เสียงพูดคุยดังขึ้นในทันใด
“ค้างคาวชิงมู่! ในบรรดาสามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม้เขียว ในแง่ของพลังแล้ว ก็ไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าใครอื่น แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือความสัมพันธ์ระหว่างผู้ฝึกตนกับสัตว์ปีศาจ ในความคิดของข้า อูอาหลี่มีความสามารถมากกว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในรุ่นเดียวกันกับมัน กล่าวกันว่าค้างคาวชิงมู่ของมันถูกเลี้ยงมาโดยซือหลงระดับห้ามั่วฟาง!”
“ข้าเคยจับตาดูอูอาหลี่ด้วยเช่นกัน คนในเผ่าโดยทั่วไปสามารถมีภาพศักดิ์สิทธิ์ใบไม้เขียวอยู่ในครอบครอง แต่ก็มีเพียงสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่เท่านั้น ที่จะสามารถเข้าถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พิเศษเฉพาะ ซึ่งก็คือ สุนัขป่าชิงมู่, ค้างคาวชิงมู่ และอสรพิษชิงมู่! หัวหน้าเผ่าและท่านผู้เฒ่าสูงสุด หลอมรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามนี้เข้าด้วยกันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของต้นไม้บรรพบุรุษ ข้าคิดว่าอูอาหลี่คงได้เป็นผู้ถูกเลือกต่อไปอย่างแน่นอน”
“ไม่จำเป็นต้องไปพูดถึงท่านผู้เฒ่าสูงสุด พวกท่านมักจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อไหร่ที่ผู้เฒ่าสูงสุดตายไป เจตจำนงของท่านก็จะไปเกิดใหม่กลายเป็นต้นไม้บรรพบุรุษชิงมู่ อย่างไรก็ตามค้างคาวชิงมู่ก็ดูไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง สัตว์ปีศาจใดๆ ก็ตามที่ถูกเลี้ยงมาโดยซือหลงระดับห้ามั่วฟาง ก็ต้องมีความแข็งแกร่งในระดับของมันเป็นอย่างมากอยู่แล้ว บางทีสิ่งที่จะมีความแข็งแกร่งมากกว่า ก็คือสิ่งที่ถูกเลี้ยงขึ้นมาโดยบิดาของมั่วฟาง ซึ่งเป็นซือหลงที่แข็งแกร่งมากที่สุดในเผ่า ก็คือท่านผู้เฒ่าระดับเจ็ดมั่วจื่อ…”
เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยกันเช่นนี้ ก็ทำให้อูเฉินรู้สึกราวกับว่า โลหิตในร่างของมันกำลังสูบฉีดอย่างรวดเร็วจนพุ่งขึ้นมาบนศีรษะ มันก้าวเท้าไปข้างหน้า และกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่อูหลิงก็ตะโกนขึ้นมาในทันที
“ท่านผู้เฒ่าสุ่ยมู่ ขอให้ท่านช่วยด้วย!”
อูหลิงไม่เชื่อว่าเมิ่งฮ่าวจะช่วยให้ได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง เพื่อป้องกันการเสียหน้า นางพูดออกมาก่อนที่อูเฉินจะทันได้พูด ทันทีที่นางทำเช่นนั้น สายตาทุกคู่ก็จ้องไปยังชายชราสุ่ยมู่
สุ่ยมู่ส่งเสียงไอแห้งๆ ออกมา อันที่จริง นี่เป็นครั้งแรกของมันที่ได้มาเข้าร่วมการต่อสู้สัตว์ปีศาจ พร้อมกับคนที่อยู่ในสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่ ถึงแม้มันจะคุยโวโอ้อวด แต่ภายในใจมันก็อยากจะมีโอกาสที่จะได้มาอยู่ยังที่แห่งนี้ นี่เป็นโอกาสที่มันจะสามารถเพิ่มชื่อเสียงให้ตัวเอง รวมถึงได้รับผลกำไรอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันได้รับชัยชนะ
มันโบกสะบัดมือขวา ทำให้อสรพิษชิงมู่ที่อยู่บนไหล่บินออกไปในอากาศ ราวกับเป็นสายฟ้าสีเขียวที่พุ่งออกมาลอยอยู่ตรงหน้าค้างคาวชิงมู่ ลิ้นของมันแลบเข้าออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาเปล่งความเย็นเยียบออกมา
สีหน้าค้างคาวชิงมู่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าใด แต่ความเย็นชาในดวงตาของมันก็เพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น
“ข้าคือสุ่ยมู่ ข้าเชื่อว่าทุกท่านคงจะคุ้นเคยกับนามของข้าแล้ว สหายเต๋าทั้งหลาย ข้าได้เลี้ยงดูอสรพิษชิงมู่นี้มาตลอดทั้งปี เหตุผลที่ต้องใช้เวลานานเช่นนั้นกับสัตว์ปีศาจตัวนี้ก็เป็นเพราะว่า ข้าได้ทดลองใช้วิธีการพิเศษเพื่อทำให้มันกลายพันธุ์ไปบางส่วน!” สุ่ยมู่ใช้มือขวาชี้ไป ทำให้อสรพิษชิงมู่เริ่มสั่นสะท้าน ฉับพลันนั้น ก็มีเขาโผล่ออกมาจากกลางหน้าผากที่แบนราบเป็นเงาวับของอสรพิษ
ทำให้เกิดเสียงพูดคุยในกลุ่มผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นในทันที แม้แต่ผู้เฒ่าสูงสุดก็ต้องมองมาอีกครั้ง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่เขาเพ่งดูอสรพิษ จากนั้นก็เริ่มแอบหัวเราะอยู่ในใจ เห็นได้ชัดว่า เขานั้นไม่ใช่การกลายพันธุ์ แต่เป็นการปลูกถ่ายแบบธรรมดาทั่วไป ยากที่จะบอกว่าได้นำเขานั้นมาจากสัตว์อสูรตัวไหน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงแค่นำเขานั้นไปติดอยู่บนหน้าผากของอสรพิษอย่างง่ายๆ มีบางคนในกลุ่มที่มุงดูตระหนักถึงเรื่องนี้ และไม่ค่อยให้ความสนใจมากเท่าใดนัก แต่คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้เห็นสีหน้าที่ดูสนใจเป็นอย่างมากของพวกที่มุงดู ก็ทำให้สุ่ยมู่มีความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ในตอนนี้เองที่ผู้เฒ่าสูงสุดกระแอมไอออกมา “ดีมาก เริ่มได้” มันกล่าว
ทันใดนั้น สุ่ยมู่ก็โบกสะบัดนิ้ว ทำให้อสรพิษชิงมู่บินตรงไปยังค้างคาวชิงมู่ด้วยความรวดเร็วสูงสุด
อูอาหลี่กำลังรู้สึกกังวลใจอยู่เล็กน้อย ก่อนหน้านี้ มันไม่เคยให้ความสนใจสุ่ยมู่แม้แต่น้อย แต่เมื่อพิจารณาจากการที่สุ่ยมู่สามารถเลี้ยงสัตว์ปีศาจจนทำให้มีเขางอกออกมาได้ ทันใดนั้นก็ทำให้มันรู้สึกกระวนกระวายใจ เพ่งสมาธิไปที่ความคิดของมัน ทำให้ดวงตาค้างคาวชิงมู่สาดประกายด้วยความเย็นชา จากนั้นก็พุ่งตรงไป
เพียงชั่วพริบตา สองลำแสงสีเขียวก็กระแทกเข้าหากัน เสียงระเบิดดังก้องออกมา ตามมาด้วยเสียงแผดร้องแหลมเล็ก ระลอกคลื่นสีเขียวกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
อูเฉินมองขึ้นไป สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กำหมัดจนแน่น มันรู้สึกหงุดหงิดที่พี่สาวตัดบทไม่ให้มันพูดขึ้นมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาในการขบคิดเรื่องนี้ สายตาจ้องนิ่งไปยังสองลำแสงสีเขียวในกลางอากาศ
อูหลิงยืนอยู่ด้านข้าง รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ถึงแม้นางจะบอกกับอูเฉินอยู่ตลอดเวลาว่าให้อดทนต่อความยากลำบากโดยไม่ต้องปริปากบ่นออกมา แต่จริงๆ แล้ว นางก็มีโทสะเป็นอย่างยิ่ง นางให้คำปรึกษาบอกให้น้องชายรู้จักยับยั้งชั่งใจ เพื่อทำให้คนทั้งสองปลอดภัย สำหรับการต่อสู้ด้วยสัตว์ปีศาจนี้ นางได้พยายามอย่างมากมายเพื่อให้มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนี้ ความหวังทั้งหมดของนางฝากไว้ที่ผู้เฒ่าสุ่ยมู่ ด้วยความหวังว่าการได้รับชัยชนะในครั้งนี้ จะทำให้เหรียญศักดิ์สิทธิ์คงอยู่กับสายโลหิตของคนทั้งสอง
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังอสรพิษชิงมู่และเขาของมัน ในตอนนี้เขานั้นได้กระจายแสงสีแดงเข้มออกมาเพื่อเพิ่มความเร็วขึ้น เขาพยักหน้า “มันก็ค่อนข้างมีประโยชน์เหมือนกัน”
ในตอนนี้เองที่เสียงกรีดร้องแหลมเล็ก จู่ๆ ก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่หนึ่งในลำแสงสีเขียว ฉับพลันนั้นก็แยกออกเป็นสอง และพิรุณโลหิตก็เต็มอยู่ในอากาศ
ลำแสงสีเขียวนั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นอสรพิษชิงมู่ ร่างกายมันส่วนหนึ่งตกลงไปบนพื้น ซึ่งค้างคาวชิงมู่ได้กระชากออกมา และฉีกออกเป็นชิ้นๆ ด้วยฟันอันแหลมคมของมัน จากนั้นมันก็มองกลับไปยังอสรพิษชิงมู่ที่ลอยอยู่ในอากาศด้านบน ซึ่งตอนนี้มีร่างเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ค้างคาวชิงมู่ส่งเสียงร้องขณะที่มันพุ่งขึ้นไป อสรพิษชิงมู่พยายามที่จะหลบเลี่ยง แต่โชคร้าย แม้แต่จะได้รับการช่วยเหลือจากเขาสีแดงที่ส่องแสงออกมาบนหน้าผากของมัน ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงไปได้ เพียงชั่วพริบตา ค้างคาวชิงมู่ก็มาอยู่ที่ด้านข้างของมัน กัดเข้าไปในร่างอสรพิษ ซึ่งส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็กออกมา ร่างกายมันเริ่มเหี่ยวแห้งลง และภายในชั่วไม่กี่อึดใจ ก็กลายเป็นซากที่แห้งเหี่ยว มันถูกค้างคาวชิงมู่ดูดซับแกนชีวิตทั้งหมดไป
ใบหน้าอูเฉินหมองคล้ำลง และมันก็โซเซถอยไปด้านหลัง ราวกับว่าภูเขาทั้งลูกเพิ่งจะกดทับลงมาบนตัวมัน ส่งเสียงหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
ดวงตาอูหลิงเต็มไปด้วยความโศกเศร้าขณะที่นางมองไปรอบๆ อย่างหมดหวัง
เสียงพูดคุย ทันใดนั้นก็ดังขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มคนที่มามุงดู
“ความพ่ายแพ้นี้ถูกโชคชะตากำหนดขึ้นมาแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องจัดการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างอูเฉินและอูอาหลี่อีก!”
“คนหนึ่งเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์ อีกคนเป็นผู้ถูกเลือก! แล้วจะมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร!?”
“อูอาหลี่ควบคุมสัตว์ปีศาจของมันได้ราวกับมีทักษะที่เทียบเท่ากับซือหลง และมีเปรียบกว่ามาก สามารถเห็นได้จากที่อูเฉิน ไม่แม้แต่จะมีความมั่นใจในการควบคุมสัตว์ปีศาจ”
แน่นอนว่า คำพูดที่แตกต่างกันทั้งหมดนี้ มีแต่อูเฉินและอูหลิงเท่านั้นที่ได้ยิน
สำหรับผู้เฒ่าสุ่ยมู่ สีหน้ามันเคร่งเครียด มันส่ายหน้าและกล่าวว่า “ดูเหมือนข้าจำเป็นต้องเลี้ยงอสรพิษชิงมู่ให้ดีกว่านี้” มันกล่าวเสียงราบเรียบ “แต่พวกท่านทั้งหมดก็ได้เห็นแล้ว ว่าข้าสามารถทำให้อสรพิษมีความเร็วเพิ่มขึ้นได้ มันอาจจะพ่ายแพ้แก่ค้างคาวชิงมู่ แต่เหตุผลหลักก็คือว่า ค้างคาวชิงมู่ได้ถูกเลี้ยงมาโดยซือหลงระดับห้ามั่วฟาง แล้วอสรพิษชิงมู่ของข้าจะไม่พ่ายแพ้ได้อย่างไร?” มันยิ้มขณะที่มองไปรอบๆ ยังกลุ่มคนที่มุงดู มีหลายคนที่ยังคงมีสีหน้าแสดงความสนใจ มันได้บรรลุเป้าหมายแล้ว และมั่นใจว่านับจากนี้ไปอีกไม่นาน ก็จะมีผู้คนมากมายมาขอความช่วยเหลือจากมัน
เมื่อได้เห็นสีหน้าที่ซีดเทาของอูเฉิน ก็ทำให้อูหลิงเจ็บปวดใจ นางหันหน้าไปหาสุ่ยมู่ และกล่าวด้วยโทสะ “ท่านผู้เฒ่าสุ่ยมู่, ท่านบอกข้าว่ามีความมั่นใจจะชนะถึงแปดในสิบส่วน! ถ้าท่านบอกกับข้าก่อนในสิ่งที่เพิ่งจะพูดไปเมื่อครู่นี้ ข้าก็คงไม่ไปหาหัวหน้าเผ่าเพื่อขอร้องให้จัดการต่อสู้สัตว์ปีศาจนี้แล้ว!”
“ช่างไม่ประสีประสานัก!” สุ่ยมู่กล่าวพร้อมกับโบกสะบัดแขนเสื้อด้วยความรำคาญ “การต่อสู้ของสัตว์ปีศาจเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจจะคาดเดาได้มากมายจนนับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าข้าจะบอกว่ามั่นใจถึงเก้าในสิบส่วน แต่ก็เป็นแค่ความเห็นที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความคิดเห็นของข้าเอง หลังจากที่เจ้าฝึกฝนพลังฝึกตนมาตลอดหลายปี ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องราวที่เรียบง่ายเช่นนี้?”
“เจ้า!!” นางร้องตะโกนออกมา จ้องไปยังสุ่ยมู่ แต่รอยยิ้มอันขมขื่นก็ค่อยๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง สุ่ยมู่เป็นซือหลงระดับสาม และเป็นผู้รับใช้อย่างเป็นทางการ ถึงแม้นางจะเป็นทายาทของสามสายโลหิตอันยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้นางก็ตกที่นั่งลำบาก นางรู้ว่านางต้องคุ้นเคยกับมันให้ได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่นางไม่อาจจะทำอะไรได้จริงๆ กับสถานการณ์เช่นนี้ นอกจากหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
“ช่างไม่ประสีประสาอย่างแท้จริง” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับส่งเสียงไอออกมาเล็กน้อย
ทันทีที่เสียงของเขาดังก้องออกมา สุ่ยมู่ก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา ใบหน้าที่ซีดขาวของอูเฉิน จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยเลือดฝาด ขณะที่มันมองมายังเมิ่งฮ่าว แววตาของมันเหมือนกับคนที่กำลังจมน้ำ ทันใดนั้นก็มองเห็นเศษไม้กำลังลอยอยู่เบื้องหน้า
อูเฉินหอบหายใจ เดินตรงมา โค้งตัวลงต่ำ กล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่า ข้าขอให้ท่านช่วยด้วย!”
อูหลิงมองมาที่เขา เปลวไฟแห่งโทสะเต้นไปมาในดวงตา นางกล่าวอย่างรวดเร็ว “เจ้ามั่นใจว่าจะชนะมากน้อยแค่ไหน?”
“แปดในสิบส่วน” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม เขามองไปยังสุนัขป่าชิงมู่ของเขา จากนั้นก็ชี้ไปยังอู่เหมา
ฉับพลันนั้นอู่เหมาก็มองขึ้นไปด้านบน ดวงตาสาดประกายแสงเย็นเยียบออกมา มันพุ่งตรงไป มันไม่ได้เคลื่อนไหวราวสายฟ้า แต่กลายเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งตรงไปยังค้างคาวชิงมู่
แววตาอูอาหลี่เต็มไปด้วยการดูถูก จากสายโลหิตศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ทั้งสาม สุนัขป่าชิงมู่มีรูปร่างใหญ่โตมากที่สุด และสันทัดในเรื่องความเร็วด้วยเช่นกัน แต่ในความคิดของมัน สุนัขป่าชิงมู่ไม่อาจจะเทียบได้กับค้างคาวชิงมู่แม้แต่น้อย และมันก็เชื่อมั่นว่าค้างคาวชิงมู่ของมันจะสามารถกวาดล้างสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสองได้ทั้งหมด มันส่งเจตจำนงของมันออกไป ทำให้เห็นเป็นภาพซากศพที่ถูกผึ่งจนแห้งของสุนัขป่า
มันหัวเราะอย่างเย็นชา ก่อนหน้านี้ มันรู้สึกวิตกอยู่เล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้เฒ่าสุ่ยมู่ แต่เมิ่งฮ่าวไม่มีอะไรนอกจากเป็นคนแปลกหน้า ซึ่งมันไม่เคยสนใจเขาแม้แต่น้อย
ขณะที่มันส่งเจตจำนงออกไป ค้างคาวชิงมู่ก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็กออกมา และพุ่งตรงไปยังอู่เหมา
แต่ก่อนที่มันจะทันได้ขยับเคลื่อนไหวใดๆ อู่เหมาก็เร่งความเร็วขึ้น นี่ไม่ใช่การเพิ่มขึ้นสองเท่า หรือสามเท่า แต่เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า!
ร่างมันเลือนลางลงกลายเป็นบางสิ่งที่ดูคล้ายกับภูติผี เป็นความเร็วที่ไม่ควรมีอยู่ในสัตว์ปีศาจระดับสอง เสียงร้องแหวกฝ่าอากาศราวกับเสียงพายุดังเต็มอยู่ในอากาศ ท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้อง และก่อนที่ค้างคาวชิงมู่จะทันมีปฏิกิริยาใดๆ อู่เหมาก็มาอยู่ตรงหน้ามัน ดวงตาสาดประกายความเย็นเยียบขณะที่อ้าปากกัดลงไป
เสียงกรีดร้องจนทำให้โลหิตต้องแข็งตัวด้วยความหวาดกลัว ดังออกมาจากปากของค้างคาวชิงมู่ เป็นเสียงที่ดังมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จู่ๆ จะหยุดลง อู่เหมากลืนค้างคาวที่มีขนาดเท่าฝ่ามือลงไปในคำเดียว
ภาพเลือนลางสีเขียวปรากฎขึ้นอีกครั้ง จากนั้นอู่เหมาก็กลับมาอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว จากช่วงเวลาที่มันออกไปจากข้างกายเมิ่งฮ่าว จนกระทั่งถึงตอนที่มันกลับมา ผ่านไปเพียงแค่สูดลมหายใจเข้าออกหนึ่งครั้งเท่านั้น!
นี่ก็คือ การสังหารในทันที!!
ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบราวป่าช้า ดวงตาของกลุ่มคนที่มุงดูอยู่รอบๆ เบิกกว้าง และดูราวกับว่าพวกมันไม่อาจแม้แต่จะสูดลมหายใจเข้าไป จิตใจพวกมันหมุนคว้างด้วยความตกใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อูเฉินยืนอยู่ที่นั่นด้วยความมึนงง และริมฝีปากที่งดงามของอูหลิงก็อ้ากว้าง สีหน้าตกตะลึงและงุนงง ราวกับว่านางกำลังตกอยู่ในความฝัน
อูอาหลี่จ้องมองมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ค้างคาวชิงมู่ตายไปอย่างรวดเร็วจนมันไม่ทันมีปฏิกิริยาใดๆ
อูไห่ก็ยืนอยู่ในกลุ่มคนด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้เมื่อมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็กำลังจะเข้าไปหา มันรู้สึกกังวลใจ แต่ตอนนี้ มันกำลังจ้องมองมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง จิตใจเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
อูอาหลี่และกลุ่มคนที่เหลือของสายโลหิตเดียวกับมันจ้องมองมา ด้วยความมึนงง จิตใจพวกมันหมุนคว้าง เรื่องราวเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนพวกมันไม่มีโอกาสที่แม้แต่จะสั่นสะท้าน
สำหรับผู้เฒ่าของเผ่า ดวงตามันเต็มไปด้วยแสงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะที่มันจ้องไปยังอู่เหมา ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และมองไปยังเมิ่งฮ่าว สายตามันเปล่งประกายเจิดจ้าราวกับเป็นดวงตะวัน
เวลานานผ่านไป ก่อนที่เสียงพูดคุยจะดังเต็มอยู่ในอากาศ
“สังหาร…สังหารในทันที? การสังหารในทันที!!”
“นั่นก็คือสุนัขป่าชิงมู่กลายพันธุ์! สวรรค์ นั่นก็คือสุนัขป่าชิงมู่กลายพันธุ์!!”
“มันเร็วมาก! ความเร็วของมัน…ยังรวดเร็วกว่าสัตว์ปีศาจระดับสามซะอีก! นี่ไม่ใช่การต่อสู้ตัวต่อตัวของสัตว์ปีศาจ มันเป็นการสังหารแต่ฝ่ายเดียว!!”
“คนที่สามารถเลี้ยงสัตว์ปีศาจเช่นนี้ได้มีแต่…ซือหลงระดับสูงเท่านั้น!!”
ในตอนนี้เองที่สายตาของทุกคู่ได้มาหยุดอยู่ที่…เมิ่งฮ่าว