เหยียนรอคอยอยู่เป็นเวลานาน แต่เมื่อเห็นโจวเต๋อคุนไม่แม้แต่จะพยักหน้า ในที่สุดมันก็ประสานมือและโค้งตัวลงอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจ กล่าวว่า “โจวต้าซือ ข้าทราบว่าการเรียกร้องเช่นนั้นออกจะไร้มารยาทไป แต่เมื่อคิดว่าพวกเราต่างก็มีความรักในเต๋าแห่งการปรุงยาอันยิ่งใหญ่ ข้าจึงยินดีที่จะแลกเปลี่ยนหนี่งในเม็ดยาที่ข้าปรุงขึ้นมาด้วยตัวเอง เพื่อให้สามารถได้เห็นเม็ดยาของท่านบ้าง”
พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ดังนั้นการทีมันโค้งตัวให้กับโจวเต๋อคุนเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่ามันมีความจริงใจลึกซึ้งเพียงไหน เช่นเดียวกับที่มันยอมอุทิศตัวให้กับเต๋าแห่งการปรุงยา
ทุกคนที่มองมาต่างก็คิดว่า โจวเต๋อคุนไม่ยอมจะมอบเม็ดยาให้กับบุรุษผู้นี้ดู เป็นการเย่อหยิ่งมากเกินไป นอกจากนั้น มันก็ยังได้ร้องขออย่างสุภาพ และเพียงต้องการมองดูเม็ดยาเท่านั้น มันยังยินดีที่จะเสนอมอบเม็ดยาให้อีกด้วย
สีหน้าโจวเต๋อคุนเปลี่ยนเป็นซีดขาว และมันกำลังจะกล่าวคำพูดออกมา เมื่อเหยียนขมวดคิ้ว
“โจวต้าซือ” มันกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าเพียงแต่ขอดูเม็ดยานั้นสักเล็กน้อย ท่านจะปฏิเสธข้อเรียกร้องที่เรียบง่ายเช่นนี้จริงๆ? โจวต้าซือ, ได้โปรดอย่าได้หวาดกลัวไป ข้าไม่มีทางคืนคำอย่างเด็ดขาด! ข้าเพียงแต่ขอดูเท่านั้น!”
เมิ่งฮ่าวกระพริบตา แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา รอยยิ้มจางๆ บิดขึ้นมาที่มุมปาก และดูท่าทางอึดอัดใจอยู่เล็กน้อย
ใครก็ตามที่โค้งตัวลงได้หลายครั้งก็มักจะมีความเคารพนับถืออย่างจริงใจ แต่ด้วยการโค้งตัวลงแต่ละครั้งนั้น ก็ทำให้จิตใจโจวเต๋อคุนเต็มไปด้วยความกังวลใจเพิ่มมากขึ้น
ขบฟันแน่น มันตัดสินใจโยนความระมัดระวังตัวทิ้งไปกับสายลม เรื่องราวได้เกิดขึ้นมาถึงจุดที่มันไม่อาจจะควบคุมได้แล้วอีกต่อไป มันตบไปที่ถุงสมบัติหยิบเอาเม็ดยาที่มันเพิ่งจะปรุงขึ้นออกมา จากนั้นก็โยนไปให้เหยียน
ดวงตาเหยียนแวบขึ้นด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มันคว้าจับเม็ดยาไว้ด้วยสองมือ มันมองลงไปอย่างตื่นเต้น เต็มไปด้วยความรักในเต๋าแห่งการปรุงยา มันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หลับตาลงเพื่อระงับสติ และทำจิตใจให้เยือกเย็น ท่าทางมันดูจริงจังเหมือนกับคนที่กำลังจะทำพิธีศักดิ์สิทธิ์อะไรบางอย่าง
ในเวลาเดียวกับที่มันจ้องมองไปยังเม็ดยาอย่างจริงจัง บุรุษหนุ่มจากกลุ่มคนทั้งสาม คนที่ทำให้สี่ผู้อาวุโสแห่งตระกูลหานเสวี่ยแสดงปฏิกิริยากังวลใจ ได้มองไปรอบๆ อย่างครุ่นคิด
“ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของบิดา” มันกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ดูเหมือนท่านยังไม่ได้ตายไป ถึงแม้กลิ่นอายของท่านจะอ่อนแอลงมากก็ตามที แต่ดูเหมือนบิดาข้ากำลังจำศีลอยู่”
คำพูดเหล่านี้ไม่ได้กระตุ้นปฏิกิริยาใดๆ จากผู้อาวุโสอันดับแรก แต่ทำให้ใบหน้าของสามผู้อาวุโสที่เหลือเปลี่ยนไปในทันที ทันใดนั้น พวกมันก็ระลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้ามภายในตระกูล
“หานเสวี่ยจ้ง!” ผู้อาวุโสอันดับแรกตวาด จ้องอย่างโกรธเคืองไปยังบุรุษหนุ่มผู้นั้น
คำพูดของมันดังก้องออกไป กระหึ่มอยู่ในหูของสามผู้อาวุโส และแทงเข้าไปในจิตใจของสมาชิกตระกูลคนอื่นๆ พวกมันอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และไม่อยากจะเชื่อ เห็นได้ชัดว่าคนทั้งหมดรำลึกได้ถึงเรื่องราวบางอย่าง
ทันใดนั้น ก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนตระกูลหานเสวี่ย
“หานเสวี่ยจ้ง? คนผู้นั้น…ข้าจำได้แล้ว! ในประวัติศาสตร์ของตระกูล ได้มีบันทึกของผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลหานเสวี่ย เมื่อหนึ่งพันปีก่อน นามของมันก็คือ หานเสวี่ยจ้ง!”
“มีบุคคลเช่นนั้นอยู่จริงๆ! จากประวัติศาสตร์ของตระกูล มันเป็นปีศาจร้าย มันยังได้กินเนื้อมนุษย์ด้วยกันอีกด้วย! มันบรรลุถึงขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งด้วยเวลาที่ไม่ถึงหนึ่งร้อยปี จากนั้นก็เริ่มดูดซับพลังชีวิต และพื้นฐานฝึกตนของบิดามัน หานเสวี่ยเป้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสองปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณของตระกูลในเวลานั้น!”
“ข้าก็จำได้เช่นกัน แต่ประวัติศาสตร์ของตระกูลไม่ได้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่หานเสวี่ยจ้งพ่ายแพ้ ใช่ว่าปรมาจารย์หานเสวี่ยเป้าสังหารมันไปหรือไม่?”
ผู้ฝึกตนอื่นๆ ทั้งหมด ที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ถ้าสิ่งที่คนตระกูลหานเสวี่ยพูดเป็นเรื่องจริง บุรุษหนุ่มที่มีเสียงเก่าแก่โบราณนี้ก็คือคนที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
บุรุษหนุ่มหัวเราะ “ข้าจากไปเป็นเวลานาน ไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลหานเสวี่ยจะจดจำข้าได้” ดวงตามันสาดประกายเจิดจ้า ขณะที่จ้องไปยังโจวเต๋อคุน
สีหน้าโจวเต๋อคุนบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด จริงๆ แล้วมันไม่ได้สนใจกับการจ้องมองมาของบุรุษหนุ่มผู้นั้น จิตใจมันราวกับเป็นกองขี้เถ้าขณะที่ถอนหายใจออกมาอย่างต่อเนื่อง เหตุผลสำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่าสืบเนื่องมาจากสีหน้าแปลกๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของผู้ฝึกตนแซ่เหยียน
ซึ่งเริ่มแสดงความสังสัยขึ้นมา จากนั้นก็งุนงง และในที่สุดก็ไม่อยากจะเชื่อ ร่างกายมันเริ่มสั่นสะท้าน
“ข้าจบแล้ว, จบสิ้น…” โจวเต๋อคุนครุ่นคิดอย่างขมขื่น จิตใจเต้นรัว
บุรุษแซ่เหยียน ทันใดนั้น ก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และค่อยๆ มองขึ้นไปยังโจวเต๋อคุน
“ยาเม็ดนั้น…” โจวเต๋อคุนเริ่มพูด แต่ก่อนที่มันจะได้กล่าวต่อไป เหยียนก็ประสานมือขึ้นอีกครั้ง และโค้งตัวลงต่ำ
“โจวต้าซือ, เต๋าแห่งการปรุงยาของข้าไม่อาจจะเทียบกับท่านได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องนำเม็ดยาอื่นออกมาด้วยความตั้งใจที่ไม่ต้องการให้ข้าละอายใจเช่นนี้” เสียงของมันราบเรียบ แต่ลึกลงไปในจิตใจมันกำลังมีโทสะ “ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ปรุงยาเม็ดนี้ โจวต้าซือ ทำไมท่านถึงทำให้ข้าต้องลำบากใจด้วยสิ่งของที่ไร้ค่าเช่นนี้!?”
“ข้า…” โจวต้าซือกล่าว รู้สึกกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้น มันกำลังจะพยายามอธิบาย แต่ก็ถูกตัดบทไป
“โจวต้าซือ, ข้าเพียงแค่ต้องการจะดูยาเม็ดนั้น ถ้าท่านไม่ยินดีที่จะนำมาให้ข้าดู อย่างน้อยก็ช่วยปรุงเม็ดยาใหม่ขึ้นมาให้ข้าดูได้หรือไม่? โจวต้าซือ, ข้าขอวิงวอนท่าน!” มันสะกดโทสะที่มีอยู่ในจิตใจลงอย่างต่อเนื่อง ความต้องการดูเม็ดยาเช่นนั้น ทำให้มันต้องประสานมือและโค้งตัวลงอีกครั้ง
โจวเต๋อคุนกำลังสาปแช่งอยู่ภายในใจ เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และอยากจะตะโกนออกมา “นั่นก็คือเม็ดยาที่ข้าปรุงขึ้นมา!”
แต่ทุกคนก็กำลังมองมาที่มัน รวมถึงสี่ผู้อาวุโสสูงสุด ที่สำคัญมากไปกว่านั้น หญิงสาวเยาว์วัยทั้งสองที่ด้านหลังมัน ก็กำลังมองมาด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ในตอนนี้ก็กำลังเริ่มตะโกนให้กำลังใจมัน
“โจวต้าซือ, ทำไมท่านไม่ให้บุคคลภายนอกผู้นี้ดูเม็ดยาของท่าน? ให้มันได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของนักปรุงยาดินแดนสีดำของพวกเรา!”
“ใช่แล้ว, โจวต้าซือ! สอนบทเรียนให้กับคนผู้นี้บ้าง แสดงให้มันเห็นว่า ท่านก็คือเจ้าโอสถที่แท้จริง!”
“โจวต้าซือ, ช่วยทำให้ความปรารถนาของผู้ฝึกตนดินแดนตะวันออกผู้นี้กลายเป็นจริงด้วย! แสดงให้มันรู้ว่า อะไรคือเจ้าโอสถที่แท้จริง!”
เมื่อเสียงแล้วเสียงเล่าดังก้องออกมา โดยปกติแล้ว คำพูดเช่นนี้มักจะทำให้โจวเต๋อคุนรู้สึกค่อยข้างพึงพอใจ แต่ในตอนนี้ กลับทำให้มันอยากจะร้องไห้
“ข้า…ข้า…” โจวเต๋อคุนกำลังก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจราวฟ้ารั่ว แต่ภายนอก มันกำลังแย้มยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูน่าเกลียดกว่าร้องไห้มากนัก เมื่อมันมองไป และเห็นเมิ่งฮ่าวจ้องมาที่มันด้วยรอยยิ้มเขินอาย มันก็รู้สึกว่าไม่อาจทนได้อีกต่อไป จากนั้นจู่ๆ มันก็รู้สึกว่า รอยยิ้มที่เขินอายของเมิ่งฮ่าวนั้นดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากความกังวลใจของมัน ทำให้ไม่มีเวลาในการไตร่ตรองเรื่องนี้
โจวเต๋อคุนกัดฟันแน่น ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาเม็ดยาที่ดีที่สุดที่มันเคยปรุงตอนที่อยู่ในดินแดนด้านใต้ออกมา โยนไปให้บุรุษแซ่เหยียน
เหยียนคว้าเม็ดยาไว้ในทันที หลังจากศึกษาชั่วครู่มันก็ขมวดคิ้ว มันไม่อาจจะควบคุมโทสะไว้ได้อีกต่อไป ตอนนี้เริ่มแสดงออกมาทางสีหน้า ร่างกายมันเริ่มสั่นเทิ้มด้วยเช่นกัน
“โจวต้าซือ, ไม่จำเป็นต้องดูถูกข้าอีกครั้ง! เต๋าแห่งการปรุงยาของท่านอาจจะน่าเหลือเชื่อ แต่เม็ดยาอันดับสองเช่นนี้ ไม่อาจจะเปรียบเทียบได้กับเม็ดยาจากก่อนหน้านี้ ท่านมาถึงระดับที่ปฏิเสธว่าไม่มีเม็ดยาที่ท่านปรุงขึ้นมา?! หรือว่าข้า, เหยียน ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะดูเม็ดยาของท่านจริงๆ? โจวต้าซือ, การดูถูกเช่นนี้มันมากเกินไปแล้ว!! ข้า…ข้าเพียงแค่ต้องการดูเม็ดยานั้น ทำไมท่านถึงไม่ยอมให้ข้าดูบ้างสักเล็กน้อย!?”
เหยียนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่มันขอไม่ได้ใหญ่โตมากมายใช่หรือไม่…? ในที่สุด มันก็สะกดข่มความโกรธลง ประสานมือและโค้งตัวให้อีกครั้ง “โจวต้าซือ, ข้าขอวิงวอนท่านอีกครั้ง นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะขอร้องท่าน”
การโค้งตัวครั้งสุดท้ายนี้เป็นเส้นฟางที่จะทำให้หลังอูฐพัง โจวเต๋อคุนกำลังจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ หอบหายใจ ทันใดนั้นมันก็ระเบิดโทสะออกมา “ขอร้อง! ขอร้อง! สิ่งที่เจ้าต้องการก็คือข้อเรียกร้อง!? ข้าก็เอาเม็ดยาให้เจ้าไปแล้ว เจ้าก็เห็นว่านั่นเป็นเม็ดยาที่ข้าปรุงขึ้นด้วยตัวเอง! เต๋าแห่งการปรุงยาของข้าอยู่เพียงแค่ปานกลาง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?! นั่นก็คือตัวข้า เม็ดยาที่เจ้าเห็นก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ปรุงมันขึ้นมา! บุรุษผู้นั้นเป็นคนปรุง!!” มันชี้มายังเมิ่งฮ่าว “นั่นเป็นเม็ดยาของมัน!! เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังมีโทสะ? ข้ายังมีโทสะมากกว่าเจ้าซะอีก! เจ้าเป็นคนที่พลาดเอง! ถ้าต้องการจะดูยาเม็ดก่อนหน้านี้ ก็ไปถามคนผู้นั้น!”
โจวเต๋อคุนสะบัดชายแขนเสื้อ ใบหน้าเป็นสีเทาราวขี้เถ้า และเต็มไปด้วยโทสะขณะที่มันหันหลังจากไป จิตใจมันหนักอึ้ง ขณะที่พยายามใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อมากอบกู้สถานการณ์
บุรุษแซ่เหยียนจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็หมุนตัวไปมองยังเมิ่งฮ่าว
ไม่เพียงแต่มันเท่านั้น ทุกคน รวมถึงสี่ผู้อาวุโสสูงสุด และผู้ฝึกตนนับร้อยที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ต่างก็ค่อยๆ หันไปมองยังเมิ่งฮ่าวอย่างช้าๆ สายตาทุกคู่ตอนนี้ไปตรึงแน่นอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว
สายตาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความตกใจและความสงสัย
“ไม่ว่าท่านจะปรุงเม็ดยานั้นหรือไม่ ต่างก็ไม่สำคัญ” เหยียนกล่าวกับโจวเต๋อคุน “เหตุการณ์ในวันนี้มาถึงจุดที่ต้องประลองการปรุงยากันตัวต่อตัวแล้ว เพื่อจะพิสูจน์ว่าใครกันที่เป็นนักปรุงยาที่ข้านับถือ!” สายตาของมันเลื่อนจากเมิ่งฮ่าวไปยังโจวเต๋อคุน
“โจวต้าซือ” มันกล่าวอย่างจริงจังต่อไป “หลังจากที่ข้าชนะคนผู้นี้แล้ว ข้าหวังว่าท่านจะไม่ดูถูกข้าอีกต่อไป แต่ยินยอมให้ข้าดูยาเม็ดนั้น” โดยไม่มองมายังเมิ่งฮ่าว มันยกมือขวาขึ้น และกระถางปรุงยาก็ปรากฎขึ้น
โจวเต๋อคุนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา แม้แต่หลังจากที่เหตุการณ์ทั้งหมดได้เกิดขึ้น มันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมบุรุษผู้นี้ถึงยังไม่ยอมเชื่อ บางทีอาจเป็นเพราะท่าทางที่มันได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้มันดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก บุรุษผู้นั้นถึงได้ปักใจเชื่อว่าโจวเต๋อคุนกำลังดูถูกมัน
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอ จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างลังเล “ช่างน่าละอายนัก ข้าไม่ใช่นักปรุงยาของสถานที่แห่งนี้ ข้าเพิ่งจะพ่ายแพ้ให้แก่โจวต้าซือ และถูกบอกให้ออกไปจากเมืองนี้ ข้าเกรงว่าคงไม่อาจจะต่อสู้ในเรื่องการปรุงยากับท่านได้” เขาถอนหายใจ แสดงท่าทีขอโทษออกมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าโจวเต๋อคุนก็หมองคล้ำลงในทันที มันเริ่มแผดร้องอยู่ในใจด้วยความกลัดกลุ้ม “เจ้าเป็นบรรพบุรุษของข้า ตกลงมั๊ย? บรรพบุรุษของข้า! เพียงแค่อย่าได้ทำเช่นนี้ต่อข้าเท่านั้น…”
ผู้อาวุโสอันดับสอง ผู้ซึ่งเคยสั่งให้เมิ่งฮ่าวออกไปจากเมืองก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้มองไปอย่างมีโทสะยังโจวเต๋อคุน ‘ทำไมท่านถึงไม่เอาเม็ดยาออกมา, โจวต้าซือ’ มันคิด ‘ทำไมท่านถึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นเช่นนี้?’