ทันทีที่เสียงเต็มอยู่ในอากาศ โจวเต๋อคุนก็รีบเก็บกระถางปรุงยาไว้ เงาร่างทั้งสามที่เข้ามาใกล้ไม่มีทางมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน รวมถึงเม็ดยานั้นด้วย
การเข้ามาของบุคคลทั้งสามนี้ ทำให้สีหน้าของสี่ผู้อาวุโสสูงสุดหมองคล้ำลงในทันที
หนึ่งในพวกมันเป็นบุรุษวัยกลางคน สวมใส่ชุดยาวสีขาว พร้อมกับใบหน้าที่คล้ายกับหยกขาว ถึงแม้มันจะอยู่ในวัยกลางคน แต่ก็ยืนตัวตรงเด่นเป็นสง่า มีหน้าตาหล่อเหลา และดูไม่ธรรมดา พร้อมรอยยิ้มที่ดูมีอัธยาศัยดีจางๆ มองเห็นอยู่บนใบหน้า แต่ยิ่งมองไปมากขึ้นที่รอยยิ้มนั้น ก็ยิ่งดูเย็นยะเยียบมากขึ้น
บุรุษผู้นี้ไม่ได้มีปราณภาพศักดิ์สิทธิ์อยู่บนตัว แต่มีกลิ่นหอมของตัวยาลอยออกมาบางเบา
คำพูดที่มันกล่าวขึ้นมาเมื่อครู่นี้ ยังคงดังก้องไปรอบๆ ขณะที่มันก้าวเท้าเข้ามาในลานสี่เหลี่ยม เพื่อมายืนอยู่ระหว่างโจวเต๋อคุนและเมิ่งฮ่าว
มันกระจายความสูงส่งทรนงตัวออกมา และชุดสีขาวก็ปักเป็นลายกระถางปรุงยาที่ส่องแสงเจิดจ้า สีหน้าวางตัวเป็นผู้อาวุโสปรากฎขึ้นบนใบหน้าของมันในตอนนี้
“นี่คือเต๋าแห่งการปรุงยาของดินแดนด้านใต้? ช่างน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง! เกรงว่าข้า, เหยียน คงต้องกลับไปยังดินแดนตะวันออกด้วยความผิดหวังแล้ว” บุรุษผู้นั้นส่ายหน้า มันไม่ได้เห็นโจวเต๋อคุนและเมิ่งฮ่าวปรุงยาจริงๆ มันเพียงแต่ได้กลิ่นหอมของตัวยาที่ลอยอยู่ในสายลม และทันเห็นโจวเต๋อคุนเก็บกระถางปรุงยาไว้ ทั้งหมดนี้ทำให้มันรู้สึกผิดหวัง
ใบหน้าโจวเต๋อคุนบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด ขณะที่มันมองไปยังบุคคลทั้งสามที่มาถึง นอกจากบุรุษวัยกลางคนแล้ว ก็เป็นชายชราที่สวมใส่ชุดเขียวเข้ม พร้อมกับดวงตาที่แวบแสงราวกับสายฟ้า สีหน้าของมันเย็นชาและหยิ่งผยอง พื้นฐานฝึกตนที่กระจายออกมา เผยให้เห็นว่ามันอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่ของขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง
แม้แต่สี่ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหานเสวี่ยก็ไม่อาจจะเปรียบเทียบกับพื้นฐานฝึกตนเช่นนั้นได้
อย่างไรก็ตาม ปราณของชายชราผู้นั้นก็แตกต่างเป็นอย่างมากกับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ เป็นปราณที่หนาแน่น และไม่ได้กระจายออกมา แต่มองเห็นได้อย่างชัดเจน เหมือนกับพลุดอกไม้ไฟในตอนกลางคืน
ที่ด้านหลังมือของชายชราเป็นรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ สำหรับรอยสักอื่นๆ ถูกปกปิดด้วยแขนเสื้อที่กว้างใหญ่ และยากที่จะมองเห็น
คนสุดท้ายท่ามกลางคนทั้งสามเป็นบุรุษหนุ่ม ดูเหมือนไม่ได้แก่ชรามากนัก แต่ก็มีความโบราณอยู่ในตัว มันเดินตรงมาอย่างเนิบนาบ มองไปรอบๆ เป็นครั้งคราว สีหน้าเหมือนกำลังระลึกถึงความทรงจำ ยังได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ร่างของมันกระจายความผันผวนส่วนผสมของผู้ฝึกตนธรรมดา และปราณภาพศักดิ์สิทธิ์ออกมา
มีผู้ฝึกตนที่คล้ายกับบุรุษหนุ่มผู้นี้อยู่มากมายในดินแดนสีดำ ซึ่งรวมวิชาฝึกตนธรรมดาทั่วไปกับวิชาการฝึกภาพศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอะไรที่ดูพิเศษเฉพาะเกี่ยวกับบุคคลเช่นนี้ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะมีบางอย่างที่พิเศษแตกต่างออกไป ถึงแม้ยากที่จะบอกว่าเป็นอะไรก็ตามที
เมื่อผู้อาวุโสตระกูลหานเสวี่ยมองเห็นบุรุษหนุ่มผู้นั้น สีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อาวุโสอันดับแรก สามารถมองเห็นความกังวลใจ, ความสงสัยอยู่บนสีหน้าของมัน ตามมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เมิ่งฮ่าวมองไปยังบุคคลทั้งสาม และจากนั้นก็มองไปทางอื่น
บุรุษวัยกลางคนจากดินแดนตะวันออก ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง และกำลังจะจากไป แต่จู่ๆ มันก็หยุดเท้าค้างไว้และร้องว่า “อี๋?” ทันใดนั้น ดวงตามันก็เปล่งประกายเจิดจ้า ความตกตะลึงปกคลุมอยูบนใบหน้า “นั่น…นั่นคือ…” มันเริ่มหอบหายใจขณะที่ยกมือขวาขึ้นไปในอากาศทำท่าคว้าจับ ทันใดนั้น เส้นใยแห่งปราณก็เริ่มตกลงมาอยู่ในมือของมัน และจากนั้นก็เริ่มแข็งตัว ไม่นานต่อมา ภาพลวงตาของปราณจำนวนมากมายก็ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือของมัน
ปราณจำนวนมากมายนั้นเป็นสีเขียว และดูคล้ายกับเป็นเม็ดยา แต่อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเพียงภาพลวงตา เป็นการกระทำของวิชาเวทบุรุษผู้นี้
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นเช่นนี้ ดวงตาเขาก็หดเล็กลง และปรากฎเป็นแสงจางๆ สาดประกายอยู่ภายใน
“การกลั่นสกัดปราณภาพลวงตา!” เขาคิด มองไปยังบุรุษผู้นั้น การที่สามารถกลั่นสกัดปราณให้กลายเป็นภาพลวงตาเม็ดยา เป็นความสามารถที่แม้แต่เทพแห่งเตาทั้งหลายก็ไม่อาจจะทำได้
มันเป็นวิชาที่ต้องอยู่ในระดับที่เหนือกว่านั้น เช่นการที่เมิ่งฮ่าวทำการกลั่นสกัดหยดน้ำให้กลายเป็นเม็ดยาเมื่อครู่นี้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย “เต๋าแห่งการปรุงยาของคนผู้นี้ช่างน่าเหลือเชื่อนัก”
ดวงตาโจวเต๋อคุนเบิกกว้าง และสาดประกายความประหลาดใจออกมา แต่มันก็รีบปกปิดไว้อย่างรวดเร็ว ท่าทางของมันยังคงหยิ่งยโส แต่ลึกลงไปในจิตใจ คลื่นแห่งความประหลาดใจสาดซัดไปมา
“นั่นไม่ใช่กลโกง” โจวเต๋อคุนคิด ก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้สึกตัว “นั่นคือการกลั่นสกัดปราณภาพลวงตาอย่างแท้จริง บัดซบ, ที่นี่คือดินแดนสีดำ นักปรุงยาเช่นนี้จู่ๆ ก็มาปรากฎตัวขึ้นได้อย่างไร? มัน…มันต้องอยู่ในระดับเดียวกับเทพกระถางม่วงเป็นอย่างน้อย บางทีอาจะอยู่ในครึ่งทางของการเป็นเจ้าโอสถด้วยซ้ำ!” จิตใจมันหนักอึ้ง ขณะที่พยายามหาทางหลบหนีจากไป ในเวลานี้เองที่บุรุษจากดินแดนตะวันออกทันใดนั้นก็มองขึ้นมา
“ยาเม็ดนี้…” บุรุษแซ่เหยียนสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงอันเข้มข้น “มียาเช่นนั้นเกิดขึ้นภายใต้สวรรค์แห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังถูกสร้างขึ้นมาอย่างลวกๆ ใครก็ตามที่ปรุงยาเม็ดนี้ขึ้นมา คงไม่ได้ทำในการแข่งขันการปรุงยา ดูเหมือนมันจะถูกคิดขึ้นมาในภายหลัง แต่ผลลัพธ์ของมันก็เป็นการรวมเอาวิญญาณของสวรรค์และปฐพีในธรรมชาติเข้ามาอยู่ด้วยกัน!”
“ยาเม็ดนี้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับขั้นพื้นฐานลมปราณเท่านั้น แต่มันก็ประกอบไปด้วยเต๋าแห่งการปรุงยาอันยิ่งใหญ่ ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือเม็ดยานี้ไม่ได้กระจายกลิ่นยาใดๆ ออกมาเลย! ถ้าข้าไม่ได้ใช้วิชาพิเศษของสำนักไป ก็คงยากที่จะกลั่นสกัดภาพลวงตาของยาเม็ดนี้ได้”
“ที่นึกไม่ถึงมากไปกว่านั้นก็คือยาเม็ดนี้มีความเข้มข้นของตัวยามากกว่าแปดในสิบส่วน ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่พิเศษเฉพาะใดๆ สำหรับคนที่ปรุงยาเม็ดนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่ายาเม็ดนี้ถูกปรุงอย่างไม่ตั้งใจ แต่…การปรุงเม็ดยาอย่างลวกๆ โดยมีความเข้มข้นของตัวยาแปดในสิบส่วน มัน…มัน…” สีหน้าเหยียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มันปล่อยให้ภาพลวงตาเม็ดยาหายไป จากนั้นมันก็ส่งเสียงถอนหายใจอย่างยาวนานออกมา
“นี่ก็คือเม็ดยา! เป็นเม็ดยามหัศจรรย์แห่งสวรรค์และปฐพีอย่างแท้จริง! ใครก็ตามที่ปรุงยาเม็ดนั้นได้ต้องเป็นเจ้าโอสถที่แท้จริง! ไม่มีกลิ่นหอมของตัวยากระจายออกมา แต่จริงๆ แล้ว ถ้านำไปเปรียบเทียบกับเม็ดยาต่ำช้าอื่นๆ ที่กระจายกลิ่นหอมออกมาก็ถือว่าเป็นการดูถูกยาเม็ดนี้เป็นอย่างมาก! เม็ดยาเหล่านั้นก็เหมือนกับเป็นอุจจาระของสุนัขเท่านั้น! ใครกล้าจะนำเม็ดยาทั้งสองไปเปรียบเทียบกันได้!?” บุรุษผู้นั้นมองเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นก็หันหน้าไปยังโจวเต๋อคุน เห็นได้ชัดว่า มันคิดว่าเม็ดยาสีเขียวนั้นถูกปรุงขึ้นมาโดยโจวเต๋อคุน
นี่เป็นเพราะว่าก่อนที่จะมายังสถานที่แห่งนี้ มันก็ได้ยินผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนสีดำพูดถึงโจวต้าซือ
เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง จากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างเต็มฝืนออกมา
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่กำลังอ้าปากค้าง ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ก็จ้องมองมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ขณะที่สี่ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหมดตัวสั่นสะท้านโดยสิ้นเชิง
พวกมันไม่ค่อยเข้าใจมากนักเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยา แต่เม็ดยาที่อยู่ในมือของบุรุษผู้นั้นเมื่อครู่นี้ ก็ดูเหมือนกับเป็นเม็ดยาที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะปรุงขึ้นมาเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของบุรุษผู้นั้นที่เกี่ยวข้องกับเม็ดยาที่ต่ำช้าราวกับเป็นอุจจาระของสุนัข ก็ดูเหมือนจะไปตรงกับเม็ดยาที่โจวเต๋อคุนปรุงขึ้นมา
“อืม…”
“มีบางสิ่งไม่ชัดเจน ใช่หรือไม่ว่าโจวต้าซือปรุงยาขึ้นมาสองเม็ด?”
“ไม่ว่ายังไง โจวต้าซือก็เป็นผู้ที่สูงส่ง และอยู่ที่จุดสูงสุดของเต๋าแห่งการปรุงยา ไม่มีอะไรผิดพลาดอยู่แล้ว”
สีหน้าแปลกๆ แวบขึ้นไปทั่วใบหน้าของพวกที่มุงดู เหยียนหันไปเผชิญหน้ากับโจวเต๋อคุน สีหน้ามันจริงจังและกระอักกระอ่วนใจ ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
“เมื่อครู่นี้ข้าพูดจาไร้ความเคารพต่อท่าน โจวต้าซือ, หวังว่าท่านคงไม่ถือสา ข้าเพียงแต่หมกมุ่นอยู่กับเต๋าแห่งการปรุงยา และไม่อาจทนเห็นใครมาดูหมิ่นเต๋าแห่งการปรุงยาได้ เมื่อครู่นี้ข้าวู่วามไป ปล่อยให้เรื่องเล็กน้อยมาบดบังสายตาของข้า จะว่าไปแล้ว โจวต้าซือ แห่งแผนกเม็ดยาบูรพาเป็นผู้ที่ข้าให้การชื่นชมอย่างสูงสุด และท่านก็เหมาะสมสำหรับการถูกเรียกว่า นักปรุงยาอันดับหนึ่งในดินแดนสีดำอย่างแท้จริง แค่ยาเม็ดนั้นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงทักษะในการปรุงยาของท่าน ซึ่งได้บรรลุถึงจุดสูงสุดอย่างสมบูรณ์” ด้วยเช่นนั้น มันก็ถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นก็ประสานมืออีกครั้ง และโค้งตัวลงต่ำ เชื่อมั่นในความคิดวิเคราะห์ของมัน
โจวเต๋อคุนไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไร มันกระแอมไอออกมา ขณะที่จิตใจหมุนเคว้งคว้าง เหตุการณ์ที่กลับกลายไปในทันทีเช่นนี้ เป็นเรื่องยากที่มันจะยอมรับได้ และมันกำลังรู้สึกเข่าอ่อนอยู่เล็กน้อย ทันใดนั้น มันก็มองมายังเมิ่งฮ่าว
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันลี้ลับบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้มันรู้สึกเกรงกลัวมากขึ้นไปอีก
แต่ก็เหมือนกับคำกล่าวที่ว่าไว้ เมื่อขึ้นขี่หลังเสือแล้ว ก็ยากที่จะลงมา นั่นก็คือสถานการณ์ที่โจวเต๋อคุนกำลังเผชิญพบด้วยตัวเอง เห็นได้ชัดว่ามันไม่อาจจะประกาศบอกว่าคำพูดของบุรุษผู้นั้นไม่ถูกต้อง ดังนั้น มันจึงกระแอมไอและพยักหน้า ไม่กล้ากล่าวคำใดๆ ออกมา
หลังจากที่โค้งตัวลงอีกครั้ง บุรุษแซ่เหยียนก็หันหน้ามองไปยังบุรุษหนุ่มที่ดูเก่าแก่โบราณ “สหายเต๋าหานเสวี่ย ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ให้มากไปกว่านี้ การได้มีโอกาสเห็นเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยาเช่นโจวต้าซือก็เพียงพอแล้ว จากเม็ดยาเมื่อครู่นี้ ข้าก็สามารถยืนยันได้ว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของโจวต้าซือหาที่เปรียบมิได้ ข้ามั่นใจเช่นนั้น”
บุรุษหนุ่มยิ้ม “เหยียนต้าซือ, ไม่จำเป็นต้องประเมินตัวเองต่ำไปเช่นนี้ ถึงแม้ข้าจะไม่เข้าใจมากนักเกี่ยวกับเส้นทางอันยิ่งใหญ่ของเต๋าแห่งการปรุงยา ข้าก็รู้ว่าชัยชนะได้มาจากการต่อสู้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้กลับมายังสถานที่แห่งนี้หลายปีแล้ว และต้องการจะระลึกถึงสักเล็กน้อย เหยียนต้าซือ ทำไมท่านถึงไม่ประลองการปรุงยากับโจวต้าซือผู้นี้?” มันไม่ได้พยายามปกปิดความเก่าแก่โบราณที่กระจายออกมา ขณะที่มันพูด ก็มองไปรอบๆ อย่างช้าๆ และเมื่อเสร็จสิ้น สายตาของมันก็มาหยุดอยู่ที่สี่ผู้อาวุโสสูงสุด ขณะที่มันกล่าวขึ้น “อืม, พวกเจ้าเติบโตขึ้นแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของทุกคนในลานสี่เหลี่ยมเปลี่ยนไป การปรากฎขึ้นของบุคคลทั้งสามรวดเร็วจนเกินไป โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นว่าชายชราผู้นั้นเป็นผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกอย่างชัดเจน เมืองเซิ่งเสวี่ยได้เปลี่ยนแปลงค่ายกลเวทป้องกันที่มองไม่เห็นมานานแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้ฝึกตนภาพศักดิ์สิทธิ์เข้ามาได้
แต่บุคคลทั้งสามนี้ก็เข้ามาได้อย่างง่ายดาย มาอยู่ตรงหน้าผู้ฝึกตนนับร้อย
ด้วยเช่นนั้น และเมื่อรวมเข้ากับคำพูดของบุรุษแซ่เหยียน ก็ทำให้สีหน้าแปลกๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าทุกคน บุคคลทั้งสามนี้ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะยิ่งมีความลึกลับมากยิ่งขึ้น
จากนั้นก็มาถึงคำพูดของบุรุษหนุ่ม จู่ๆ ผู้อาวุโสตระกูลหานเสวี่ยก็มีท่าทางเคร่งขรึม โดยเฉพาะผู้อาวูสอันดับแรก ทันทีที่บุรุษหนุ่มปรากฎกายขึ้น สีหน้ามันก็แปลกไป ดูกระวนกระวาย และดวงตาก็สาดประกายด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
สำหรับผู้อาวุโสอีกสามคน พวกมันดูหวาดระแวงต่อบุรุษหนุ่มผู้นั้น นี่เป็นเพราะพวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงปราณของตระกูลพวกมันบนตัวบุรุษหนุ่มผู้นั้น
“ท่าน…” ผู้อาวุโสอันดับแรก หอบหายใจ
ในตอนนี้เอง ที่บุรุษแซ่เหยียนส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่า มันไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของบุรุษหนุ่ม มันไม่สนใจต่อสีหน้าตกตะลึงของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ซึ่งมีต่อบุรุษหนุ่มผู้นั้น มันประสานมือขึ้นอีกครั้ง และโค้งตัวลงต่ำให้กับโจวเต๋อคุน
“โจวต้าซือ ข้าเชื่อว่าไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะมาต่อสู้กันในเรื่องการปรุงยา แต่ข้าใคร่ขอถามเรื่องบางอย่างสักเล็กน้อย” มันประสานมือ และโค้งตัวลงด้วยความเคารพ “ท่านโปรดช่วยนำเม็ดยาที่เพิ่งจะปรุงไปนั้น ออกมาให้ข้าได้ชื่นชมอย่างมีความสุขได้หรือไม่?”
จิตใจโจวเต๋อคุนหนักอึ้ง มันรักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้า แต่ภายในใจ มันเกือบจะร้องไห้ออกมา “อืม…เจ้าพูดถึงยาเม็ดไหน?”
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมาเบาๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา