หานเสวี่ยชานจ้องมองไป ดวงตาหงส์เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจอย่างรุนแรง ความรู้สึกหวาดกลัวต่อผู้แข็งแกร่งเป็นหนึ่งในกฎของดินแดนแห่งนี้ หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างได้เกิดขึ้น ใบหน้าของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ก็ยิ่งประทับลึกลงไปในจิตใจนางอย่างหนักแน่นมากขึ้น
ที่มากไปกว่านั้นก็คือนางคิดว่า สิ่งที่เมิ่งฮ่าวกระทำลงไปเมื่อครู่นี้ก็เพื่อนาง
ทันใดนั้น ใบหน้านางก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู และแววตาที่นางมองไปที่เขาก็แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
สี่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองเซิ่งเสวี่ย ต่างก็อ้าปากค้างเมื่อพวกมันมองเห็นเต้าจื่อที่มีศักดิ์ศรีสูงสุดของโม่ถู่กง หลัวชง แสดงท่าทางพินอบพิเทาต่อหน้าเมิ่งฮ่าวเช่นนั้น จู่ๆ พวกมันก็ตระหนักว่า เมิ่งฮ่าวมีความลึกลับมากกว่าที่พวกมันคาดคิดไว้มากนัก
กลิ่นอายอันลี้ลับนี้ ทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโจวเต๋อคุน เมิ่งฮ่าวดูเหมือนว่า…จะน่ากลัวกว่ามากนัก!
เต๋าแห่งการปรุงยาของเมิ่งฮ่าว ซึ่งพวกมันก็ได้เห็นด้วยสองตาของตัวเองมาแล้ว, การเร่งปฏิกิริยาและปลุกต้นป้อมปราการหนามให้ตื่นขึ้นมา และความหวาดกลัวของเต้าจื่อโม่ถู่กงที่มีต่อเขา ทั้งหมดนี้ทำให้พวกมันนับถือเมิ่งฮ่าวเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เมื่อเจ้าไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ ข้าก็จะไม่ถือโทษ” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ มองไปยังหลัวชง “แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าได้ถือครั้งนี้เป็นแบบอย่าง” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลัวชงก็รู้สึกราวกับว่ามันได้ชีวิตใหม่กลับคืนมา ร่างกายผ่อนคลายลง ด้วยความตื่นเต้นและสั่นสะท้าน มันโค้งตัวลงต่ำให้กับเมิ่งฮ่าว
มันสำนึกผิดแล้ว และในตอนนี้ก็เห็นว่าเมิ่งฮ่าวเข้าใจ ทำให้ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนเป็นความยินดี แน่นอนว่า มันถูกพิษโดยเมิ่งฮ่าว ดังนั้นจริงๆ แล้ว มันควรจะเกลียดชังเขา ความรู้สึกอันซับซ้อนเติมเต็มอยู่ในจิตใจ และมันก็สาบานกับตัวเองว่า ในชีวิตนี้…มันจะไม่มาให้คนผู้นี้เห็นหน้าอีกแล้ว
แน่นอนว่า ถ้ามันรู้ว่าเมิ่งฮ่าวก็คือฟางมู่ มันก็ไม่ต้องสาบานซ้ำซ้อนเช่นนี้อีกแล้ว
“ข้าต้องการดูผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกผู้นั้น” เมิ่งฮ่าวกล่าวเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “ข้าขอยืมมันไปศึกษาสักสองสามวันได้หรือไม่? หลังจากนั้นข้าจะส่งมันคืน” อันที่จริง นี่เป็นจุดประสงค์หลักที่เขาก้าวเท้าออกมา ดวงตาสาดประกายขณะที่มองไปยังรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก
สีหน้าของผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกหนุ่มสลดลง เมื่อมันได้ยินคำพูดเมิ่งฮ่าว ก่อนที่มันจะหลบหนีไป หลัวชงก็มองไปที่มัน เท่าที่หลัวชงคิด คำพูดของเมิ่งฮ่าวก็คือคำสั่งที่ต้องทำตามโดยไม่ลังเลใดๆ
“จับมัน!” หลัวชงตะโกน ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ไม่ลังเล พุ่งมือออกไปขณะที่พวกมันคว้าจับผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกไว้ มันดิ้นรนเล็กน้อย แต่ก็ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ก็จับกุมมันได้สำเร็จ
บุรุษหนุ่มผู้นั้นสั่นสะท้าน และความหวาดกลัวก็เต็มอยู่ในดวงตา
“จ้าวอสูรผู้ยิ่งใหญ่ให้ความชื่นชอบเจ้า” หลัวชงกล่าว ดวงตาสาดประกายความโหดร้ายออกมา “นั่นเป็นความโชคดีของเจ้า! ไม่ต้องดิ้นรนไป!” มันไม่สนใจว่าการกระทำนี้ของมัน จะไปสร้างความโกรธแค้น หรือความรู้สึกที่ไม่ดีต่อผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก เท่าที่มันคิด คำสั่งของเมิ่งฮ่าวก็คือสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
“ท่านจ้าวอสูรผู้ยิ่งใหญ่, ท่านบอกว่าขอยืม แต่ได้โปรดอนุญาตให้ข้าส่งมอบคนผู้นี้ให้แก่ท่านเหมือนกับเป็นของกำนัล ข้าหวังว่าท่านคงจะยอมรับ, ท่านจ้าวอสูรผู้ยิ่งใหญ่” มันบอกให้ผู้ฝึกตนที่ลังเลใจด้านหลัง ให้ส่งมอบผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกหนุ่มไป พวกมันบินตรงไปยังป้อมปราการหนามในทันที จับบุรุษหนุ่มที่กำลังมีโทสะผู้นั้นโยนออกไป และจากนั้นก็หันหลังกลับ
เมื่อกระทำสิ่งทั้งหมดนี้แล้ว หลัวชงก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังมีสีหน้าพึงพอใจ ขณะที่เขายกบุรุษหนุ่มผู้นั้นไว้บนไหล่ และมุ่งหน้ากลับเข้าไปในเมือง ในตอนนี้ หลัวชงในที่สุดก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา มันประสานมือและโค้งตัวลง จากนั้นก็หันหลังและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนสองพันคนที่มาพร้อมกับมัน รวมถึงชายชราที่ใส่หน้ากากสีเงิน คนทั้งหมดกลับไปพร้อมกับมัน หน้ากากของพวกมันปิดบังสีหน้าที่กระอักกระอ่วนใจไว้
ขณะที่คนกลุ่มนั้นจากไป หนึ่งในสองผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งจากทะเลทรายตะวันตกกล่าวขึ้น “โม่ถู่กงควรจะมีคำอธิบายที่ดีให้กับทะเลทรายตะวันตกสำหรับเรื่องนี้” เสียงของมันราบเรียบ และไม่ได้ประกอบด้วยโทสะ แต่ก็เต็มไปด้วยพลัง
ขณะที่คำพูดของชายชราดังก้องออกไป หลัวชงและคนอื่นๆ กำลังจะจากไป ทันใดนั้น เสียงแค่นเย็นชาก็ดังออกมา เต็มอยู่ในอากาศ เสียงแค่นนี้ทำให้สวรรค์สะท้านแผ่นดินสะเทือน กลายเป็นเสียงดังกึกก้องที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นไปมา รอยร้าวปรากฎขึ้นบนพื้นผิวดิน ดูเหมือนราวกับว่าแม้แต่อากาศก็จะแยกออกเป็นชิ้นๆ
ราวกับว่าพื้นดินไม่อาจจะรองรับพลังของเสียงแค่นนี้ได้ และกำลังจะแยกออกเป็นชิ้นๆ ด้วยเช่นกัน
เสียงแค่นนี้ทำให้ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งจากทะเลทรายตะวันตก ต้องถอยโซเซไปด้านหลังสองสามก้าว ในเวลาเดียวกันนั้น หลัวชงและคนอื่นๆ ก็รู้สึกว่าจิตใจกำลังสั่นสะท้านและหยุดเคลื่อนที่ในทันที ดวงตาหลัวชงหดเล็กลง และมันเริ่มหอบหายใจออกมา
ด้านล่างบนพื้นดิน สัตว์อสูรจำนวนมากมายฟุบลงไปบนพื้นดิน ตัวสั่นสะท้านและส่งเสียงร้องครวญครางออกมา สัตว์อสูรที่บินอยู่ก็เริ่มตัวสั่นและหยุดการเคลื่อนที่ด้วยเช่นกัน
ผู้ฝึกตนนับพันที่อยู่บนพื้นรู้สึกว่าจิตใจพวกมันหมุนคว้าง เต็มไปด้วยเสียงแค่นเย็นชานั้น ทำให้พวกมันไม่อาจจะขบคิดสิ่งใดๆ ได้
ท้องฟ้าด้านบนเปลี่ยนสี และพื้นดินก็สั่นกระเพื่อม
ต้นหนามจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วนที่ขึ้นอยู่รอบๆ เมืองเซิ่งเสวี่ยเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียงร้องแหลมเล็กได้ยินออกมา ขณะที่ทั่วทั้งเมืองสั่นไปมา และเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง กำแพงเมืองขนาดใหญ่ของน้ำแข็งและหิมะเริ่มตกลงมา และวัตถุรูปร่างดวงดาวที่อยู่เหนือเมืองแตกกระจายออกไป
ค่ายกลเวทป้องกันเมืองทั้งหมดที่ก่อนหน้านี้ถูกเจาะทะลวงจนเสียหาย แต่หลังจากที่ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ภายใต้พลังของเสียงแค่นนี้ พวกมันเริ่มแตกร้าวและกลายเป็นฝุ่นผงไปในทันที
ภายในเมือง อาคารบ้านเรือนนับไม่ถ้วนยุบตัวพังลงมา ผู้ฝึกตนที่อยู่บนกำแพงเมืองกระอักโลหิตออกมา ใบหน้าบิดเบี้ยว แม้แต่ร่างกายของผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณนับร้อยก็ระเบิดออกมาโดยตรง
ถ้าไม่ใช่เพราะสี่ผู้อาวุโสสูงสุดรีบปกป้องสมาชิกของตระกูลไว้ในทันที คนทั้งตระกูลก็คงจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง แต่สิ่งที่พวกมันต้องจ่ายเป็นค่าตอบแทน ก็คือต้องกระอักโลหิตออกมากองโต หญิงชรา ผู้อาวุโสอันดับสาม ซึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว รู้สึกว่าพื้นฐานฝึกตนของนางจู่ๆ ก็ลดลง ร่างกายเริ่มอ่อนแอลง และดูเหมือนจะแก่ชราลงกว่าก่อนหน้านี้
สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป ขณะที่เขาพุ่งถอยไปด้านหลัง กระอักโลหิตออกมาสี่ถึงห้าครั้ง เขามองขึ้นไปในท้องฟ้า เห็นดวงตะวันกำลังใกล้เข้ามา!
ดวงตะวันนี้เป็นสีดำ และเกิดขึ้นในท้องฟ้าโดยที่ยังมีดวงตะวันที่เจิดจ้าปกติอยู่ ถ้ามองดูโดยละเอียด ก็จะพบว่าดวงตะวันสีดำนี้ จริงๆ แล้วก็เป็นผู้ฝึกตนที่สวมใส่ชุดยาวสีดำ!
มันมีอายุประมาณสี่สิบปี แต่ก็เปล่งประกายความเก่าแก่โบราณออกมา ซึ่งมากเกินกว่าสีหน้าเยาว์วัยของมัน ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยแสงสีดำ ซึ่งดูเหมือนจะดูดซับแสงที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดเข้าไป เพราะเหตุนี้จึงทำให้มันดูคล้ายกับเป็นดวงตะวันสีดำ
ติดตามมาพร้อมกับมันเป็นแรงกดดันอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ กดทับลงมาจากบนท้องฟ้า
ด้านหลังผู้ฝึกตนชุดดำ เป็นบุรุษหนุ่มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพนับถือจนแทบจะบ้าคลั่ง บุรุษหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก…หานเสวี่ยจ้ง!
“ตัดวิญญาณ!!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง เริ่มหายใจอย่างหนักหน่วง
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น จิตใจของทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นเริ่มสั่นสะท้าน
“ขอคารวะ ปรมาจารย์ตัดวิญญาณ!” หลัวชงกล่าวด้วยความตื่นเต้น มันเริ่มโค้งตัวลงในกลางอากาศทันที ผู้ฝึกตนรอบๆ มันทั้งหมดก็เริ่มกราบกรานด้วยความตกใจด้วยเช่นกัน
บนพื้นดินด้านล่าง ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกนับพันก็คุกเข่าลงเช่นเดียวกัน
“ขอคารวะ ปรมาจารย์ตัดวิญญาณ!”
สีหน้าผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกเปลี่ยนไป พวกมันไม่ได้คุกเข่า เพียงแค่ก้มศีรษะลง สองผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งทะเลทรายตะวันตกประสานมือ และก้มศีรษะต่ำลงแสดงความคารวะ
จิตใจเมิ่งฮ่าวจมดิ่งลง การมาถึงของบุรุษชุดดำ บ่งชี้ให้เห็นว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้อย่างเปิดเผยอีกต่อไป ผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณได้ถูกส่งมาเพื่อทำให้ทุกอย่างจบลง
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว “ยังคงเหลืออยู่อีกสองเดือนก่อนที่ตัวไหมหิมะเยือกเย็นจะเสร็จสมบูรณ์…” เขาถอนหายใจ ขณะที่ดึงเอาเครื่องรางนำโชคออกมาจากถุงสมบัติ “ลืมมันไปเถอะ ดูเหมือนว่าข้าไม่มีทางจะได้ครอบครองตัวไหมหิมะเยือกเย็น ข้าต้องค้นหาวิธีการอื่นเพื่อเอาชนะทัณฑ์สวรรค์” เขาถอนหายใจอย่างเสียดายออกมา ด้วยการมีผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณอยู่ที่นี่ สถานการณ์ต้องจบลงเพียงทางเดียวเท่านั้น
“ถ้าอ๋าวเฉี่ยนตื่นขึ้นมา หรือถ้าพื้นฐานฝึกตนของข้าอยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง…” เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังผู้ฝึกตนชุดดำ ถอนหายใจอยู่ภายใน จริงๆ แล้วเขารู้ว่าแม้เขาจะอยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ฝึกตนตัดวิญญาณ เขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นมดแมลงตัวเล็กๆ
“ตัดวิญญาณ…ได้รับการรู้แจ้งแห่งเต๋า ตัดตัวเองสามครั้ง…” ขั้นตัดวิญญาณเป็นอาณาเขตในตำนาน ซึ่งสามารถบรรลุได้ด้วยโชคชะตาเท่านั้น และไม่อาจจะค้นหาได้ ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ มีผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณอยู่มากมาย และมีขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งอยู่ไม่น้อย แต่ผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณค่อนข้างหายาก แม้แต่ในดินแดนด้านใต้อันกว้างใหญ่ ก็มักจะพบเห็นพวกมันเพียงเป็นแค่กองหนุนเต๋าของสำนักใหญ่
เมื่อเมิ่งฮ่าวคิดเกี่ยวกับขั้นตัดวิญญาณ เขาก็ต้องคิดไปถึงปรมาจารย์เอกะเทวะอย่างช่วยไม่ได้
ขณะที่ผู้ฝึกตนชุดดำลอยลงมาจากด้านบนท้องฟ้า เมืองเซิ่งเสวี่ยก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบราวกับอยู่ในป่าช้า ความสิ้นหวังเต็มอยู่ในจิตใจทุกคน ทั้งสมาชิกตระกูลหานเสวี่ยและผู้ฝึกตนอื่นๆ แต่ละคนละทิ้งความหวังในการตอบโต้กลับไปทั้งหมดลง
สีหน้ายินดีเต็มอยู่บนใบหน้าหานเสวี่ยจ้ง ขณะที่มันติดตามผู้ฝึกตนชุดดำมา สายตามันกวาดผ่านกลุ่มคนตระกูลหานเสวี่ย และความใจจืดใจดำก็ปรากฎขึ้นในดวงตา
แต่ขณะที่ผู้ฝึกตนชุดดำกำลังอยู่เหนือเมืองหนึ่งพันจ้าง ทันใดนั้นมันก็หยุดลง ความลึกซึ้งปรากฎขึ้นในดวงตา ราวกับว่ามันอยู่ในตำแหน่งที่มีสิทธิ์อำนาจสูงสุด ราวกับว่าเต๋าแห่งสวรรค์อันยิ่งใหญ่ให้สิทธิ์มันในการมองลงไปยังสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านล่างทั้งหมด
ขณะที่มันลอยอยู่ที่นั่น ดูเหมือนสวรรค์และปฐพีจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน ไม่อาจแยกออกจากกันได้ แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะถูกแยกออกจากกัน กลายเป็นเต๋าของมันเอง ทำให้เจตจำนงแห่งสวรรค์ไม่อาจจะลบล้างไปได้
ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เกิดขึ้นเพราะเจตจำนงของมัน นี่เป็นเพราะมันได้บรรลุขั้นตัดวิญญาณมานานแล้ว และการตัดครั้งแรกของมัน สิ่งที่ถูกตัด, มีเพียงคนที่อยู่ในขั้นเดียวกันเท่านั้นถึงจะสามารถรับรู้ร่องรอยบางอย่างนั้นได้
“สหายเต๋าหานเสวี่ย, พวกเราไม่ได้พบกันมานานหลายร้อยปีแล้ว ท่านยังคงนอนหลับอยู่? ทำไมถึงไม่ให้ข้าเห็นหน้าท่าน?” ขณะที่สายตามันกวาดผ่านไปทั่วทั้งพื้นดิน ราวกับว่าไม่มีผู้ฝึกตนคนไหนที่จะสมควรอยู่ในสายตาของมัน สิ่งที่มันกำลังมองไป เป็นส่วนลึกในห้องลับใต้ดิน ที่นั่น มีชายชรากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นบูชารูปดาว มันดูผอมแห้งเหมือนซากศพโดยสิ้นเชิง
“ยังคงหลับอยู่?” ผู้ฝึกตนชุดดำกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ดูเหมือนว่าความพยายามของข้าที่จะมาดูว่าท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ต้องสูญเปล่าแล้ว เรามาจบเรื่องน่าขำนี้กันเถอะ” มันส่ายหน้า และจากนั้นก็โบกสะบัดมือ
พื้นดินทั่วทุกทิศทางเริ่มสั่นสะเทือน หลุมสวรรค์ทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้นมาบนพื้น อยู่ตรงจุดกึ่งกลางของเมือง!
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เสียงเก่าแก่โบราณที่เขาเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ ได้พูดเข้าไปในหูเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง