“เป็นไปไม่ได้! ที่มันจะเป็น…? คนผู้นี้…” เหยียนซงมองไปยังโจวเต๋อคุนโดยไม่รู้ตัว ถ้ามันไม่ได้สรุปไปแล้วว่า โจวเต๋อคุนเป็นเจ้าโอสถที่แท้จริงแล้ว ในตอนนี้มันก็คงจะคิดว่าเจ้าโอสถตัวจริง ต้องเป็นเมิ่งฮ่าวอย่างแน่นอน
ถึงแม้มันจะมีความมั่นใจ แต่ก็ยังคงสั่นสะท้าน หลังจากที่ได้ยินคำพูดโจวเต๋อคุนเมื่อครู่นี้ ก็ยากที่จะบอกว่า…โจวเต๋อคุนเป็นคนวางแผนเรื่องราวทั้งหมดนี้ หรือสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้เป็นเพราะโจวเต๋อคุนรู้สึกอึดอัดใจเพราะมัน
ไม่ใช่เหยียนซ่งเพียงคนเดียวที่มองไปยังโจวเต๋อคุนโดยไม่รู้ตัว ผู้ฝึกตนที่มุงดูอยู่, สี่ผู้อาวุโสสูงสุด และอดีตสมาชิกตระกูลหานเสวี่ย, หานเสวี่ยจ้ง คนทั้งหมดต่างก็หันไปมองโจวเต๋อคุนตามสัญชาติญาณในทันที
ขณะที่คนทั้งหมดหันมามองโจวเต๋อคุน สิ่งที่พวกมันเห็นก็คือ รอยยิ้มอย่างไม่แยแส, เรียบเฉย และสีหน้าที่ยกย่องชมเชย เห็นได้ชัดว่ามันกำลังให้กำลังใจต่อผู้เยาว์รุ่นหลัง ซึ่งทำให้ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ท่าทางที่ภาคภูมิใจของมัน ซึ่งกระจายบรรยากาศของเจ้าโอสถออกมา ทำให้ทุกคนคิดว่าโจวเต๋อคุนอยู่ในจุดสูงสุดของเต๋าแห่งการปรุงยาอย่างแท้จริง
แม้เหยียนซงจะลังเลใจอยู่ในตอนนี้ แต่ท่าทางของโจวเต๋อคุนก็แนบเนียนไร้ช่องโหว่ใดๆ ซึ่งอันที่จริง แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังรู้สึกประหลาดใจ ถ้าเขาไม่รู้จักโจวเต๋อคุนเป็นการส่วนตัวแล้วละก็ แม้แต่เขาก็คงต้องถูกหลอกลวงอย่างแน่นอน
รอยยิ้มที่เยือกเย็นของโจวเต๋อคุน จริงๆ แล้วก็เป็นการปกปิดจิตใจที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ภายใน เต็มไปด้วยความตกตะลึงและประหลาดใจ มันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า สิ่งที่เมิ่งฮ่าวกำลังรอคอยจะเป็นสายฟ้า?
“มันใช้สายฟ้าเป็นส่วนผสมสำคัญสุดท้ายสำหรับเม็ดยา?” มันคิด “มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว! เป็นตัวประหลาด! มันยังผิดปกติมากกว่าฟางมู่ซะอีก!” อย่างไรก็ตาม ยิ่งจิตใจมันสั่นสะท้านมากขึ้นเท่าใด, ใบหน้ามันก็ยิ่งเยือกเย็นมากขึ้นเท่านั้น ความสามารถเช่นนี้ได้ถูกใช้มานานหลายปีในดินแดนสีดำ ทำให้มันบรรลุถึงจุดสูงสุดได้อย่างแท้จริง ด้วยระดับเช่นนี้จึงทำให้บางครั้งแม้แต่ตัวมันเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
แต่โดยส่วนมากแล้ว มันมักจะเข้าใจเรื่องราวได้อย่างโปร่งใสชัดแจ้ง แต่ในตอนนี้มันกำลังคร่ำครวญหวนไห้อยู่ภายในใจ เนื่องจากทักษะการหลอกลวง เมื่อครู่นี้มันได้มองขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างอวดดี ทำให้ตอนนี้ดวงตาของพวกที่มุงดูอยู่ก็ตระหนักว่าได้เกิดอะไรขึ้นในทันที
“การที่โจวต้าซือมองขึ้นไปยังท้องฟ้าเมื่อครู่นี้ ก็เป็นเพราะท่านรู้มาโดยตลอดว่าสายฟ้าเป็นส่วนผสมหลัก!”
“นั่นก็ใช่แล้ว! ข้ากำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่พอดี แต่ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าโจวต้าซือก็คือ เจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยาอย่างแท้จริง!”
เหยียนซงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และสีหน้าก็เต็มไปด้วยการยอมรับ นี่ยังไม่ได้พูดถึงสี่ผู้อาวุโสสูงสุด และหานเสวี่ยจ้ง ผู้เป็นสายโลหิตของตระกูลหานเสวี่ย ซึ่งไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยามากนัก แต่ก็ใช้ปฏิกิริยาท่าทางของเหยียนซงตัดสินโจวเต๋อคุน
“นั่นคือเม็ดยาอะไร?” เหยียนซงถามด้วยสีหน้าจริงจัง ในตอนนี้ใบหน้ามันไร้ร่องรอยการดูถูกใดๆ เม็ดยาของเมิ่งฮ่าวได้พิสูจน์ถึงระดับเต๋าแห่งการปรุงยาของเขาแล้ว ตอนนี้เหยียนซงรู้สึกสนใจเขาเป็นอย่างมาก และยังได้วางเขาไว้ในระดับใกล้เคียงกับโจวเต๋อคุน
เมิ่งฮ่าวยิ้ม “แค่เป็นเม็ดยาธรรมดาที่สามารถปลดปล่อยทะเลสายฟ้าออกมาได้” นี่เป็นเม็ดยาที่ไม่อาจกลืนกินลงไปได้ แต่เป็นเม็ดยาเวทมากกว่า เมิ่งฮ่าวตระหนักว่าการใช้ธาตุทั้งห้ามาเป็นวิธีการปรุงยา จะทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อใช้ในการปรุงเม็ดยาเวท
เหยียนซงยืนครุ่นคิดอยู่ที่นั่นสักพัก ไม่มีความจำเป็นสำหรับมันที่จะตรวจสอบเม็ดยาโดยละเอียด เมื่อพิจารณาว่ามันได้สังเกตขั้นตอนการปรุงยามาโดยตลอด รวมถึงได้เห็นผลลัพธ์สุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มันสามารถบอกได้โดยไร้ข้อกังขาใดๆ ว่า คำพูดของเมิ่งฮ่าวนั้นถูกต้อง
ยาเม็ดนี้เป็นสิ่งที่ตัวมันเองไม่อาจจะปรุงออกมาได้ ถึงแม้มันจะโชคดีอย่างน่าเหลือเชื่อ และทำให้มีสายฟ้าฟาดลงมาในช่วงขั้นตอนการปรุงยาก็ตามที
ในอดีต มันเคยเห็นสายฟ้าถูกนำมาสร้างเป็นเม็ดยา แต่ก็มักจะเป็นเส้นทางลัดในการช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของธาตุทั้งห้า ไม่มีอะไรที่เหมือนกับสิ่งที่เมิ่งฮ่าวได้ทำมาก่อน ซึ่งเขาได้ใช้สายฟ้าเป็นส่วนผสมหลักอย่างแท้จริง
ความแตกต่างระหว่างวิธีการทั้งสองนี้ ก็ทำให้เห็นสิ่งที่เหนือกว่าและด้อยกว่าอย่างชัดเจน
โจวเต๋อคุนกระแอมไอ จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจังว่า “ยอดเยี่ยม วิธีการปรุงยาของเจ้านั้นน่าสนใจยิ่ง พยายามต่อไป เจ้าควรจะทุ่มเทความคิดเข้าไปให้มากกว่านี้ บางทีเจ้าอาจจะสามารถบุกเบิกเป็นเส้นทางสายใหม่ของเต๋าแห่งการปรุงยาได้ เมื่อเดินทางไปบนเส้นทางที่ยิ่งใหญ่ของเต๋าแห่งการปรุงยานั้น ก็ไม่ควรจะพึงพอใจอยู่แค่นี้ การปรุงยาเป็นสิ่งที่ไร้ขอบเขต และเต๋าก็ไร้จุดสิ้นสุด พวกเราต้องรักษาจิตใจที่อยากรู้อยากเห็นไว้ เพื่อทำให้เต๋าแห่งการปรุงยาของสวรรค์และปฐพีนี้ถูกต้องสมบูรณ์!” ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสของผู้อาวุโส ราวกับว่ามันเป็นอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่กำลังให้คำแนะนำบางอย่างอยู่
สีหน้าแปลกๆ ถูกเขียนอยู่บนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ราวกับเป็นรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ใช่ เหยียนซงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และจากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับโจวเต๋อคุน
“โจวต้าซือ คำพูดของท่านช่างเป็นความจริงอันสูงสุด ข้า, เหยียนซง ตอนนี้ก็มั่นใจอย่างถ่องแท้แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอดูเม็ดยาก่อนหน้านี้อีก ข้ายังเข้าใจแล้วว่าทำไมท่านถึงไม่ยินดีให้ข้ามองดูมัน ท่านรู้สึกว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของข้ายังไม่เพียงพอ และการมองไปยังยาเม็ดนั้นก็จะไปรบกวนจิตใจข้า โจวต้าซือ, ข้าจะจดจำความเมตตาของท่านนี้ไปตลอดชีวิต” อีกครั้งที่มันโค้งตัวลงด้วยความจริงใจอย่างที่สุด
สีหน้าโจวเต๋อคุนยังคงหยิ่งยโสขณะที่มันยิ้มอย่างไม่แยแส แต่กลับกัน ก็ทำให้พวกที่มุงดูเห็นว่ามันน่ายกย่องมากยิ่งขึ้น ตอนนี้สี่ผู้อาวุโสสูงสุดมองไปยังโจวเต๋อคุนด้วยความเลื่อมใสมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง เขามองลงไปยังเม็ดยาที่อยู่ในมือ และจากนั้นก็โจวเต๋อคุน ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เม็ดยาที่เขาปรุงขึ้นมาอย่างยากเย็น ได้ถูกโจวเต๋อคุนวิจารณ์อย่างลวกๆ จากนั้นทุกคนก็เห็นว่าคำพูดของมันมีคุณค่าเป็นอย่างมาก
“โจวเต๋อคุนมีความสามารถใหม่อยู่ในดินแดนสีดำนี้อย่างแท้จริง” เมิ่งฮ่าวคิด ขณะที่เขามองไปยังมัน โจวเต๋อคุนก็มองมาที่เขา และทันใดนั้น มันก็เริ่มสั่นสะท้านอยู่ในใจ จากนั้น มันก็อ้าปากด้วยความตั้งใจว่าจะกล่าวคำยกย่องต่อเมิ่งฮ่าวอย่างแท้จริงออกมา
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองที่ผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งยืนอยู่ข้างกายหานเสวี่ยจ้ง ทันใดนั้น ก็พุ่งตรงไปยังโจวเต๋อคุน
สี่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลหานเสวี่ย ก็กำลังมองชายชราผู้นี้อยู่แล้วในตอนนี้ ทันทีที่มันขยับตัวเคลื่อนไหว พวกมันก็บินไปขัดขวางมัน
คนทั้งหมดกระแทกเข้าหากัน และเสียงระเบิดขนาดใหญ่ก็ดังก้องออกมา โลหิตกระจายออกมาจากปากของสี่ผู้อาวุโสสูงสุด ชายชราจากทะเลทรายตะวันตกตัวสั่นสะท้าน ทันใดนั้น มันก็เปลี่ยนทิศทาง และพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
สี่ผู้อาวุโสสูงสุดตกลงไปด้านหลัง ขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ชี้ตรงไปยังโจวเต๋อคุน เกราะป้องกันเรืองแสงก็ล้อมไปรอบๆ ตัวมันในทันที
จิตใจโจวเต๋อคุนสั่นสะท้าน และโดยไม่ต้องขบคิด มันก็ทำสีหน้าให้สงบเยือกเย็นอย่างที่สุด ดูท่าทางหยิ่งยโสเหมือนเช่นเคย เมื่อได้เห็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้หานเสวี่ยจ้งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น มันพุ่งตรงไปด้วยเช่นกัน
มันเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชือ ไปปรากฎกายอยู่ข้างเกราะป้องกันโจวเต๋อคุนในทันที ยกมือขึ้นและกดลงไปบนเกราะป้องกันอย่างแผ่วเบา ทำให้เกราะป้องกันแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที สี่ผู้อาวุโสสูงสุดส่งเสียงแผดร้อง และกำลังจะพุ่งตรงไป แต่หานเสวี่ยจ้งก็โบกสะบัดมือขวา และกวาดพวกมันออกไป ในเวลาเดียวกันนั้น มือซ้ายของมันก็ยื่นออกไปคว้าจับโจวเต๋อคุนไว้
ร่างโจวเต๋อคุน ทันใดนั้นก็สั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว และกำลังจะส่งเสียงแผดร้องออกมา
“ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก โจวต้าซือ” หานเสวี่ยจ้งกล่าว “ข้าจะไม่ทำร้ายท่าน ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าการปล่อยให้เจ้าโอสถที่มีพรสวรรค์เช่นท่านอยู่ในสถานที่เล็กๆ แห่งนี้เป็นการสูญเสียอย่างแท้จริง ไปยังทะเลทรายตะวันตกพร้อมกับข้า ท่านจะได้เผชิญหน้ากับงานที่ท้าทายกว่าอยู่ในสถานที่แห่งนี้ แต่ถ้าท่านปฏิเสธ ก็จะเป็นการบังคับให้ข้าช่วยให้ท่านเข้าใจถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่เลวร้ายกว่าตกตายไปว่าคืออะไร!”
เมื่อถูกจับตัวเช่นนี้ โจวเต๋อคุนก็ไม่อาจจะแสดงท่าทีหยิ่งยโสได้อีกต่อไป ใบหน้ามันซีดขาว ร่างกายสั่นสะท้าน และความหวาดกลัวอย่างรุนแรงก็เติมเต็มอยู่ในจิตใจ
“นี่เป็นการเข้าใจผิด!” มันโพล่งออกมา “ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด เต๋า…เต๋า…เต๋าแห่งการปรุงยาของข้าไม่อาจเทียบกับมันได้!” มันยกมือที่สั่นไปมาชี้ไปยังเมิ่งฮ่าว “ถ้าท่านต้องการจะนำใครไป, ก็ให้นำมันไป! ถ้าท่านนำข้าไป ก็จะทำให้ท่านเสียเวลาเปล่า!”
แสงอันเย็นชาปรากฎขึ้นในดวงตาหานเสวี่ยจ้ง “โจวต้าซือ, ท่านสามารถมองเห็นสายฟ้าที่เป็นส่วนผสมหลักซึ่งขาดหายไปในเม็ดยานั้นได้ อย่าคิดว่าจะหลอกลวงข้าด้วยคำพูดเช่นนี้ได้!”
“ข้า…ข้าไม่ได้เก่งเช่นนั้นจริงๆ!” โจวเต๋อคุนแผดร้องออกมา จิตใจดิ่งวูบลง “ข้าสาบานได้! เรื่องทั้งหมดที่ข้ากล่าวมาเป็นแค่คำพูดกลวงๆ ไม่มีสิ่งใดที่ถูกต้องอย่างแท้จริง! เอามันไป! มันจึงเป็นเจ้าโอสถตัวจริง! มันสามารถเทียบได้กับศิษย์น้องข้า, ฟางมู่…มันเป็นผู้ที่น่ามหัศจรรย์ใจมากกว่าข้า!”
เมื่อเมิ่งฮ่าวเห็นผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งเข้ามาใกล้ เขาก็ใช้วิชาระเบิดโลหิตชั่วพริบตาโดยไม่ลังเล หายตัวไปและจากนั้นก็ปรากฎตัวขึ้นมาใหม่ห่างไกลออกไปสิบกว่าจ้างในทันที
“อี๋?” ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกร้องขึ้น มันกำลังจะไล่ตามต่อไป ขณะที่หานเสวี่ยจ้งบินขึ้นไปในอากาศ จับโจวเต๋อคุนที่กำลังตัวสั่นไว้ในมือ
“ไม่จำเป็นต้องไปสร้างปัญหาให้กับมัน” หานเสวี่ยจ้งกล่าวเสียงราบเรียบ “พวกเรามายังที่นี่เพื่อเชื้อเชิญผู้ฝึกตนที่โดดเด่นมากที่สุดให้มาร่วมมือ ตอนนี้พวกเราก็มีโจวต้าซือแล้ว คนอื่นๆ ไม่จำเป็น”
“ข้าไม่ใช่ผู้ที่โดดเด่นมากที่สุด!” โจวเต๋อคุนร้องขึ้น ขนลุกตั้งชี้ชัน “บัดซบ, ข้าไม่ใช่จริงๆ! นี่เป็นเรื่องผิดพลาด! เป็นเรื่องเข้าใจผิด! ข้าเพียงแต่เสแสร้างทำท่าเมื่อครู่นี้ จริงๆ แล้วมันเป็นการแสดง! ข้าไม่ใช่เจ้าโอสถ ข้าเป็นแค่เจ้าแห่งเตาแก่ๆ ธรรมดาคนหนึ่งแห่งแผนกเม็ดยาบูรพา คนผู้นั้นถึงจะเป็นเจ้าโอสถจริงๆ มันก็คือต้าซือ นำมันไป!!” มันปรารถนาอยากจะร้องไห้ แต่ก็ไร้หยาดน้ำตาไหลรินออกมา มันหลอกลวงได้เก่งกาจ จนไม่อาจจะควบคุมได้โดยสิ้นเชิง
มันเริ่มสั่นสะท้านและร่ำไห้อย่างเศร้าโศกเสียใจ
“ไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทีเช่นนี้ โจวต้าซือ” หานเสวี่ยจ้งกล่าว หัวเราะอย่างไม่พอใจ “ข้าจับตาดูท่านอยู่ตลอดเวลา ไม่มีทางที่จะผิดพลาดไปได้ ไม่ว่าท่านจะใช้วิธีการอันใด การที่ท่านสามารถรับรู้เบาะแสและแยกแยะส่วนผสมหลักสุดท้ายได้ นั่นก็คือความสามารถที่แท้จริง! ข้า, หานเสวี่ยจ้ง ไม่มีทางเข้าใจผิด ท่านเป็นเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยาจริงๆ การแสดงที่ท่านกำลังทำอยู่ในตอนนี้ โชคร้ายยิ่งที่มันเป็นการหลอกลวงมากเกินไป!”
“ถูกต้อง” เหยียนซงกล่าว “จากตอนที่ข้ามาจนกระทั่งถึงตอนนี้ โจวต้าซือได้มีการปรับเปลี่ยนในรายละเอียดทั้งหมด และไขว่คว้าจุดสำคัญในแต่ละตอนนั้นไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมของเม็ดยา หรือสายฟ้าที่เป็นส่วนผสมหลัก โจวต้าซือยังได้แสดงสีหน้าภาคภูมิใจในตัวผู้เยาว์รุ่นหลังอย่างเสมอต้นเสมอปลาย การรู้แจ้งในเต๋าแห่งการปรุงยาเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลอกลวงกันได้ ข้าไม่อาจจะมีความสามารถทำได้เช่นนั้น รวมถึงนักปรุงยาคนอื่นๆ ด้วย มีเพียงโจวต้าซือเท่านั้นที่มีทักษะเช่นนั้น มีน้อยคนมากที่ข้าจะยอมรับอย่างแท้จริง แต่ในวันนี้ ก็มีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน โจวต้าซือ!” ด้วยเช่นนั้น มันก็ประสานมืออย่างสุภาพและโค้งตัวลง
ในตอนนี้ โจวเต๋อคุนก็ร่ำไห้อย่างแท้จริงออกมา รู้สึกราวกับว่ามันกำลังถูกหลอกลวงอยู่ ไม่ใช่จากคนอื่นๆ แต่เป็นตัวมันเอง…หยาดน้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตา มองลงไปยังหญิงสาวที่สวยงามด้านล่าง มันคิดถึงพวกนางเป็นอย่างมาก มันคิดเกี่ยวกับความแห้งแล้งของทะเลทรายตะวันตก และความน่ากลัวของสถานที่แห่งนั้น มันก็เริ่มสั่นสะท้านและพูดพล่ามอธิบายออกมามากขึ้น
“ข้าไม่ใช่เจ้าโอสถจริงๆ ข้าผิดไปแล้ว จริงๆ นะ ข้าผิดเอง! ข้าไม่ควรจะเสแสร้งเป็นเจ้าโอสถเลย นำมันไป! ท่านควรจะนำมันไป! บัดซบ! มันจึงเป็นเจ้าโอสถที่แท้จริง…” จิตใจโจวเต๋อคุนเริ่มหม่นหมองและเต็มไปด้วยความเสียใจ ไม่ว่าตอนนี้มันจะพูดอย่างไร ก็ไม่มีใครเชื่อถือมัน
“หยุดแสดงได้แล้ว, โจวต้าซือ” หานเสวี่ยจ้งกล่าว หัวเราะออกมา “ถ้ามันเป็นเจ้าโอสถ ท่าน, โจวต้าซือ ก็เป็นคนที่ข้ารอคอยมาเป็นอย่างมาก!” มันจับโจวต้าซือไว้ บินขึ้นไปในอากาศ
ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งทะเลทรายตะวันตก มองเมิ่งฮ่าวด้วยความเย็นชาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็หันหลังและบินขึ้นไปในท้องฟ้า ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังก้องกระจายไปทั่วเมืองเซิ่งเสวี่ย
“ไสหัวไป!” คำพูดนั้นทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ค่ายกลเวทป้องกันที่อยู่ด้านนอกเมือง แตกลงมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ราวกับว่ามีสายลมอันรุนแรง พัดผ่านพวกมันไป ด้านบนท้องฟ้า มองเห็นระลอกคลื่นได้อย่างชัดเจน ซึ่งกำลังกระจายออกมาจากพื้นดินด้านล่างเมืองเซิ่งเสวี่ย ขณะที่ระลอกคลื่นนั้นกวาดผ่านกำแพงเมือง พวกมันก็กลายเป็นพายุอันรุนแรงตัดเฉือนสัตว์ร้าย และผู้ฝึกตนทั้งหมดที่กำลังรออยู่ที่นั่น หั่นออกเป็นชิ้นๆ ในทันที เพียงชั่วพริบตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีหนึ่งพันหลี่รอบๆ เมืองเซิ่งเสวี่ยก็หายไป
ขณะที่พื้นดินสั่นสะเทือน จิตใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดในเมืองก็หมุนคว้างไปมา และใบหน้าพวกมันก็เต็มไปด้วยความตกใจ
สีหน้าหานเสวี่ยจ้งสลดลง ร่างผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งสั่นสะท้าน ขณะที่มันกระอักโลหิตออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดใจ เหยียนซงก็กระอักโลหิตออกมาด้วยเช่นกัน ก่อนที่มันจะรีบพุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
“รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ” หานเสวี่ยจ้งกล่าว ดวงตาสาดประกายเคร่งขรึม และจับโจวเต๋อคุนที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาให้แน่นขึ้น จากนั้นก็มีแสงเจิดจ้าล้อมรอบบุคคลทั้งสี่ และร่างกายพวกมันก็เริ่มสลัวเลือนลางลง ขณะที่เวทเคลื่อนย้ายทางไกลถูกกระตุ้นให้เริ่มทำงาน
“นี่เป็นเรื่องผิดพลาดจริงๆ ข้าเสแสร้งแกล้งทำจริงๆ ข้าไม่ได้เป็นเจ้าโอสถจริงๆ นะ! มันจึงเป็น! มัน…” โจวเต๋อคุนร้องไห้คร่ำครวญดังก้องไปทั่วในอากาศ ที่ด้านล่าง ผู้ฝึกตนนับร้อยมองมาอย่างมีโทสะและช่วยเหลืออันใดไม่ได้
“โจวต้าซือ!!”
“บัดซบ, พวกมันมาเพื่อจับตัวโจวต้าซือไปนี่เอง!”
สีหน้าสี่ผู้อาวุโสสูงสุดดูน่าเกลียด แต่ก็ไม่อาจจะกระทำอันใดได้ ได้แต่มองไปขณะที่หานเสวี่ยจ้งและคนอื่นๆ หายตัวไป
เสียงร้องไห้ของโจวเต๋อคุนตกลงมากระทบหูของพวกที่มุงดูอยู่ทุกคน ทำให้จิตใจพวกมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“ใครจะไปคิดว่าในตอนที่เกิดวิกฤตเช่นนี้ โจวต้าซือกลับพยายามที่จะแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมา” พวกมันคิด “ถ้าพวกเราไม่รู้จักท่าน ก็คงคิดว่าคำพูดของท่านเป็นความจริง”
สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาจ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เกินกว่ากำลังที่เขาจะคาดคิดได้
“ครั้งนี้ ข้าไม่ได้พยายามที่จะหลอกลวงใคร” เขาคิดอย่างใคร่ครวญ “แล้วทำไมเรื่องราวถึงได้ออกมาเช่นนี้ได้? บางทีข้าอาจจะหลอกลวงผู้คนมามากมาย ทำให้ต้องจบลงด้วยการที่ตัวเองต้องถูกหลอกลวง?”