เงาร่างสีโลหิตถอยหลังไปสองสามก้าว และโบกสะบัดแขนเสื้ออย่างเรียบเฉย ภาพของบุคคลผู้นี้ภายใต้แสงจันทร์ ได้ฝังลึกลงไปในความทรงจำของทุกคนอย่างฉับพลัน
หน้ากากมีดวงตาอยู่สองรู แต่ก็ไม่มีจมูกหรือปาก แม้แต่ดวงตาก็ยังเป็นสีแดงเจิดจ้า อย่างไรก็ตาม ดวงตาคู่นั้นไม่ได้เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง แต่เป็นความเย็นชาอย่างป่าเถื่อน
ขณะที่แสงจันทร์ตกกระทบไปบนชุดยาวสีเขียว, เส้นผมสีดำ ทำให้บุคคลผู้นี้กระจายบรรยากาศที่มีกลิ่นอายของอสูรปีศาจร้ายออกมาเล็กน้อย
นี่แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเมิ่งฮ่าว ที่กำลังสวมใส่หน้ากากสีโลหิต!
“ท่านที่นับถือเป็นใคร?” หลีเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ด้านข้างมัน ดวงตาของวังและมั่ว หดเล็กลงขณะที่พวกมันมองมายังเมิ่งฮ่าว ความระมัดระวังตัวเต็มอยู่ในจิตใจ พวกมันอาจจะมองไม่เห็นความสามารถที่ไม่ธรรมดาของหน้ากากนี้ แต่ก็รับรู้ได้ว่าพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว ไม่ได้อยู่แค่ขั้นสร้างแกนลมปราณเท่านั้น ในทางกลับกัน การโจมตีเมื่อครู่นี้ ถึงจะดูเหมือนว่าเป็นการโจมตีที่ธรรมดา แต่จริงๆ แล้วก็ได้กระจายพลังที่เทียบได้กับขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งออกมา
ดังนั้น ทุกคนจึงค่อนข้างจะลังเลเกี่ยวกับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวในทันที
ดวงตาเหยียนซงสาดประกายขณะที่มองมายังเขา มีบางสิ่งที่มันรู้สึกคุ้นเคยเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าว ซึ่งเป็นเหตุให้ความรู้สึกตกใจของมันพุ่งขึ้นมา
“สหายเต๋าเหยียน เชิญข้ามายังที่นี่” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “นี่เป็นวิธีการต้อนรับแขกของท่าน?” ด้านหลังเขา ยักษ์เถื่อนค่อยๆ ทะลุผ่านดงไม้เข้ามาใกล้ สำหรับกู่ลา เมิ่งฮ่าวได้ทำให้มันหมดสติไปก่อนหน้านี้ ทำให้มันไม่อาจจะรับรู้ถึงเรื่องราวใดๆ ได้ในตอนนี้
ยักษ์เถื่อนมีรูปร่างใหญ่โตเป็นอย่างมาก แต่ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งก็ไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย
ดวงตาเหยียนซงสาดประกายด้วยความเข้าใจ ขณะที่มันจดจำเสียงของเมิ่งฮ่าวได้ “สหายเต๋าเมิ่ง!” มันกล่าว สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จู่ๆ ภายในจิตใจมันก็ตระหนักว่า เมิ่งฮ่าวมีความลึกลับมากกว่าที่มันคิดไว้มากนัก จากการประเมินของมันก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวอยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ และเป็นเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยา แต่ภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้ก็ทำให้มันนิ่งงันราวกับต้องเวทสะกด
“มันยังมีความลับอะไรซุกซ่อนไว้อีก…?” เหยียนซงคิด ตระหนักว่ามันยังไม่รู้เกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวอีกมากนัก ทันใดนั้น มันก็ส่งเสียงหัวเราะดังๆ ออกมา จากนั้นก็ประสานมือและกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่าน, สหายเต๋าเมิ่ง แค่เป็นความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ สหายเต๋าหลี, วัง และมั่ว ขอให้ข้าแนะนำสหายเต๋าเมิ่งกับพวกท่าน นี่เป็นสมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่มพวกเรา เป็นเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยา ที่ข้าไม่อาจจะเทียบได้ ด้วยการมีสหายเต๋าเมิ่งอยู่ที่นี่ โอกาสที่พวกเราจะทำได้สำเร็จก็มีมากขึ้น”
หลีเทียน และคนอื่นๆ พยักหน้าให้กันเล็กน้อย บรรยากาศการเป็นปรปักษ์ของพวกมันก่อนหน้านี้ลดลงเล็กน้อย
ถ้าเมิ่งฮ่าวเข้ามาร่วมกับคนกลุ่มนี้ พวกมันก็อาจจะดูถูกเขา เนื่องจากพื้นฐานฝึกตนที่อยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณของเขา แต่ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งโดยทั่วไปแล้วก็เป็นพวกที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก คนส่วนใหญ่จะรู้ว่า ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งส่วนมาก ชอบที่จะปกปิดพื้นฐานฝึกตนที่แท้จริงของพวกมันไว้ และมักจะไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คนอื่นๆ เห็นระดับที่แท้จริงของพวกมัน
เหยียนซงไม่ได้ขอคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป ขณะที่คนทั้งหมดรวมตัวกันข้างลำธารสีเงิน
สีหน้าเมิ่งฮ่าวราบเรียบ เขาเลือกที่จะสวมใส่หน้ากาก ซึ่งทำให้ต้องสูญเสียพลังชีวิตบางส่วนไป เหตุผลก็คือ ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งคล้ายคลึงกับสถานการณ์ในตอนนี้ ณ ดินแดนด้านใต้ ในดินแดนสงบสุขโบราณของสำนักชิงหลัว เพราะเขามีพื้นฐานฝึกตนไม่เพียงพอ ทำให้ต้องถูกโจมตี ถึงแม้เรื่องราวเหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ก็ทำให้เกิดเป็นสถานการณ์ที่ชวนให้อึดอัดใจและไม่สะดวกเป็นอย่างมาก
ครั้งนี้ ด้วยเกรงว่าจะต้องเจอกับสถานการณที่ยุ่งยากเช่นนั้นอีก ด้วยการสวมใส่หน้ากากสีโลหิต ก็ทำให้เขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่าปกติมากนัก
“ด้วยการมีสหายเต๋าเมิ่งอยู่ด้วย” บุรุษนามวังกล่าว “ทุกอย่างก็คาดหวังได้ สหายเต๋าเหยียน ขอให้ท่านช่วยอธิบายถึงรายละเอียดของเม็ดยาตัดวิญญาณด้วย” มันมองมายังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ชำเลืองมองไปยังผู้ฝึกตนชุดดำแซ่มั่ว เมื่อทำเช่นนี้ ดวงตามันก็สาดประกายด้วยความชิงชัง และเปล่งรังสีสังหารออกมา
มันไม่ได้พยายามปกปิดสีหน้าของมันไว้ ซึ่งทำให้หลีเทียนหัวเราะหึๆ ออกมา เหยียนซงก็สังเกตเห็นด้วยเช่นกัน มันยิ้มอย่างแห้งแล้งออกมา ไม่แน่ใจว่าต้องกล่าวอันใดดี
เมิ่งฮ่าวผงะถอยไปด้านหลัง รังสีสังหารของผู้ฝึกตนวังดูเหมือนจะเข้มข้นอย่างลี้ลับจนทำให้เมิ่งฮ่าวประหลาดใจ จากนั้นบุรุษนามวังก็สังเกตเห็นว่าผู้ฝึกตนแซ่มั่วกำลังมองมายังเมิ่งฮ่าว ด้วยท่าทางพึงพอใจ และอยากรู้อยากเห็น บุรุษแซ่มั่วอยู่ในวัยกลางคน แต่ผิวกายมันขาวราวกับหยก และมีหน้าตาหล่อเหลา เต็มไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน
สายตาของผู้ฝึกตนแซ่มั่วชวนให้น่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ทันทีที่มันได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ของหลีเทียน ก็ดูเหมือนมันจะคิดถึงเรื่องบางอย่างที่น่าหวาดกลัว มันกระแอมไอออกมาเบาๆ และถอยไปด้านหลังเพื่อหลบเลี่ยงบุรุษนามวัง
เหยียนซงส่ายหน้า มันได้แต่ฝืนยิ้มและกระแอมไอออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า “สหายเต๋าทั้งหลาย ข้าเป็นหนี้บุญคุณพวกท่านทั้งสี่ สำหรับความเชื่อถือที่พวกท่านได้แสดงออกมา การที่พวกท่านมาในสถานที่แห่งนี้ ก็แสดงว่าพวกเราต้องทำงานในทะเลทรายตะวันตกได้สำเร็จอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามที ข้า, เหยียน ก็ไม่ต้องการที่จะหลอกลวงพวกท่าน ภารกิจในครั้งนี้เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างใหญ่หลวง!” มันมองไปรอบๆ ยังสี่คนที่เหลือ เมื่อไม่เห็นสีหน้าใดๆ ก็กล่าวต่อไป
“เต๋าแห่งการปรุงยาในสมัยโบราณ มีความล้ำหน้ากว่าในสมัยนี้มากนัก เม็ดยามากมายได้หายสาบสูญไป และตอนนี้ ก็พบได้แต่เพียงเม็ดยาธรรมดาที่มีผลถึงแค่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งเท่านั้น เม็ดยาสำหรับขั้นตัดวิญญาณเป็นสิ่งที่พบได้ยากมาก ปัจจุบันนี้ ใครที่ได้ครอบครองเม็ดยาที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จากนั้นก็ปรุงเลียนแบบพวกมันขึ้นมาอีกครั้ง อย่างดีที่สุด ก็ทำให้มีประสิทธิภาพได้เพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนของเม็ดยาดั้งเดิมเท่านั้น”
“การแบ่งแยกที่ชัดเจนระหว่างเต๋าแห่งการปรุงยาสมัยโบราณ กับสมัยปัจจุบันนี้ ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นเม็ดยาตัดวิญญาณ หลังจากที่ได้กลืนกินยาเม็ดนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามว่า ปี่อ้านเทียน (วันแห่งการคืนชีพ) ผู้ฝึกตนจะได้รับการรู้แจ้งแห่งสวรรค์และปฐพี จะสามารถเข้าใจในตัวเองได้อย่างชัดเจน และจากนั้นก็จะบรรลุการตัดวิญญาณเป็นครั้งแรก”
“พวกท่านสามารถทบทวนข้อมูลทั้งหมดนี้ได้จากแผ่นไม้ที่ข้าให้ไป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้า, เหยียน ได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่หลายแห่ง และในที่สุด ก็ยืนยันได้ว่า ตำแหน่งที่มีการเชื่อมต่อกับเต๋าแห่งการปรุงยาในสมัยโบราณ ได้อยู่ในทะเลทรายตะวันตกนี้!”
“บางทีการคงอยู่ของมันได้เชื่อมต่อกับชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ข้าเคยแอบลอบเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพวกมัน แต่ก็ไม่อาจจะเข้าไปใกล้ได้, ได้แต่คอยสังเกตการณ์มาจากที่ห่างไกลออกไป แม้จะเป็นเช่นนั้น ข้าก็สามารถยืนยันได้ว่า มันมีการเชื่อมต่อกับเต๋าแห่งการปรุงยาในสมัยโบราณ!”
ขณะที่เหยียนซงทำการอธิบายอย่างช้าๆ สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนเดิม แต่ลึกลงไปในจิตใจ เขากำลังวิเคราะห์คำพูดของมัน พยายามแยกแยะว่าเป็นความจริงหรือเท็จ มากน้อยเท่าใด
“ชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้กระจัดกระจายออกไปมานานแล้ว ตอนนี้มันถูกแยกออกเป็นขุมกำลังห้ากลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มก็กลายเป็นชนเผ่าของตัวเอง คือ ชนเผ่าอูปิง (อีกานักรบ), ชนเผ่าอูโต้ว (อีกานักสู้), ชนเผ่าอูต๋า (อีกาเสือป่า), ชนเผ่าอูเหยียน (อีกาเปลวไฟ) และชนเผ่าอูอ้าน! (อีกาทมิฬ)”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็ยังคงเป็นปกติไม่เปลี่ยนไป แต่จิตใจก็สั่นสะท้าน ขณะที่คิดกลับไปยังบุรุษที่เขาเคยจับตัวมา อูมู่ แห่งชนเผ่าอูต๋า
“แล้วจุดสำคัญของทั้งหมดนี้คืออะไร?” วังกล่าวเสียงเนิบนาบ สีหน้าไร้ความรู้สึก “ก็เพียงแค่นำพวกเราไปยังภูเขาอีกาศักดิ์สิทธิ์ และพวกเราก็จะเข้าไปด้วยกัน”
“สหายเต๋าวัง, เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น” เหยียนซงกล่าวตอบ ส่ายหน้า “ถึงชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จะแยกออกเป็นส่วนๆ แต่ด้านบนสุดของภูเขาอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีเทพศักดิ์สิทธิ์ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณ การที่มีคนเช่นนี้อยู่บนภูเขาอีกาศักดิ์สิทธิ์ ท่านคิดว่าพวกเราจะเข้าไปได้อย่างง่ายดาย?”
“ไม่มีทาง, พวกเราต้องใช้วิธีการอย่างอื่น ชนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ถูกแยกออกเป็นชนเผ่าย่อยๆ ห้าชนเผ่า ทุกครั้งเมื่อถึงวัน ที่ถูกกำหนดไว้ ห้าชนเผ่าจะเข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพวกมัน เพื่อทำการสักการะบรรพบุรุษ และได้รับพลังภาพศักดิ์สิทธิ์กลับมา”
“นี่เป็นหนทางเดียวที่จะสามารถเข้าไปยังภูเขาอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเปิดเผย ดังนั้น ภารกิจของพวกเราก็คือการแทรกซึมเข้าไปในชนเผ่า และจากนั้นก็สร้างชื่อให้กับตัวเอง พวกเราต้องเข้าร่วมกับชนเผ่าเหล่านี้ด้วยการเป็นผู้ติดตาม เพื่อจะได้รับความเชื่อถือจากพวกมัน และจากนั้นก็จะมีสิทธิ์เข้าไปในภูเขาอีกาศักดิ์สิทธิ์! หลังจากที่พวกเราเข้าไปในภูเขา พวกเราก็จะรวมตัวกันอีกครั้ง และทำภารกิจร่วมกัน เพื่อให้ได้ครอบครองเม็ดยาของเต๋าแห่งการปรุงยาสมัยโบราณ!” ดวงตาเหยียนซงสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า เห็นได้ชัดว่า มันได้วางแผนนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าแผนการนี้จะราบรื่นไร้อุปสรรค
ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง และหลีเทียนก็มีท่าทางตกอยู่ในห้วงภวังค์ครุ่นคิด วังและมั่วสบสายตากัน ดูเหมือนทั้งคู่ได้ยอมรับในแผนการนี้แล้ว
เหยียนซงมองไปรอบๆ ยังพื้นดิน และจากนั้นก็หัวเราะออกมา “สำหรับวิธีการสร้างชื่อ และได้รับความเชื่อถือจากพวกมัน ข้ามั่นใจว่าสหายเต๋าทุกท่าน คงจะมีวิธีการของตัวเองอยู่แล้ว!”
“พวกเราจะแก้ไขปัญหากลิ่นอายได้อย่างไร?” เมิ่งฮ่าวถาม
“สำหรับเรื่องนั้น พวกเราต้องพึ่งพาสหายเต๋าหลี มันได้อาศัยอยู่ในทะเลทรายตะวันตกมานานหลายร้อยปี และจนกระทั่งถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นคนของชนเผ่าไหน หรือดูคล้ายกับชนเผ่าอะไร เห็นได้ชัดว่า ทักษะในเรื่องนี้ของมันน่านับถือนัก” ด้วยเช่นนั้น เหยียนซงก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับหลีเทียน
“ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” หลีเทียนกล่าวเสียงราบเรียบ “ก่อนที่จะมายังที่นี่ในวันนี้ ข้าเคยใช้วิชาลับเพื่อสร้างของวิเศษที่หายากขึ้นมาห้าชิ้น ด้วยของสิ่งนี้ ก็จะช่วยเปลี่ยนแปลงกลิ่นอาย และปกปิดพื้นฐานฝึกตนของพวกท่านได้สามปี การใช้ของชิ้นนี้จะช่วยให้พวกท่านสามารถใช้รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ได้เหมือนกับผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกอย่างสมบูรณ์”
“แต่ข้าก็ยังจะไม่แจกจ่ายของวิเศษเช่นนี้ออกไปก่อน เหยียนซง ท่านเป็นผู้นำของกลุ่มพวกเรา ดังนั้น ข้าจะมอบให้กับท่านโดยที่ไม่ต้องสอบถามใดๆ ถ้าสหายเต๋าอีกสามท่านต้องการของวิเศษของข้า พวกท่านต้องบอกข้าว่า จะนำมันไปใช้ในภารกิจนี้ที่เกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งการปรุงยาในสมัยโบราณได้อย่างไร” ดวงตาหลีเทียนสาดประกาย เหมือนจะเป็นคำพูดที่ระมัดระวังตัว แต่ก็เห็นได้ชัดว่า มันต้องการจะอยากรู้ในรายละเอียดส่วนตัวของคนอื่นๆ
ผู้ฝึกตนวังแค่นเสียงเย็นชากล่าว “พวกเราทั้งสองสามารถวิเคราะห์ และบอกถึงค่ายกลเวทอันซับซ้อนทั้งหมดในภูเขาอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้ พวกท่านไม่อาจจะทำเช่นนี้ได้”
หลีเทียนหัวเราะ จากนั้นก็โบกสะบัดมือขวา สามลำแสงสีขาวพุ่งตรงออกมา สองลำแสงร่อนลงไปบนมือของวังและมั่ว อีกลำแสงลอยไปอยู่เบื้องหน้าเหยียนซง
“แล้วท่านล่ะ, สหายเต๋าเมิ่ง?” หลีเทียนถาม มองมายังเมิ่งฮ่าว ทุกคนในทีนี้รู้สึกหวาดกลัวเมิ่งฮ่าว การโจมตีด้วยท่าทางสบายๆ ของเขาเมื่อครู่นี้ ได้ประทับความเกรงกลัวลึกลงไปในจิตใจของพวกมันอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ข้าเป็นอาจารย์ของเต๋าแห่งการปรุงยาทั้งมวล” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง คำพูดนี้ทำให้ม่านตาของหลีเทียนหดเล็กลง วังและมั่ว ทันใดนั้น ก็ดูมีท่าทางเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
เหยียนซงยิ้มอย่างไร้คำพูดออกมา หลังจากที่ผ่านไปสักพัก หลีเทียนก็โบกสะบัดแขนเสื้อ ส่งลำแสงสีขาวพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
“สำหรับการใช้สิ่งของชิ้นนี้ พวกท่านสามารถค้นหาวิธีการด้วยตัวเอง”
“ดีมาก” เหยียนซงกล่าว “เมื่อพวกเราทั้งหมดเห็นด้วย ตอนนี้ก็ควรจะเลือกไปแต่ละชนเผ่า ข้าจะไปยังชนเผ่าอูเหยียน”
“ข้าเลือกชนเผ่าอูปิง” วังกล่าว
“ชนเผ่าอูต๋า!” เมิ่งฮ่าวกล่าว สีหน้าราบเรียบเหมือนเช่นเคย ไม่เปิดเผยร่องรอยใดๆ แม้แต่น้อย
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะเลือกชนเผ่าอูโต้ว” หลีเทียนกล่าว
มั่วจึงต้องรับชนเผ่าอูอ้านไป เมื่อกำหนดได้ครบเรียบร้อยแล้ว เหยียนซงก็หยิบเอาหลัวผาน (เข็มทิศจีน) รูปร่างแปดเหลี่ยมออกมาวางลงไปบนพื้น แสงเวทของการเคลื่อนย้ายทางไกลก็พุ่งขึ้นมาในทันที
“หลังจากที่เข้าไปในห้าชนเผ่าแล้ว พวกเราจะติดต่อกันให้น้อยลงมากที่สุด” มันกล่าว “พวกเราจะรวมตัวกันใหม่ในภูเขาอีกาศักดิ์สิทธิ์ ใช้แผ่นหยกในการสื่อสารกัน” มันหยิบเอาแผ่นหยกออกมา ยื่นส่งให้กับคนอื่นๆ “นี่คือรายละเอียดของห้าชนเผ่าและทะเลทรายตะวันตก บังเอิญยิ่งนักที่ตอนนี้ทั้งห้าเผ่ากำลังรับสมัครผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก การแทรกซึมเข้าไปจึงไม่ยากมากนัก” ด้วยเช่นนั้น มันก้าวเท้าเข้าไปในเวทเคลื่อนย้ายทางไกลและหายตัวไป
วังและมั่วติดตามไปตามลำดับ ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่เขาตรวจสอบเวทเคลื่อนย้ายทางไกลนั้นด้วยความระมัดระวัง หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก เขาก็เรียกยักษ์เถื่อน ซึ่งยังคงถือกู่ลาอยู่ในมือมา จากนั้นเขาก็เข้าไปในเวทอาคม ภายใต้การจับตาดูของหลีเทียน
แสงสีบานสะพรั่งอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าวขณะที่เขาเคลื่อนย้ายทางไกลจากไป รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ ราวกับว่าจู่ๆ เขาก็ลอยเคว้งคว้างอยู่ในห้วงกาลเวลา ไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ก่อนที่เสียงหึ่งๆ จะเต็มอยู่ในจิตใจ รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ จากนั้น ทุกสิงทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เขาปรากฎตัวขึ้นใหม่ในภูเขาสีเขียวที่ขยายยืดยาวออกไป