ไม่กี่วันหลังจากนั้น…
บนภูเขาตรงกลางที่รายล้อมเผ่าอูต๋า มีบ้านที่ดูสวยงามเรียงกันเป็นแถวอยู่ ถึงแม้มันจะถูกสร้างขึ้นมาจากเนื้อไม้ แต่ก็เป็นไม้ที่มาจากต้นไม้วิญญาณที่อยู่ในป่ารอบๆ บริเวณนั้น ซึ่งได้เติบโตมาหลายร้อยปี ในที่สุดพวกมันก็เติบใหญ่ขึ้นมาจากพลังลมปราณ และเมื่อพวกมันถูกนำมาสร้างเป็นบ้าน ก็มีประโยชน์บ้างเล็กน้อยในการช่วยฝึกฝนพลังฝึกตน
ผู้คนที่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านเหล่านี้ได้ ต้องเป็นทายาทของสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่ของเผ่าเท่านั้น
นี่ แน่นอนว่าเป็นบ้านของอูเฉิน ในตอนนี้ มันกำลังขว้างขวดเครื่องเคลือบลงไปบนพื้นอย่างมีโทสะ เมื่อขวดเครื่องเคลือบแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ เสียงโกรธแค้นของอูเฉินก็ดังก้องออกไปทั่วบ้าน
“อูอาหลี่ เจ้ามันมากเกินไปแล้ว!” เส้นผมอูเฉินยุ่งเหยิง ดวงตาเปล่งประกายความคลุ้มคลั่ง ร่างกายสั่นสะท้าน รังสีสังหารไหลซึมออกมา มันกระแทกหมัดเข้าไปยังผนังไม้ที่ด้านข้าง ทำให้บ้านทั้งหลังสั่นสะเทือน ระลอกคลื่นของพลังปราณปรากฎขึ้น ต้านทานพลังพื้นฐานฝึกตนของมันไว้ และยังได้ย้อนกลับไปที่มัน ทำให้ตอนนี้มือของอูเฉินได้รับบาดเจ็บและโลหิตก็ไหลซึมออกมา
โดยไม่สนใจถึงโลหิต มันกำหมัดแน่นและระบายโทสะต่อไป “เหรียญภาพศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นรางวัลที่บิดาข้าได้มาเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากท่านได้ทำงานให้กับเผ่า ทำไมพวกมันถึงได้นำไปให้มันในตอนนี้!?”
แม้ในขณะที่มันกำลังระบายโทสะออกมา แต่จิตใจมันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจจะช่วยเหลือตัวเองได้ รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฎขึ้นบนใบหน้า ขณะที่มองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่ด้านนอก เท่าที่มันรับรู้ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ต่างก็เต็มไปด้วยความมืดมิด
ในตอนนี้เองที่ประตูหน้าบ้านเปิดออก แสงแดดสาดส่องเข้ามา แทงเข้าไปในตามัน หญิงสาวเดินเข้ามา เป็นใครบางคนที่คุ้นเคยกับอูเฉิน
“พี่…” มันกล่าว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เป็นหญิงสาวที่สูงโปร่ง และมีเส้นผมสีดำที่ยาวเงางาม นางสวมใส่เสื้อผ้าที่เน้นการใช้ประโยชน์เป็นสำคัญ แต่ก็ยากที่จะปกปิดความงดงามตามธรรมชาติของนางไว้ได้ อย่างไรก็ตาม คิ้วที่ขมวดอยู่เสมอของนางก็ทำให้ดูเหมือนว่านางเป็นคนที่คิดมาก
“ข้าได้จัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเจ้าเรียบร้อยแล้ว” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าและอูอาหลี่จะแข่งขันสัตว์ปีศาจกันตัวต่อตัวอย่างยุติธรรม ใครที่ชนะก็จะได้รับเหรียญภาพศักดิ์สิทธิ์นั้นไป”
นางมองลงไปยังเศษชิ้นส่วนของขวดเครื่องเคลือบบนพื้น จากนั้นก็มองกลับไปยังอูเฉิน
“ทำไม?!?!” อูเฉินร้องตะโกนออกมา ดวงตาแดงก่ำ “นั่นเป็นเหรียญที่มอบให้กับท่านพ่อ เพื่อยกย่องความดีของท่าน!” สีหน้ามันเต็มไปด้วยความดุร้าย ความไม่พอใจในเผ่าอูต๋าของมันไม่อาจจะมากไปกว่านี้อีกแล้ว จากหลายปีที่ผ่านมานี้ มันได้ทำตามคำขอของพี่สาวทุกสิ่งทุกอย่าง มันได้อดทนมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ แม้แต่เหรียญภาพศักดิ์สิทธิ์ของบิดามัน ก็ยังถูกเอาไป มันรู้ถึงคุณค่าอย่างแท้จริงของเหรียญภาพศักดิ์สิทธิ์นี้ ซึ่งช่วยให้การผนึกภาพศักดิ์สิทธิ์ทำได้ง่ายขึ้น จริงๆ แล้ว มันเป็นของวิเศษอันล้ำค่า ซึ่งสามารถส่งผ่านพลังมรดกบางอย่างจากบรรพบุรุษมาได้
เมื่อได้เห็นอูเฉินตีโยตีพายเช่นนั้น พี่สาวของมันก็กล่าวปลอบโยนว่า “เรื่องราวทั้งหมดถูกกำหนดขึ้นโดยหัวหน้าเผ่า ดังนั้นเจ้าต้องปฏิบัติตาม ฟังนะ, ข้ากำลังจะไปหาท่านผู้เฒ่าสุ่ยมู่ ที่เป็นซือหลงระดับสาม ข้าจะไปซื้อสัตว์ปีศาจระดับสองให้กับเจ้า จึงจะทำให้การแข่งขันครั้งนี้ยุติธรรม”
“สัตว์ปีศาจของอูอาหลี่เป็นค้างคาวบินระดับสอง มันถูกเลี้ยงมาโดยซือหลงระดับห้า สัตว์ปีศาจระดับสองทั่วไปไม่อาจจะต่อสู้กับมันได้! การแข่งขันสัตว์ปีศาจ…ที่ ‘ยุติธรรม’ เช่นนี้กำลังจะเกิดขึ้น!” อูเฉินรู้สึกราวกับว่ามันไม่อาจจะยอมรับได้ ในตอนนี้เองที่เกิดความคิดแวบขึ้นราวกับสายฟ้าได้ฟาดลงไปในจิตใจ
“การแข่งขันสัตว์ปีศาจ…สัตว์ปีศาจ…สุนัขป่าชิงมู่!” ดวงตามันจู่ๆ ก็เต็มไปด้วยแสงอันเข้มข้น ราวกับว่าฉับพลันนั้นมันก็โผล่ขึ้นมาจากหลุมแห่งความสิ้นหวังที่ลึกที่สุด
“ถ้าข้าไปขอร้องกับผู้อาวุโส บางทีท่านอาจจะช่วยข้า” มันคิด “เจ้าอูอาหลี่ที่เล็กน้อยนั่นต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน! ข้าก็จะได้รับเหรียญภาพศักดิ์สิทธิ์กลับมาเป็นของข้าโดยชอบธรรม และชื่อเสียงของข้าก็จะโด่งดังไปทั่ว” อูเฉินเริ่มหอบหายใจ และแสงในดวงตาก็เริ่มเจิดจ้ามากขึ้น เต็มไปด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม มันลุกขึ้นยืนและจากไป ด้วยความตั้งใจจะไปหาบุรุษลี้ลับที่มันรู้สึกว่าลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นบุคคลที่มันคิดว่าเป็นผู้เก่งกล้ารุ่นอาวุโส, เมิ่งฮ่าว
พี่สาวอูเฉินขมวดคิ้ว ขณะที่นางมองเห็นมันเดินออกไป นางไม่กล่าวอะไรเพื่อรั้งมันไว้ แต่ติดตามไปด้านหลังแทน
อูเฉินไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่สนใจว่าพี่สาวกำลังเดินตามมันมา มันเร่งความเร็วลงไปจากภูเขา ตรงไปยังเขตเลี้ยงสัตว์ปีศาจ ขณะที่มันมองไปยังลานบ้านที่เรียงกันเป็นแถว และได้กลิ่นแปลกๆ อบอวลอยู่ในอากาศ จิตใจมันก็เต็มไปด้วยความกังวลถึงผลได้ผลเสียที่จะได้รับกลับมา
ไม่นานมันก็มาถึงลานบ้านของเมิ่งฮ่าว มันยืนอยู่ด้านนอก พี่สาวที่งดงามอยู่ด้านหลังมัน กำลังขมวดคิ้วอยู่ พี่สาวของมันไม่เข้าใจว่าทำไมอูเฉินถึงจู่ๆ ก็วิ่งมาที่นี่ ในทันทีที่นางพูดถึงสัตว์ปีศาจ
“อูเฉิน…” นางกล่าวเสียงอ่อนโยน
มันไม่สนใจนางโดยสิ้นเชิง ขณะที่มองไปยังประตูลานบ้านที่ปิดอยู่ กัดฟันแน่น มันก้าวเท้าตรงไป และทำสีหน้าที่แสดงถึงเคารพนับถือมากที่สุด ประสานมือและโค้งตัวลง ไม่ได้เปิดประตูออก
“อูเฉินมาคารวะ, ท่านผู้อาวุโส” มันกล่าว
มันส่งเสียงดังก้องออกไป ดวงตาพี่สาวมันหดเล็กลงในทันที นางรู้จักน้องชายของนางดี และคุ้นเคยกับท่าทีก้าวร้าวที่มันมักจะแสดงออกมาเนื่องจากมันรู้สึกไม่พอใจ มีน้อยคนนักที่มันจะปฏิบัติด้วยความสุภาพเช่นนี้
นางไม่เคยเห็นมันกระทำด้วยความนอบน้อมเช่นนี้มานานแล้ว อันที่จริง…นางมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ความนับถือที่มันแสดงออกมาในตอนนี้ ไม่ใช่การแสดง แต่ออกมาจากส่วนลึกของจิตใจมัน
“สถานที่แห่งนี้…” นางมองไปยังประตูที่ปิดอยู่และลานบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วน
เวลานานเผ่านไป อูเฉินกัดฟันแน่นและพูดเสียงดังต่อไป “ผู้เยาว์อูเฉินขอแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส, ผู้อาวุโส ข้าขอเข้าพบด้วย” เสียงของมันดังก้องออกไป สร้างความสนใจให้กับผู้เลี้ยงสัตว์ปีศาจที่อยู่บริเวณใกล้เคียง บางคนก็เปิดประตูลานบ้านของพวกมันออกมามอง
เมื่อพวกมันมองเห็นอูเฉินและพี่สาวที่งดงามของมัน ใช้เวลาไม่นานก็คิดได้ว่าพวกมันเป็นใคร
พี่สาวอูเฉินรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่เล็กน้อย จากมุมมองของนาง อูเฉินเป็นทายาทของสามโลหิตที่ยิ่งใหญ่ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงความนับถือเช่นนั้น ต่อบริวารที่ไม่ใช่แม้แต่จะเป็นคนของชนเผ่า แต่อูเฉินก็ยังโค้งตัวลงไปเป็นครั้งที่สองเพื่อคารวะเจ้าของลานบ้านนี้ นางขมวดคิ้วและส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชาออกมา นางกำลังจะผลักประตูให้เปิดออก เพื่อดูว่าผู้ฝึกตนนี้มีทักษะความสามารถระดับไหน ถึงทำให้น้องชายนางแสดงความสุภาพเช่นนี้ได้
แต่ทันทีที่นางก้าวเท้าตรงไป น้องชายของนางก็ขยับตัวมาขวางกั้นไว้ ด้วยสีหน้าวิงวอนขอร้อง
เมื่อนางเห็นสีหน้าของมัน จิตใจก็อ่อนโยนลง พร้อมกับการแอบถอนหายใจอยู่ภายใน นางถอยไปด้านหลัง ลึกลงไปในจิตใจ นางรู้สึกหงุดหงิดต่อบุคคลที่อยู่ในลานบ้านนี้เพิ่มมากขึ้น
มีผู้ฝึกตนมองมาที่พวกมันมากขึ้นในตอนนี้ และบางคนก็กำลังพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ด้วยเสียงแผ่วเบา
“นั่นเป็นทายาทของสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับคนทั้งสอง ทำไมพวกมันถึงได้มาแสดงความเคารพต่อผู้เลี้ยงสัตว์ปีศาจอันกระจ้อยร่อยนี้ได้?”
“ถ้าพวกมันจะไปแสดงความเคารพต่อใคร ก็ควรจะเป็นท่านผู้เฒ่าสุ่ยมู่ ผู้ฝึกตนในลานบ้านนั้นมีแซ่ว่าเมิ่ง และมันก็ไม่มีอะไรแปลกพิเศษเท่าใดนัก”
“บางทีผู้เฒ่าสุ่ยมู่อาจจะไม่ใจดีเหมือนที่เห็น และปฏิเสธเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ปีศาจ ดังนั้น พวกมันจึงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องลดมาตรฐานของตัวเองให้ต่ำลง แม้จะเป็นเช่นนั้น ทำไมพวกมันถึงได้เลือกผู้เลี้ยงสัตว์ปีศาจที่ไม่มีชื่อเสียงผู้นี้?”
อูเฉินและพี่สาว ได้ยินสิ่งที่ผู้คนกำลังพูดถึง สำหรับอูเฉิน มันไม่ได้เปลี่ยนใจไป แต่พี่สาวของมันมีท่าทางเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
นางได้พยายามอดทนมากที่สุด เท่าที่นางจะสามารถทำได้ ในขณะที่ประตูลานบ้านค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างไร้เสียง จากภายใน ได้ยินเสียงที่มีความยินดีกล่าวว่า “เข้ามา”
อูเฉินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที มันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย โค้งตัวลงอีกครั้ง เดินเข้าไปในลานบ้านอย่างระมัดระวัง พี่สาวมันติดตามเข้าไป ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เมิ่งฮ่าวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ห้อมล้อมด้วยฝูงสุนัขป่าชิงมู่ที่นอนหลับอยู่ห้าตัว
เมื่อนางมองเห็นสุนัขป่า ดวงตาพี่สาวอูเฉินก็เบิกกว้าง นอกจากอีกตัวหนึ่งแล้ว ก็ดูเหมือนว่าสุนัขป่าทั้งกลุ่มนี้เป็นสัตว์ปีศาจระดับสองเท่านั้น ตอนนี้ นางเข้าใจแล้วว่าทำไมน้องชายถึงได้แสดงท่าทีนอบน้อมเช่นนั้น
“แต่ก็มีผู้ฝึกตนมากมายในทะเลทรายตะวันตก ที่มีความสามารถในการเลี้ยงสัตว์ปีศาจ” นางคิด “อูเฉินเคยพบเห็นมาไม่มากนัก ดังนั้นมันจึงเข้าใจผิดคิดว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา ข้าอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะหลอกลวงอูเฉินเช่นไร” ดวงตานางสาดประกายด้วยความเย็นเยียบ และจิตใจนางก็แค่นเสียงอันเย็นชาออกมา
ทันทีที่มันเข้าไปในลานบ้าน อูเฉินก็คุกเข่าลง “ผู้อาวุโส, ข้าขอร้องให้ช่วยข้าด้วย…”
นี่ทำให้พี่สาวมันขมวดคิ้วลึกลงไปมากกว่าเดิม
เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น มองไปยังอูเฉินและพี่สาวของมัน รับรู้ได้ถึงความเป็นปฏิปักษ์อย่างที่แทบจะมองไม่เห็น เขาไม่สนใจนาง เพ่งมองไปยังอูเฉิน
“เจ้าไม่อาจจะควบคุมสุนัขป่าชิงมู่เหล่านี้ได้จริงๆ” เขากล่าวเสียงเยือกเย็น
“ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อร้องขอควบคุมสุนัขป่าชิงมู่” มันกล่าว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจและวิงวอนขอร้อง “ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน อูอาหลี่ อันธพาลมากเกินไป ข้าต้องเข้าแข่งขันสัตว์ปีศาจตัวต่อตัวกับมัน แต่ข้าก็ไม่มีสัตว์ปีศาจที่สามารถต่อสู้กับมันได้ ผู้อาวุโส ได้โปรดช่วยข้าด้วย! ข้าขอให้ท่านช่วยอยู่ข้างข้าในฐานะซือหลง ข้าจะทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ แม้แต่ชีวิตข้าก็ให้ท่านได้!!”
“อูเฉิน, ลุกขึ้นมา!” พี่สาวมันกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
อูเฉินไม่สนใจนาง และจ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าวต่อไป ด้วยแววตาอ้อนวอนขอร้อง
เมิ่งฮ่าวมองไปที่มันเงียบๆ สักพัก ดวงตาสาดประกาย
“ข้าต้องการวิชาตราประทับภาพศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอูต๋า” เขากล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พี่สาวอูเฉินก็กล่าวขึ้นในทันที “เป็นไปไม่ได้! เจ้าเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้! การร้องขอเช่นนี้มันบ้าไปแล้ว!” รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์สองภาพบนร่างนางส่องประกายขึ้นมา บงชี้ให้เห็นว่าพื้นฐานฝึกตนของนางอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจนาง มองไปยังอูเฉินรอให้มันกล่าวตอบต่อไป
อูเฉินลังเลอยู่ชั่วขณะ วิชาตราประทับภาพศักดิ์สิทธิ์เป็นเวทลับของชนเผ่า เป็นเรื่องผิดปกติสำหรับผู้รับใช้ที่จะเรียกร้องเช่นนี้ เนื่องจากกฎระเบียบประเพณี อูเฉินไม่อาจจะเปิดเผยวิชานี้ให้กับบุคคลภายนอกได้ เว้นแต่ว่ามันต้องการ วิชานี้ไม่อาจจะดึงออกมาจากมันแม้แต่จะใช้วิชาควาญหาวิญญาณก็ตามที กลุ่มคนชั้นสูงของเผ่าทุกคนได้รับพรจากภาพศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถูกประทับอยู่ในจิตวิญญาณส่วนลึกของพวกมัน
แต่เมื่อมันพิจารณาไปถึงความอยุติธรรมทั้งหลายที่มันได้พบเห็นจากหลายปีที่ผ่านมา อูเฉินก็กัดฟันแน่น ความบ้าคลั่งเต็มอยู่บนใบหน้า