ภายในใจโจวเต๋อคุน กำลังก่นด่าสาปแช่งอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้มันไม่แน่ใจว่าควรจะสาปแช่งใครกันแน่ มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเสียใจ
บุรุษแซ่เหยียนขมวดคิ้ว มันเริ่มกำลังคิดว่าเมืองเซิ่งเสวี่ยนี้ช่างน่ารำคาญนัก สิ่งที่มันต้องการก็เพียงแค่ขอดูเม็ดยา แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดนี้ มันก็ยังไม่อาจจะได้เห็นแม้แต่แวบเดียว
ด้วยใบหน้าที่ถมึงทึง มันค่อยๆ หันหน้าไปมองยังบุรุษหนุ่มผู้นั้น
หานเสวี่ยจ้งกำลังมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้อยู่ มันส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ ร่างแวบขึ้น หลังจากนั้น มันก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าโจวเต๋อคุน
ผู้อาวุโสอันดับแรกกล่าวขึ้นในทันที “หานเสวี่ยจ้ง ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงยังไม่ได้ตายไป แต่…”
“แต่อะไร?” มันกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ ตัดบทผู้อาวุโสอันดับแรก “เหตุผลที่ข้ายังไม่ตายก็เป็นเพราะว่าไอ้แก่มันใจอ่อน แต่ความใจอ่อนของมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการฝึกตนของข้า ตอนนี้ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรแล้วกับตระกูลหานเสวี่ย ข้าเป็นคนของเผ่าอู่เยี่ย (เดือนห้า) แห่งทะเลทรายตะวันตก และมีหน้าที่มากำจัดเมืองเซิ่งเสวี่ย! ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้ยินนามของโจวต้าซือมานาน ทำให้ข้าอยากมาเห็นว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของมันจะเป็นเช่นไรด้วยตัวเอง”
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมาในทันที สีหน้าของสี่ผู้อาวุโสสูงสุดบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด นอกจากนั้น ชายชราที่อยู่ท่ามกลางคนทั้งสาม ซึ่งอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง กระจายกลิ่นอายคุกคามอย่างน่าเหลือเชื่อออกมา ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันกดทับลงมายังทุกคน
“ไม่ต้องกังวลไป” หานเสวี่ยจ้งกล่าวพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “ไม่มีใครเข้าใจเมืองเซิ่งเสวี่ย และทุกอย่างในเมืองนี้ดีไปกว่าข้าอีกแล้ว แต่วันนี้ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้ ข้าเพียงแต่อยากจะมาดูการประลองปรุงยาของโจวต้าซือผู้นี้! ซึ่งถือว่าเป็นการเดิมพันด้วยโชคอันยิ่งใหญ่! หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย ไม่ว่าใครจะชนะก็ตามที ข้าสัญญาว่าผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกจะไม่โจมตีเมืองนี้เป็นเวลาสามเดือน ซึ่งน่าจะทำให้พวกเจ้ามีเวลาเตรียมตัวได้บ้าง แต่ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธ…” ในตอนนี้เองที่เสียงแผดร้อง ทันใดนั้นก็ดังออกมาจากนอกกำแพงเมือง ลำแสงสาดประกายอยู่ในอากาศ ขณะที่ทะเลแห่งสัตว์ป่าปรากฎขึ้น
ค่ายกลเวทส่องแสงริบหรี่อยู่ในท้องฟ้า ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยแรงกดดันอันเข้มข้น
ผู้ฝึกตนทั้งหมดในลานสี่เหลี่ยมต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น คนทั้งหมดในเมืองเซิ่งเสวี่ยมองขึ้นไป ด้วยจิตใจที่หมุนเคว้งคว้าง สีหน้าของสี่ผู้อาวุโสสูงสุดยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น
สีหน้าของหานเสวี่ยจ้งแสดงให้เห็นว่า การเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดของพวกมันมีแต่ข้อบกพร่อง จำเป็นต้องมีเวลาในการปรับเปลี่ยน พวกมันไม่แน่ใจว่าทำไมมันถึงให้เวลาถึงสามเดือน แต่ถึงแม้จะเป็นกับดัก ตระกูลหานเสวี่ยก็ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องกระโจนเข้าไป เวลาอีกสามเดือนเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกมัน
หานเสวี่ยจ้งหัวเราะ ขณะที่มองไปยังผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานเสวี่ย “แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ได้แตกต่างไปเล็กน้อยแล้วในตอนนี้ โจวต้าซือไม่ได้ยินดีที่จะปรุงยาของมัน ถ้าท่านเหยียนสนใจ ทำไมไม่ประลองกับบุรุษหนุ่มผู้นี้สักเล็กน้อยก่อน ด้วยเช่นนั้น โจวต้าซือก็จะเห็นว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของท่านเหยียนสูงส่งเพียงใด”
ผู้อาวุโสอันดับแรกดูท่าทางอึดอัดใจเล็กน้อย และรู้สึกมีโทสะกับโจวเต๋อคุน ผู้อาวุโสที่สองก็คิดเช่นเดียวกัน พวกมันประเมินค่าโจวเต๋อคุนอย่างสูงส่ง และคิดว่ามันเป็นเจ้าโอสถที่แท้จริง แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่ามันไม่ยินดีที่จะแสดงทักษะใดๆ ออกมา และพยายามผลักดันให้คนอื่นกระทำแทน
พวกมันไม่แน่ใจว่าจะควบคุมสถานการณ์อย่างไรดี
ผู้อาวุโสอันดับแรกขมวดคิ้ว ขณะที่พิจารณาสถานการณ์ ในที่สุด มันก็ถอนหายใจและมองมายังเมิ่งฮ่าว “สหายน้อย, ข้าขอเรียกร้องให้เจ้าช่วยปรุงเม็ดยา แล้วพวกเราค่อยมาตกลงกันใหม่ในเรื่องของตัวไหมหิมะเยือกเย็น หลังจากที่เหตุการณ์นี้เรียบร้อยแล้ว เจ้าจะว่าอย่างไร?”
เมิ่งฮ่าวยิ้ม จริงๆ แล้วเขาไม่อยากจะทำให้โจวเต๋อคุนต้องเสียหน้า แต่ถ้ามีบุคคลอื่นมาเกี่ยวข้อง ในเรื่องของเต๋าแห่งการปรุงยา เขาก็ไม่ลังเลที่จะฉีกหน้าคนผู้นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักปรุงยาที่บอกว่ามาจากดินแดนตะวันออก
ดังนั้น เขาจึงตอบรับผู้อาวุโสอันดับแรกด้วยการพยักหน้า
ก่อนที่เขาจะเสร็จสิ้นการพยักหน้า ความหงุดหงิดก็แวบขึ้นที่ใบหน้าของเหยียน มันคิดว่าโจวต้าซือสงสัยในเต๋าแห่งการปรุงยาของมัน และต้องการใช้วิธีนี้มาพิสูจน์ความสามารถของมัน
พร้อมกับเสียงแค่นอย่างเย็นชา เหยียนชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็มองกลับไปยังโจวเต๋อคุน พร้อมกับประสานมือกล่าวว่า “ข้าคือเหยียนซง แห่งภูเขายาในดินแดนตะวันออก” แน่นอนว่านี่ก็คือ การแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อนที่จะประลองการปรุงยา ถึงแม้จะทำการแข่งขันกับเมิ่งฮ่าว แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเหยียนซงกระทำราวกับว่ามันได้ประลองกับโจวเต๋อคุน
โจวเต๋อคุนหัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ในจิตใจ มันยังรู้สึกกังวลและตกใจมากขึ้นกว่าเดิมในตอนนี้ เท่าที่มันคิด เรื่องทั้งหมดในวันนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง แต่ก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ในตอนนี้
สีหน้าเมิ่งฮ่าวยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เมื่อได้เห็นว่านี่เป็นการประลองการปรุงยาอย่างเป็นทางการ เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และกำลังจะแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน แต่เหยียนซงก็โบกสะบัดแขนเสื้อที่กว้างใหญ่ของมัน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจา” มันกล่าว “ข้าไม่สนใจอยากจะรู้จักนาม หรืออยากรู้ว่าเจ้ามาจากที่ไหน แค่ปรุงเม็ดยาที่ดีที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ก็พอแล้ว”
ความไม่สนใจนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว
เหยียนซงยกมือขึ้น ที่ลอยอยู่ด้านบนฝ่ามือมันเป็นกระถางปรุงยา ทันใดนั้น เปลวไฟก็ลุกขึ้นมาจากฝ่ามือของมัน นี่ไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา แต่เป็นไฟวิญญาณแรกก่อตั้ง มีเพียงผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง ที่มีวิญญาณแรกก่อตั้งเป็นธาตุไฟเท่านั้น จึงสามารถสร้างเปลวไฟเช่นนี้ขึ้นมาได้
เปลวไฟเป็นสีส้มแดง และกระจายระลอกคลื่นออกมาในอากาศ ใช้เวลาไม่นาน กระถางปรุงยาที่ลอยอยู่เหนือฝ่ามือของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจ้า เหยียนซงตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาถุงเล็กๆ สีขาวออกมาหลายใบ ซึ่งแต่ละใบก็เต็มไปด้วยฝุ่นผงที่แตกต่างกัน
มันตวงวัดสัดส่วนของฝุ่นผงที่แตกต่างกันนั้น และใส่เข้าไปในกระถางปรุงยา เมิ่งฮ่าวหดม่านตาลงเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ และโจวเต๋อคุนก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
“มันไม่ได้ปรุงเม็ดยาด้วยต้นสมุนไพร…”
“ในภูเขายาแห่งดินแดนตะวันออก พวกเราไม่ได้ปรุงเม็ดยาด้วยสมุนไพร” เหยียนซงกล่าวเสียงราบเรียบ “พวกเราใช้ธาตุทั้งห้าเป็นส่วนผสมพื้นฐาน ด้วยการจัดหาวัตถุที่สอดคล้องกับธาตุทั้งห้า จากนั้นก็ทำให้พวกมันกลายเป็นฝุ่นผง ทำให้พวกเราสามารถใช้พลังของธาตุทั้งห้าในการปรุงเม็ดยา นี่ก็คือเส้นทางอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงของเต๋าแห่งการปรุงยา!” กระถางปรุงยาของมันเริ่มส่งเสียงกระหึ่มกึกก้องขึ้น ทันใดนั้น กลุ่มเมฆสีดำก็เริ่มรวมตัวกันในท้องฟ้าด้านบน และเสียงฟ้าร้องก็ดังก้องกังวานมา
จิตใจโจวเต๋อคุนเริ่มสั่นระรัวด้วยความตกใจ เห็นได้ชัดว่ากลุ่มเมฆที่ด้านบนก็คือทัณฑ์เม็ดยา!
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตกตะลึง และสี่ผู้อาวุโสสูงสุดก็หายใจอย่างเร่งร้อน พวกมันไม่ค่อยเข้าใจมากนักเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยา แต่ก็เคยได้ยินเรื่องทัณฑ์เม็ดยามาบ้าง เมื่อได้เห็นด้วยสายตาตัวเองก็ทำให้จิตใจพวกมันสั่นสะท้าน
เหยียนซงมองขึ้นไปยังเมฆลงทัณฑ์ด้วยความภาคภูมิใจ “ในดินแดนตะวันออก พวกเราไม่ได้กังวลต่อทัณฑ์เม็ดยา จริงๆ แล้ว การกระตุ้นให้เกิดทัณฑ์เม็ดยา ก็ช่วยให้พวกเราควบคุมพลังของสายฟ้าได้ ทำให้สามารถปลดปล่อยพลังของธาตุทั้งห้าออกมาได้อย่างเต็มที่!” ขณะที่มันพูด เสียงระเบิดก็ดังสนั่นอยู่ในอากาศ เมื่อสายฟ้าจำนวนมากมายพุ่งลงมายังกระถางปรุงยา เพียงชั่วะพริบตา สายฟ้าก็รวมตัวกันกลายเป็นแผ่นสายฟ้าขนาดใหญ่
เหยียนซงเงยหน้าขึ้น และส่งเสียงกู่ร้อง ตบไปที่กระถางปรุงยาด้วยมือซ้าย ทำให้ฝากระถางเปิดออก เม็ดยาหกสีลอยออกมา เหยียนซงคว้าไว้ ทันใดนั้น กลุ่มเมฆที่ด้านบนก็กระจายหายไป แต่สายฟ้าก็ยังคงฟาดลงมา กระแทกเข้าไปในพื้นดินรอบๆ เหยียนซง ทำให้ท่าทางมันดูน่าตกใจมากยิ่งขึ้น
“โชคร้ายที่ขั้นตอนนี้จบเร็วไปเล็กน้อย” เหยียนซงกล่าว จ้องมายังเมิ่งฮ่าว “ทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายไม่ดีเท่าที่ควร” จากนั้นมันก็มองไปยังโจวเต๋อคุน ดวงตาสาดประกาย ราวกับว่ามันกำลังท้าทายให้มาประลองด้วย
โจวเต๋อคุนยังคงรักษาหน้าอันทรงเกียรติของมันไว้ แต่จิตใจกำลังเต้นรัวอย่างรุนแรง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้น ก็โบกสะบัดมือขวาเอากระถางปรุงยาออกมา
เหยียนซงมองมายังกระถางปรุงยาของเมิ่งฮ่าว และสีหน้าอันสงบนิ่งก่อนหน้านี้ของมันก็เริ่มเต็มไปด้วยท่าทางภาคภูมิใจ นี่เป็นท่าทางที่มันไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นเมื่อพูดกับโจวเต๋อคุน แต่ตอนนี้มันกำลังประลองอยู่กับเมิ่งฮ่าว ทำให้ปฏิกิริยาของมันแตกต่างออกไปเป็นธรรมดา
แต่หลังจากที่มันมองมายังกระถางปรุงยาสักพัก สีหน้าประหลาดใจก็กระจายไปทั่วใบหน้าเหยียนซงในทันที นี่เป็นกระถางปรุงยาที่เมิ่งฮ่าวได้รับมาจากสำนักชิงหลัว, กระถางหมื่นประณีต
ทันทีที่โจวเต๋อคุนมองเห็นกระถางปรุงยา จิตใจมันก็เริ่มหมุนคว้าง มันเคยเห็นกระถางหมื่นประณีตมาก่อน ซึ่งดูคล้ายกับที่เมิ่งฮ่าวถืออยู่ในมือตอนนี้เป็นอย่างมาก สำหรับกระถางปรุงยา การที่จะพบว่าสองกระถางดูเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกระถางหมื่นประณีตแล้ว ก็คงไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ตามธรรมดาทั่วไป แต่ไม่มีทางเป็นไปได้เลยมากกว่า
โจวเต๋อคุนลังเลชั่วขณะ และจากนั้นก็สะกดข่มความสงสัยของมันไว้
สำหรับเมิ่งฮ่าว ดวงตาเขาสาดประกายขณะที่ถือกระถางปรุงยาอยู่ในมือขวา ภายในร่าง เปลวไฟอมตะแห่งแผนกเม็ดยาบูรพา ลุกโชนขึ้นมาราวกับมีชีวิต จากนั้นก็โผล่ขึ้นมาจากฝ่ามือ เป็นเปลวไฟที่ไม่อาจจะมองเห็นได้ แต่อากาศรอบๆ มือเมิ่งฮ่าวกำลังบิดเบี้ยวไปมา
ภาพที่เห็นนี้ทำให้ดวงตาเหยียนซงหดเล็กลง เป็นครั้งแรกที่สีหน้าสงสัยปรากฎขึ้นบนใบหน้ามัน
จากศาสตร์แห่งการปรุงยา สามารถตัดสินผู้คนได้จากการแสดงออกของเต๋าแห่งการปรุงยา ทันใดนั้นเหยียนซงก็เห็นว่าวิชาของเมิ่งฮ่าวไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเปลวไฟที่ไร้ตัวตนซึ่งเมิ่งฮ่าวใช้ออกมา ทำให้จิตใจมันเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“เปลวไฟนั่น…” มันคิด จิตใจเต็มไปด้วยความลังเล
โจวเต๋อคุนไม่ได้เห็นเปลวไฟที่ไร้ตัวตนของเมิ่งฮ่าวนี้เป็นครั้งแรก แต่ในครั้งนี้ มันได้ตรวจสอบอย่างละเอียดมากกว่าก่อนหน้านี้ หลังจากที่ตรวจสอบรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว จิตใจมันก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ใบหน้าก็ยังคงแสดงท่าทีลึกลับอยู่เหมือนเดิม มีรอยยิ้มน้อยๆ ตามมาด้วยท่าทางยกย่องชมเชย ราวกับว่ากำลังมองผู้เยาว์รุ่นหลังปรุงเม็ดยาอยู่ ทำให้มันรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
สีหน้าของมันทำให้ทุกคนที่มุงดู รู้สึกมั่นใจว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของโจวเต๋อคุน ซึ่งรู้สึกว่าเหยียนซงไม่มีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะมาขอดูเม็ดยาของมัน
ภายในใจ โจวเต๋อคุนแอบถอนหายใจออกมา มันรู้สึกขมขื่นและกังวลใจ แต่ก็ยังรู้สึกภาคภูมิใจอยู่เล็กน้อย จากการที่มันสังเกตุเห็นว่า หานเสวี่ยจ้งกำลังมองมาที่มันด้วยสีหน้าสนใจเป็นอย่างมาก
ในเวลาเดียวกันนั้น หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาต้นสมุนไพรออกมา ทันทีที่มันปรากฎขึ้น เขาก็บดขยี้มันจนกลายเป็นผุยผง และใส่เข้าไปในกระถางปรุงยา
สำหรับเขาแล้ว การใช้สมุนไพรเพียงแค่ต้นเดียว ไม่มีอะไรแปลกพิเศษ แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังหยิบเอาต้นสมุนไพรต้นแล้วต้นเล่าออกมา แต่ละต้นเขาก็บดขยี้มันจนกลายเป็นผุยผง ก่อนที่จะใส่เข้าไปในกระถางปรุงยา ทำให้เหยียนซงต้องขมวดคิ้ว และจากนั้นก็ยิ้มอย่างเย็นชาออกมา
“เจ้ากำลังเลียนแบบวิธีการปรุงเม็ดยาด้วยธาตุทั้งห้าของข้า” เหยียนซงกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าว่าเจ้ากำลังประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว เจ้าอาจจะปรุงยาได้เก่งกาจ แต่เมื่อใช้วิธีการปรุงห้าธาตุของข้า นอกจากทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของเจ้าจะล้ำเลิศกว่าข้าแล้ว เจ้าก็จะไม่มีทางทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน!” แต่ทันทีที่มันมองไปยังโจวเต๋อคุน จิตใจก็เริ่มหนักอึ้ง สีหน้าโจวเต๋อคุนสงบนิ่งโดยสิ้นเชิง กลิ่นอายลี้ลับอย่างลึกล้ำของโจวเต๋อคุนทำให้เหยียนซง จู่ๆ ก็รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย