสนุกนัก คนผู้นี้กำลังดูถูกโจวต้าซืออย่างแน่นอน”
“ช่างกล้าจริงๆ มันอาจจะมีความสามารถบ้าง แต่ก็แย่นักที่มันวิ่งมาชนโจวต้าซือ มันต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
ขณะที่เสียงหัวเราะดังก้องออกไปอย่างต่อเนื่อง โจวต้าซือขมวดคิ้ว และจากนั้นก็ส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชาให้เมิ่งฮ่าว
“ช่างเหลวไหลนัก” โจวเต๋อคุนกล่าว โบกสะบัดแขนเสื้อ “ไม่อยากจะเชือว่าเจ้ากล้าที่จะพูดนามของฟางมู่ออกมา มันเป็นศิษย์น้องของข้า, ตานติ่งต้าซือ!” แววภาคภูมิใจสาดประกายอยู่ในดวงตา เห็นได้ชัดว่า มันรู้สึกว่าการมีศักดิ์ฐานะเป็นศิษย์พี่ของตานติ่งต้าซือช่างมีเกียรติเป็นอย่างยิ่ง “เดิมทีข้าเพียงแค่คิดจะสอนเจ้าเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยาสักเรื่องสองเรื่อง แต่เมื่ออันธพาลเช่นเจ้าพูดจาพล่อยๆ ออกมาเช่นนี้ ข้าก็จะช่วยให้เจ้าเข้าใจว่า ความยิ่งใหญ่ของเต๋าแห่งการปรุงยา ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะมาพูดอย่างไม่ยั้งคิดได้เช่นนี้” จากนั้นมันก็ยกมือขึ้นมา และเผยให้เห็นขวดใบเล็กๆ
“ที่อยู่ภายในขวดนี้ก็คือ โลหิตที่ติดเชื้อพิษซึ่งเจ้าใช้ในวันนั้น” มันกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “ข้าได้วิเคราะห์มันมานานแล้ว และจะบอกว่า มันดูเหมือนจะมีพลังเป็นอย่างมาก แต่จริงๆ แล้วก็ค่อนข้างธรรมดา” ด้วยเช่นนั้น มันก็โยนขวดมาให้เมิ่งฮ่าว
“บทเรียนแรกที่ข้าจะสอนเจ้า ก็เกี่ยวข้องกับยาพิษในขวดนั้น เจ้า…” ก่อนที่มันจะพูดจบ ดวงตาก็เบิกกว้าง
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดเงียบกริบลงในทันทีด้วยเช่นกัน เมื่อดวงตาของพวกมันจ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว แม้แต่สี่ผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็มองมาที่เขาอย่างใคร่ครวญ
นั้นเป็นเพราะทันทีที่เมิ่งฮ่าวจับขวดไว้ มันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีดำกลิ่นเน่าเหม็นกระจายออกมา ตามด้วยกลุ่มหมอก ซึ่งลอยอยู่เหนือมือเมิ่งฮ่าว
ไม่นานหลังจากนั้น ก็เกิดเป็นเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมาบนฝ่ามือของเขา ซึ่งทำให้กลุ่มหมอกสีดำหายไปในทันที ของเหลวนั้นเริ่มเหือดแห้งลง และหลังจากนั้นสองอึดใจ ก็กลายเป็นเม็ดยา! ทุกคนที่กำลังมองมา สามารถมองเห็นขั้นตอนทั้งหมดนี้ได้อย่างชัดเจน!
เม็ดยาสีดำทันใดนั้นก็เริ่มกระจายเส้นใยของปราณสีแดงออกมา หลังจากนั้นเม็ดยาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง มันไม่ได้เหม็นเน่าอีกต่อไป แต่มีกลิ่นหอมกระจายออกมา ช่วยให้ใครก็ตามที่สูดดมมันมีจิตใจสดชื่นขึ้น
“สกัดของเหลวให้กลายเป็นเม็ดยา!” โจวเต๋อคุนครุ่นคิดด้วยจิตใจที่เต้นรัว มันตกตะลึง แต่เริ่มหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองอย่างรวดเร็ว “มันต้องใช้เล่ห์กลบางอย่าง คนผู้นี้อายุยังเยาว์ การสกัดของเหลวให้กลายเป็นเม็ดยา เป็นสิ่งที่เทพกระถางม่วงเท่านั้นที่จะทำได้”
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมาเบาๆ ดูท่าทางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาไม่ต้องการจะสร้างปัญหาใดๆ ให้กับโจวเต๋อคุน จริงๆ แล้ว เขาค่อนข้างดีใจที่เห็นมันอยู่ในที่แห่งนี้ การสกัดของเหลวให้กลายเป็นเม็ดยา ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ยากเย็นนัก มีอีกหลายวิธีสำหรับนักปรุงยาที่จะทำเช่นนี้ได้ แต่โชคร้ายอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับตระกูลจี้ และเมิ่งฮ่าวก็ไม่ค่อยมั่นใจต่อเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น เขาจึงไม่ต้องการที่จะเปิดเผยว่าเคยรู้จักกับโจวเต๋อคุนมาก่อน
“ด้วยการเป็นนักปรุงยา ข้าไม่ต้องการจะดูถูกกลโกงของเจ้า” โจวเต๋อคุนกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนกับเป็นเจ้าโอสถอย่างมากมาย ด้วยน้ำเสียงที่ตำหนิติเตียนมันกล่าวต่อไป “แต่ในขั้นตอนของการค้นคว้าน้ำยาพิษนั่น ข้าได้นำต้นสมุนไพรจำนวนมากมายมาผสมเข้าไปด้วย ข้าไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าจะกล้าตลบตะแลงด้วยการใช้ส่วนผสมเหล่านั้นมาสร้างเป็นเม็ดยา! พวกเราคงไม่ต้องสนใจเต๋าแห่งการปรุงยาของเจ้าในตอนนี้แล้ว เล่ห์กลเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้!” พวกที่มุงดู รวมถึงสี่ผู้อาวุโสสูงสุด ทันใดนั้นก็ไม่ได้ตกตะลึงเหมือนเมื่อครู่นี้อีก นอกจากนั้น จากมุมมองของบุคคลภายนอก พวกมันต่างก็มีความเชื่อถือศรัทธาในตัวโจวเต๋อคุนเป็นอย่างมาก
อันที่จริง โจวเต๋อคุนค่อนข้างจะรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ลึกๆ ด้านใน แต่มันก็รู้ว่านี่คือดินแดนสีดำ และมันเป็นเจ้าแห่งเตาของแผนกเม็ดยาบูรพา ดังนั้น มันจึงมั่นใจอย่างเต็มที่ว่าได้มีการใช้เล่ห์กลในการกลั่นสกัดให้กลายเป็นเม็ดยาเมื่อครู่นี้
“มา” มันกล่าว ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “มาปรุงเม็ดยาให้ข้า ด้วยทักษะที่เจ้ามีทั้งหมด” เสียงมันเย่อหยิ่ง แต่ภายในจิตใจมันคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ เพื่อดูว่าทักษะที่แท้จริงของคู่ต่อสู้ของมันอยู่ในระดับไหนกันแน่
เมิ่งฮ่าวยิ้มน้อยๆ ออกมา มองไปยังโจวเต๋อคุน จากนั้นก็ส่ายหน้า และตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอากระถางปรุงยาธรรมดา พร้อมกับต้นสมุนไพรบางส่วนออกมา เขาโยนต้นสมุนไพรเข้าไปในกระถางปรุงยา หลังจากนั้นสักพัก เม็ดยาสีเขียวก็ปรากฎขึ้น กระจายกลิ่นหอมของตัวยาอันเข้มข้นออกมา มันเป็นเพียงเม็ดยาธรรมดา แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกที่มุงดูอยู่ตกตะลึงกันไปตามๆ กัน
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเม็ดยาปรากฎขึ้น พวกที่ดูอยู่ก็ไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจมากเท่าใด จริงๆ แล้ว พวกมันบางคนยังได้หัวเราะเยาะเย้ยออกมา สี่ผู้อาวุโสสูงสุดขมวดคิ้ว และหญิงชราก็ถอนหายใจและส่ายหน้า
หานเสวี่ยชานก็ส่ายศีรษะด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้นก็มองมาที่เขา ราวกับว่าเขาพ่ายแพ้แล้ว และนางกำลังจะพยายามปลอบใจเขา
เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มีบางอย่างเหมือนจะไม่ถูกต้อง เม็ดยาสีเขียวนี้ถึงจะดูธรรมดา แต่มันก็กระจายกลิ่นหอมของตัวยาอันเข้มข้นออกมา และจริงๆ แล้ว ก็เป็นเม็ดยาที่มีความเข้มข้นของตัวยาถึงแปดในสิบส่วน สำหรับขั้นพื้นฐานลมปราณ
“นั่นก็คือเม็ดยาของเจ้า? ก็ดี, ข้าจะไม่ทำให้เจ้ายุ่งยาก แต่ตอนนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าเม็ดยาที่แท้จริงคืออะไร!” อันที่จริงโจวเต๋อคุนแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา เต๋าแห่งการปรุงยาของเมิ่งฮ่าวเหนือกว่ามันมากมายนัก ยิ่งไปกว่านั้น เม็ดยาที่เขาปรุงออกมาก็ไม่ได้มีสีสันโดดเด่นสะดุดตา จริงๆ แล้ว ถ้าไม่ได้ถือเม็ดยาอยู่ในมือ โจวเต๋อคุนก็ไม่มีทางบอกได้ว่ามันอยู่ที่ระดับใด สีหน้าของมันนิ่งเรียบและมีท่าทางใจเย็น ขณะที่ตบไปที่ถุงสมบัติหยิบเอากระถางปรุงยาออกมา
กระถางปรุงยาพิเศษนี้สร้างขึ้นมาจากหยก และทันทีที่มันปรากฎขึ้น ก็กระจายพลังลมปราณออกมา เมิ่งฮ่าวมองไปที่มันด้วยความประหลาดใจ จากสิ่งที่เขารู้มาเกี่ยวกับกระถางปรุงยา เพียงมองแค่แวบเดียวก็บอกได้ว่านี่เป็นกระถางที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
พื้นผิวของกระถางปรุงยาหยกนี้ ถูกแกะสลักด้วยรูปสัตว์มงคล ซึ่งไม่ใช่เป็นสิ่งของที่ธรรมดาทั่วไป พวกมันคือภาพศักดิ์สิทธิ์ และเห็นได้ชัดว่าใช้สำหรับการทำหน้าที่ที่พิเศษเฉพาะบางอย่าง
เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวจ้องมองมา ก็ทำให้ความอหังการปรากฎขึ้นบนใบหน้าโจวเต๋อคุน กระถางปรุงยานี้เป็นของกำนัลจากตระกูลหานเสวี่ย และมันก็ค่อนข้างจะพอใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้ว เต๋าแห่งการปรุงยาของมันจะอยู่ในขั้นปานกลางเท่านั้น แต่มันก็ยังคงเชื่อมั่นว่าจะได้รับชัยชนะเนื่องจากกระถางปรุงยาใบนี้ ซึ่งจะทำให้มันมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น ในตอนนี้ อัตราส่วนที่จะทำได้สำเร็จมีอยู่ถึงเก้าในสิบส่วน
กระถางปรุงยาปรากฎขึ้น ตามติดมาด้วยก้อนศิลาเรืองแสงสีแดง หลังจากที่วางกระถางปรุงยาในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว เปลวไฟก็พุ่งขึ้นมาจากก้อนศิลากระจายออกไป จากนั้นโจวเต๋อคุนก็หยิบเอาต้นสมุนไพรบางอย่างออกมา ซึ่งมันทำการเร่งปฏิกิริยาด้วยแง่มุมต่างๆ จากนั้นก็โยนเข้าไปในกระถางปรุงยา
กระถางเริ่มเรืองแสงขึ้น และตัวโจวเต๋อคุนเองก็เริ่มส่องประกายแสงออกมา ทำให้มันดูเหมือนกับเป็นเซียนผู้วิเศษ ดูท่าทางสง่างาม และศักดิ์สิทธิ์ ใครก็ตามที่มองมาก็จะเชื่อมั่นในความยิ่งใหญ่ของมันในทันที
ตอนนี้ มันกระจายกลิ่นอายของเซียนผู้หลุดพ้นออกมาอย่างแท้จริง
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ท่านถูกเรียกว่าโจวต้าซือ เพียงมองแค่แวบแรกก็บอกได้เลยว่า ท่านก็คือเจ้าโอสถ!”
“นี่เป็นครั้งที่สองที่ข้าได้เห็นโจวต้าซือปรุงยา ทุกครั้งที่ได้เห็น ก็ทำให้ข้าตกตะลึง และเต็มไปด้วยความยอมรับนับถือ”
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ พูดคุยกันในสิ่งที่ได้เห็น ดวงตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสอย่างเปิดเผย สี่ผู้อาวุโสสูงสุดมองไปพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ พยักหน้าด้วยความเคารพต่อโจวต้าซือ
สีหน้าแปลกๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ไม่มีใครบอกได้ว่าคืออะไร เขาเพียงแต่มองไปเมื่อเม็ดยาที่โจวเต๋อคุนกำลังปรุงอยู่นั้นดูไม่ธรรมดา และที่พิเศษมากไปกว่านั้นก็คือวิธีที่มันใช้ในการทำให้ร่างกายเรืองแสงออกมา
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมันถึงได้ดีอยู่ในที่แห่งนี้” เมิ่งฮ่าวคิด “วิธีเช่นนั้นจริงๆ แล้วก็มีประโยชน์มาก ถ้าข้าจำไม่ผิด มันไม่อาจจะทำเช่นนี้ได้ตอนที่อยู่ในดินแดนด้านใต้ มันคงได้วิธีการนี้มาจากดินแดนสีดำอย่างแน่นอน”
เสียงพูดคุยดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่โจวเต๋อคุน ซึ่งมีดวงตาสาดประกายเจิดจ้า ตบไปที่กระถางปรุงยา ลำแสงเจิดจ้าพุ่งออกมา ตามติดมาด้วยเม็ดยาสีขาว
ทันใดนั้น กลิ่นหอมของตัวยาอันเข้มข้นกระจายออกไปทั่วทุกทิศทางในรัศมีเกือบสิบจ้าง ทุกคนที่ได้กลิ่นก็จะรู้สึกคึกคักขึ้นมาในทันที และรู้สึกว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันกำลังทะยานขึ้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ผู้คนพรั่งพรูเสียงพูดออกมาอย่างต่อเนื่อง
“นั่นก็คือเม็ดยา! เจ้าไม่ต้องแม้แต่จะกลืนมันลงไป ก็รู้สึกได้ว่าพื้นฐานฝึกตนกำลังกระโดดขึ้นไป! เม็ดยานั้นช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”
“มันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อันที่จริงมันยังมีพลังมากกว่า เม็ดยาล่าสุดที่โจวต้าซือได้ปรุงขึ้นมาซะอีก ฮา ฮา ฮา ดูเหมือนว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของโจวต้าซือจะดีกว่าก่อนหน้านี้”
แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็กำลังยิ้มออกมาและพยักหน้าให้ ยกเว้นหญิงชรานางนั้น
เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างมองไปยังโจวเต๋อคุนที่อิ่มเอมใจอย่างเปิดเผย หลังจากเวลานานผ่านไป เขาก็ยิ้มอย่างแห้งแล้งออกมา ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมพวกที่ดูอยู่ถึงได้มองมาที่เขาด้วยสีหน้าดูถูกเยาะเย้ยเช่นนั้น เม็ดยาของโจวเต๋อคุนมักจะไม่ธรรมดา นอกจากนี้ มันก็เป็นเจ้าแห่งเตา แต่การเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย ในการตบไปที่กระถางปรุงยา ก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ แต่จริงๆ แล้วก็ทำให้แก่นแท้ของเม็ดยาเริ่มกระจายออกมา
หลังจากที่เม็ดยาปรากฎขึ้น มันก็จะเจือจางลงไปตามธรรมชาติ เหลือความเข้มข้นของตัวยาอยู่ไม่ถึงครึ่ง ส่วนที่เหลือกระจายออกไปในอากาศ
ความเข้มข้นของกลิ่นหอมของตัวยา ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงพลัง และรู้สึกว่าพื้นฐานฝึกตนพุ่งทะยานขึ้นไปเล็กน้อย สำหรับพวกมัน เป็นการบ่งชี้ว่าเม็ดยานี้มีคุณภาพสูง แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ฝึกตนในดินแดนสีดำ มีความเข้าใจในเต๋าแห่งการปรุงยาน้อยมาก
ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็เริ่มเข้าใจว่า เมื่อต้องติดต่อกับผู้คนที่ไม่เข้าใจในเต๋าแห่งการปรุงยา ก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังตระหนักอีกว่า เขาได้มีความก้าวหน้าในเต๋าแห่งการปรุงยาโดยไม่รู้ตัว เม็ดยาของเขาไม่ได้ดูสีสันฉูดฉาดอีกต่อไป แต่ดูค่อนข้างราบเรียบ นี่เป็นขอบเขตที่เกินกว่านักปรุงยาธรรมดาทั่วไปจะเข้าใจได้ อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนธรรมดาเหล่านี้จะสัมผัสได้
เขาเก็บเม็ดยาสีเขียวไว้ มองไปยังโจวเต๋อคุนที่ส่องแสงสว่างจ้า และได้ยินเสียงพูดคุยอย่างตื่นเต้นของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ เขาเริ่มหัวเราะออกมา
ในตอนนี้เองที่เสียงของผู้อาวุโสอันดับสองแห่งตระกูลหานเสวี่ยดังขึ้น
“โจวต้าซือ, ไม่จำเป็นต้องสั่งสอนผู้ที่เรียกตัวเองว่า ฟางมู่ นี้อีกต่อไป” มันกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้อตกลงใดๆ ที่ทำขึ้นก่อนหน้านี้กับผู้ฝึกตนอ่อนหัดนี้เป็นโมฆะไปแล้วในตอนนี้” มันมองมายังเมิ่งฮ่าว “เนื่องจากความเมตตาที่เจ้าแสดงออกมาในการช่วยชีวิตหานเสวี่ยชาน พวกเราจะไม่สนใจเล่ห์กลที่เจ้าแสดงออกมาเมื่อครู่นี้” ก่อนที่เสียงของมันจะเงียบลงไป เสียงหัวเราะเสียดแทงแก้วหูก็ดังก้องไปทั่วทั้งเมืองในทันที
“นี่เป็นนักปรุงยาของตระกูลหานเสวี่ยของพวกเจ้า? ช่างเป็นเจ้าโอสถที่น่ามหัศจรรย์ใจยิ่ง ยังเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าตานกุ่ยอีก! แต่ก็ทำให้ทุกคนต้องหัวเราะเยาะเจ้า”
ลำแสงหลากสีสามสายทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้นในท้องฟ้า ส่งผลให้ระลอกคลื่นกระจายออก ขณะที่พวกมันบินลงมา
สามคนปรากฎขึ้น และดูเหมือนพวกมันเพิ่งจะกระแทกเข้าไปในเวทเกราะป้องกันของเมืองเซิ่งเสวี่ย ทำให้เกราะป้องกันเปิดขึ้นในทันที เมื่อสี่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลหานเสวี่ยมองเห็นบุคคลทั้งสาม สีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไปในทันที