ทันใดนั้นอูเฉินก็ร้องตะโกนออกมา ก่อนหน้านี้มันถูกเยาะเย้ย ลมหายใจต่อมาเหตุการณ์ก็กลับกลายเป็นตรงกันข้าม มันไม่อาจจะพูดออกมาได้ จริงๆ แล้ว หยาดน้ำตาได้ซึมขึ้นมาในดวงตา และเริ่มไหลลงไปบนใบหน้า มันเริ่มหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ปลดปล่อยแรงกดดันทั้งหมด ซึ่งมันรู้สึกตลอดทั้งหลายปีที่ผ่านไปออกมา
ในตอนนี้ มันไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเหรียญศักดิ์สิทธิ์เท่าใดนัก สิ่งที่มันสนใจก็คือความรู้สึกสุดท้ายที่พุ่งขึ้นมาของมัน เป็นความรู้สึกที่ไม่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนอื่นอีกต่อไป
ความไม่อยากจะเชื่อเต็มอยู่ในดวงตาของอูหลิง และจิตใจนางก็รู้สึกราวกับว่ากำลังโดยฟาดโดยสายฟ้านับร้อยนับพัน สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ และสิ่งที่นางสามารถทำได้ทั้งหมดก็คือจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
จิตใจนางว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง มีเพียงสิ่งเดียวที่นางสามารถคิดได้ก็คือ การที่อูเฉินพยายามอย่างแข็งขันเพื่อยืนยันที่จะขอร้องให้เมิ่งฮ่าวช่วยเหลือ
อย่างช้าๆ ใบหน้านางเริ่มซีดขาว ขณะที่คิดไปถึงเรื่องราวทั้งหมดที่นางได้กล่าวไว้ จากนั้นก็นึกไปถึงสิ่งที่นางไม่ได้พูดออกมา แต่ก็คิดอยู่ภายในใจ และรำลึกไปถึงแผนการที่นางคิดจะสังหารเมิ่งฮ่าว
เรื่องราวทั้งหมดนี้เต็มอยู่ในอารมณ์อันซับซ้อนของนาง ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นางกล่าวและกระทำไว้ในตอนนี้กลายเป็นเรื่องตลกขำขัน
เสียงพูดคุยดังออกมาท่ามกลางกลุ่มคนที่มุงดูอย่างต่อเนื่อง
“สิ่งที่แปลกมากที่สุดก็คือ อูหลิงไปร้องขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าสุ่ยมู่ ในขณะที่มีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ในเผ่าอูต๋า”
“ที่แปลกมากไปกว่านั้นก็คือทั้งน้องชายและพี่สาว ต่างก็มีท่าทางหมดหวัง หลังจากที่ผู้เฒ่าสุ่ยมู่พ่ายแพ้…”
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยเหล่านี้ ก็ทำให้ใบหน้าที่งดงามของอูหลิงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่ใช่เป็นสีที่มาจากความเอียงอาย แต่มาจากความรู้สึกละอายใจลึกๆ ข้างใน
นางไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี คำพูดและการกระทำทั้งหมดของนางก็เป็นจริงอย่างที่เมิ่งฮ่าวได้กล่าวไว้, ไม่ประสีประสา ไม่มีคำอื่นที่จะอธิบายได้ดีเช่นคำนี้อีกแล้ว
ใบหน้าอูอาหลี่ซีดขาวราวคนตาย ราวกับว่ามันไม่มีโลหิตเหลืออยู่เลยแม้แต่หยดเดียว มันได้ประทับตราร่วมกับสัตว์ปีศาจไปชั่วชีวิต เมื่อสัตว์ปีศาจนั้นตายไปก็ดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บตามไปด้วย พื้นฐานฝึกตนของมันไม่คงที่ และกำลังทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บนั้น
ผู้เฒ่าของเผ่าอูต๋าที่เป็นบุรุษวัยกลางคน ส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชาออกมา ทันใดนั้น คนอื่นๆ ของสายโลหิตเดียวกับมันก็ก้าวเท้าตรงมา เพื่อทำให้พื้นฐานฝึกตนที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่ของอูอาหลี่สงบลง พวกมันทั้งหมดมองมายังเมิ่งฮ่าวพร้อมกับความต้องการสังหาร
ห่างออกไปด้านข้าง สุ่ยมู่กำลังอ้าปากค้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เต็มอยู่ในจิตใจมันพร้อมกับเสียงหึ่งๆ จากนั้นมันก็ได้ยินสิ่งที่ผู้คนซึ่งอยู่รอบๆ พูดถึง ราวกับว่ามีอสรพิษอยู่ภายในร่างและกำลังกัดกินจิตใจมัน ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยในทันที
การพ่ายแพ้ต่อสัตว์ปีศาจของซือหลงระดับห้าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเท่าใดนัก จริงๆ แล้ว แทบจะเป็นเกียรติสำหรับมันด้วยซ้ำไป แต่การที่สัตว์ปีศาจที่มันเลี้ยงไว้ไม่อาจจะเปรียบเทียบได้กับสัตว์ปีศาจของเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้มันเต็มไปด้วยความอิจฉาและเกลียดชังอย่างรุนแรง
“นั่นเป็นแค่หนึ่งในห้าสัตว์ปีศาจที่เจ้าเลี้ยงมา!” มันกล่าวผ่านไรฟัน “ข้าคิดว่าที่มันไม่ธรรมดาเช่นนี้ ก็เป็นเพราะข้าได้เลี้ยงพวกมันมาตั้งแต่ยังเล็ก ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่ามันจะกลายพันธุ์ไปก็ตามที แต่ข้าก็คาดคิดว่าพวกมันต้องไม่ธรรมดา!” คำพูดของมันทำให้สีหน้าของกลุ่มคนเผ่าอูต๋าที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเปลี่ยนไป
“อย่าบอกข้านะว่า ทั้งหมดนี้เป็นแค่เหตุบังเอิญ?”
“นั่นสามารถอธิบายได้แล้วว่าทำไมคนผู้นี้ถึงไม่มีใครรู้จัก มันก็แค่โชคดีที่ได้สัตว์ปีศาจกลายพันธุ์มาเลี้ยง”
ขณะที่เสียงพูดคุยดังมาอย่างต่อเนื่อง อูอาหลี่ก็จ้องมายังเมิ่งฮ่าว มันกล่าวเสียงแหบแห้งขึ้นว่า “ข้าไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ครั้งนี้ ถ้าเจ้ามีความกล้าพอ ก็เปลี่ยนสัตว์ปีศาจตัวอื่นมา และพวกเราจะเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง!”
ขณะที่มันพูด ก็ตบไปที่หน้าอก จากนั้นก็ยื่นมือออกมา ทันใดนั้น หัวกระโหลกสีดำก็ปรากฎบนฝ่ามือ มันโยนหัวกระโหลกออกไป ซึ่งระเบิดออกมาพร้อมเสียงดังกึกก้อง กลายเป็นฝุ่นโครงกระดูกสีดำ กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ฝุ่นโครงกระดูกกระจายกลุ่มควันที่แปลกๆ ไม่เหมือนใครออกมา
ทันทีที่กลุ่มควันนั้นปรากฎขึ้น เสียงกระหึ่มก็ได้ยินออกมาจากบนภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป จากนั้นลำแสงสีดำก็พุ่งลงมา เพียงแค่ไม่กี่อึดใจก็มาถึงลานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขณะที่เป็นเช่นนั้น ลำแสงสีดำก็กลายร่างเป็นค้างคาวสีดำ!
ค้างคาวเป็นสีดำ แต่เส้นเลือดสีเขียวก็มองเห็นได้จากทั่วร่างของมัน กลุ่มควันสีดำกระจายออกมาเป็นระยะ ดวงตาของมันเป็นสีแดงเจิดจ้า กระจายกลิ่นอายอันดุร้าย และแรงกดดันของสัตว์ปีศาจระดับสามออกมา
การปรากฎขึ้นของค้างคาวสีดำทำให้เกิดเสียงพูดคุยขึ้นไปทั่ว ท่ามกลางพวกที่มุงดูในทันที
“ค้างคาวชิงมู่ระดับสาม!! และมันก็กลายพันธุ์แล้ว! ถ้าไม่ใช่ มันก็คงไม่เป็นสีดำเช่นนี้!”
“ข้าจำค้างคาวนั่นได้! มันเป็นค้างคาวชิงมู่ที่มีพิษ ซึ่งถูกเลี้ยงมาโดยผู้เฒ่ามั่วฟาง! จริงๆ แล้วมันอยู่แค่ระดับสองเท่านั้น แต่เพราะการกลายพันธุ์ ทำให้มันกระจายแรงกดดันของสัตว์ปีศาจระดับสามออกมา”
“ข้าจำได้ว่าเคยมีใครบางคนได้ยื่นข้อเสนอให้ราคาที่สูงลิ่ว สำหรับค้างคาวนั่นเมื่อไม่กีปีที่ผ่านมา แต่ผู้เฒ่ามั่วฟางก็ไม่ยินดีที่จะปล่อยมันไป…”
ค้างคาวลอยอยู่ที่นั่นกลางอากาศ จ้องมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาสีแดงเข้ม จากนั้นก็มาหยุดอยู่ที่ห้าสุนัขป่าชิงมู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว ค้างคาวอ้าปากขึ้นเผยให้เห็นกลุ่มฟันสีดำที่แหลมคม มันส่งเสียงกรีดร้องออกมา จากนั้นก็แวบขึ้นขณะที่พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ความเร็วที่มันใกล้เข้ามา ดูเหมือนจะสามารถเปรียบเทียบได้กับสุนัขป่าชิงมู่เมื่อครู่นี้
“ซื่อเหมา” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ยืนอยู่ที่นั่นราวกับว่า เขามองไม่เห็นค้างคาวสีดำที่พุ่งเข้ามา เมื่อครู่นี้ ซื่อเหมากำลังยืนอยู่ที่นั่นดูมีท่าทางเบื่อหน่าย แต่ทันทีที่มันได้ยินเสียงของเมิ่งฮ่าว มันก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงเห่าขึ้นมาในทันที
ฉับพลันนั้น ระลอกคลื่นก็กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทันทีที่ระลอกคลื่นสัมผัสโดนค้างคาว มันก็เริ่มสั่นสะท้าน ในขณะที่ก่อนหน้านี้มันกำลังพุ่งตรงมา แต่ตอนนี้มันได้หยุดลงโดยไม่รู้ตัว
ทันทีที่มันหยุดการเคลื่อนไหว ซื่อเหมาก็พุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วเกินกว่าอู่เหมาเป็นสองเท่า เพียงชั่วพริบตา มันก็ไปอยู่ด้านบนค้างคาวสีดำ ครั้นแล้วมันก็ใช้กรงเล็บตะกุยไป
เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแหลมเล็ก เมื่อครู่นี้ ทุกคนกำลังคิดว่าค้างคาวสีดำตัวนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นสัตว์ปีศาจกลายพันธุ์! แต่ตอนนี้ เพียงไม่นานร่างของมันก็ระเบิดออก ภายใต้กรงเล็บของซื่อเหมา ตายไปในทันที
การต่อสู้ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งลมหายใจเท่านั้น
นี่ก็เป็น…การสังหารในทันที!
ซื่อเหมากลายเป็นภาพเลือนลางสีเขียว ขณะที่กลับมายังด้านข้างเมิ่งฮ่าว กลุ่มคนเผ่าอูต๋าที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดต่างก็หอบหายใจอย่างเร่งร้อน ดวงตาเบิกกว้าง ภาพที่เห็นเมื่อครู่นี้ ทำให้พวกมันตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง หลังจากนั้นเสียงพูดคุยก็ระเบิดดังขึ้น
“ตัวนั้นก็กลายพันธุ์เช่นกัน!!”
“มัน…มันมีสุนัขป่าชิงมู่ห้าตัว อย่าบอกข้านะว่าพวกมันทั้งหมดต่างก็กลายพันธุ์ไปแล้ว!?!?”
“วิธีการเลี้ยงสุนัขป่าชิงมู่ของมันนั้น…มันเป็นซือหลงระดับใดกันแน่?!?!”
ท่ามกลางความปั่นป่วนนั้น อูเฉินและอูหลิงจ้องมองมาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าอูอาหลี่ซีดขาว มันถอยไปด้านหลังสองสามก้าวโดยไม่รู้สึกตัว ผลการต่อสู้ตัวต่อตัวของสัตว์ปีศาจทั้งสองครั้งนี้เกินกว่าที่มันจะสามารถขบคิดได้ ทำให้จิตใจมันงุนงงหมุนเคว้งคว้าง
ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีของเผ่าอูต๋ามองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างครุ่นคิดอีกครั้ง ข้างกายมันผู้เฒ่าของเผ่าก็กำลังขมวดคิ้วขณะที่จ้องมายังเมิ่งฮ่าว
สำหรับชายชราสุ่ยมู่ กำลังจ้องไปยังสุนัขป่าชิงมู่ของเมิ่งฮ่าวด้วยความงุนงง จิตใจมันว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง หลังจากที่มันได้สติกลับคืนมา ก็ร้องขึ้น “มันไม่เพียงมีสุนัขป่าชิงมู่กลายพันธุ์เพียงแค่ตัวเดียว แต่มีถึงสอง เหมือนที่คาดไว้…” มันแอบกัดฟันแน่น แต่สีหน้าภายนอก มันได้แสดงท่าทางลี้ลับลึกล้ำสุดหยั่งคาดออกมา
“เจ้าคาดคิดเช่นนั้นด้วย?” เมิ่งฮ่าวกล่าว แสงอันเย็นชากระจายออกมาจากดวงตา เขาเริ่มรู้สึกรำคาญต่อความเย่อหยิ่งของชายชราผู้นี้
“ซานเหมา!” ทันทีที่ซานเหมาได้ยินเสียงเมิ่งฮ่าว มันก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงเห่าอย่างน่าตกใจออกมา ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกไป ใบหน้าของกลุ่มคนเผ่าอูต๋าก็เต็มไปด้วยความตกใจในทันที นอกจากนี้ คนในเผ่าที่อยู่ขั้นพื้นฐานลมปราณหรือต่ำกว่านั้นทั้งหมดต่างก็ตัวสั่นสะท้านไปตามๆ กัน
ภายใต้พลังเสียงเห่าของซานเหมา พลังฝึกตนของพื้นฐานลมปราณและต่ำกว่าทั้งหมดเริ่มโคจรหมุนเวียนโดยไม่รู้ตัวในทันที รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนเหล่านั้น เริ่มส่องแสงเจิดจ้าออกมา และพวกมันก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล
เป็นพลังเสียงเห่าที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงชั่วพริบตา เหตุการณ์นี้รวมถึงการกระทำของซื่อเหมาและอู่เหมา ทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมากกว่าเดิม
“นั่น…นั่นก็กลายพันธุ์ด้วยเช่นกัน!!”
“สามกลายพันธุ์! คนผู้นั้นมีสุนัขป่าชิงมู่กลายพันธุ์ถึงสามตัว!”
“แต่ละตัวก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าตัวก่อนหน้านี้อีก! สุนัขป่าชิงมู่นี้ทรงพลังมากกว่าขั้นสูงสุดของระดับสามซะอีก มันเกือบจะเทียบเท่ากับระดับสี่!!”
ขณะที่ความปั่นป่วนเกิดขึ้น ใบหน้าสุ่ยมู่ก็เปลี่ยนไปด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังใช้ฆ้อนทุบลงไปที่หัวใจมันอย่างรุนแรง เดินโซเซถอยไปด้านหลังสองสามก้าว
ก่อนที่มันจะพูดอะไรออกมา เสียงของเมิ่งฮ่าวก็ได้ยินมา “เจ้าคาดคิดเช่นนั้นด้วย?” เขาถามเสียงราบเรียบ สุ่ยมู่รู้สึกจิตใจหมุนคว้าง กัดฟันแน่น มันกำลังจะกล่าวตอบ แต่เมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่หลังของเอ้อร์เหมาเบาๆ
เอ้อร์เหมาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มันได้ทะยานขึ้นไป ไม่ได้เห่า สิ่งที่มันทำก็คือเปล่งแสงสีเขียวออกมาจากร่าง แสงนั้นกลายเป็นเสาแห่งลำแสงพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ที่ด้านบนขึ้นไป มันกลายเป็นร่างภาพลวงตาที่ยกศีรษะขึ้นส่งเสียงเห่าออกมา…
เสียงเห่านี้ทำให้สัตว์ปีศาจระดับสามทั้งหมดในเผ่าอูต๋าตัวสั่นสะท้าน พวกมันไม่อาจจะหยุดยั้งตัวเองในการหมอบตัวลง และส่งเสียงร้องโหยหวนเพื่อแสดงความเคารพออกมา
เสียงนี้ทำให้จิตใจทุกคนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว!
ผู้คนยอมรับการกลายพันธุ์ได้หนึ่งตัว สองตัวเป็นเรื่องที่น่าตกใจยิ่ง แต่สามตัว…แทบไม่อยากจะเชื่อ และสี่ตัว…กลุ่มคนของเผ่าอูต๋าดูเหมือนจะสูญเสียความสามารถแม้แต่จะขบคิดไป พวกมันจ้องมาอย่างงุนงงยังสุนัขป่าชิงมู่ที่กำลังยืนอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว
“ซือหลงระดับสาม ผู้เฒ่าสุ่ยมู่ นี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านคาดคิดด้วยเช่นกัน?” เมิ่งฮ่าวถามด้วยเสียงเย็นชา คำพูดของเขาทำให้สายตาทุกคู่เลื่อนมองไปที่ชายชรา
ใบหน้าสุ่ยมู่บิดเบี้ยว และมันก็กระอักโลหิตออกมา จากนั้นมันก็ล้มหมดสติลงไปบนพื้น ไม่มีอะไรอีกที่มันจะสามารถโต้ตอบคำพูดอันแหลมคมของเมิ่งฮ่าวได้ ด้วยความละอายใจ จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะพูดว่า ได้คาดคิดไว้แล้วว่าสุนัขป่าชิงมู่ทั้งสี่ตัวจะน่าเหลือเชื่ออย่างมากมายเช่นนี้
ในตอนที่สุ่ยมู่ตกลงไปบนพื้น เสียงอันเย็นชาจู่ๆ ก็ลอยลงมาจากตำแหน่งอันสูงส่งที่อยู่ด้านบนของยอดเขา ซึ่งค้างคาวสีดำได้บินจากมา
“สุนัขป่าชิงมู่ทั้งสี่ตัวนี้ต้องเป็นของข้า, มั่วฟาง”