วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตอนที่ 392 : สงครามใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์

Posted By: wuxiathai - 18:23
นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กับสิ่งที่เขาเคยพบเจอมาในดินแดนด้านใต้ และดินแดนสีดำ ราวกับว่าผู้คนในสถานที่แห่งนี้…ค่อนข้างจะซื่ออย่างไร้เดียงสานัก
“ไม่มีทาง” เมิ่งฮ่าวคิด “ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก เป็นผู้ที่โหดร้ายและป่าเถื่อน? คงเพราะว่ามันเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง จึงทำให้สิ่งที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ทั้งหมดปั่นป่วนวุ่นวาย” เขาไม่อาจจะรู้สาเหตุได้อย่างแท้จริง แม้ในขณะที่เขาลังเล จู่ๆ ก็มองเห็นลำแสงอยู่ในที่ห่างไกล กลายมาเป็นบุรุษวัยกลางคนที่มีสีหน้าหยิ่งผยอง มันมีรูปร่างสูงใหญ่และกำยำแข็งแรง หลังจากที่ร่อนลงมา มันก็แสดงความตั้งใจที่จะมาเป็นผู้ติดตามในทันที
อูไห่ดูเหมือนจะมีความรู้สึกเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่กระนั้น มันก็ยื่นส่งเหรียญคำสั่งให้กับบุรุษผู้นั้น และปล่อยให้มันผ่านเข้าไป
เมื่อได้เห็นเช่นนี้ ก็ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเห็นเมิ่งฮ่าวยังคงลังเลต่อไป อูไห่ก็หัวเราะขึ้นและกล่าวว่า “สหายเต๋า, ท่านยังไม่ได้ตัดสินใจ? มา มาเข้าร่วมกับเผ่าอูต๋า! ความรุ่งโรจน์รอท่านอยู่!”
“เมื่อดูจากระดับพื้นฐานฝึกตนของข้าแล้ว ข้าต้องทำอะไร ถ้ากลายเป็นผู้ติดตามของเผ่าอูต๋า?” เมิ่งฮ่าวถาม ความลังเลเผยให้เห็นอยู่ในดวงตา
“สหายเต๋า, พื้นฐานฝึกตนของท่านยอดเยี่ยมยิ่ง โดยทั่วไปแล้ว ผู้ติดตามของเผ่าอูต๋ามีสองทางเลือกในช่วงการทดลองงาน ทางเลือกแรกก็คือ การเป็นนักรบ และเข้าสังกัดคณะผู้ติดตาม ถ้าท่านทำงานให้กับเผ่าได้อย่างดีเยี่ยม ช่วงการทดลองงานก็จะสั้นลง”
“อีกทางเลือกก็คือ ช่วยเลี้ยงสัตว์ปีศาจระดับต่ำ โดยส่วนตัวแล้ว ข้าคิดว่าท่านเหมาะสมกับทางเลือกนี้มากกว่า ท่านคิดว่าอย่างไร? ไม่มีอันตรายใดๆ ในการช่วยให้อาหารสัตว์ปีศาจ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าท่านเลี้ยงสัตว์ปีศาจได้ดี ช่วงการทดลองงานก็จะลดน้อยลง นอกจากนี้ หลังจากที่คนของเผ่ากลายมาเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ทุกคนต่างก็จำเป็นต้องมีสัตว์ปีศาจไว้ครอบครอง และคงจะยินดีมาขอความช่วยเหลือจากท่าน”
“น้องชาย” มันพูดเสียงดัง ตบไปที่หน้าอก “เชื่อข้าอูไห่ ย่อมไม่ผิดพลาด!”
แสงที่แทบมองไม่เห็นแวบผ่านดวงตาเมิ่งฮ่าว เมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘สัตว์ปีศาจ’ ทันใดนั้น เขาก็คิดไปถึงสัตว์ปีศาจและซือหลง ที่เคยเห็นในเมืองเซิ่งเสวี่ย หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็นึกได้ถึงข้อมูลบางอย่างที่แผ่นหยกได้แนะนำเกี่ยวกับชนเผ่าต่างๆ
ในทะเลทรายตะวันตก ความแข็งแกร่งของชนเผ่า ถูกตัดสินจากสามเงื่อนไข, อันดับแรกก็คือกำลังพล, อันดับสองก็คือจำนวนสัตว์ปีศาจที่พวกมันมีอยู่ในครอบครอง และอันดับสามก็คือระดับพื้นฐานฝึกตนของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากที่สุดของพวกมัน ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของทั้งสามส่วนนี้อ่อนแอ ก็จะมีผลกระทบต่อความแข็งแกร่งทั้งหมดของชนเผ่านั้นๆ
มันยังได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสัตว์ปีศาจในทะเลทรายตะวันตกอีกด้วย
หลังจากที่พิจารณาถึงสิ่งทั้งหมดนี้ เมิ่งฮ่าวก็ตัดสินใจได้ ไม่ว่าการกลายมาเป็นผู้ติดตามของเผ่าอูต๋าจะง่ายดายจนไม่อยากจะเชื่อมากแค่ไหน และถึงแม้จะมีความลับบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ แต่เขาก็ได้มาอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ไม่ต้องดำเนินการต่อ
ขณะที่เขากำลังจะพยักหน้าตอบตกลง จิตใจก็สั่นสะท้านขึ้นมา และเขาก็มองขึ้นไปในท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มองเห็นสี่ลำแสงแหวกฝ่าอากาศเป็นเสียงดังแหลมเล็กใกล้เข้ามา ภายในลำแสงเป็นสี่ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก ซึ่งต่างก็จ้องมองซึ่งกันและกันอย่างเย็นชา แต่ก็ยังคงบินมาด้วยกัน
อูไห่มองไปยังสี่ลำแสงด้วยเช่นกัน และสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปในทันที รีบกล่าวกับเมิ่งฮ่าวอย่างร้อนรน “ท่านจะว่าอย่างไร, น้องชาย ท่านจำเป็นต้องตัดสินใจในตอนนี้ว่า จะเข้าร่วมกับเผ่าอูต๋าหรือไม่…” ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ ลำแสงทั้งสี่ก็มาถึง
“ไม่จำเป็นที่จะตอบอย่างรวดเร็วเช่นนั้น สหายเต๋า! เผ่าอูปิง เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับท่าน!”
“ไร้สาระ! เผ่าอูอ้านถึงจะแข็งแกร่งมากที่สุด!”
“เจ้าทั้งสองหุบปากไปเลย! เผ่าอูโต้ว ถึงจะเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์!”
ผู้ฝึกตนที่มาใหม่ทั้งสี่มีอายุประมาณสามสิบปี แต่ละคนอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ และพวกมันก็ยังคงพูดจาโดยไม่ยอมหยุดไปเรื่อยๆ
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ยิ้มออกมา แต่ไม่กล่าวอันใด
อูไห่มองอย่างมีโทสะไปยังผู้มาใหม่ทั้งสี่ ดวงตามันเปล่งแสงด้วยความมุ่งร้ายออกมา
“พวกเจ้าต้องการจะก่อสงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้?” มันกล่าว ก้าวเท้าตรงไป และกระจายพลังจากพื้นฐานฝึกตนออกมา ผู้มาใหม่ทั้งสี่หัวเราะขณะที่เข้ามาใกล้
“อย่าได้ตำหนิข้า! เผ่าอูโต้วไปพบข้าที่นั่น และจากนั้นพวกเราก็ไปยังเผ่าอื่นๆ หลังจากที่อ้อมเป็นวงใหญ่ พวกเราก็มาถึงสถานที่แห่งนี้”
อูไห่มีโทสะ แต่ก็ไม่อาจจะทำอันใดได้ จริงๆ แล้ว มันก็เคยเข้าร่วมกับกลุ่มคนเหล่านี้มาสองสามครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ “บัดซบ” มันคิด “เมื่อไหร่ที่ถึงเวลารับสมัครผู้ติดตาม เผ่าต่างๆ ก็มักจะยื่นมือเข้ามาดึงผู้ติดตามไปจากเผ่าอื่นๆ จนสุดความสามารถ ทั้งเปิดเผยและลักลอบทำ บางครั้งก็ทั้งสองอย่าง”
หนึ่งในคนทั้งสี่กล่าวขึ้นอีกครั้ง “สหายเต๋า, อย่าไปฟังพวกมัน เผ่าอูเหยียนจึงจะเป็นเผ่าที่แข็งแกร่งมากที่สุดในชนเผ่าทั้งหมด ถ้าท่านมาเป็นผู้ติดตามของเผ่าอูเหยียน ท่านจะได้รับค่าตอบแทนที่ดีกว่าได้รับจากที่นี่”
จากประสบการณ์ของเขา จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเมิ่งฮ่าว ที่จะเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างชนเผ่าเหล่านี้ พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า เขาถอยไปด้านหลังสองสามก้าว เลือกที่จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการขัดแย้งเหล่านี้
“ดี” อูไห่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงเย็นชา กระจายพลังจากพื้นฐานฝึกตนออกมา กล่าวขึ้นช้าๆ “พวกเจ้าต้องการใช้สงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อตัดสินว่าสหายเต๋าท่านนี้จะเลือกเผ่าไหน ใช่หรือไม่?”
อีกสี่คนที่เหลือสบตากันไปมา ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
มีบางคนจากเผ่าอูต๋าสังเกตเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และเข้ามาร่วมด้วย ยืนรายล้อมเป็นรูปวงกลมรอบๆ พวกมัน ไม่มีใครกระทำการใดๆ แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความสนใจ ดูเหมือนเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกมันคุ้นเคย แต่เป็นสิ่งที่พวกมันรู้สึกว่าน่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง
“สงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์?” เมิ่งฮ่าวคิด “ก็ดี, ข้าจะใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าชนเผ่าทั้งห้านี้จะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง” เขาถอยไปด้านหลังอีกครั้ง อยากรู้ว่าทำไมคนของชนเผ่าที่อยู่รอบๆ ทั้งหมด ถึงได้มีสีหน้าที่ผ่อนคลายเช่นนั้น
ผู้ฝึกตนจากเผ่าอูปิง ก้าวเท้าออกมาในทันทีและกล่าวว่า “ครั้งนี้เผ่าอูปิง (อีกานักรบ) จะเป็นผู้เริ่มก่อน เผ่าอูปิงเป็นเผ่าแรกที่ก่อตั้งขึ้นมาหลังจากการล่มสลายของชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ ภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเป็นภาพอสูรนักรบ และพวกเราเป็นผู้สืบทอดของทะเลทรายตะวันตก! ในทะเลทรายตะวันตกทั้งหมดนี้ ถ้าเผ่าอูปิงไม่อาจทำสิ่งใดได้สำเร็จ แล้วใครจะสามารถทำได้!?”
สมาชิกของเผ่าอูโต้ว (อีกานักสู้) ก้าวเท้าออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและบ้าคลั่งอยู่เล็กน้อย “เผ่าอูโต้วเป็นผู้สืบทอดอย่างแท้จริงของชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่!” มันร้องออกมา “ทั่วทั้งทะเลทรายตะวันตกอยู่ในฝ่ามือของพวกเรา! ใครจะกล้ามาแข่งขันกับพวกเรา!”
ทันใดนั้น พวกที่มุงดูอยู่บางคน ก็เริ่มส่งเสียงด่าทอออกมา
“ช่างหน้าด้านนัก!”
“น่าละอายจริงๆ! เจ้ากล้าบรรยายเผ่าของเจ้าเช่นนั้นได้อย่างไร!”
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่ด้านข้าง คิ้วขมวดเป็นร่องลึก ดูเหมือนว่าสงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์ จะไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังไว้แม้แต่น้อย
“หือ! ไม่สำคัญว่าเจ้าเป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงหรือไม่ สิ่งที่ข้ารู้มาก็คือ ก่อนที่ชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มมีชื่อเสียง ก็มีเพียงแค่เผ่าอูเหยียน (อีกาเปลวไฟ) เท่านั้นที่คงอยู่ บรรพบุรุษของพวกเราได้ทำให้ทั่วทั้งทะเลทรายตะวันตกสว่างไสวมาถึงหนึ่งแสนปี!”
“พวกเจ้าทั้งหมดต่างก็ไม่มีอะไร! เหตุผลที่ทะเลทรายตะวันตก ถูกเรียกว่าทะเลทรายตะวันตก ก็เป็นเพราะการคงอยู่ของเผ่าอูอ้าน (อีกาทมิฬ) ถ้าไม่มีพวกเราก็คงไม่มีทะเลทรายตะวันตกแล้วในตอนนี้!”
ขณะที่พวกมันเริ่มโต้เถียงกัน สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็เริ่มแปลกไปมากขึ้น จากนั้น เขาก็เริ่มแอบถอนหายใจออกมา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่า เหตุผลที่ทุกคนมารวมตัวกันอยู่รอบๆ บริเวณนี้ก็เป็นเพราะ สิ่งที่ถูกเรียกว่า สงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่มีอะไรนอกไปจาก การแข่งขันพูดจาโอ้อวด!
ไม่มีการใช้วิชาเวทหรือพลังจากพื้นฐานฝึกตน ทั้งหมดเป็นการคุยโม้โอ้อวด
เพื่อดูว่าเผ่าไหนจะสามารถคุยโวได้ดีกว่ากัน ที่เบื้องหน้าของผู้สมัคร…
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นการแข่งขันเช่นนี้มาก่อน
“พวกเจ้าไม่มีอะไรเลย! เผ่าอูต๋า (อีกาเสือป่า) ถึงจะเป็นผู้สืบทอดของทะเลทรายตะวันตก พวกเราเข้าใจเรื่องจักรวาล ภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเป็นต้นไม้ที่โอ่อ่างดงาม ซึ่งช่วยค้ำยันท้องฟ้าเหนือทะเลทรายตะวันตก!” อูไห่พูดจบพร้อมกับเสียงหัวเราะ ในแง่ของทั้งคำพูดและลีลาท่าทาง ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่อาจจะเปรียบเทียบได้กับคนอื่นๆ ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของมัน ความดูถูกก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของคนอื่นๆ
ภายในใจ เมิ่งฮ่าวกำลังส่ายหน้า คำพูดของอูไห่แสดงให้เห็นว่า มันไม่เข้าใจถึงหลักการพื้นฐานของการพูดจาโอ้อวดอย่างแท้จริง หลังจากที่อูไห่กล่าวจบ เมิ่งฮ่าวก็กระแอมไอออกมา จากนั้น ก็ประสานมือให้กับกลุ่มคนทั้งสี่
“ขอบคุณมากสำหรับการให้เกียรติข้าเช่นนี้, สหายเต๋า” เขากล่าว “เสียดาย ที่ข้าตัดสินใจจะเข้าร่วมกับเผ่าอูต๋าแล้ว” เขายิ้มออกมา และโค้งตัวลงให้กับพวกมัน
สีหน้าอูไห่ร่าเริงขึ้นมาในทันที แต่ใบหน้าของสี่คนที่เหลือดูไม่ได้เลย
“อย่าบอกนะว่า ท่านรังเกียจเผ่าอูเหยียน, สหายเต๋า!”
“ใช่แล้ว, ท่านกำลังดูถูกพวกเรา? ถ้าพวกเราไม่ได้เริ่มต้นสงครามอันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้พวกเราก็ทำไปแล้ว ถ้าท่านเลือกเผ่าได้แล้ว ท่านก็ต้องบอกเหตุผลมาว่าทำไม!”
คนทั้งสี่ในตอนนี้ต่างก็จ้องมายังเมิ่งฮ่าว ด้วยท่าทางหงุดหงิด
ความเขินอายเล็กน้อย ปรากฎขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ตอนนี้เขารู้สึกว่าได้ถูกบังคับให้ช่วยบุคคลเหล่านี้ ให้เข้าใจถึงการคุยโวอย่างแท้จริงว่าเป็นเช่นไร
การคุยโวโอ้อวดเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์และปฐพีนี้ไปชั่วนิจนิรันดร์ มันคงอยู่มานานมากแล้ว ไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงจากกรงเล็บของมันได้ ไม่มีผู้ฝึกตนที่ยังมีชีวิตอยู่สามารถต้านทานความเย้ายวนใจของมันได้
มันเป็นเรื่องของความรู้แจ้ง ยิ่งไปกว่านั้น มันยังจะคงอยู่ไปตราบชั่วนิรันดร์
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอ ความเขินอายบนใบหน้าเขาในตอนนี้ ถูกปกคลุมไว้ด้วยบางสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นความศักดิ์สิทธิ์
“เหตุผลที่ข้าเลือกเผ่าอูต๋า เป็นเพราะว่ามันค้ำยันท้องฟ้าเหนือทะเลทรายตะวันตก ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ที่พวกมันควบคุมอยู่ จริงๆ แล้วก็คือต้นชุนชิว, ต้นเจี้ยนมู่โบราณ ซึ่งเป็นสะพานอันยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณระหว่างสวรรค์และปฐพี!”
“ในสายตาของต้นไม้นี้ ทะเลทรายตะวันตกไม่มีอะไรนอกจากเป็น ริ้วรอยในกระแสแห่งกาลเวลาอันยิ่งใหญ่ ในจิตใจของต้นไม้นี้ ทั่วทั้งโลกนี้ไม่มีอะไรนอกจากเป็น แสงแวบแรกในช่วงหนึ่งของเวลาที่ยาวนานจนนับไม่ได้ ซึ่งตื่นและลืมตาขึ้นมา”
“เผ่าอูต๋าเป็นเจ้านายของกาลเวลาที่ไม่รู้จบ และควบคุมสี่ฤดูกาลของสวรรค์และปฐพีแห่งนี้!” เสียงเมิ่งฮ่าวดังก้องกลับไปกลับมา ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกทั้งสี่จ้องมองมาด้วยความตกตะลึง รู้สึกราวกับว่าได้มีพลังอันยิ่งใหญ่บางอย่างมาทำให้จิตใจพวกมันสั่นสะท้าน ทำให้ขนทั่วร่างลุกตั้งชี้ชัน พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวราวกับว่าเขาเป็นภูติผีปีศาจ
“น่าละอายนัก!!”
“หน้าด้านจริงๆ! ข้าไม่เคยเห็นใครน่าละอายเช่นนี้มาก่อน เจ้าไม่ได้เป็นคนของเผ่าอูต๋า แล้วจะพูดจาโอ้อวดเกินจริงเช่นนี้ได้อย่างไร!!”
“บัดซบ, จากคำพูดของมัน, เผ่าอูต๋ายังยิ่งใหญ่ และลึกล้ำกว่าชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ซะอีก! ช่างหน้าด้านอย่างแท้จริง!!”
ขณะที่สี่ผู้ฝึกตนก่นด่าเมิ่งฮ่าว อูไห่มองมาที่เขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ทันใดนั้น มันก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อย กลุ่มคนเผ่าอูต๋าที่ยืนดูอยู่รอบๆ บริเวณนั้น ต่างก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อไป “ต้นไม้อันยิ่งใหญ่ของเผ่าอูต๋าให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน ต้าถังในดินแดนตะวันออก ได้คงอยู่จนถึงตอนนี้ก็เป็นเพราะฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งได้ก่อตัวขึ้นมาจากหยดน้ำที่ตกลงมาจากต้นไม้อันยิ่งใหญ่ของเผ่าอูต๋า ความเยือกเย็นที่ถูกเรียกว่าเชียงตี๋ของทะเลทรายทางเหนือเกิดขึ้น ก็เนื่องมาจากการขมวดคิ้วมองมาเพียงแค่ครั้งเดียวของต้นไม้อันยิ่งใหญ่ของเผ่าอูต๋า”
“ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหมดในดินแดนด้านใต้ ก็เป็นเพราะต้นไม้อันยิ่งใหญ่ของเผ่าอูต๋าได้ประทานเม็ดดินให้เพียงเม็ดเดียว และสำหรับทะเลทรายตะวันตก…มันเป็นบ้านของต้นไม้อันยิ่งใหญ่นี้ และเป็นบ้านของเผ่าอูต๋า!”
“เผ่าอูต๋าสมควรที่จะได้รับการยกย่องอย่างยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ มันคือท้องฟ้าของทะเลทรายตะวันตก, กลุ่มเมฆของดินแดนด้านใต้, เป็นที่นับถือกราบไหว้ของทะเลทรายด้านเหนือ และเป็นผู้ทรงศีลของดินแดนตะวันออก!” ขณะที่เสียงของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป ใบหน้าอูไห่ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และมีสีหน้าค่อนข้างงุนงง เกิดหนึ่งคำถามขึ้นมาในจิตใจ
“มันกำลังพูดเกี่ยวกับเผ่าอูต๋าอยู่จริงๆ?”
ไม่เพียงแต่มันเท่านั้นที่กำลังคิดเช่นนี้ กลุ่มคนของเผ่าอูต๋าทั้งหมดต่างก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ละคนมีสีหน้าแปลกๆ และรู้สึกตื่นเต้นขึ้นเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates