ภูเขาที่เมิ่งฮ่าวอยู่ในตอนนี้ ไม่ได้ใกล้กับเผ่าอูต๋า อันที่จริง มันอยู่ห่างไกลออกมาในเทือกเขาที่ยืดยาวออกไปจนไร้ขอบเขต ซึ่งเป็นนิสัยปกติของเขา ที่จะนำฝูงสัตว์ปีศาจมายังเขตอันห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เมื่อได้ยินเสียงนี้ เขาก็ไม่ขยับตัว เพียงแต่รับฟังอยู่สักพัก
โดยปกติแล้ว เมิ่งฮ่าวไม่ได้พบปะกับใครในที่แห่งนี้ เขามักจะอยู่ตามลำพัง ดังนั้น หลังจากที่ได้ยินเสียงนี้ เมิ่งฮ่าวก็ส่งจิตสัมผัสออกไปตรวจสอบสถานการณ์
ที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ถูกแยกจากเมิ่งฮ่าวโดยภูเขาขนาดกลาง มีกลุ่มคนเผ่าอูต๋าอยู่เจ็ดถึงแปดคน ตอนนี้ พวกมันกำลังเผชิญหน้าอย่างเกรี้ยวกราดกับคนกลุ่มอื่นสามคน จากเสื้อผ้าของพวกมัน ก็เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นคนของเผ่าอูปิง
ที่อยู่ตรงกลางของคนทั้งสามเป็นเด็กหนุ่ม พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ที่ขั้นต้นพื้นฐานลมปราณ สองคนที่ขนาบข้างมันมีอายุมากกว่าเล็กน้อย และใบหน้าก็ปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา รวมถึงท่าทีดูถูก ขณะที่พวกมันจ้องไปยังคนของเผ่าอูต๋า
อย่างน่าแปลกใจ อูเฉินและอูหลิงก็อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเผ่าอูต๋าด้วย อูไห่ก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน รวมถึงคนอื่นๆ ที่เมิ่งฮ่าวคุ้นเคย ทั้งหมดเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นของเผ่าอูต๋า
พวกมันถูกล้อมรอบด้วยสัตว์ปีศาจ ซึ่งเปล่งกลิ่นอายอันดุร้ายและจ้องไปยังสามคนจากเผ่าอูปิง
ที่วางอยู่ระหว่างคนทั้งสองกลุ่มเป็นร่างแหที่กำลังเรืองแสงอยู่เลือนลาง มีอสรพิษตัวเล็กๆ นอนหมดสติไม่ไหวติงอยู่ภายในร่างแห
อูหลิงกัดฟันที่สวยงามของนางและกล่าวว่า “พวกเราเป็นคนพบอสรพิษเหล็กดำนี้! พวกเราต้องจ่ายค่าตอบแทนมากมายสำหรับมัน พวกเราจับมันได้ แล้วพวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรจะมานำมันไป?!?”
เด็กหนุ่มจากเผ่าอูปิงหัวเราะอย่างเย็นชา แทบจะไม่สนใจกลุ่มคนจากเผ่าอูต๋า มันเดินตรงไปยังแหสีดำ จากนั้นก็โบกสะบัดมือ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะนำมันไป อูหลิงขบฟันแน่น จากนั้นก็ร่ายเวทอาคมด้วยมือขวา ทันใดนั้น สุนัขป่าชิงมู่ที่อยู่ข้างกายนางก็กระโจนตรงไป ในเวลาเดียวกันนั้น พลังภาพศักดิ์สิทธิ์ก็กระจายออกมาจากร่างของอูหลิง
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ ท่าทางดูถูกก็ปรากฎขึ้นในแววตาของผู้เยาว์เผ่าอูปิง มันโบกสะบัดมือซ้าย ครั้นแล้วสุนัขป่าผีดิบที่มีกลิ่นเหม็นหึ่งสีดำก็ปรากฎตัวขึ้น มันเงยหน้าขึ้น และส่งเสียงเห่าคำราม ขณะที่พุ่งตรงไปยังอูหลิง
สีหน้าของกลุ่มคนเผ่าอูต๋าเปลี่ยนไปในทันที และพวกมันก็โจมตีไปโดยพร้อมเพรียงกัน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น และกลุ่มคนเผ่าอูต๋าก็โซเซถอยไปด้านหลัง พ่นโลหิตออกมา
“สัตว์ปีศาจระดับหก…” อูไห่ร้องอย่างขมขื่นออกมา
ใบหน้าอูเฉินซีดขาว อูหลิงดูเหมือนจะรู้ตัวว่านางกำลังทำอะไรอยู่ แต่โชคร้ายที่พวกมันไม่อาจจะทำอันใดได้ สุนัขป่าผีดิบที่มีกลิ่นเหม็นหึ่งยืนอยู่ที่นั่น มองมายังพวกมันด้วยความเย็นเยียบ
“เผ่าอูปิงของข้า และเผ่าอูต๋าของเจ้ามีรากเหง้าเดียวกัน ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น พวกเจ้าที่มาตอแยข้าในวันนี้ก็คงจะต้องตายไปทั้งหมด!” เด็กหนุ่มมองอย่างเหยียดหยามไปยังกลุ่มคนเผ่าอูต๋า จากนั้นก็คว้าจับร่างแหสีดำ หันหลังจากไป แต่ฉับพลันนั้นก็มองกลับมาด้านหลัง มันเพิ่งจะมองเห็นอู่เหมา ที่นอนอยู่ในป่า กำลังสังเกตดูสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
อู่เหมาค่อนข้างจะมีจิตวิญญาณอยู่ในระดับสูง และอยากรู้อยากเห็นต่อเรื่องราวต่างๆ อย่างลึกล้ำ ก่อนหน้านี้ มันกำลังจะผ่านไป แต่ความสนใจของมันก็ไปสะดุดอยู่ที่สุนัขป่าผีดิบที่มีกลิ่นเหม็น มันจึงมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างช่วยไม่ได้
“ช่างสง่างามนัก!” เด็กหนุ่มกล่าว ทันใดนั้นดวงตามันก็สาดประกายด้วยความยินดี ขณะที่มองไปยังอู่เหมา “สุนัขป่านั่น…ไม่ธรรมดาจริงๆ! ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้พบกับสุนัขป่าชิงมู่เช่นนั้นในสถานที่แห่งนี้ ถ้าข้านำมันกลับไปมอบเป็นของกำนัลแก่ท่านอาจารย์ ท่านก็คงต้องดีใจอย่างแน่นอน!” มันหัวเราะเสียงดัง ผู้ติดตามจากเผ่ามันสองคนที่ข้างกาย มองไปยังอู่เหมาด้วยสีหน้าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
อู่เหมาไม่ได้ตัวเล็กอีกต่อไป และมีท่าทางน่าเกรงขาม พวกมันเห็นได้ในทันทีว่า มันไม่ใช่สุนัขป่าธรรมดา
“อู่เหมา!” อูเฉินกล่าว มันจดจำได้ในทันที หลังจากที่จ้องไปด้วยความตกตะลึงชั่วขณะ จิตใจมันก็เต็มไปด้วยความดีใจในทันที มันมองไปรอบๆ และคิดว่าถึงไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แต่มันรู้ว่าถ้าอู่เหมาอยู่ในบริเวณนี้จะหมายถึงอะไร
สีหน้าอูไห่ก็เต็มไปด้วยความดีใจด้วยเช่นกัน มีเพียงอูหลิงเท่านั้นที่มีความรู้สึกสับสนปนเป สำหรับคนอื่นๆ ของเผ่าอูต๋า พวกมันทั้งหมดจำอู่เหมาได้เช่นกัน และเต็มไปด้วยความดีใจในทันที
เมื่อได้ยินพวกมันเรียกชื่อ อู่เหมาก็หันหน้ามาด้วยความประหลาดใจ มันมองมาชั่วขณะ จากนั้นก็หันไปจ้องยังสุนัขป่าผีดิบด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อไป
ท่าทางโหดเหี้ยมดุร้ายปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม มันไม่ได้สนใจว่าคนของเผ่าอูต๋าจะจดจำสุนัขป่าชิงมู่ตัวนี้ได้หรือไม่ เท่าที่มันคิด สิ่งใดที่มันมองเห็น โดยเฉพาะสิ่งที่มันต้องการจะมอบให้เป็นของกำนัลแด่อาจารย์ของมัน มันก็จะนำไป ทั่วทั้งเผ่าอูปิงต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน สำหรับเผ่าอื่นๆ ยากที่จะมีใครมาต่อกรกับอาจารย์ของมันได้
“นำสุนัขป่านั่นมาให้ข้า! ข้าต้องการแบบตัวเป็นๆ!” ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของมัน สองคนที่ยืนอยู่ข้างกายมันก็รีบทำตามคำสั่งในทันที พร้อมกันนั้น สุนัขป่าผีดิบที่มีกลิ่นเน่าเหม็นก็พุ่งตรงไปยังอู่เหมา
ขณะที่สองผู้ฝึกตนบินฝ่าอากาศไป รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็เปล่งประกายเจิดจ้า กลายเป็นร่างแหขนาดใหญ่ ลอยไปล้อมอู่เหมาเอาไว้
ดวงตาอู่เหมาแวบแสงอันเย็นชาขึ้น จากนั้นร่างของมันก็ขยับเคลื่อนไหว ระเบิดพลังพุ่งตรงไปโจมตี ปากของมันอ้ากว้างขณะที่จะกัดไปที่เด็กหนุ่ม ความรวดเร็วเช่นนั้นของมันทำให้เด็กหนุ่มไม่มีเวลาในการแสดงปฏิกิริยาใดๆ เพียงชั่วพริบตา มันก็มาอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม เมื่อเกิดขึ้นเช่นนี้ แสงสีดำก็พุ่งออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม
แสงสีดำกระแทกเข้าไปยังอู่เหมา ซึ่งส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ทันใดนั้น กลุ่มควันสีดำก็เริ่มกระจายออกมาจากร่าง และมันก็รีบล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ทำเช่นนั้น สุนัขป่าผีดิบที่เหม็นเน่าก็เข้ามาใกล้มัน ดวงตาสาดประกายอย่างโหดเหี้ยมเย็นชา อ้าปากกว้างขณะที่เตรียมจะกัดอู่เหมา
ในตอนนี้เองที่เสียงเห่าหอนทันใดนั้นก็ได้ยินออกมาจากแนวป่าใกล้บริเวณนั้น ลำแสงสีเขียวพุ่งเข้าไปกระแทกกับร่างของสุนัขป่าผีดิบ ซึ่งตัวสั่นสะท้านขณะที่ลอยละลิ่วไปทางด้านหลังราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน ขณะที่มันลอยกระเด็นไป ซื่อเหมาก็ปรากฎตัวมายืนอยู่ข้างอู่เหมาในฉับพลัน มันมองตรงไปยังคนทั้งสามของเผ่าอูปิง แยกเขี้ยวอันแหลมคมเห่าคำรามไปที่พวกมัน
“สองตัว! ฮา ฮา! มีถึงสองตัว!” เด็กหนุ่มร้องออกมา “ถ้าข้านำพวกมันไปแสดงต่ออาจารย์ ท่านต้องตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน!” อันที่จริงเด็กหนุ่มรู้สึกตกใจอยู่ด้านใน การโจมตีเมื่อครู่นี้รวดเร็วมากจนมันไม่ทันจะมีปฏิกิริยาใดๆ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะภาพศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองที่อาจารย์ให้มันมา มันก็คงถูกแยกของเป็นสองส่วนไปแล้ว จึงทำให้มันอยากจะได้อู่เหมามากยิ่งขึ้น ดวงตามันสาดประกายด้วยแสงอันเย็นชา
มันโบกสะบัดมือขวา ทำให้กำไลสีดำลอยออกไป ทันใดนั้นก็เกิดเป็นเสียงปังขณะที่มันแตกกระจายในกลางอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นกระแสน้ำวน ซึ่งภายในมีเสียงคำรามหลายเสียงดังกระหึ่มออกมาให้ได้ยิน ลำแสงสีดำมากมายฉับพลันนั้นก็พุ่งออกมา กลายเป็นสุนัขป่าผีดิบที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่ามากกว่ายี่สิบตัว
“โจมตี! ข้าไม่สนใจว่าใครจะเป็นหรือตายไป แค่ทำให้ร่างของสุนัขป่าชิงมู่ไม่ฉีกขาดมากเกินไปก็พอแล้ว!” ความเกลียดชังอย่างชั่วร้ายกระจายออกมาจากดวงตาของเด็กหนุ่ม
ทันทีที่สุนัขป่าผีดิบปรากฎขึ้น กลิ่นเหม็นเน่าก็กระจายออกมา ยิ่งไปกว่านั้น พื้นดินในป่าทั่วทุกทิศทางก็เริ่มแห้งลงและเปลี่ยนเป็นสีดำ สีหน้าของกลุ่มคนเผ่าอูต๋าสลดลงในทันที
“ซื่อเหมา, อู่เหมา รีบออกไปจากที่นี่!!” อูเฉินร้องตะโกนอย่างเร่งร้อน
“ตาย!” เด็กหนุ่มร้องออกมา หัวเราะขณะที่มันชี้มือตรงมายังอูเฉินและคนอื่นๆ ทันใดนั้น สุนัขป่าผีดิบสี่ตัวก็หันร่างตรงมายังกลุ่มคนเผ่าอูต๋า จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีดำ ขณะที่พวกมันพุ่งตรงมาโจมตี
สุนัขป่าผีดิบที่เหลือแผ่ความอำมหิตและบ้าคลั่งออกมา ขณะที่พวกมันพุ่งตรงไปยังซื่อเหมาและอู่เหมา
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ขณะที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ในที่สุด เขาก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา ต้าเหมามองขึ้นมาและเริ่มส่งเสียงเห่าหอน ทันใดนั้นเสียงหอนนั้นก็ดังเต็มอยู่ในผืนป่า เอ้อร์เหมาและซานเหมา รวมถึงสุนัขป่าชิงมู่ที่เหลือทั้งหมดในพื้นที่แห่งนั้น ต่างก็ได้ยินเสียงหอนนี้ พวกมันพุ่งตรงไปยังทิศทางของซื่อเหมาแหละอู่เหมาในทันที
ความเร็วของพวกมัน เกิดขึ้นเพียงแค่เด็กหนุ่มรวมถึงกลุ่มคนเผ่าอูต๋า กระพริบตาแค่ครั้งเดียว ก็มองเห็นลำแสงสีเขียวพุ่งตรงมาจากภายในผืนป่ารอบๆ ทันใดนั้น สุนัขป่าชิงมู่ยี่สิบกว่าตัวก็ปรากฎขึ้นที่นั่น แต่ละตัวมีท่าทางสง่างามอย่าน่าเหลือเชื่อดูไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสองตัวในกลุ่มนั้น ซึ่งมีความยาวมากกว่าสามจ้าง และกระจายแสงสีเขียวเจิดจ้าออกมา ความโหดร้ายและเย็นชาที่สาดประกายอยู่ในดวงตาพวกมัน ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น
สีหน้าของเด็กหนุ่มสลดลงไปในทันที สุนัขป่าผีดิบที่เน่าเหม็น ซึ่งกำลังบินฝ่าอากาศมา สัมผัสได้ถึงวิกฤตอันตรายที่ใกล้เข้ามาในทันที และฉับพลันนั้นพวกมันก็หยุดลงและมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังตัว
“เอ้อร์เหมา! ซานเหมา!” อูเฉินร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น
เด็กหนุ่มจากเผ่าอูปิงมีท่าทางตกตะลึง คนในเผ่าอีกสองคนที่อยู่ด้านข้างมันก็มองไปรอบๆ ด้วยความแปลกใจ ถึงการมาของสุนัขป่าชิงมู่ด้วยเช่นกัน
“ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะเป็นคนที่โชคดีอะไรเช่นนี้” เด็กหนุ่มกล่าวหลังจากผ่านไปชั่วขณะ หัวเราะเสียงดังออกมา “มีสุนัขป่าชิงมู่ยอดเยี่ยมมากมายที่จะนำไปให้อาจารย์! ในจิตใจของท่าน ข้าต้องเหนือกว่าพี่สองและพี่ใหญ่อย่างแน่นอน!”
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เสียงหัวเราะของมันดังก้องไปทั่ว เสียงคำรามอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตก็กระจายออกไปทั่วทั้งผืนป่า เสียงดังเป็นวงกลมไปรอบๆ ทั่วทุกทิศทาง ตามมาด้วยกลิ่นอายอันหยิ่งผยอง ซึ่งทำให้สัตว์ปีศาจในบริเวณนั้นเริ่มตัวสั่นสะท้านในทันที แม้แต่ผู้ฝึกตนของเผ่าอูต๋าและเผ่าอูปิงก็รู้สึกว่าจิตใจพวกมันกำลังสั่นสะท้าน
ในเวลาเดียวกันนั้น ความเลือนลางสีขาวก็ปรากฎขึ้น พุ่งมาอย่างรวดเร็วทำให้มองไม่ออกว่าเป็นอะไรนอกจากเห็นเป็นสีขาว สีขาวอันเลือนลางนั้นกระแทกเข้าไปในกลุ่มสุนัขป่าผีดิบเจ็ดถึงแปดตัว ครั้นแล้วเสียงระเบิดก็ดังก้องออกมา ตามด้วยเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนจนน่าตกใจ สุนัขป่าผีดิบทั้งหมดระเบิดออก ส่งผลให้เกิดเป็นกลุ่มหมอกสีดำที่เหม็นเน่าม้วนตัวไปมาทั่วทุกทิศทาง ความเลือนลางสีขาวที่ทำให้โลกต้องสั่นสะเทือนนั้นกลายเป็นสุนัขป่าสีขาว ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความสง่างามอย่างที่สุด ราวกับว่ามันสามารถดูแคลนได้ทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี
ร่างของสุนัขป่าสีขาวไม่ได้ใหญ่โตมากนัก และดูค่อนข้างจะอ่อนแอ แต่ทันทีที่มันปรากฎตัวขึ้น สุนัขป่าชิงมู่ทั้งหมดต่างก็หมอบตัวลงไปในทันที แสดงท่าทางจงรักภักดีออกมา
“ราชาสุนัขป่าขาว!!” นี่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนทั้งหมดซึ่งกำลังมองมาต่างก็คิดอยู่ในตอนนี้
ราชาสุนัขป่าขาว!
สีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปในทันที และมันก็เริ่มหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ถอยไปด้านหลังสองสามก้าว มองไปยังราชาสุนัขป่าขาว ดวงตาเต็มไปด้วยความโลภและบ้าคลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ราชาสุนัขป่าขาว!! ใครจะไปคาดคิดว่าสถานที่แห่งนี้จะมีราชาสุนัขป่า! ถ้าอาจารย์รู้เข้า ท่านต้องดีใจอย่างแน่นอน!! ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นเจ้าของราชาสุนัขป่าตัวนี้ ในตอนนี้เมื่อมันมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ มันก็ต้องเป็นของข้า!” เด็กหนุ่มแผดเสียงหัวเราะออกมา ขณะที่ยื่นมือขวาออกไปในทันที มีแผ่นหยกถืออยู่ในมือ มันใช้ความรวดเร็วอย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้บดขยี้แผ่นหยก ซึ่งจะเป็นการส่งข้อความไปให้กับอาจารย์ของมัน, กู่ลา
เมิ่งฮ่าว ยังคงสังเกตการณ์ด้วยจิตสัมผัสอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็ส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชาออกมา และจากนั้นก็ก้าวเนิบนาบเดินตรงไป