“ข้าชื่นชมชื่อเสียงในเต๋าแห่งการปรุงยาของตานติ่งต้าซือ (เจ้าโอสถจอมกระถาง)” ชายชราที่มีเครื่องหมายรูปดวงจันทร์บนหน้าผากกล่าว “แต่โชคร้ายที่ข้าวาสนาน้อย จึงไม่อาจจะเดินทางไปยังดินแดนด้านใต้เพื่อแสดงความเคารพนับถือได้” สีหน้ามันจริงใจ เห็นได้ชัดว่ามันได้ข่าวคราวของเจ้าโอสถจอมกระถาง แต่ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณถ้ำกำเนิดใหม่
ผู้อาวุโสอันดับสี่ยิ้มและกล่าวอย่างสุภาพว่า “ด้วยการเป็นศิษย์ที่โดดเด่นของเจ้าโอสถจอมปีศาจ และศิษย์พี่ของเจ้าโอสถจอมกระถาง เต๋าแห่งการปรุงยาของท่านสามารถที่จะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับสวรรค์ ทำให้ปฐพีสะท้าน ข้ายอมรับท่านอย่างแท้จริง! ด้วยการมีท่านอยู่ที่นี่, ต้าซือ เมืองเซิ่งเสวี่ยจะไม่มีทางล่มสลาย!”
โจวเต๋อคุนหัวเราะ แต่ภายในใจมันรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย ย้อนกลับไปในดินแดนด้านใต้ มันไม่เคยแสดงท่าทาหยิ่งยโสอย่างเปิดเผยเช่นนี้มาก่อน แต่นี่เป็นดินแดนสีดำอันรกร้างห่างไกล เป็นสถานที่ซึ่งการอยู่รอดขึ้นกับความเคารพนับถือ การเจียมเนื้อเจียมตัวเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ โจวเต๋อคุนได้เรียนรู้บทเรียนนี้ด้วยความยากลำบาก ดังนั้นในตอนนี้ มันจึงพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าความอวดดีของมันเมื่อครู่นี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างแน่นอน
แต่มันก็แอบถอนหายใจขณะที่คิดย้อนกลับไปยังความรู้สึกสิ้นหวัง หลังจากที่มันถูกนำมายังดินแดนสีดำแห่งนี้ มันคิดไปถึงความขมขื่น เมื่อตระหนักว่าไม่อาจจะกลับไปยังสำนักได้อีก ไม่มีใครมารับใช้มัน และไม่มีตระกูลผู้ฝึกตนที่จะให้ของกำนัลและดูแลมัน ในตอนนั้น ชีวิตของมันมืดหม่นเป็นสีเทาราวกับเถ้าธุลี
มันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า หลังจากความทุกข์ยากผ่านไปก็จะกลายเป็นความสุข? ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตาลปัตร มันถูกนำมายังที่แห่งนี้ ก็เพราะว่าผู้คนที่นี่มองมันเหมือนกับเป็นของวิเศษ หลังจากที่ปรุงเม็ดยาออกมา คนในที่นี้ก็ตกตะลึง จัดเตรียมอาหารเครื่องดื่ม และทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเรียกร้อง แม้แต่ยังให้หญิงสาวเยาว์วัยสองคนมาอยู่เป็นเพื่อน ชีวิตของมันสะดวกสบายขึ้นมาในทันที บางทีอาจจะมากกว่าที่อยู่ในแผนกเม็ดยาบูรพาซะอีก
ขณะที่มันคิดย้อนกลับไปยังเรื่องราวทั้งหมด โจวเต๋อคุนก็ถอนหายใจออกมา มันอาจจะไม่ได้เห็นสำนักของมันได้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายไปเสียทั้งหมด…
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ มันก็กระแอมไอออกมา จากนั้นก็คุยโวด้วยความเย่อหยิ่งต่อไป
“พิษอันเล็กน้อยนี้ไม่มีอะไร” มันกล่าว “แค่รอจนข้าปรุงยาพิษขึ้นมาเอง ข้ารับประกันว่าผู้ฝึกตนดินแดนทะเลทรายเหล่านั้นต่างก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมแพ้” มันพูดด้วยท่าทางมั่นใจในตัวเองอย่างล้นเหลือ
ผู้อาวุโสอันดับแรกครุ่นคิดชั่วครู่ และจากนั้นก็ค่อยๆ กล่าวว่า “ถ้าโจวต้าซือสามารถทำได้ทั้งขจัดและปรุงยาพิษที่เหมือนกันนี้ออกมาได้ บางทีพวกเราก็ควรจะไปบอกให้คนผู้นั้นจากไป”
ผู้อาวุโสอันดับสองและสี่พยักหน้า และกำลังจะกล่าวแสดงความเห็นด้วยออกมา แต่หญิงชราก็พูดขึ้นมา
“ข้าไม่เห็นด้วย เห็นได้ชัดว่าโจวเซียนเซิงเป็นต้าซือในเต๋าแห่งการปรุงยา แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายวันในการค้นคว้าเพื่อบอกว่าพิษนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง นอกจากนี้ ข้าก็ยังได้เห็นผลของพิษนั้นด้วยตาของตัวเอง! ถ้าพวกเราปล่อยให้คนผู้นั้นจากไป พวกเราก็ควรจะรู้ว่าพิษนั้นมีประสิทธิภาพเช่นไรบ้าง ทำไมไม่ให้โจวเซียนเซิงและคนผู้นั้นมาแข่งขันกันสักเล็กน้อย? ซึ่งจะทำให้พวกเราสามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของมันได้ชัดเจนมากขึ้น” นางมองไปยังผู้อาวุโสอันดับแรก
ผู้อาวุโสอันดับแรกลังเลอยู่ชั่วครู่ มองไปยังผู้อาวุโสอันดับสองและสี่ เพื่อบอกให้พวกมันรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรออกมา จากนั้นก็มองไปยังโจวเต๋อคุน “โจวต้าซือ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
โจวเต๋อคุนหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง “ก็ดี ข้าก็อยากเห็นเด็กน้อยผู้นั้นและอยากจะสอนบทเรียนบางอย่างให้กับมัน ข้าจะช่วยให้มันเข้าใจว่าเต๋าแห่งการปรุงยาในดินแดนด้านใต้กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตแค่ไหน และให้มันรับรู้ว่าไม่มีใครจะสามารถเอาชนะนักปรุงยาแห่งดินแดนด้านใต้ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสอันดับแรกก็พยักหน้าและยิ้มออกมา แสดงท่าทียอมรับโจวต้าซือผู้นี้เป็นอย่างมาก มันเคยได้กินเม็ดยาของโจวเต๋อคุนมาก่อน และเชื่อมั่นว่าโจวเต๋อคุนต้องเป็นนักปรุงยาอันดับหนึ่งในดินแดนด้านใต้อย่างแน่นอน
ด้วยเสียงหัวเราะ มันลุกขึ้นยืนพร้อมกับประสานมือ เช่นเดียวกับหญิงชรา และผู้อาวุโสอีกสองคน ท่ามกลางรอยยิ้มทั้งหมด หญิงชราถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา นางได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้แล้ว จนมีการแข่งขันเกิดขึ้น อย่างน้อยนางก็ได้ทำอย่างดีที่สุดเพื่อตอบแทนความเมตตาของเมิ่งฮ่าว ที่ได้ช่วยชีวิตหานเสวี่ยชานไว้
จากนั้นพวกมันก็ส่งคนไปแจ้งต่อเมิ่งฮ่าวว่า จะมีการจัดวัน “ปรึกษาหารือเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยา” ในอีกสามวันต่อมา
ข่าวคราวของเรื่องนี้กระจายออกไปทั่วทั้งเมืองเซิ่งเสวี่ยราวกับลมหมุน ทุกคนได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ ทั้งสมาชิกตระกูลหานเสวี่ยและผู้ฝึกตนที่เป็นคนนอก ความตื่นเต้นก่อตัวขึ้น ทุกคนรู้จักนามของโจวเต๋อคุน นอกจากนี้ ตลอดช่วงหลายปีในเมืองเซิ่งเสวี่ย ชื่อเสียงของโจวต้าซือก็เหมือนกับดวงตะวันในท้องฟ้ายามเที่ยง
อันที่จริง เนื่องจากโจวต้าซือจึงทำให้ผู้ฝึกตนเร่ร่อนมากมาย เข้ามารวมตัวกันอยู่ในเมืองเซิ่งเสวี่ยแห่งนี้ ไม่ว่าพวกมันต้องจ่ายเงินไปมากมายเท่าใด ก็ต้องกลืนกินเม็ดยาของโจวต้าซือให้ได้
ไม่ว่าโดยเปิดเผยหรือในจิตใจ พวกมันทั้งหมดต่างก็เห็นว่า โจวเต๋อคุนก็คือนักปรุงยาอันดับหนึ่งในดินแดนสีดำ จริงๆ แล้ว ผู้ฝึกตนมากมายที่เคยกลืนเม็ดยาของมันลงไป ต่างก็ต้องตกตะลึงและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โจวเต๋อคุนก็คือเจ้าโอสถผู้ยิ่งใหญ่ แม้แต่ในดินแดนด้านใต้ก็ไม่มีผู้ใดเทียบกับมันได้
ดังนั้น นามของโจวเต๋อคุนจึงมีชื่อเสียงมากขึ้นอยู่แต่ภายในเมืองเซิ่งเสวี่ยเท่านั้น โชคร้ายที่สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากเมืองตงลั่วเป็นอย่างมาก ทำให้เมิ่งฮ่าวไม่เคยได้รับข่าวสารใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
ข่าวที่โจวเต๋อคุนวางแผนจะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยา ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาเล็กน้อยท่ามกลางผู้ฝึกตนที่อยู่ในเมืองนี้ พวกมันทั้งหมดวางแผนว่าจะไปดูเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง ไม่เพียงแต่จะไปให้กำลังใจโจวต้าซือเท่านั้น แต่ยังต้องการไปดูว่าการปรุงเม็ดยาเป็นอย่างไรด้วย
ข่าวคราวนี้เพียงพอที่จะสร้างความตกตะลึงให้กับทุกผู้คน แต่ไม่นานหลังจากนั้น คำพูดก็ออกมาจากสถานที่ซึ่งโจวเต๋อคุนพักอาศัยอยู่ เพื่อให้บรรลุการต่อสู้ที่จะมาถึง มันจะปรุงเม็ดยาให้กับผู้คนสิบคนที่มันเลือกด้วยตัวเอง! ข้อมูลใหม่นี้ทำให้เกิดความรู้สึกอย่างมากมายขึ้นในทันที
ขณะที่ทั่วทั้งเมืองกำลังเดือดพล่าน เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในลานบ้าน ล้อมรอบไปด้วยดอกบัว กำลังมองไปยังบัตรเชิญในมือ สีหน้าแปลกๆ ปรากฎขึ้น เหมือนจะยิ้มก็ไม่เชิง ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็คือ หานเสวี่ยชาน ซึ่งไม่อาจจะรับรู้ความคิดของเขาได้โดยสิ้นเชิง
“นี่, นั่นเป็นสีหน้าแบบไหนกันแน่?” นางกล่าว พยายามสะกดข่มความกังวลใจไว้ นางไม่แน่ใจว่าทำไม แต่นับจากวันที่เมิ่งฮ่าวมองลงมายังนาง จากตำแหน่งที่เขายืนอยู่ด้านบนของศีรษะยักษ์, ยิ้มให้ และกล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมา หลังจากนั้นนางก็ตกอยู่ในภวังค์ เดินขึ้นไปหาเขา…ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้นางคิดถึงเขาตลอดมา
อันที่จริง ทันทีที่นางรับรู้เรื่องราวของโจวต้าซือ นางก็รีบวิ่งมาบอกเมิ่งฮ่าวในทันที
“ไม่มีอะไร” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “ข้าเพียงแต่คิดว่า โจวเต๋อคุนผู้นี้ช่างตลกนัก”
“ท่าน!” นางร้องออกมา กระทืบเท้าและจ้องมายังเมิ่งฮ่าวอย่างโกรธเคือง “โจวเต่อคุนคือผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของเต๋าแห่งการปรุงยา เป็นนักปรุงยาอันดับหนึ่งในดินแดนสีดำ! มันยังมีชื่อเสียงอยูในดินแดนด้านใต้ด้วย เป็นศิษย์ส่วนตัวของตานกุ่ยต้าซือ (เจ้าโอสถจอมปีศาจ)! มันยังเป็นศิษย์พี่ของตานติ่งต้าซือ (เจ้าโอสถจอมกระถาง) เจ้ารู้จักตานกุ่ยต้าซือหรือไม่? เจ้าเคยได้ยินนามของท่านหรือไม่!?”
“ผู้คนเหล่านี้ก็เหมือนกับเป็นผู้ถูกเลือกแห่งสวรรค์ ท่านไม่เคยให้ความสนใจใดๆ กับคนเหล่านี้? สิ่งที่ท่านทำได้ทั้งหมดก็คือปรุงยาพิษ! ท่านไม่กังวลใจ?”
นางเป็นหญิงสาวที่น่ารัก แต่เมื่อนางแสดงกิริยาเช่นนี้ ก็เปิดเผยให้เห็นถึงความงดงามอีกด้านของนางออกมา ราวกับว่านางกำลังประชันขันแข่งกับดอกบัวที่อยู่รายรอบ เมิ่งฮ่าวส่ายหน้าและยิ้มออกมา แสงที่แทบจะมองไม่เห็นสาดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่เขาได้ยินคำพูดของนาง
ความงุนงงปรากฎขึ้นบนใบหน้า เขาถาม “ข้าเคยได้ยินนามของตานกุ่ยต้าซือ และข้าก็นับถือท่านเป็นอย่างมาก แต่ใครคือตานติ่งต้าซือที่เจ้าพูดถึง?”
“ท่านไม่รู้ว่าตานติ่งต้าซือคือใคร?” นางตอบ ดวงตาเบิกกว้าง และเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “อืม, ข้าไม่ควรจะประหลาดใจ ท่านเป็นแค่ผู้ฝึกตนเร่ร่อน ดังนั้นท่านจึงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับดินแดนด้านใต้มากนัก ข้าคิดว่าท่านคงไม่รู้จักใครในดินแดนด้านใต้อย่างแน่นอน! การไม่รู้จักตานติ่งต้าซือก็เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้”
“ให้ข้าบอกท่านเถอะ ตานติ่งต้าซือคือผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งในสำนักจื่อยิ่น แห่งดินแดนด้านใต้” ความเทิดทูนบูชาเต็มอยู่ในดวงตาขณะที่นางพูด “นามของตานติ่งก็คือ ฟางมู่ และเป็นศิษย์ผู้สืบทอดของตานกุ่ยต้าซือ เต๋าแห่งการปรุงยาของฟางมู่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน เป็นบุคคลที่น่ามหัศจรรย์ซึ่งจะกลายเป็นตำนานในวันข้างหน้า เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องพิษ และมีความเข้าใจในเต๋าแห่งการปรุงยาที่โดดเด่น ไม่มีใครในจิ่วเหมิง (เก้าสหพันธ์) แห่งดินแดนสีดำจะไม่รู้จักมัน ข้าฝันว่าสักวันหนึ่งในอนาคต ข้าจะไปยังดินแดนด้านใต้ และไปเยี่ยมคารวะตานติ่งต้าซือ ข้าจะขอร้องให้ช่วยปรุงเม็ดยาให้ข้า”
เมิ่งฮ่าวส่งเสียงไอแห้งๆ ออกมา “เจ้ากำลังพูดเกินความจริง” เขากล่าวโดยไม่ต้องขบคิด ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก สายตาหานเสวี่ยชานก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นมา
“ท่านไม่เชื่อข้า? ท่านไม่แน่ใจ?” นางจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง หลังจากที่เขาช่วยชีวิตนางมาสองครั้ง ทันใดนั้นก็พบว่านางสงบเสงี่ยมน้อยลงต่อหน้าเขา และเปิดเผยมากขึ้น “ท่านสามารถไม่เชื่อถือคนอื่นๆ หรือยังคงไม่แน่ใจต่อคำพูดของพวกมัน แต่ท่านไม่อาจจะไม่เคารพในตานติ่งต้าซือได้! ฟางมู่เข้าสังกัดสำนักจื่อยิ่น เมื่อมีอายุสิบเจ็ดปี เมื่อยังเป็นแค่เด็กฝึกปรุงยา ก็สามารถใช้วิชาของแผนกเม็ดยาบูรพาแห่งสำนักจื่อยิ่นได้แล้ว ซึ่งทำให้เกิดเป็นเหตุการณที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง! แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และทำให้ทุกคนตกตะลึง”
“จริงๆ แล้ว หนึ่งในผู้อาวุโสแผนกเม็ดยาบูรพาได้ยอมรับฟางมู่เป็นการส่วนตัว ในการเข้าร่วมการทดสอบที่จะกลายมาเป็นอาจารย์ปรุงยา ฟางมู่เป็นคนแรกที่ทำเช่นนั้นได้ หลังจากที่เข้าสังกัดสำนักได้ไม่ถึงหนึ่งปี! และวิธีการที่จะกลายมาเป็นอันดับหนึ่งในสำนัก ก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากนักตั้งแต่สมัยโบราณเป็นต้นมาจนกระทั่งถึงตอนนี้!”
“ด้วยความที่โดดเด่นนี้ ฟางมู่ก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ปรุงยา หลังจากนั้นก็ได้สร้างเม็ดยาแปลงปีศาจออกมา ทำให้ทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย จากนั้นฟางมู่ก็ไปแข่งขันกับซานจิ่วต้าซือ (เจ้าโอสถภูผานิรันดร์) และสร้างเม็ดยาที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากมาย ซึ่งไม่อาจจะบดขยี้ให้แหลกออกมาได้ นั่นเป็นตอนที่ฟางมู่กลายเป็นเจ้าแห่งเตา!” ในจุดนี้ที่นางพูดมาอย่างยืดยาว ก็ดูเหมือนว่านางจะมั่นใจอย่างแท้จริง คำพูดของนางดังออกมาอย่างรวดเร็ว
“หลังจากนั้นฟางมู่ก็ไปประลองการปรุงยาในสำนักชิงหลัว เต๋าแห่งการปรุงยาของมันน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็ได้รับความรู้แจ้งที่น้ำพุร้อนแห่งเต๋าโบราณ สร้างความหวาดกลัวให้กับเต้าจื่อแห่งโม่ถู่กง และสังหารผู้ฝึกตนหน้ากากฟ้าขั้นสร้างแกนลมปราณ ทำให้นามของฟางมู่โด่งดังไปทั่วภายใต้สวรรค์ทั้งหมดนี้! หลังจากนั้น ในการประลองเพื่อคัดเลือกเทพกระถางม่วงของสำนักจื่อยิ่น ฟางมู่ก็อยู่ในอันดับหนึ่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สะกดข่มผู้ถูกเลือกกลายมาเป็นเทพกระถางม่วง และศิษย์ผู้สืบทอดของแผนกเม็ดยาบูรพา!”
“ตานติ่งต้าซือทำเรื่องราวทั้งหมดนี้ภายในเวลาไม่กี่ปี ท่านคิดว่าจะทำได้ดีกว่าตานติ่งต้าซือ? ท่านคิดว่าจะสามารถไปเปรียบเทียบได้?”
เมิ่งฮ่าวจ้องไปที่นางด้วยความตกตะลึง ใบหน้าเป็นสีแดงขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกค่อนข้างกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
การถูกยกย่องและชมเชยด้วยวิธีการเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าใดนัก เขาแทบจะไม่เชื่อว่าหานเสวี่ยชานจะรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเขาได้มากมายเช่นนี้มาก่อน
“ใช่หรือไม่ว่านางมาตรวจสอบข้าเป็นการเฉพาะ?” เขาคิด กระแอมไออีกครั้ง รู้สึกอิ่มเอมใจอยู่เล็กน้อย เกิดเป็นรอยยิ้มจางๆ ขณะที่มองไปยังหานเสวี่ยชานอย่างช่วยไม่ได้ จากสีหน้าของนางบอกได้ว่าถ้าเขาแสดงท่าทีไม่เคารพต่อตานติ่งต้าซือ นางก็จะแตกหักกับเขาอย่างแน่นอน
“ถ้าตานติ่งต้าซือผู้นี้รู้ว่ามีผู้ที่นับถือศรัทธาเช่นท่านอยู่ในดินแดนสีดำ ข้าคิดว่ามันคงมีความสุขเป็นอย่างมาก” เขาหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ฮึ่ม! อย่ามาเยาะเย้ยตานติ่งต้าซือของข้านะ ข้ารักมันแล้วจะเป็นไร? มันคือคนรักในฝันของข้า!”
เมิ่งฮ่าวหัวเราะ ตอนนี้เขารู้อย่างแน่ชัดแล้วว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ผู้ฝึกตนในดินแดนสีดำไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงถ้ำกำเนิดใหม่ บางทีข่าวสารอาจจะไม่ได้กระจายออกไป หรือ…บางทีความจริงที่เขาออกจากสำนักจื่อยิ่น และหลบหนีเอาชีวิตรอดไป…ได้ถูกปกปิดไว้!