ทั่วทั้งเมืองเริ่มยุบตัวลง ผู้คนมากมายถูกดูดลงไป พวกมันต้องการจะบินหนีไป แต่ทันใดนั้นก็พบว่าพื้นฐานฝึกตนของพวกมันไม่อาจจะโคจรหมุนเวียนได้ ราวกับว่าพื้นฐานฝึกตนนั้นไม่เคยมีอยู่มาก่อน
ในตอนนี้ มือเมิ่งฮ่าวกำแน่นอยู่รอบๆ เครื่องรางนำโชค ยังคงต้องรอเวลาช่วงสูดลมหายใจเข้าออกมากกว่าสิบครั้งเพื่อกระตุ้นให้มันทำงาน และเครื่องรางก็กำลังส่องแสงเจิดจ้าขึ้น แต่จากนั้นเสียงเก่าแก่โบราณก็ถูกส่งเข้ามาในหูของเขา
“เปิดจิตใจของเจ้าออก และเชื่อมต่อเข้ากับต้นป้อมปราการหนาม ข้าใกล้จะตายไปแล้ว แต่ยังสามารถให้โชคที่น่ามหัศจรรย์แก่เจ้าได้อีกเล็กน้อย คิดเสียว่านี่เป็นคำขอบคุณจากข้า สำหรับความเมตตาที่เจ้าช่วยปกป้องสายโลหิตแห่งตระกูลข้าเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้”
เสียงที่เก่าแก่โบราณอ่อนแอนี้ เป็นเสียงเดียวกับที่ได้บอกเมิ่งฮ่าวถึงวิธีควบคุมป้อมปราการหนามในครั้งก่อน เมิ่งฮ่าวรู้ดีว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่กระนั้นเขาก็ยังคงลังเลใจ
ด้วยเครื่องรางนำโชค เขามีความเชื่อมั่นว่าต้องสามารถออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดภัยเป็นแน่ ถ้าเขาเชื่อฟังเสียงโบราณนี้ เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้พิสดารขั้นตัดวิญญาณ ไม่ว่าเขาจะระมัดระวังตัวหรือกระทำด้วยความรอบคอบอย่างไร ก็ยังคงเต็มไปด้วยสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างมาก
“ไม่มีเวลาแล้ว” เสียงนั้นกล่าวต่อไป “ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่รอจนนานเช่นนี้ เจ้ากำลังลังเลเรื่องอันใด เด็กน้อย? เจ้าคิดว่าเครื่องรางนำโชคโบราณนี้จะช่วยให้เจ้าหลบหนีไปจากผู้ฝึกตนตัดวิญญาณได้จริงๆ?!”
“ความโชคดีอะไรที่ท่านตั้งใจจะให้ข้า, ผู้อาวุโส?” เมิ่งฮ่าวส่งข้อความไป ดวงตาสาดประกาย พลังอันเข้มข้นทันใดนั้นก็กระจายขึ้นมาจากด้านล่าง ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงแผดร้องแหลมเล็กก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ เมิ่งฮ่าวไม่จำเป็นต้องมองลงไป เขาก็รู้ว่าเมืองนี้กำลังจมลงไปอย่างรวดเร็วในหลุมสวรรค์
พื้นฐานฝึกตนทั่วทั้งบริเวณนี้กำลังถูกจำกัดไว้ แต่แกนสีทองสมบูรณ์ของเมิ่งฮ่าวไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น เขายังคงสามารถหลบหนีไปได้ถ้าเขาปรารถนาจะทำเช่นนั้น
“ข้ากำลังจะส่งมอบความรู้แจ้งขั้นตัดวิญญาณของข้าให้แก่เจ้า มันจะช่วยเปิดประตูให้เจ้าในอนาคตเมื่อเจ้าบรรลุขั้นตัดวิญญาณ และมันยังช่วยสร้างความหวังให้กับคนในตระกูลของข้าด้วยเช่นกัน…”
เสียงกระหึ่มกึกก้องขนาดใหญ่ดังสอดแทรกเสียงโบราณนั้น เมืองเซิ่งเสวี่ยในตอนนี้ ถูกทำลายลงไปโดยหลุมสวรรค์ เมืองจมลงไปในพื้นดินมากกว่าครึ่ง ห่างออกไปไม่ไกลนัก ในพื้นที่ซึ่งเมืองกำลังพังทลายลงไป เมิ่งฮ่าวมองเห็นเหวลึกสีดำสนิท กระจายกลุ่มควันอันน่ากลัวออกมา ซึ่งจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีดำขณะที่มันหมุนวนไปรอบๆ
ในเวลานี้เองที่เครื่องรางนำโชคของเขาได้เตรียมการเสร็จสิ้น โดยไม่ลังเล เขากดมือลงไปเพื่อกระตุ้นให้มันทำงาน ในตอนนี้เองที่สีหน้าเขาสลดลงในทันที
เครื่องรางนำโชคไม่ทำงาน!
เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่เมืองส่วนที่เหลือเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียงแผดร้องโหยหวนดังเต็มอยู่ในอากาศ เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ว่าแรงดึงดูดจากด้านในหลุมขนาดใหญ่เริ่มรุนแรงมากขึ้น เส้นใยปราณสีดำมากมายนับไม่ถ้วนกำลังพยายามฉุดลากเขาเข้าไปในหลุมนั้น
ในช่วงวิกฤตนี้ ความมุ่งมั่นก็เต็มอยู่ในดวงตา
“ผู้เยาว์ตกลง!” ทันทีที่เขากล่าวคำพูดออกมา ก็เปิดจิตใจออก ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ส่งจิตสัมผัสไปติดต่อกับเศษชิ้นส่วนของต้นป้อมปราการหนาม ซึ่งยังคงมีอยู่ภายในเมือง
ทันทีที่จิตสัมผัสเขาสัมผัสกับต้นป้อมปราการหนาม เงาร่างผอมแห้งที่นั่งขัดสมาธิอย่างปลอดภัยในห้องลับใต้ดิน ก็ร่ายเวทอาคมขึ้นในทันที ทำให้เครื่องหมายผนึกปรากฎขึ้น
ทันทีที่เครื่องหมายผนึกปรากฎ เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ว่าต้นหนามที่มีอยู่ภายในเมืองที่กำลังพังทลายลงนี้กำลังขยายตัวออกไป พวกมันยืดขยายลงไปจนถึงแท่นบูชาในห้องลับใต้ดิน ซึ่งกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่ ขณะที่พวกมันยืดขยายลงไป พวกมันก็แตกกิ่งก้านออกไปจนมีต้นหนามมากยิ่งขึ้น มุ่งหน้าตรงไปยังชายชราที่ผอมแห้งคล้ายซากศพ ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่นั่นโดยที่ไม่มีใครรู้ว่านานเท่าใดมาแล้ว
พวกมันแทงทะลุเข้าไปในร่างมัน ทันใดนั้นก็สร้างการเชื่อมต่อระหว่างมันและเมิ่งฮ่าวขึ้น จู่ๆ คนทั้งสองก็ร่วมใช้ร่างเดียวกัน!
พลังอันแข็งแกร่งจนไม่อาจจะพูดออกมาได้ ระเบิดออกมาภายในจิตใจเมิ่งฮ่าว
เสียงระเบิดดังก้องเต็มอยู่ในจิตใจ หลอดเลือดโป่งพองไปทั่วร่าง ใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เขาเริ่มสั่นสะท้าน และรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ความเจ็บปวดเสียดแทงเข้าไปในจิตวิญญาณ และรู้สึกราวกับว่าจิตสัมผัสกำลังจะแตกกระจายไป!
กลิ่นอายอันทรงพลังเข้มข้น ทันใดนั้น ก็พุ่งขึ้นมาภายในร่าง
กลิ่นอายนี้ไม่ใช่สร้างแกนลมปราณ หรือวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่เป็น…ตัดวิญญาณ!!
ทันทีที่กลิ่นอายนี้ระเบิดออก จิตใจเมิ่งฮ่าวก็หมุนคว้างไปมา และเขาก็ได้ยินเสียงคำราม
“ข้าคือปรมาจารย์แห่งตระกูลหานเสวี่ย ข้าได้รับความรู้แจ้งแห่งเต๋า ในช่วงความวุ่นวายครั้งใหญ่ และทำการตัดวิญญาณครั้งแรกเมื่อหนึ่งพันปีก่อน!”
ขณะที่เสียงดังก้องออกไปในจิตใจเมิ่งฮ่าว ก็ปรากฎภาพขึ้นมา ภายในภาพนั้น เมิ่งฮ่าวมองเห็นความวุ่นวายนั้นยืดขยายออกไปไกลเท่าที่สายตาเขาจะมองเห็นได้ พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินจนไปถึงสวรรค์ สายฟ้าฟาดลงมาทั่วทุกแห่งหน ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน นี่เป็นความวุ่นวายที่สามารถเชือดเฉือนผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งให้กลายเป็นชิ้นๆ แต่ในท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมดนี้ มีเงาร่างที่มีกลิ่นอายของความสามารถอันยิ่งใหญ่ออกมา
มันเป็นบุรุษวัยกลางคน ร่างสูงใหญ่ สวมใส่ชุดยาว เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า ขณะที่ส่งเสียงแผดร้องอันทรงพลังออกมา
“ลูกหลานของตระกูล จดจำข้าไว้! ข้าคือหานเสวี่ยเป้า ปรมาจารย์รุ่นที่หกของตระกูลหานเสวี่ย สำหรับการตัดครั้งแรกของข้า ข้าตัดความรักของครอบครัวทิ้งไป แต่ข้าก็ไม่ได้ตัดความรักที่มีต่อตระกูลไป! ตัดความรักและแทนที่มันด้วยเต๋า เมื่อตัดวิญญาณครั้งแรกสำเร็จ ก็ทำให้เกิดความวุ่นวายไปครึ่งสวรรค์!”
ภาพนั้นจางหายไป ปล่อยให้จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง รอบๆ ตัวเขา สายลมทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้น สายลมส่งเสียงกรีดร้องออกมาจากภายในของหลุมยักษ์ที่อยู่ในพื้นดิน เมืองในตอนนี้ไม่ได้พังทลายลงอีกต่อไป และผู้ฝึกตนก็ไม่ได้แผดร้องออกมาอีก กระแสน้ำวนในหลุมสวรรค์ทันใดนั้นก็เงียบสงบลง สายลมส่งเสียงหวีดหวิวเต็มอยู่ในหลุม ผลักดันให้เมืองที่กำลังพังทลายลงกลับขึ้นมาจากภายในหลุมนั้น
สายลมในตอนนี้ปั่นป่วนวุ่นวาย กวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างไป และเสียงกระหึ่มกึกก้องแปลกประหลาดก็เต็มอยู่ในอากาศ สายลมดูเหมือนจะสามารถบดขยี้สิ่งที่กีดขวางใดๆ ได้ ท้องฟ้าเปลี่ยนสี และพื้นดินก็สั่นสะเทือน
สัตว์อสูรที่กระจัดกระจายออกไปทั่วพื้นดิน ส่งเสียงแผดร้องโหยหวนออกมา และลงไปนอนคว่ำอยู่ที่พื้น ตัวสั่นสะท้าน ผู้ฝึกตนจากโม่ถู่กง กระอักโลหิตออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกเต็มไปด้วยความตกตะลึง ขณะที่หลัวชงและกลุ่มคนของมัน มีสีหน้าเปลี่ยนไป และเริ่มหอบหายใจขณะที่มองไปยังความปั่นป่วนวุ่นวายที่บิดเบี้ยวไปมารอบๆ เมืองเซิ่งเสวี่ย
ในทางกลับกัน ผู้ฝึกตนตัดวิญญาณในชุดดำ ที่อยู่บนท้องฟ้ากำลังส่งเสียงหัวเราะ ขณะที่เสียงหัวเราะของมันกระจายออกไป แสงสีดำอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็กระจายออกมาจากดวงตาของมัน ในตอนนี้ ก็ดูราวกับว่ามันเป็นดวงตะวันสีดำอย่างแท้จริง
“เจตจำนงตัดวิญญาณ! ปรมาจารย์หานเสวี่ยเป้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะแสดงความกล้าหาญและพลังออกมาในตอนที่ใกล้จะตายไป! ท่านย้ายเจตจำนงตัดวิญญาณเข้าไปประทับอยู่ในตัวผู้ฝึกตนที่ไม่แม้แต่จะเป็นคนของตระกูลหานเสวี่ย! ช่างน่าเศร้านัก! ท่านตัดความรักในการตัดครั้งแรก แต่เมื่อบุตรชายทรยศท่าน ท่านก็แสดงความเอาใจใส่ออกมา และไม่สังหารมันไป! ท่านต่อต้านเต๋าของตัวเอง และทำลายตัวเองไป!”
“เมื่อคนในตระกูลของท่านไม่อาจยอมรับทายาทแห่งเจตจำนงตัดวิญญาณของท่านได้ ก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นความโชคดีสำหรับคนรุ่นเยาว์ผู้นี้ แต่โชคร้าย สุดท้ายความโชคดีนั้นก็ไม่ได้เป็นของมัน ตราประทับนี้ซึ่งประกอบไปด้วยความสำเร็จของต้าซือหลงแห่งตระกูลหานเสวี่ย ก็จะตกเป็นของข้า! มีเพียงคนที่ทรงพลังเช่นข้าเท่านั้น ที่จะสามารถเชื่อมต่อเข้ากันได้มากกว่าสามชั่วคน อย่างมากที่สุด เจ้าเด็กผู้นี้ก็สามารถเชื่อมต่อได้แค่หนึ่งรุ่น ถ้ามากไปกว่านั้นมันก็จะตกตายไปในทันที!”
“ศิษย์ข้า, พ่นโลหิตของเจ้าออกมา! มองดูขณะที่อาจารย์จะกำจัดญาติให้เจ้า เต๋าของเจ้าก็จะสมบูรณ์ และวันที่เจ้าจะบรรลุขั้นตัดวิญญาณก็จะมาถึงในที่สุด!” ผู้ฝึกตนชุดดำหัวเราะเสียงดังออกมา ข้างกายมัน หานเสวี่ยจ้งมีสีหน้าซับซ้อน แต่ด้วยการไม่พูดจาแม้แต่คำเดียว มันตบไปที่หน้าอกและพ่นโลหิตออกมา
ทันทีที่โลหิตพุ่งออกมาจากปาก ผู้ฝึกตนชุดดำก็คว้าจับโลหิตนั้นไว้ กำไว้ในมือ จากนั้นก็ก่อตัวเป็นภาพของวัยรุ่นสีโลหิต ที่มีสีหน้าหวาดกลัว และวิตกกังวล
ซึ่งดูคล้ายคลึงกับหานเสวี่ยจ้งเป็นอย่างมาก
ทันทีที่วัยรุ่นนั้นปรากฎขึ้น ดวงตาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แสงสีแดงโลหิตกระจายออกมาจากร่าง และมันก็พุ่งลงไปยังความปั่นป่วนวุ่ยวายที่อยู่รอบๆ เมืองเซิ่งเสวี่ย
เมื่อมันใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวด เจตจำนงของเขายังคงมีอยู่ และยังคงเป็นของเขา แต่ทันทีที่เขามองเห็นวัยรุ่นผู้นั้น จิตใจก็เต็มไปด้วยเจ็บปวด เป็นความเจ็บปวดที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ, โทสะ และความบ้าคลั่ง อย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้
เขาสัมผัสได้ว่าความวุ่นวายรอบๆ ตัวกำลังเริ่มพังทลายลง และที่เกิดขึ้นเช่นนี้ก็เป็นเพราะวัยรุ่นสีโลหิตผู้นั้น
“จ้งเอ๋อร์…” เสียงเก่าแก่โบราณในจิตใจเมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น ดังก้องอยู่ภายใน เต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำ ซึ่งยากที่จะกล่าวออกมาให้ชัดเจนได้ สิ่งต่างๆ หลายหมื่นเรื่องที่จำเป็นต้องพูดออกมา ทั้งหมดนี้ถูกเอ่ยขึ้นเพียงแค่นามนี้นามเดียว
ขณะที่มันดังก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว ความวุ่นวายรอบๆ ตัวเขาก็เริ่มเต็มไปด้วยเม็ดฝน ขณะที่สายฝนตกลงมา เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่ามันไม่ใช่หยาดฝนที่แท้จริง แต่เป็นหยาดน้ำตาของปรมาจารย์รุ่นที่หกของตระกูลหานเสวี่ย
ขณะที่วัยรุ่นผู้นั้นแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ ในจิตใจเมิ่งฮ่าวจู่ๆ ก็มีเสียงใหม่ดังก้องขึ้นมา
“ข้าคือปรมาจารย์รุ่นที่ห้าของตระกูลหานเสวี่ย ต้าซือหลง หานเสวียติ่ง! ข้าไขว่คว้าความหมายของเจตจำนงแห่งสวรรค์ได้ที่ยอดเขาหิมะ และทำการตัดครั้งแรกในบึงน้ำหมื่นมังกร!” เห็นได้ชัดว่าเสียงนี้แตกต่างไปจากเสียงของหานเสวี่ยเป้า เป็นเสียงที่ค่อนข้างไร้อำนาจ แต่ก็ผ่าเผยมากกว่า ขณะที่เสียงนี่ดังก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว ร่างของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนยากที่จะอธิบายออกมาได้
รู้สึกราวกับว่าวิญญาณเขากำลังจะแตกกระจายไป และร่างกายก็เริ่มจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้านบนขึ้นไป ท้องฟ้าเริ่มสลัวเลือนลาง ราวกับว่ามันกำลังจะจางหายไป ทันใดนั้น ภาพของบึงน้ำอันลึกล้ำใหญ่โตก็ปรากฎขึ้นที่ด้านบน
ระลอกคลื่นเคลื่อนที่ไปทั่วผิวหน้าของบึงน้ำ กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง เสียงแผดร้องคำรามมากมายได้ยินออกมา ขณะที่มังกรสีดำมากมายจนนับไม่ถ้วน พุ่งทะลุออกมาจากบึงน้ำที่ลึกล้ำนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นภาพที่พลิกคว่ำสลับด้าน มังกรที่กำลังส่งเสียงคำรามทำให้สัตว์อสูรทั้งหมดที่อยู่บนพื้นส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัวออกมา ขณะที่ผู้ฝึกตน มีสีหน้าประหลาดใจเต็มอยู่บนใบหน้า และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของพวกมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก ที่ร่างของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง หนึ่งในสองผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งมองขึ้นไป และกล่ายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “บึงน้ำหมื่นมังกร! จากตำนานเมื่อสามพันปีที่ผ่านมา หลังจากที่ผู้ก่อตั้งชนเผ่าหานเสวี่ยอันยิ่งใหญ่ ได้กลายเป็นต้าซือหลง มันก็ใช้บึงน้ำหมื่นมังกรเป็นการตัดวิญญาณครั้งแรก หลังจากนั้น มันก็หายตัวไปจากทะเลทรายตะวันตก!”
ด้านบนขึ้นไป สีหน้าผู้ฝึกตนชุดดำเปลี่ยนไป “เด็กผู้นี้สามารถรองรับตราประทับผู้สืบทอดได้สองรุ่น!!”