วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตอนที่ 452 : ความหวัง

อพยพ
ทั่วทั้งดินแดนของทะเลทรายตะวันตก เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ชนเผ่าทั้งหมดต่างก็ได้ตัดสินใจอย่างขมขื่นเช่นเดียวกัน!
การตัดสินใจเช่นนั้นเป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่กระทำได้ยากเย็น และสิ่งที่เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์เป็นห่วงก็คือ การอพยพ…ก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย!
ตลอดทั้งทะเลทรายตะวันตก เวทเคลื่อนย้ายทางไกลได้หยุดการทำงานไปแล้วอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตพื้นที่ต่ำอย่างทะเลทรายตะวันตกด้านเหนือ ซึ่งมีน้ำฝนสีม่วงจำนวนมากมายกักขังท่วมอยู่ ทำให้คิดได้ว่า สายฝนที่ตกลงมาในเขตด้านตะวันตก, ด้านใต้ และด้านตะวันออกจะไหลไปรวมกันในเขตด้านเหนือได้อย่างง่ายดาย
เขตทางเหนือของทะเลทรายตะวันตก จะเป็นสถานที่แห่งแรกซึ่งจะกลายเป็นทะเลอย่างแน่นอน!
ถ้าห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ทำสงครามกับเผ่าห้าพิษ พวกมันก็อาจจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะอพยพ แต่โชคร้าย…ถึงแม้จะรวมพวกเด็กๆ และคนชราทั้งหมดของเผ่า จำนวนคนทั้งหมดในตอนนี้ก็มีอยู่ประมาณสองพัน
เมื่อคิดว่าพวกมันเคยมีสมาชิกอยู่มากกว่าหนึ่งหมื่นคน ก็ทำให้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของพวกมันลดลงไปอย่างน่ากลัว ในตอนนี้ พวกมันถือได้ว่าเป็นเพียงแค่เผ่าเล็กๆ เมื่อเปรียบเทียบกับชนเผ่าที่เหลืออยู่ในทะเลทรายตะวันตก
ยิ่งไปกว่านั้น…เพราะประตูเคลื่อนย้ายทางไกลไม่อาจใช้งานได้อีกต่อไป และกลุ่มคนในเผ่าเกินครึ่งเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพื้นฐานฝึกตน จึงไม่มีทางที่เผ่านี้จะบินไปได้ พวกมันต้องเดินทางไปด้วยเท้าเท่านั้น
หัวหน้าเผ่ายืนอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว เส้นผมสีเทาและสีหน้าของมันดูเหน็ดเหนื่อย ยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “พวกเราไม่สามารถเดินทางไปยังดินแดนสีดำด้วยเท้า…พวกเราอยู่ไกลเกินไป แม้แต่ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง ที่บินไปโดยไม่มีการหลับนอนหรือหยุดพัก ก็ต้องใช้เวลาถึงสิบปีเป็นอย่างน้อยเพื่อจะไปให้ถึงที่นั่น ถ้าพวกเราเดินไปด้วยเท้า…ก็คงจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งพันปี การใช้เวลาอพยพมากกว่าหนึ่งพันปี เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จะคงอยู่ถึงเวลานั้นได้อย่างไร?”
มันมีท่าทางแก่ชราลงไปกว่าก่อนหน้านี้ หันหน้ามองกลับไปยังกลุ่มคนในเผ่าที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งกำลังปลูกสร้างบ้านไม้อยู่ และกล่าวต่อไป “ฝนม่วงจะทำลายพลังลมปราณไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดพวกเราทั้งหมดก็จะกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา เจตจำนงที่ต้องการกำจัดซึ่งอยู่ในสายฝน จะกัดกร่อนร่างกายพวกเรา ทำให้อ่อนแอลงจนตายไป”
“นั่นยังไม่ได้กล่าวถึงสิ่งที่สายฝนนี้จะกระทำต่อพวกเด็กๆ และคนในเผ่าที่เป็นมนุษย์ธรรมดาคนอื่นๆ พวกมัน…จะเป็นกลุ่มแรกที่ตายไป หลังจากนั้น…ความตายก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดทั่วทั้งเผ่าก็จะถูกกวาดล้างไปในช่วงของการอพยพ”
“นอกจากนี้ เมื่อคิดว่าทุกๆ เผ่าทั้งหมดในทะเลทรายตะวันตก ต้องการอพยพไปในเวลาเดียวกัน เนื่องจากอาหาร, ทรัพยากรและเหตุผลอื่นๆ เส้นทางเหล่านั้นก็จะเต็มไปด้วยการต่อสู้ที่วุ่นวาย! แต่ละเผ่าต้องต่อสู้กับเผ่าอื่นๆ เพื่อความอยุ่รอด ตอนนี้ เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์…ไม่อาจจะมีชีวิตรอดได้จากอุปสรรคเช่นนั้น”
“และถึงแม้พวกเราจะเดินทางไปได้นานกว่าหนึ่งพันปี ถึงแม้พวกเราอาจจะโชคดีไม่โดนเผ่าอื่นๆ ทำลายไป แต่…เมื่อไหร่ที่พวกเราไปถึงดินแดนสีดำ…พวกเราจะมีคุณสมบัติอะไรที่จะผ่านเข้าไป? ที่นั่นมีพื้นที่จำกัด พวกเราจะเข้าไปได้อย่างไร?”
“พวกเราจะโดดเด่น…อยู่ท่ามกลางเผ่าใหญ่ๆ และเผ่าขนาดกลางมากมายเหล่านั้นได้อย่างไร? ด้วยการมีเผ่าขนาดใหญ่มากมายที่กำลังควบคุมดินแดนสีดำอยู่ในตอนนี้ พวกเราจะทำให้พวกมันยอมรับได้อย่างไร?””
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เขาได้เห็นเด็กบางคนมีร่างกายที่อ่อนแอ และเริ่มอ่อนแอลงมากขึ้น หลังจากที่เปียกฝน ฝนม่วงกำลังทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างไป
“เนื่องจากเหตุผลเหล่านี้ทั้งหมด เซิ่งจู่ต้าเหริน (บรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่) ข้าขอให้ท่าน…จากไปเถอะ!” เสียงของหัวหน้าเผ่าหนักแน่นราวกับสามารถตัดตะปูเฉือนเหล็กกล้า “ไปจากสถานที่แห่งนี้และไปจากเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ด้วยพื้นฐานฝึกตนและศักดิ์ฐานะต้าซือหลงของท่าน เผ่าอื่นๆ ต่างก็ยินดีที่จะต้อนรับท่านในห้วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ และจะนำท่านไปยังดินแดนสีดำพร้อมกับพวกมัน”
“เซิ่งจู่ต้าเหริน นี่เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของท่าน สำหรับพวกเรา…” หัวหน้าเผ่ามองกลับไปยังกลุ่มคนทั้งห้าเผ่าที่เบื้องหลังซึ่งกำลังช่วยกันสร้างกระท่อม เพื่อเป็นที่กำบังจากสายฝนอีกครั้ง สายตาของมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
“พวกเราจะไม่จากบ้านเกิดของพวกเราไป ถ้าพวกเรามาถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต พวกเราก็จะตายไปด้วยกัน และจะถูกฝังอยู่ที่นี่พร้อมกับบรรพบุรุษและสหายร่วมเผ่าอื่นๆ อย่างน้อยด้วยวิธีนี้ บางทีอาจจะมีเด็กๆ บางคนมีโอกาสได้เติบโตขึ้น” หัวหน้าเผ่าดูท่าทางแก่ชราลงไปอีกในตอนนี้ ราวกับว่าพลังชีวิตของมันค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ต่อไป ไม่แน่ใจว่าต้องกล่าวอะไรออกมาดี เขาเหลียวหลังมองกลับไปยังกลุ่มคนในเผ่าอย่างเงียบๆ อูเฉินอยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับอูหลิง ยังมีเด็กทารกที่กำลังหลับอยู่ ซึ่งมักจะร้องไห้หามารดาอยู่เป็นระยะ หยาดน้ำตากำลังไหลหลั่งริน ยังมีคนชราผู้เป็นที่รักของใครหลายคนมาเป็นเวลานาน ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมันทั้งหมด เขาก็ตระหนักว่ามีใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่มากมาย
ตอนนี้ เขามีทางเลือกอยู่แค่สองทาง จากไป…หรืออยู่ต่อ!
ถ้าเขาจากไป เขาก็จะเป็นบุคคลที่สามารถมีชีวิตรอดจากภายใต้ฝนม่วงนี้เป็นอย่างมาก เมื่อพิจารณาถึงความสามารถพิเศษทั้งหมดของเขา
แต่ถ้าเขาอยู่ต่อไป…
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจอย่างแผ่วเบาออกมา ไม่กล่าวอันใด แต่หันหลังและเดินไปยังที่ซึ่งมีกลุ่มคนในเผ่าอยู่รวมกัน ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ คนทั้งหมดมองมา ดวงตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ เมิ่งฮ่าวเดินกลับไปยังภูเขาและเขตลานบ้านที่เขาอาศัยอยู่ต่อไป
ที่แห่งนี้ สายฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก เขานั่งลงภายใต้ชายคา ล้อมรอบไปด้วยฝูงสัตว์ปีศาจ ต้าเหมานอนลงไปบนพื้นข้างกายเขา ส่งเสียงครางหงิงๆ ออกมาเบาๆ มันมีบาดแผลแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงใดๆ
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวมีสัตว์ปีศาจอยู่เพียงแค่หกพันตัวเหลืออยู่ในฝูง ทั้งหมดต่างได้รับบาดเจ็บ และกำลังฟื้นฟูกันเองตามธรรมชาติ
กู่ลากลั้นใจวิ่งรอกฝ่าสายฝนนำอาหารมาให้ และช่วยรักษาเยียวยาอาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ของพวกมัน ท้องฟ้าที่ด้านบนมืดสลัว และสายฝน…ก็กำลังตกลงมาหนักมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฟ้าดินอันกว้างใหญ่ค่อยๆ กลายเป็นความหดหู่ที่กดทับลงมาบนจิตใจของทั้งเมิ่งฮ่าวและกลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์
“บางทีข้าควรจะรอจนกว่านกแก้วกลับมา…แล้วค่อยจากไป การจากไปจริงๆ แล้วก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่…” เขาตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ตลอดช่วงเวลาทั้งหมดที่อยู่ในทะเลทรายตะวันตก เขาได้อาศัยอยู่ท่ามกลางห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ จนได้บรรลุถึงเป้าหมายของตัวเอง แต่ผู้ที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนทั้งหมดนั้นกลับเป็นพวกมัน
ถ้าให้พูดอย่างเป็นกลาง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ความผิดของเมิ่งฮ่าว แต่เมื่อมันมารบกวนอยู่ในจิตใจเขา เมิ่งฮ่าวก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะสลัดความรู้สึกอันลึกล้ำนี้ให้หลุดหายไปได้
คำพูดของหัวหน้าเผ่าอูปิงก็สมเหตุสมผล ห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีความสามารถในการจะอพยพ และถึงแม้พวกมันจะอพยพไปได้…พวกมันก็ไม่มีทางจะสามารถผ่านเข้าไปในดินแดนสีดำได้
เมื่อคิดไปถึงดินแดนสีดำ เมิ่งฮ่าวก็ระลึกไปถึงสงครามที่เขาเคยเห็นในที่แห่งนั้น และผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกที่เขาเคยต่อสู้ด้วย
“ช่างเป็นแผนการที่น่าเหลือเชื่อนัก” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกาย “เนื่องจากวันสิ้นโลกนี้ ทำให้ดวงตาทุกคู่ของทะเลทรายตะวันตกทั้งหมดจ้องมองไปยังดินแดนสีดำ ดูเหมือนว่าในที่สุดเวลาที่ชนเผ่าอันยิ่งใหญ่เหล่านั้นจะควบคุมดินแดนสีดำได้มาถึงแล้ว…เผยให้เห็นเขี้ยวเล็บของพวกมัน”
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ สองเดือนได้ผ่านไป และฝนม่วงก็ไม่เคยหยุดตกลงมาเลย มีแต่ตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เมิ่งฮ่าวไม่ได้อยู่ที่เขตหลังเขาอีกต่อไป เพราะ…มันได้กลายเป็นลำธารเล็กๆ ที่มีความลึกเท่าหัวเข่าไปเรียบร้อยแล้ว
ห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้เคลื่อนย้ายไปอยู่บนยอดเขา ที่นั่น พวกมันได้สร้างกระท่อมเพื่อคอยกำบังสายฝน ผู้คนมากกว่าสองพันใช้ชีวิตอยู่ภายในกระท่อมอย่างเงียบๆ
มีสมาชิกของเผ่าบางคนกำลังอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด…
เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา มองไปยังเทือกเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป ในครั้งหนึ่งเทือกเขาเหล่านั้นเคยเป็นสีเขียวและมีต้นไม้อย่างแน่นหนา แต่ในตอนนี้พวกมันกลายเป็นสีเทาหม่น ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดได้แห้งเหี่ยวและตายไป
ทุกวัน จะมองเห็นสัตว์อสูรวิ่งออกมา หรือไม่ก็บินออกมาจากภายในส่วนลึกของเทือกเขา ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนเท่านั้นที่กำลังอพยพจากไปในช่วงของวันสิ้นโลกนี้ แต่สัตว์อสูรก็เป็นเช่นเดียวกัน
พื้นดินในอาณาเขตรอบๆ หลายแห่งได้กลายเป็นสีม่วงไปเรียบร้อยแล้ว ลำธารได้ไหลมารวมกันจนกลายเป็นแม่น้ำ จนง่ายที่จะคิดไปว่า หลังจากที่เวลาผ่านไปไม่นาน แม่น้ำก็จะรวมตัวกันเพื่อก่อตัวเป็นทะเลสาบ และในที่สุด ทะเลสาบเหล่านั้นก็จะกลายเป็น…ทะเล
“ถ้าข้าไม่อาจจะนำพวกท่านไปกับข้าได้” เมิ่งฮ่าวกล่าว “ข้าก็จะอยู่กับพวกท่านที่นี่ พวกเราจะรอคอยความตายไปด้วยกัน ข้าจะไม่ปล่อยให้ฝนม่วงกลบฝังพวกท่าน ป้ายหลุมฝังศพของห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จะมีนามของพวกท่านทั้งหมดอยู่บนนั้น” เมิ่งฮ่าวรู้สึกเศร้าเสียใจอยู่ลึกๆ ภายใน แต่ก็ไม่อาจจะคิดถึงหนทางอื่นได้จริงๆ ห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไร้ความหวังใดๆ เหลืออยู่อย่างแท้จริง
ดินแดนสีดำอาจจะถือได้ว่าเป็นความหวัง แต่ก็เป็นความหวังที่ไม่อาจจะแตะต้องสัมผัสได้ นอกจากนี้เส้นทางที่จะไปถึงดินแดนสีดำก็เต็มไปด้วยชนเผ่าต่างๆ มากมาย ที่ทุกคนต่างก็พุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ที่จะต่อสู้แย่งชิงดินแดนท่ามกลางชนเผ่าทั้งหมดเหล่านั้น
“บางทีอาจจะมีความหวังอื่นหลงเหลืออยู่!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ เงยหน้าขึ้นไปมองยังสายฝนสีม่วง
เวลาอีกหนึ่งเดือนก็ผ่านไป ความหวังทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้นในวันหนึ่ง…มันปรากฎขึ้น ไม่เพียงแต่สำหรับเมิ่งฮ่าวเท่านั้น แต่เพื่อคนทั้งหมดของห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์
ความหวังนั้นมาในรูปแบบของเสียง!
เสียงนั้นดังก้องออกมาทั่วทั้งทะเลทรายตะวันตกทั้งหมด จากด้านเหนือไปถึงด้านใต้ ตะวันออกไปถึงตะวันตก ยากที่จะบอกได้ว่ามันเป็นการใช้วิชาเวทหรือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงยากที่จะบอกได้ว่าผู้ที่พูดนี้มีพื้นฐานฝึกตนลึกล้ำถึงระดับใดกันแน่ เสียงที่เก่าแก่โบราณนั้นดังก้องออกมา
“สหายชาวทะเลทรายตะวันตกทั้งหลาย…”
“พวกเราคือพันธมิตรเทียนถิง (ศาลสวรรค์) แห่งดินแดนสีดำ ก่อตั้งขึ้นมาโดยเผ่าเทียนขง (ผู้ติดตามสวรรค์), เผ่าหมานเหยียน (เปลวไฟเถื่อน) และเผ่าเยาเตี๋ย (ผีเสื้อปีศาจ) อันยิ่งใหญ่ นี่คือคำประกาศแรกของพวกเราต่อผู้ฝึกตนในทะเลทรายตะวันตกทั้งหมด…”
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป หัวหน้าเป่าอูปิงลืมตาขึ้นมาจากการเข้าฌาณในทันที กลุ่มคนทั้งหมดของเผ่าจ้องมองขึ้นไปในท้องฟ้า
ในตอนนี้ ทุกชนเผ่าในทะเลทรายตะวันตก หยุดการกระทำทุกอย่าง เผ่าปิงเหยียน (น้ำแข็งเพลิง) อันยิ่งใหญ่ในตอนนี้กำลังอยู่ท่ามกลางการเดินทางอพยพอยู่ เผ่าอื่นๆ กำลังตั้งค่ายพักผ่อนกันอยู่ บางชนเผ่าก็เหมือนกับห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ตัดสินใจที่จะกลายเป็นฝุ่นผงอยู่ในบ้านเกิดของตัวเอง ผู้ฝึกตนทุกคนในทะเลทรายตะวันตกเริ่มตัวสั่นสะท้าน ขณะที่พวกมันมองขึ้นไปในท้องฟ้า
ทุกคน แม้แต่เผ่าห้าพิษ ทุกหนทุกแห่งทั้งตะวันตก, ตะวันออก, เหนือและใต้ ทุกคนของชนเผ่าทั้งหมดต่างก็…มองขึ้นไป
“ฝนม่วงได้มาแล้ว และการทำลายล้างของทะเลตะวันตกก็อยู่ที่นี่แล้ว ฝนม่วงนี้จะกำจัดสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และสลายพลังลมปราณทั้งหมดไป ในตอนนี้ ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเก้าในสิบส่วน ของดินแดนอันยิ่งใหญ่ในทะเลทรายตะวันตกใช้งานไม่ได้”
“มีความหวังเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางการทำลายล้างอันยิ่งใหญ่นี้ และนั่นก็คือดินแดนสีดำ โชคดีที่หลายปีมานี้ กลุ่มพันธมิตรศาลสวรรค์ได้ออกกฎเพื่อให้ดินแดนสีดำ เป็นสถานที่อันเหมาะสมสำหรับชนเผ่าของทะเลทรายตะวันตก ให้มีชีวิตรอดต่อไป!”
“เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อพื้นที่มีขนาดจำกัด ก็ไม่อาจจะให้ชนเผ่าทั้งหมดเข้าไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่า ใครเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติมากที่สุดที่จะเข้าไปในดินแดนสีดำ ดังนั้น…พวกเราจะให้โอกาสพวกท่านทั้งหมด…ค้นหาวิญญาณอสูร!”
“จากข้อมูลที่รวบรวมได้จากการพยากรณ์ของพันธมิตรศาลสวรรค์ รวมถึงรายละเอียดที่ถูกจารึกอยู่ในบันทึกโบราณมากมาย ทำให้พวกเรารู้ว่าเมื่อไหร่ที่ทะเลทรายตะวันตกกลายเป็นทะเล สวรรค์และปฐพีจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง วิญญาณอสูรจะโผล่ออกมาจากดินแดนอันยิ่งใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก มีทั้งหมดไม่เกินสิบชิ้น”
“เผ่าใดๆ ก็ตามที่ไปอยู่ยังด้านนอกของดินแดนสีดำพร้อมกับวิญญาณอสูร ก็จะมีสิทธิ์เข้าไปในดินแดนสีดำ พวกเราจะยอมรับแต่…วิญญาณอสูรเท่านั้น!”
คำพุดเหล่านั้นหยุดไป แต่เสียงของมันยังคงดังก้องไปมาอยู่ในจิตใจของผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกทั้งหมด ผู้คนมากมายที่ได้ยินเสียงนี้เริ่มสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง ดวงตาเริ่มกลายเป็นสีแดงก่ำในทันที
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มสาดประกายเจิดจ้า
Read »

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตอนที่ 451 : วันสิ้นโลกแห่งทะเลทรายตะวันตก!!


มีตำนานที่เล่าขานกันมา เกี่ยวกับดินแดนอันยิ่งใหญ่แห่งทะเลทรายตะวันตก ซึ่งไม่มีใครรู้แหล่งที่มา แต่หลายปีมาแล้วที่ตำนานนี้ได้คงอยู่ในจิตใจของชนเผ่าทั้งหมดในทะเลทรายตะวันตก แม้แต่ในบันทึกโบราณของชนเผ่าก็ยังได้จารึกไว้ และถูกส่งต่อมายังรุ่นสู่รุ่น
แต่จากนั้นเวลาก็ผ่านไปนานจนในที่สุด ผู้คนก็เริ่มลืมเลือนเกี่ยวกับตำนานเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ได้ลืมเลือนไปแล้ว…
จากตำนานเมื่อเวลาได้ผ่านไปหลายปี, หลายปีมากๆ แล้ว ทะเลทรายตะวันตกจะไม่ใช่พื้นดินอีกต่อไปแต่เป็นทะเล ทะลนี้จะคงอยู่ต่อไปจนถึงสามหมื่นปี ก่อนที่มันจะหายไปเผยให้เห็นพื้นดินที่ด้านล่างอีกครั้ง ในช่วงเวลานั้น ทะเลทรายตะวันตก…จะไม่ถูกเรียกว่าทะเลทรายตะวันตก แต่เป็นชื่อที่แตกต่างไปจากเดิม ทะเลตะวันตก
ทะเลนี้ไม่ได้มีสีเดียวกันกับทะเลเทียนเหอ แต่เป็นสีม่วง และน้ำของมันก็มีพลังในการทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องสูญพันธุ์ มันสามารถตัดพลังลมปราณ ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นดินแดนต้องห้ามของสิ่งมีชีวิต
มีอาณาเขตคั่นอยู่ระหว่างทะเลเทียนเหอและทะเลแห่งนี้ ราวกับว่าพวกมันไม่ต้องการจะผสมรวมกัน
จากตำนาน ทะเลตะวันตกไม่ได้กลายเป็นทะเลทั้งหมดจนไม่มีแผ่นดินอยู่เลย ยังมีอีกหนึ่งแห่งที่เป็นพื้นดิน เป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับดินแดนด้านใต้ ซึ่งไม่ใช่ที่ไหนอื่นแต่เป็น…ดินแดนสีดำ
ในแง่ของทำเลที่ตั้ง ดินแดนสีดำค่อนข้างจะเป็นพื้นที่ราบสูง ด้วยการเป็นเขตที่ราบสูงเช่นนั้น ทำให้ผู้ฝึกตนไม่ค่อยให้ความสนใจมันมากนัก อย่างไรก็ตาม ดินแดนสีดำก็เป็นอาณาเขตที่อยู่สูงที่สุดในทวีปทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งทะเลทรายตะวันตกและดินแดนด้านใต้ มันเป็นที่สูงจนแม้แต่หลังจากที่ทะเลทรายตะวันตกกลายเป็นทะเลไปแล้ว…มันก็ยังคงอยู่
ตำนานได้กล่าวไว้ว่า นานมาแล้วก่อนทะเลทรายตะวันตก และก่อนที่จะเป็นทะเลตะวันตก ดินแดนแถบนั้นทั้งหมดเต็มไปด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ และมีลมปราณที่เข้มข้น แต่ในที่สุดก็ได้เผชิญกับฝนม่วงที่ตกลงมาเมื่อนานมากมาแล้ว น้ำฝนไม่ได้ไหลซึมลงไปในพื้นดิน แต่เริ่มเจิ่งนองอยู่บนผิวดิน
น้ำเหล่านั้นค่อยๆ กลายเป็นลำธาร จากนั้นก็ก่อตัวเป็นทะเลสาบ และในที่สุดก็กลายเป็นทะเล
ฝนม่วงมีพลังในการทำลายพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่มันสัมผัสโดน แม้แต่พลังลมปราณก็สามารถทำลายลงไปได้ ทำให้ค่ายกลเวททั้งหมดหยุดทำงาน และผู้ฝึกตนก็ยากที่จะดำรงชีวิตอยู่ในสถานที่เช่นนี้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในการทำลายล้าง
พืชผลต้นไม้ที่แตกต่างกันมากมายหลายชนิดนับไม่ถ้วนได้ตายไป และสัตว์ทั้งหลายก็กลายเป็นโครงกระดูก สิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ…ได้เดินทางมาถึงจุดจบ นี่เป็นวันสิ้นโลกซึ่งมีผลกระทบต่อชนเผ่าทั้งหมดในทะเลทรายตะวันตก เป็นวันทำลายล้างของสวรรค์และปฐพี!
นี่คือตำนานซึ่งถูกบอกเล่าสืบต่อกันมาในทุกๆ ชนเผ่า
ตอนนี้ ร่างของผู้เฒ่าสูงสุดเผ่าห้าพิษกำลังสั่นสะท้าน ใบหน้ามันซีดขาว ค่อยๆ ยื่นมือออกไปรองรับหยดน้ำฝนสีม่วง จ้องมองไปด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ราวกับว่าสายฝนนี้ทำให้พื้นฐานฝึกตนของมันค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ
ตอนนี้มันกำลังสั่นสะท้าน และดวงตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว มองลงไปยังหยดน้ำฝนที่เจิ่งนองอยู่บนพื้นซึ่งหลอมรวมเข้าด้วยกันกับโลหิต มีบางจุดที่เป็นรอยแยกอยู่บนพื้นดินซึ่งหยดน้ำฝนได้ไหลซึมลงไป อย่างไรก็ตาม…น้ำฝนส่วนใหญ่ก็ยังเจิ่งนองอยู่ที่นั่นผสมรวมกับโลหิต
ใบหน้าผู้เฒ่าสูงสุดขาวซีดโดยสิ้นเชิง และกำลังหอบหายใจอยู่
“นี่…นี่เป็นไปไม่ได้…” มันพึมพำ มีผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งของเผ่าห้าพิษบางคน ซึ่งดูเหมือนจะมีข้อสรุปที่เหมือนกับผู้เฒ่าสูงสุด สีหน้าพวกมันเริ่มเปลี่ยนไป ขณะที่มองไปยังฝนม่วง
จ้าวโยวหลันจู่ๆ ก็โซเซถอยไปด้านหลังสองสามก้าว จ้องมองไปยังสายฝนด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่า นางก็เช่นกันที่เริ่มตระหนักดีถึงเรื่องนี้
ในเวลาเดียวกันนั้น ด้านในของป้องปราการหนาม หัวหน้าเผ่าอูปิงกำลังจ้องไปยังสายฝนด้วยความงุงงง สีหน้ามันสลดลงโดยสิ้นเชิง ขณะที่ความสิ้นหวังเต็มอยู่ในแววตา ซึ่งเป็นความรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าการที่เผ่าของมันถูกทำลายไป
“วันสิ้นโลก…”
“วันสิ้นโลกแห่งทะเลทรายตะวันตก…”
“จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา เมื่อวันสิ้นโลกมาถึง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะถูกกำจัดไป และเปลี่ยนทะเลทรายตะวันตกให้กลายเป็นทะเลตะวันตก!!”
ผู้เฒ่าสูงสุดเผ่าห้าพิษถอยไปด้านหลังสองสามก้าว ในตอนนี้ ทั้งสงคราม, สิทธิ์ในการเข้าไปยังอาณาเขตของซากสะพาน, สินทรัพย์ที่จะได้มาจากสงคราม…ทุกอย่างไม่สำคัญอีกต่อไป
โดยไม่ลังเล มันเริ่มกระตุ้นเวทเคลื่อนย้ายทางไกลขึ้นอีกครั้ง เพื่อทดสอบว่าเรื่องราวเกี่ยวกับฝนม่วงเป็นความจริงหรือไม่ ก่อนหน้านี้ เวทเคลื่อนย้ายทางไกลสามารถใช้งานได้ แต่ตอนนี้…ไม่ว่ามันจะพยายามอย่างไร ก็ไม่อาจจะทำให้เวทนี้ใช้งานได้ ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังปิดกั้นพลังของมันไว้ ทำให้เวทนี้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ภาพที่เห็นนี้ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มเต็มอยู่ในจิตใจของผู้เฒ่าสูงสุดเผ่าห้าพิษ
“อพยพ เผ่าของข้าต้องอพยพ!” มันพึมพำกับตัวเอง “ทะเลทรายตะวันตกเขตด้านเหนือเป็นสถานที่ต่ำสุดในดินแดนทะเลทรายตะวันตกทั้งหมด ที่นั่นคือตำแหน่งแรกที่จะกลายเป็นทะเล! เผ่าของข้าต้องอพยพ, อพยพไปทางใต้ พวกเรา…ต้องไปยังดินแดนสีดำซึ่งอยู่ใกล้กับดินแดนด้านใต้!!” สายฝนเริ่มตกหนักมากขึ้นต่อไป ผู้ฝึกตนเริ่มรู้สึกได้ว่าพลังลมปราณของสวรรค์และปฐพีเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ ทำให้สีหน้าของกลุ่มคนเผ่าห้าพิษสลดลงในทันที
“ดินแดนสีดำ…ดินแดนสีดำ!! ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว!” แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างผู้เฒ่าสูงสุด ดวงตามันเบิกกว้าง และเต็มไปด้วยความความเร่งรีบมากขึ้น “มันสมเหตุสมผล เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ชนเผ่าอันยิ่งใหญ่พร้อมกับปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณได้ร่วมมือกันเป็นพันธมิตร และบุกเข้าไปในดินแดนสีดำ พวกมันยังได้ร่วมมือกับกองกำลังในดินแดนสีดำอีกด้วย”
“พวกมันพยายามระมัดระวังที่จะไม่ไปรุกรานดินแดนด้านใต้ในการทำสงครามครั้งนั้น หลังจากที่สงครามจบลง เผ่าต่างๆ มากมายก็ติดต่อไปยังพวกมัน เพื่ออพยพไปยังดินแดนสีดำด้วยเช่นกัน!”
“พวกมันรู้! พวกมันไปบุกเบิกแผ่นดินในดินแดนสีดำ ทำให้การต่อรองกับดินแดนด้านใต้ทำได้ง่ายขึ้น หรือบางทีพวกมันอาจจะมีจุดประสงค์อย่างอื่นอีก”
“อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดนี้ก็สมเหตุสมผลแล้วในตอนนี้!”
ผู้เฒ่าสูงสุดหอบหายใจแรงมากขึ้น ขณะที่มันพึมพำกับตัวเอง
“เผ่าอันยิ่งใหญ่ทั้งสามเหล่านั้นต่างก็รู้ว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง พวกมันจึงไปยึดครองดินแดนสีดำ ตอนนี้ใครที่ต้องการไปยังดินแดนสีดำก็ต้องได้รับการยินยอมจากพวกมันก่อนเท่านั้น!!”
“โดยไม่ต้องเสียโลหิตแม้แต่หยดเดียว พวกมันชิงควบคุมกองกำลังทั้งหมดในทะเลทรายตะวันตกไว้! พวกมันยังสามารถควบคุมชะตากรรมของชนเผ่านับพัน ในช่วงวันสิ้นโลกนี้!”
แววตาของผู้เฒ่าสูงสุดเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ
“ดินแดนสีดำมีขนาดเล็ก ไม่มีทางที่จะรองรับชนเผ่าทั้งหมดของทะเลทรายตะวันตกไว้ได้ แต่ใครก็ตามที่ไม่ยอมไปที่นั่น…ก็จะถูกกำจัดไปโดยไม่ต้องสงสัย เผ่าห้าพิษอยู่ทางตอนเหนือซึ่งอยู่ห่างไกลเป็นอย่างมาก…”
ทันใดนั้นมันก็พูดเป็นเสียงดังออกมา “กลุ่มคนเผ่าห้าพิษทั้งหมด ฟังคำสั่งข้า พวกเราต้องออกไปจากสถานที่แห่งนี้ในทันที ไม่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าไรก็ตาม ต้องใช้ความเร็วอย่างสูงสุดเท่าที่จะทำได้กลับไปยังเผ่าพวกเรา!” นี่เป็นจุดวิกฤตที่ทุกเสี้ยวเวลามีความสำคัญ การทำสงครามเพื่อทำลายเศษแดนที่เหลืออยู่ของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล อันที่จริงมันเริ่มรู้สึกเสียใจที่มาทำสงครามอยู่ในตอนนี้!
กลุ่มคนจากเผ่าห้าพิษได้ยินคำพูดของมัน และอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ แต่จากสีหน้าที่ซีดขาวของผู้อาวุโสคนอื่นๆ พวกมันก็คาดเดาได้ว่ามีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้น โดยไม่ลังเล พวกมันปฏิบัติตามคำสั่ง บินขึ้นไปในอากาศ
ในที่สุด ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวของเผ่าห้าพิษที่กำลังต่อสู้อยู่ ผู้ฝึกตนเกือบสองหมื่นคน และสัตว์ปีศาจหนึ่งหมื่นตัว ทั้งหมดส่งเสียงกระหึ่มกึกก้องพุ่งฝ่าอากาศจนหายลับตาไป จ้าวโยวหลันก็อยู่ท่ามกลางพวกมัน แต่ในขณะที่นางบินจากไป ก็มองกลับมายังเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ และเกราะป้องกันหนามป้อมปราการ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยแสงอันคมกริบ
“เจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทนสำหรับแขนที่ถูกตัดของข้าเป็นสิบเท่า!” นางคิด จากนั้นก็หันร่าง ติดตามกลุ่มคนเผ่าห้าพิษที่เหลือพุ่งจนหายลับตาไป
หลังจากที่เผ่าห้าพิษจากไป ป้อมปราการหนามก็ค่อยๆ เริ่มหดตัวลงจนหายไป เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมาจากการนั่งขัดสมาธิ และมองออกไปยังเส้นขอบฟ้า ด้านหลังเขา กลุ่มคนของเผ่าที่มีชีวิตรอดมากกว่าสองพันคน ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความโล่งใจออกมา ที่ทันใดนั้นพวกมันได้รับชีวิตใหม่กลับคืนมา
อย่างไรก็ตาม ความดีใจของพวกมันก็ไม่อาจจะขับไล่เงามืดที่เกาะกุมอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าวได้ ข้างกายเขา หัวหน้าเผ่าอูปิงมีสีหน้าที่ขมขื่นปรากฎขึ้น
“มันเป็นเรื่องจริง?” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นช้าๆ
“จากการที่เผ่าห้าพิษรีบร้อนจากไปเช่นนั้น ก็แสดงว่าตำนานวันสิ้นโลกกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ค่ายกลเวทจะไม่อาจใช้งานได้ และพลังลมปราณของสวรรค์และปฐพีจะสูญหายไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะถูกทำลายไป…ความหวังเพียงหนึ่งเดียว…”
“ความหวังเพียงหนึ่งเดียวก็คือต้องอพยพไปยังทิศใต้” หัวหน้าเผ่าอูปิงกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “มุ่งหน้าไปยังทิศใต้ และเดินทางต่อไปจนถึงดินแดนสีดำ”
“ดินแดนสีดำ…” ร่างเมิ่งฮ่าวทันใดนั้นก็สั่นสะท้าน คล้ายกับผู้เฒ่าสูงสุดของเผ่าห้าพิษ เขายังได้คิดไปถึงสงครามที่ทะเลทรายตะวันตกได้เข้าร่วมในดินแดนสีดำ คิดไปเกี่ยวกับเผ่าทะเลทรายตะวันตกที่กำลังเข้าไปในดินแดนสีดำซึ่งเขาได้พบเห็นในช่วงที่เดินทางจากมา
“นี่ก็คือเหตุผลทั้งหมด!” เขาคิด ในที่สุดก็เข้าใจถึงสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสับสนมาเป็นเวลานาน
นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมถึงเกิดสงครามขึ้นในดินแดนสีดำ นี่เป็นเหตุให้ทะเลทรายตะวันตกได้ร่วมมือกันอย่างสนุกสนาน และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมดินแดนด้านใต้ถึงไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดสงครามเมื่อครั้งนั้น พวกมันปล่อยให้ทะเลทรายตะวันตกครอบครองดินแดนสีดำ การทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพีกำลังใกล้เข้ามา ถ้าดินแดนด้านใต้พยายามขัดขวางทะเลทรายตะวันตก สงครามที่ใหญ่กว่านั้นก็จะเริ่มขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดินแดนด้านใต้ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังสายฝนที่ตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ประกายแสงทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้นในแววตา
“พลังลมปราณของสวรรค์และปฐพีกำลังจางหายไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะถูกทำลายไป ดินแดนแถบนี้จะกลายเป็นทะเล…สำหรับข้า มันก็ยังไม่เลวร้ายนัก หลังจากที่เคยมีประสบการณ์ในการใช้เปลวไฟอมตะเม็ดยาบูรพา สร้างเป็นรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟแล้ว ข้าก็รู้ว่า…ทุกสิ่งทุกอย่างในสวรรค์และปฐพีนี้ต่างก็อยู่ในวิถีแห่งธาตุทั้งห้า และอาจจะทำให้เกิดความรู้แจ้งขึ้นมาได้”
“อะไรจะดีไปกว่าธาตุน้ำที่ถูกสร้างขึ้นมาจากทะเล!? และอะไรจะดีไปกว่าทะเลที่เกี่ยวข้องกับวันสิ้นโลกของทะเลทรายตะวันตก!?”
“สำหรับพลังปราณของสวรรค์และปฐพีที่กำลังจางหายไป…นอกจากหินลมปราณระดับสูงพิเศษแล้ว ข้าก็ไม่ได้ดูดซับมันเข้าไปหลายปีมากแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุให้ข้าต้องกลืนเม็ดยาลงไปช่วย ทุกครั้งที่ข้าโจมตี ข้าต้องควบคุมพลังปราณที่ใช้ด้วยความรอบคอบเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังได้ปรับปรุงทักษะการปรุงยาได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย”
“ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ข้ามักจะโน้มเอียงในการกลายเป็นซือหลงอยู่ตลอดเวลา มีเพียงซือหลงเท่านั้นที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้ โดยไม่ต้องใช้พลังปราณอย่างมากมาย!”
“สิ่งหลักที่ข้าจำเป็นต้องระมัดระวังตัวก็คือ สายฝนนี้สามารถกำจัดพลังชีวิตลงได้…อย่างไรก็ตามข้าต้องเป็นบุคคลที่เหมาะสมมากที่สุด ที่จะอยู่ในวันสิ้นโลกของทะเลทรายตะวันตกอย่างแน่นอน!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายอยู่ชั่วขณะ แต่จากนั้นเขาก็มองกลับไปยังกลุ่มคนของห้าเผ่าที่กำลังยินดีอยู่ พวกมันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับวันสิ้นโลกนี้ เมื่อได้เห็นความดีใจของกลุ่มเด็กๆ ก็ทำให้เขาต้องครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน
“อีกาสีทอง” เขากล่าว หลับตาลง “ข้าได้รับมรดกของท่านมา เผ่าของท่านเรียกข้าว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ และข้าก็ได้เชื่อมต่อกับพวกมันผ่านทางภาพศักดิ์สิทธิ์ นี่ก็คือ…การปกป้องที่ท่านต้องการให้ข้ามอบให้กับพวกมัน…?”
ขณะที่ในตอนนี้ ท้องฟ้าและผืนดินทั้งหมดของทะเลทรายตะวันตกทางเขตตอนเหนือ กำลังเต็มไปด้วยสายฝนสีม่วง มองไม่เห็นดวงตะวันอยู่ในท้องฟ้า และทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดมิด นี่เป็นยามพลบค่ำที่จะคงอยู่ต่อไปเป็นเวลานาน, นานมากๆ…
ที่พื้นดินด้านล่าง หยดน้ำค่อยๆ เริ่มกลายเป็นแอ่งน้ำขึ้นอย่างช้าๆ แอ่งน้ำมากมายเริ่มเห็นได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่เพียงแต่ในเขตตอนเหนือของทะเลทรายตะวันตกเท่านั้น ในเขตตะวันออก, ตะวันตกและทางใต้ ก็เป็นเช่นเดียวกัน ฝนม่วงเริ่มตกลงมา และขณะที่เป็นเช่นนั้น เสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกก็ได้ยินมา ทำให้จิตใจสั่นสะท้าน
วันสิ้นโลกของทะเลทรายตะวันตกกำลังใกล้เข้ามา!

Read »

ตอนที่ 450 : ฝนม่วงเทกระหน่ำ!

พลังของการระเบิดตัวเองเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เมื่อนำมาใช้กับเมิ่งฮ่าวเนื่องจากเขามีดักแด้ไร้ตา หลังจากที่การระเบิดจางหายไป เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังวิญญาณแรกก่อตั้งที่กำลังหลบหนีไปอย่างตื่นตระหนกขวัญหนีดีฝ่อ จากนั้นก็โบกสะบัดมือขวา เส้นไหมของดักแด้ไร้ตาก็ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศออกไปล้อมอยู่รอบๆ วิญญาณแรกก่อตั้งนั้น ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และขยับมือร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้น แสงเจิดจ้าก็กระจายออกมารอบๆ วิญญาณแรกก่อตั้ง ขณะที่มันพยายามจะตอบโต้กลับ แต่ทันทีที่แสงนั้นสัมผัสโดนเส้นไหมของดักแด้ไร้ตา แสงนั้นก็กระจายหายไป เส้นไหมของดักแด้ไร้ตาพันจนแน่นไปรอบๆ วิญญาณแรกก่อตั้ง รัดจนมันตกตายไป
เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนได้ยินออกมา ขณะที่ผู้อาวุโสสาขาแมงป่องคนแรกได้ระเบิดร่างกายไป และจากนั้นก็ตกตายไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่วิญญาณแรกก่อตั้งของมันถูกบดขยี้จนกลายเป็นผุยผง
การตายของมันทำให้จิตใจของพวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมดหมุนเคว้งคว้าง กลยุทธ์ที่โหดร้ายและการโจมตีอย่างเลือดเย็นของเมิ่งฮ่าว ทำให้เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะสังหารพวกมันทั้งหมด เมื่อรวมถึงความสามารถในการเคลื่อนย้ายทางไกลของเขา นั่นก็หมายความว่า เขาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งได้อย่างแท้จริง
ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่อยู่รอบๆ ได้รับบาดเจ็บภายในไปเรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น แมงป่องศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันก็ได้ถูกผนึกไว้แล้ว ถูกตัดการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก ทำให้วิญญาณแรกก่อตั้งของพวกมันไม่คงที่ สีหน้าของผู้เฒ่าสูงสุดเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่มันก็หลบหนีจากไปโดยไม่ลังเล ไม่ต้องการจะพัวพันกับเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป
ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งอีกแปดคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถ้าพื้นฐานฝึกตนพวกมันยังอยู่ในช่วงที่มีพลังสูงสุด พวกมันอาจจะร่วมมือกันต่อสู้กับเมิ่งฮ่าว แต่ตอนนี้ พวกมันได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง และไม่ต้องการจะต่อสู้ต่อไป พวกมันเริ่มถอยไปด้านหลัง พยายามอยู่ให้ห่างจากเมิ่งฮ่าวมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เมื่อเห็นเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา เมื่อครู่นี้เขารู้ว่าต้องสังหารด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ หรือสังหารให้ได้มากกว่าหนึ่งคน แต่คนเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งโดดเด่นอยู่เหนือผู้คนมากมายจนนับไม่ถ้วน พวกมันต่างก็เจ้าเล่ห์และมากประสบการณ์ ยากที่จะถูกสังหารได้โดยง่ายดาย
การที่เขาจัดการพวกมันไปได้อย่างรวดเร็วหนึ่งคนเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้พวกมันไม่ต้องการจะต่อสู้ต่อไปอีก ถ้าพวกมันต่อสู้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะสังหารพวกมันได้ต่อไป
“พวกมันไม่ต้องการจะต่อสู้ต่อไป? ก็ดี” เมิ่งฮ่าวคิด “ความน่ากลัวนี้ได้เพาะปลูกอยู่ในจิตใจพวกมันแล้ว ถ้าข้าได้เผชิญหน้ากับพวกมันอีกครั้ง ก็คงจะสังหารพวกมันได้ง่ายขึ้น!” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ความเชื่อมั่นสาดประกายอยู่ในแววตา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถสังหารผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งได้ด้วยตัวคนเดียว ในตอนนี้ เป็นการยืนยันว่าเขาได้ก้าวเท้าเข้าไปในโลกแห่งการฝึกตนอย่างแท้จริง
ก่อนที่จะได้ครอบครองภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทอง เมิ่งฮ่าวเคยสังหารผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นต้นมาหนึ่งคน แต่ก็ไม่อาจจะกระทำได้อย่างง่ายดาย จากภาพศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ ตอนนี้เขามีอยู่สามธาตุ ถึงแม้เขาจะยังคงอยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่ของขั้นสร้างแกนลมปราณ แต่ในแง่ของพลังการต่อสู้ เขาได้ข้ามผ่านช่องหว่างระหว่างขั้นสร้างแกนลมปราณ และวิญญาณแรกก่อตั้งไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแทบจะไม่ต้องแบ่งแยกอีกต่อไป!
เมิ่งฮ่าวหายตัวไปอีกครั้ง เมื่อเขาปรากฎกายขึ้นมาใหม่ ก็ไปยืนอยู่ข้างจ้าวชุนมู่ มันส่งเสียงแผดร้อง และใบหน้าที่ซึดขาวของมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เมื่อข้าไม่อาจจะตกปลาตัวใหญ่ใดๆ ได้อีก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เหยื่ออีกต่อไป” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นมาช้าๆ จ้าวชุนมู่ไม่อาจจะต่อต้านได้ ขณะที่เขาแตะไปที่หน้าผากของมัน
การสัมผัสเพียงเบาๆ กลายเป็นเสียงกระหึ่มกึกก้อง ขณะที่ศีรษะจ้าวชุนมู่ระเบิดออก ร่างมันตกลงไปบนพื้น ชักกระตุกไปมา
ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในสนามรบ การต่อสู้ได้ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดมากขึ้น ระหว่างห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ และสาขาแมงป่อง หลังจากที่สังหารผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งได้สำเร็จ ผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งที่เหลือไม่มีใครต้องการจะเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าว ดังนั้นเขาจึงได้หันไปจัดการเซิ่งจื่อสาขาแมงป่องแทน ความต้องการต่อสู้ของสาขาแมงป่องในตอนนี้ก็สลายหายไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่พวกมันเริ่มล่าถอยไปอย่างช้าๆ ห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มได้เปรียบ เสียงของการเข่นฆ่าสังหารดังขึ้น ขณะที่คนทั้งห้าเผ่าดูเหมือนจะลืมความเหน็ดเหนื่อย ในตอนนี้พวกมันเหลืออยู่น้อยกว่าหนึ่งพันคน แต่ทุกคนก็โจมตีต่อไปอย่างดุร้ายไม่ลดละ
ฝูงสัตว์ปีศาจของเมิ่งฮ่าวเป็นตัวแปรสำคัญในการต่อสู้นี้ ถ้าปราศจากสัตว์ปีศาจที่ยังเหลืออยู่เจ็ดพันกว่าตัวนี้ ห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่อาจจะต่อสู้ได้อีกต่อไป
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในสนามรบ มองไปรอบๆ จนกระทั่งสายตาตกกระทบไปที่จ้าวโยวหลัน ทันใดนั้นใบหน้านางก็ซีดขาว สองผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งที่ยืนอยู่ข้างกายนาง รวมถึงผู้เฒ่าสูงสุดซึ่งได้เข้ามาคอยคุ้มกันนางอยู่นานแล้ว เริ่มทีท่าทางกังวลใจ
ความเก่งกล้าของเมิ่งฮ่าวทำให้พวกมันสั่นสะท้านไปจนถึงแก่นกาย
ทันใดนั้น เสียงฟ้าร้องก็ได้ยินมาจากด้านบน เป็นเสียงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างยิ่ง แทบจะเหมือนกับเป็นเสียงของผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังโอดครวญร่ำไห้ เป็นเสียงที่น่าตกใจจนทำให้จิตวิญญาณเริ่มสั่นสะท้าน
หลังจากที่เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มขึ้น สายฝนก็เริ่มตกลงมา เป็นสายฝนที่มีสีม่วง และครั้งนี้มันไม่ได้ตกลงมาประปรายกระจัดกระจายไปเหมือนก่อนหน้านี้ ครั้งนี้สายฝนเริ่มกระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก สาดซัดไปทั่วทั้งพื้นดิน
เป็นสายฝนที่ประกอบไปด้วยเจตจำนงแห่งการทำลายล้างอันเย็นเยียบ ราวกับว่ามันปรารถนาต้องการให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดดับสูญไป หยาดน้ำฝนตกลงมาและกระจายออกไปบนพื้น ฉับพลันนั้นมันก็กลายเป็นลางบอกเหตุ
ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงอันตราย เขามองขึ้นไปยังสายฝนสีม่วงที่กำลังตกลงมา และขมวดคิ้วขึ้น
“ฝนนี้…ต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติ”
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่สายฝนเริ่มตกลงมา แสงเจิดจ้าก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก เงาร่างมากมายนับไม่ถ้วนเริ่มโผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นกลุ่มคนจากเผ่าห้าพิษ
ทันทีที่พวกมันปรากฎกายขึ้น ก็ทำให้สีหน้าที่สิ้นหวังของผู้ฝึกตนสาขาแมงปองจางหายไป
ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง และพุ่งถอยไปด้านหลังพร้อมกับโบกสะบัดชายแขนเสื้อ
“กลุ่มคนทั้งห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ กลับเข้าไปในบริเวณหลังเกราะป้องกัน!” เสียงของเขาไปดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่ในสนามรบ ทีละคน ทีละคน พวกมันมองขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างเงียบๆ และจากนั้นก็เริ่มล่าถอยไป ทันใดนั้น ในสนามรบก็เกิดเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างกองกำลังของทั้งสองฝ่าย
ผู้ฝึกตนเผ่าห้าพิษสองหมื่นคนแหวกฝ่าอากาศจนเป็นเสียงแหลมเล็ก พุ่งตรงมายังสนามรบ ยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยความต้องการสังหาร จำนวนที่มากมายของพวกมันดูเหมือนจะสามารถบดบังท้องฟ้าจนมืดมิดได้
คนกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยซือหลงอยู่หลายคน ซึ่งแต่ละคนก็มีสัตว์ปีศาจอยู่ในการดูแลนับพันตัว บางคนก็มีมากถึงหนึ่งหมื่นตัว ฝูงสัตว์ปีศาจที่บินอยู่ด้านหลังผู้ฝึกตนเหล่านี้ราวกับเป็นทะเลขนาดใหญ่
ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้นมีผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งมากกว่าสามสิบคน รวมทั้งหกผู้เฒ่า ที่ยิ่งน่าตกตะลึงมากไปกว่านั้นก็คือ หนึ่งในพวกมันเป็นชายชราที่สวมใส่ชุดยาวสีขาว มีผิวน้ำตาลคล้ำ และดวงตาสาดประกายแสงคุกคามออกมา อย่างน่าตกใจ ชายชราผู้นี้อยู่ในขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง!
ชายชราผู้นี้เป็นผู้นำของผู้เฒ่าทั้งหมดในเผ่าห้าพิษ มันเป็นผู้เฒ่าสูงสุดของเผ่าห้าพิษทั้งหมด มีตำแหน่งเทียบเท่ากับหัวหน้าเผ่า
“ขอคารวะ ท่านผู้เฒ่าสูงสุด!”
“ขอแสดงความนับถือ ท่านผู้เฒ่าสูงสุด!”
ไม่ว่าพวกมันจะมาจากสาขาแมงมุม หรือสาขาแมงป่อง ผู้ฝึกตนที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมดในสนามรบ ต่างก็คุกเข่าลงและโขกศีรษะให้กับชายชราผู้นี้
เช่นเดียวกับจ้าวโยวหลัน
เห็นได้ชัดว่าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ต้นกำเนิดเกราะป้องกันของพวกมันก็หายไปแล้ว และตอนนี้เกราะป้องกันก็เริ่มจางลงไปเรื่อยๆ จากที่เห็น มันคงจะหายไปในอีกสองชั่วยามนี้
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นอยู่ด้านนอกเกราะป้องกัน ข้างกายเขามีผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่ยังเหลืออยู่ของห้าเผ่า รวมถึงหัวหน้าเผ่าอูปิงด้วย พวกมันทั้งหมดมีสีหน้าที่ดูน่าเกลียดจนถึงที่สุด
ภายใต้คำสั่งของเมิ่งฮ่าว ฝูงสัตว์ปีศาจที่เหลืออยู่เจ็ดพันตัว กำลังไปอยู่ตามจุดต่างๆ รอบๆ เกราะป้องกันเพื่อคอยคุ้มกัน ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบ ทำให้สนามรบแทบจะเป็นป่าช้า ฝนสีม่วงเริ่มตกลงมาหนักมากขึ้น
ท่ามกลางความเงียบราวความตาย ผู้เฒ่าสูงสุดเผ่าห้าพิษ ชายชราที่มีผิวสีน้ำตาล กล่าวเสียงราบเรียบ “สังหารให้หมด!”
ผู้ฝึกตนสองหมื่นคนของเผ่าห้าพิษทั้งหมด และสัตว์ปีศาจของพวกมันส่งเสียงแผดร้องคำราม ขณะที่ทำเช่นนั้น พวกมันก็พุ่งออกไปราวกับเป็นน้ำทะเล ตรงมายังเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ
ขณะที่ศัตรูเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ เขาไม่ได้เรียกตราประทับฉีหนานออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถใช้ปกป้องตัวเองได้ แต่ก็ไม่ใช่เครื่องมือที่จะใช้สำหรับการต่อสู้เช่นนี้
ตั้งแต่ตอนแรกจวบจนกระทั่งตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการต่อสู้นี้ นั่นเป็นเพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาได้ซุกซ่อนท่าไม้ตายไว้ยังไม่ได้ใช้ออกมา
ทันใดนั้น เสียงของเมิ่งฮ่าวก็ดังก้องออกมา
“เถาวัลย์! ป้อมปราการหนาม!” ทันทีที่คำพูดดังเต็มอยู่ในอากาศ เสียงร้องโหยหวนก็ได้ยินออกมาจากร่างของยักษ์เถื่อน ต้นเถาวัลย์สีโลหิตที่พันอยู่รอบๆ ร่างมัน ฉับพลันนั้นก็พุ่งออกมา มีหนามแหลมคมโผล่ออกมาจากลำต้นของมันในทันที ขณะที่มันมุดลงไปในพื้นดิน
ในตอนที่ต้นเถาวัลย์มุดลงไปในพื้น แผ่นดินที่อยู่ตรงหน้าของกลุ่มคนเผ่าห้าพิษก็ระเบิดออก ขณะที่เส้นหนามนับไม่ถ้วนระบิดออกมา เส้นหนามที่สั้นที่สุดมีความยาวถึงแปดจ้าง ที่ยาวมากที่สุดก็ยาวถึงหนึ่งร้อยจ้าง พวกมันพุ่งออกไปเป็นระลอกคลื่น เพื่อกลายเป็นกำแพงคอยป้องกันเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์!
ที่แปลกประหลาดมากไปกว่านั้นก็คือ แต่ละเส้นหนามเหล่านี้เริ่มมีหนามเล็กๆ โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่กลุ่มคนเผ่าห้าพิษพุ่งเข้ามา เถาวัลย์ที่ก่อตัวเป็นกำแพงป้องกัน ก็ปกคลุมไปทั่วทั้งเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์!
เส้นหนามเหล่านี้เป็นของที่ระลึกศักดิ์สิทธิ์จากตระกูลหานเสวี่ย ก่อนที่จะจากเมืองเซิ่งเสวี่ยไป ปรมาจารย์แห่งตระกูลหานเสวี่ยได้มอบเมล็ดป้อมปราการหนามให้กับเมิ่งฮ่าวเป็นของกำนัล หลังจากนั้นเมิ่งฮ่าวก็นำมาให้ต้นเถาวัลย์กินเข้าไป เมื่อเวลาผ่านไปมากพอ ต้นเถาวัลย์ก็ดูดซับต้นป้อมปราการหนามและจากนั้นก็กลายพันธุ์
การปรากฎขึ้นของป้อมปราการหนาม ทำให้ใบหน้าของผู้เฒ่าสูงสุดเผ่าห้าพิษเต็มไปด้วยความตกตะลึง “นั่นก็คือป้อมปราการหนามแห่งการทำลายล้างของตระกูลหานเสวี่ย! ทุกสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าขั้นตัดวิญญาณจะถูกมันทำลายไป…พวกเรามาดูกันว่าตำนานนั้นเป็นความจริง หรือว่าหลอกลวงกันแน่!” พร้อมกับเสียงแค่นเย็นชา มันโบกสะบัดมือขวา ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนและฝูงสัตว์ปีศาจที่อยู่รอบๆ ทั้งหมด ก็ตรงเข้าไปโจมตีป้อมปราการหนาม
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ นำหยดโลหิตแห่งชีวิตของเขามาหลอมรวมเข้าไปในป้อมปราการหนาม เมื่อจิตสัมผัสหลอมรวมเข้ากับมัน เขาก็ใช้ป้อมปราการหนามเพื่อต่อสู้กับเผ่าห้าพิษ
เสียงคำรามแผดร้องดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ฝูงสัตว์ปีศาจกระแทกเข้าไปที่เกราะป้องกันป้อมปราการหนาม เสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่ว ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนของสัตว์ปีศาจ
ด้วยการมีป้อมปราการหนามอยู่ ไม่มีสิ่งใดที่อยู่ต่ำกว่าขั้นตัดวิญญาณ จะสามารถบุกเข้ามาได้แม้เพียงครึ่งก้าว
ที่ด้านนอก เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ตามมาด้วยแสงของอาวุธเวท และภาพศักดิ์สิทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่ภูเขาก็ดูเหมือนแทบจะพังทลายลง ป้อมปราการหนามสั่นไปมา และมีรอยร้าวเกิดขึ้น แต่มันก็ยังไม่พังลงมา!
ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีหนามพุ่งออกมาจากต้นเถาวัลย์ ในช่วงเวลาสั้นๆ สัตว์ปีศาจจำนวนมากมายก็ถูกสังหารตายไป สำหรับผู้ฝึกตนสองหมื่นคน มีมากกว่าสามพันคนถูกหนามแทงเข้าไปในร่าง พวกมันได้แต่ส่งเสียงแผดร้องโหยหวนอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่พลังชีวิตของพวกมันถูกดูดออกไป และพวกมันก็กลายเป็นซากศพที่แห้งกรัง
ดูเหมือนว่าการต่อสู้นี้จะไม่มีทางหยุดลง จนกว่าอีกฝ่ายจะถูกกำจัดไป อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องก็ดังเต็มอยู่ในท้องฟ้า เป็นเสียงที่ราวกับว่ามีผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังร้องไห้คร่ำครวญอย่างโศกเศร้า สายฝนสีม่วงเริ่มตกลงมาหนักมากยิ่งขึ้น สายฝนส่วนน้อยที่ถูกพื้นดินดูดซับลงไป แต่ส่วนใหญ่เริ่มเจิ่งนองอยู่บนพื้น ตอนนี้ในพื้นที่ต่ำบางแห่งเริ่มเห็นเป็นแอ่งน้ำขังอยู่
ภาพเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของเมิ่งฮ่าว รวมทั้งจ้าวโยวหลัน ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งของเผ่าห้าพิษ รวมถึงผู้เฒ่าสูงสุดก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน มันจ้องมองไปยังหยาดน้ำฝนด้วยความตกใจเป็นเวลานาน และจากนั้นจู่ๆ…สีหน้าของมันก็หมองคล้ำลง!
หมองคล้ำจนถึงที่สุด!
“นี่…นี่คือ…” ร่างของผู้เฒ่าสูงสุดเริ่มสั่นสะท้าน เมื่อพิจารณาถึงสติปัญญาและระดับพื้นฐานฝึกตนของมัน แม้จะมีบางอย่างที่อาจจะนำไปสู่การทำลายล้างชนเผ่าของมัน ก็ไม่อาจจะทำให้มันต้องมีสีหน้าที่ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้เช่นนี้มาก่อน มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถ…ต้องเป็นสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าการทำลายล้างชนเผ่า!
Read »

ตอนที่ 449 : สังหารวิญญาณแรกก่อตั้ง!

เปลวไฟอมตะเม็ดยาบูรพาอยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าวมาตลอดเวลา มันเป็นเปลวไฟที่เขาได้รับมาจากท่านอาจารย์ตานกุ่ย เพื่อใช้ในการปรุงยา เขาได้สังเกตดูเปลวไฟนี้มาเป็นเวลานานในปีนั้น และในที่สุดก็ได้หลอมรวมเมล็ดของเปลวไฟด้วยแกนของเขา หลังจากที่จุดมันติดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ มันก็กลายเป็นเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ภายในร่างเขาไปตลอดกาล
เมื่อเขาเริ่มตัดสินใจที่จะก้าวเดินไป บนเส้นทางของวิญญาณแรกก่อตั้งห้าสี ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเปลวไฟอมตะนี้ เมิ่งฮ่าวไม่ได้คิดไปถึงมันมากนัก เขาคิดว่าในการไล่ตามหาห้าธาตุนี้ เขาจำเป็นต้องค้นหาภาพศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกัน แต่…เพียงชั่วพริบตา เปลวไฟนี้ก็ระเบิดออกมาในทันที ทำให้จิตใจเขาสั่นสะท้านโดยสิ้นเชิง
ฉับพลันนั้น เขาก็ตระหนักว่าได้ทำความผิดพลาดไว้ เส้นทางห้าสี และคุณสมบัติของห้าธาตุ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปจำกัดอยู่เพียงแค่ภาพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในสวรรค์และปฐพีนี้ สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางห้าสีของเขาได้ทั้งสิ้น
เปลวไฟอมตะ ถูกดึงออกมาโดยพลังของเปลวธูป และเนื่องจากสองภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไม้และทองของเขา การเผาไหม้จึงได้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ละลายอากาศด้วยตัวมันเอง ราวกับว่ามันกำลังโกรธแค้น กระจายออกไปรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว
ฉับพลันนั้น ตัวอักษร ‘火’ (หั่ว = ไฟ) ก็ปรากฎขึ้นใกล้กับจุดตานเถียนของเขา ทันทีที่มันปรากฎขึ้น เปลวไฟที่อยู่รอบๆ ร่างเขาก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ทันใดนั้น เมล็ดภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟที่เขาได้รับมาจากห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ก็ลอยออกมาจากถุงสมบัติ เปลวไฟที่กระจัดกระจายออกไปมากกว่าครึ่งในตอนนี้ เริ่มหมุนวนไปรอบๆ เปลวไฟอมตะ ทำให้มันไปห่อหุ้มเมล็ดเล็กๆ นั้นและหลอมมันไป
เมื่อเมิ่งฮ่าวดูดซับเมล็ดภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟ กลุ่มคนจากเผ่าอูเหยียนทั้งหมดก็มองมาที่เขา ตัวสั่นสะท้าน
รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟ ซึ่งกำลังหายไปจากร่างของพวกมันเมื่อก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนไป ในตอนนี้พวกมันดูเหมือนกับตัวอักษรไฟของเมิ่งฮ่าว!
ทันใดนั้น พลังเปลวธูปพุ่งออกมาจากร่างพวกมันตรงมายังเมิ่งฮ่าว
กลุ่มคนเผ่าอูเหยียนต่างก็สั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น เสียงตะโกนของพวกมันดังก้องออกมา ขณะที่คุกเข่าลงไปโขกศีรษะให้กับเมิ่งฮ่าว
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ!”
“ขอคารวะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ!!”
ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง พลังของเขาน่าตกใจยิ่ง ขณะที่ลอยร่างอยู่ที่นั่นกลางอากาศ พลังเปลวธูปมากกว่าหนึ่งพันคน จากกลุ่มคนเผ่าอูต๋า, อูปิง และอูเหยียน หลอมรวมเข้าด้วยกัน และพุ่งตรงมายังรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟของเมิ่งฮ่าว
ตัวอักษรหั่วโบราณ ทันใดนั้นก็มองเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น แค่ช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ มันก็คมชัดขึ้นและสว่างมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นทะเลแห่งเปลวไฟอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว
พลังของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้เพิ่มขึ้นไปอีกครั้ง สามตัวอักษรลอยอยู่รอบๆ ตัวเขา ทอง ไม้ ไฟ สามภาพศักดิ์สิทธิ์กระจายแสงอันเจิดจ้าออกมา ในตอนที่ภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟเริ่มกระจายแสงออกมา พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ภาพที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวก็เริ่มเลือนลางลง เพียงไม่นานความเลือนลางนี้ก็ผ่านไป จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็สังเกตเห็นว่าโลกรอบๆ ตัวเขาเต็มไปด้วยสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นลายเส้นนับไม่ถ้วน รวมถึงจุดที่คล้ายกับเป็นปะจุของไฟฟ้า ดูเหมือนว่าถ้าเขาต้องการ เขาก็สามารถ…ทำให้ตัวเองไปปรากฎตัวอยู่ที่จุดใดๆ ก็ตามซึ่งเรืองแสงเหล่านั้นได้!
“เคลื่อนย้ายทางไกลย่อย…” จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง ขณะที่มองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่สาดแสงเข้มข้น ความตื่นเต้นเต็มอยู่ในจิตใจ และเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เขาไม่ได้ทดสอบมันในตอนนี้ แต่ก็มั่นใจว่าถ้าต้องการ เขาก็สามารถหลอมรวมตัวเองเข้าไปในอากาศได้ เขารู้ว่านั่นก็คือ…ตอนนี้เขามีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งเท่านั้นที่ใช้ได้, การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย!
ด้วยความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ ทำให้พลังชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง เขาก็จะใช้ความสามารถนี้หลบหนีไปได้
“ความตั้งใจของข้า ที่จะเลือกเส้นทางของวิญญาณแรกก่อตั้งห้าสีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เส้นทางนี้จะช่วยให้ข้าสร้างเต๋าของตัวเองขึ้นมาได้!” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาก็เต็มไปด้วยแสงเจิดจ้าแห่งความเชื่อมั่น!
สิ่งที่ผู้ฝึกตนฝึกฝนก็คือ…ความเชื่อมั่น!
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่เขาสัมผัสได้ถึงพลังของสามภาพศักดิ์สิทธิ์ หมุนวนอยู่รอบๆ ตัว ยกมือขวาขึ้นและโบกสะบัดไปข้างหน้า ทำให้ทะเลแห่งเปลวไฟกระจายออกไป เขารวมพลังของธาตุไม้เข้าไปด้วย ทำให้มัน…พุ่งสูงขึ้นไปมากกว่าเดิม ผู้ฝึกตนสาขาแมงป่องใดๆ ที่สัมผัสโดนเปลวไฟนั้นก็จะต้องส่งเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวออกมา และจากนั้นก็พุ่งถอยไปด้านหลังด้วยความประหลาดใจ
สำหรับสิบผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง พวกมันได้หลบหนีไปนานแล้ว พื้นฐานฝึกตนของพวกมันไม่มั่นคง และพวกมันก็ไม่กล้าจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวในขณะที่เขามีพลังอยู่ในจุดสูงสุด
มือซ้ายเมิ่งฮ่าวขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว และชี้ออกไป เติมเชื้อเพลิงให้กับเปลวไฟด้วยพลังธาตุไฟ พวกมันหลอมรวมเข้าด้วยกัน เต็มไปด้วยของเหลวสีทองซึ่งทันใดนั้นก็พุ่งออกมาราวกับเป็นสายฝนสีทอง ทุกแห่งหนที่มันพุ่งผ่านไป เจตจำนงแห่งทองก็จะติดตามไปด้วย
การปรากฎขึ้นของความสามารถศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ฉับพลันนั้นก็ทำให้สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนสาขาแมงป่องจะมีมากถึงสามพันคน แต่จิตใจพวกมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนสาขาแมงมุมก่อนหน้านี้ จู่ๆ พวกมันก็สูญเสียความต้องการต่อสู้ไป
ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่กลุ่มคนเผ่าอูต๋า, อูปิง และเผ่าอูเหยียนเท่านั้นที่กำลังโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว อีกสองเผ่าของอีกาศักดิ์สิทธิ์ ได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และรู้สึกนับถือเมิ่งฮ่าวอย่างลึกล้ำ พวกมันก็เช่นกันหันหน้าไปหาเขาและโค้งตัวลง
หัวหน้าเผ่าอูปิง และห้าผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งที่ยังเหลืออยู่ ทุกคนมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความนับถืออย่างลึกล้ำ พวกมันไม่จำเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในตอนนี้ พวกมันสามารถจะบังคับให้พื้นฐานฝึกตนของตัวเองยังคงอยู่ที่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งได้ แต่ในความเป็นจริง เมื่อไหร่ที่การต่อสู้จบลง มีเพียงสามคนในพวกมันเท่านั้นที่สามารถทำได้เช่นนั้น พื้นฐานฝึกตนของผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งเผ่าอูอ้านและอูโต้วในที่สุดก็จะตกลงไป และพวกมันจะไม่อยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งอีกต่อไป
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ…” จ้าวโยวหลันมองไปอย่างเงียบๆ ด้วยดวงตาหงส์ของนาง ที่ด้านข้าง ใบหน้าจ้าวชุนมู่ซีดขาว และกลุ่มคนเผ่าห้าพิษอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวมันก็เริ่มถอยไปด้านหลังเพื่อหลบหนี
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ห่างไกลออกไป ชายชรากำลังมองภาพที่กำลังเกิดขึ้นนี้ บนสิ่งที่ดูคล้ายกับเป็นกระจกขนาดยักษ์ ชายชราผู้นี้ยืนเป็นผู้นำของกองกำลังผู้ฝึกตนเกือบสองหมื่นคน
“การเปลี่ยนแปลงของสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ ซือหลงกลายเป็นบรรพบุรุษ ถ้า…ถ้าพวกเราสามารถค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้และพบว่าคนผู้นี้ทำสำเร็จได้อย่างไร ก็จะช่วยเผ่าห้าพิษได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!”
“ส่งคำสั่งลงไป” ชายชรากล่าวเสียงราบเรียบต่อไป แสงแปลกๆ สาดประกายอยู่ในแววตาของมัน “ทุ่มสุดกำลัง! ใช้การเคลื่อนย้ายทางไกล! ข้าจะไปดูคนผู้นี้ภายในเวลาชั่วธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก!” ขณะทีเสียงของมันดังก้องออกมา กลุ่มคนที่ด้านข้างมัน ทันใดนั้นก็เริ่มกระจายคำพูดออกไป เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ตามมาด้วยแสงของการเคลื่อนย้ายทางไกล ขณะที่พวกมันทั้งหมดเริ่มหายตัวไป หยาดฝนสีม่วงก็ตกลงมาบนร่างของชายชรา
“ฝนม่วง?” ชายชรากล่าว มองดูไปที่หยดน้ำฝนนั้นด้วยความตกใจชั่วขณะ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว ขณะที่ร่างของมันหายไป
สายฝนสีม่วงเริ่มตกลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้ตกอยู่แค่บริเวณเล็กๆ ทั่วทั้งเทือกเขาและแม้แต่พื้นที่ราบ ซึ่งเป็นบ้านของเผ่าห้าพิษ ก็มีสายฝนตกลงมา
มันประกอบไปด้วยพลังกำจัดที่เย็นเยียบ และเจตจำนงของการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เข้มข้นมากนัก แต่ก็กระจายอยู่ในสายฝนหยดนี้
สายฝนสาดซัดลงมาบนพื้นเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ผสมรวมเข้ากับหยาดโลหิตในที่ตรงนั้น ตอนนี้ น้อยคนนักที่จะสังเกตเห็นมัน มีเพียงเมิ่งฮ่าวและอีกไม่กี่คนเท่านั้น หลังจากที่เห็นสายฝนนี้ จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกลังเล อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่าการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป เขาก็ไม่มีเวลาที่จะไปครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ลอยตัวอยู่ที่นั่นกลางอากาศ สายตาค่อยๆ กลายเป็นความเย็นเยียบ ขณะที่เขากวาดมองไปทั่วทั้งสนามรบตรงไปยังจ้าวชุนมู่
เมื่อเป็นเช่นนี้ ม่านตาจ้าวโยวหลันก็หดเล็กลง นางค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากจ้าวชุนมู่โดยไม่ให้ผิดสังเกตอย่างช้าๆ อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อนางเห็นเมิ่งฮ่าวมองไปที่จ้าวชุนมู่ สีหน้านางก็เปลี่ยนไป ไม่สนใจว่าการกระทำของนางจะถูกใครพบเห็น ฉับพลันนั้น นางก็พุ่งถอยไปด้านหลัง ทำให้ระยะห่างระหว่างนางและจ้าวชุนมู่ยืดยาวออกไปมากขึ้น
จ้าวชุนมู่ก็สังเกตเห็นสายตาของเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นเดียวกัน และจิตใจของมันก็สั่นสะท้าน เมื่อมองไปเห็นจ้าวโยวหลันรีบถอยไปด้านหลัง จิตใจมันก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง ขณะที่จู่ๆ มันก็ตระหนักว่าบุคคลที่ตัดแขนจ้าวโยวหลัน…อาจจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณรุ่นใหม่ของห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้
“มันต้องการสังหารข้า!!” จ้าวชุนมู่คิด หนังศีรษะด้านชา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับเมิ่งฮ่าว ทำให้จิตใจมันสั่นสะท้าน เมิ่งฮ่าวได้สังหารสิบแปดผู้พิทักษ์เงาของมันไป แม้แต่เก้าผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้ง พร้อมกับผู้เฒ่าสูงสุด ก็ไม่อาจจะทำอะไรเมิ่งฮ่าวได้ ทั้งหมดนี้ทำให้จ้าวชุนมู่เริ่มหอบหายใจ และทันใดนั้นมันก็รีบถอยไปด้านหลัง
“เก้าผู้อาวุโส, ผู้เฒ่าสูงสุด ช่วยข้าด้วย!”
อย่างไรก็ตาม แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังจ้าวชุนมู่ เขาก็เริ่มพุ่งฝ่าอากาศตรงไปราวกับเป็นลูกธนู เก้าผู้อาวุโสและผู้เฒ่าสูงสุดจากสาขาแมงป่องลังเล จนกระทั่งในที่สุด พวกมันก็กัดฟันแน่น พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง
รอยยิ้มอันเย็นชาบิดตัวขึ้นมาจากมุมปากเมิ่งฮ่าว เหตุผลหลักที่เขาไม่ใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยในตอนนี้ ก็เป็นเพราะต้องการดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนเหล่านี้ จ้าวชุนมู่ไม่มีอะไรนอกไปจากเป็นแค่เหยื่อล่อ ไม่เหมือนกับจ้าวโยนหลัน มันไม่ได้สำคัญพอในตอนนี้ที่เมิ่งฮ่าวต้องสังหารมันให้ได้ บุคคลที่เมิ่งฮ่าวต้องการสังหารไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก…เก้าผู้ฝึกตนขั้นต้นวิญญาณแรกก่อตั้ง และอีกหนึ่งคนที่อยู่ในขั้นกลาง
ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้เขา รังสีสังหารก็สาดประกายอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว ฉับพลันนั้น เขาก็ใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย เมื่อเขาหายตัวไป ใบหน้าของทุกคนซึ่งกำลังมองดูอยู่ ทันใดนั้นก็เต็มไปด้วยความตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งสิบ ขณะที่พวกมันตระหนักว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะทำไป ไม่ใช่การใช้วิชาระเบิดโลหิตในพริบตา แต่เป็น…การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยที่แท้จริง
“แย่แล้ว!” ผู้เฒ่าสูงสุดกล่าว สีหน้ามันเปลี่ยนไป มองไปยังเก้าผู้อาวุโส ก็พบว่าฉับพลันนั้นเมิ่งฮ่าวได้ไปปรากฎตัวอยู่ด้านหลังหนึ่งในพวกมัน มือขวาเขายกขึ้นมาและจากนั้นก็ต่อยออกไป ด้วยพลังที่สามารถสังหารผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งได้
สีหน้าผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งผู้นั้นสลดลง ร่างของมันจู่ๆ ก็เริ่มเลือนลางลง ขณะที่พยายามจะหลบหนีไปด้วยการเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็พ่นลำแสงหลากสีออกมา ซึ่งกลายเป็นยันต์กระดาษพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว แต่ในเวลาเดียวกันนั้น หมัดเมิ่งฮ่าวที่เต็มไปด้วยพลังการสังหารก็กระแทกลงมา
เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศตามมาด้วยเสียงแผดร้องโหยหวน ยันต์กระดาษฉีกกระจาย ทำให้ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งมีเวลาเพียงพอที่จะใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลของมัน ขณะที่มันหายตัวไป เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา มุ่งหน้าตรงไปและจากนั้นก็ใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยของตัวเอง สองเงาร่างเริ่มสลัวเลือนลาง เพียงชั่วพริบตา เมิ่งฮ่าวก็ติดตามไปทัน อีกครั้งที่เขาต่อยหมัดออกไป
เสียงระเบิดได้ยินมาอีกครั้ง ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งกระอักโลหิตของกลิ่นอายวิญญาณแรกก่อตั้งออกมา ภายในนั้นมีอาวุธเวทอยู่แปดชิ้น ทุกชิ้นเริ่มระเบิดออก แม้แต่ร่างของมันก็เกิดการระเบิดขึ้น ขณะที่มันใช้การระเบิดตัวเอง เพื่อพยายามจะสังหารเมิ่งฮ่าว วิญญาณแรกก่อตั้งของมันกลายเป็นกระบี่บินพุ่งออกมา ยืมพลังของการระเบิดตัวเองหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันกำลังอ่อนแอ พุ่งออกไปได้ไม่เร็วพอ
Read »

ตอนที่ 448 : เปลวไฟอมตะเม็ดยาบูรพา!

รูปแบบที่สามของความสามารถศักดิ์สิทธิ์เซียนโลหิตนี้ ทำให้กลุ่มควันสีดำปรากฎขึ้น บนร่างของผู้อาวุโสวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งเก้า ลอยออกไปจากตัวพวกมันขึ้นไปในท้องฟ้า ดูเหมือนพวกมันไม่อาจจะดับกลุ่มควันนี้ได้ ทำให้สีหน้าพวกมันสลดลงในทันที
เพียงไม่นานก็ตระหนักว่ากลุ่มควันนี้ทำให้ พลังชีวิตของพวกมันถูกเผาไหม้อย่างมองไม่เห็น พลังชีวิตของพวกมันเป็นเชื้อเพลิง และกลุ่มควันสีดำนี้ก็เป็นผลลัพธ์จากการเผาไหม้นั้น!
ภาพของกลุ่มควันนี้ทำให้คนทั้งเก้าเต็มไปด้วยความตกใจ พวกมันเริ่มใช้วิชาและความสามารถศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในทันที แต่ก็เป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับพวกมัน…ที่ไม่อาจจะป้องกันไม่ให้พลังชีวิตหยุดลุกไหม้ได้ กลุ่มควันสีดำยังคงกระจายออกมาจากร่างพวกมันต่อไป
ภายในกลุ่มควันสีดำนั้นเป็นกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นจำนวนมากมาย ทำให้กลุ่มควันยิ่งกลายเป็นสีดำราวกับน้ำหมึกมากขึ้น เมื่อมองมาจากที่ห่างไกล ก็ดูคล้ายกับเป็นเปลวไฟแห่งสงครามที่กำลังลุกไหม้อยู่ในบริเวณนั้นอย่างแท้จริง ภาพที่เห็นนี้ช่างน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับผู้เฒ่าของสาขาแมงป่อง ก็มีกลุ่มควันลอยออกมาจากร่างของมันด้วยเช่นกัน สีหน้าของสิบผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกในความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่แปลกๆ นี้ ซึ่งไม่อาจจะหลบเลี่ยงพ้นไปได้ จากนั้นใบหน้าพวกมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยขึ้นอีกครั้งพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
คนทั้งสิบเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวจากสิบทิศทางที่แตกต่างกัน
เมิ่งฮ่าวหลับตาลง เขาได้สังเกตเห็นบางสิ่งที่คุ้นเคย อยู่ภายในกลุ่มควันสีดำจากการเผาไหม้พลังชีวิต เขาได้เห็นบางสิ่งที่คล้ายกับตอนที่หลังจากเขาเหลือบมองไปเพียงแค่แวบเดียว ในโลกที่อยู่ด้านบนของเจดีย์แห่งถังในแคว้นจ้าว เมื่อเขาได้รับกลุ่มควันแห่งความตายมาจากเซียนที่ตกลงมา ซึ่งต่อมาเขาได้พบกับเซียนผู้นั้นที่ด้านนอกของถ้ำกำเนิดใหม่
“ต้องมีบางอย่างที่เหมือนกันระหว่างทั้งสองนี้…” แสงอันเย็นเยียบปรากฎขึ้นในดวงตา ขณะที่เขาร่ายเวทอาคมพร้อมกันทั้งสองมือ และจากนั้นก็โบกสะบัดมือออกไป เปลวไฟแห่งสงครามพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า พลังที่เขาได้ดูดซับมาจากกลุ่มคนเผ่าอูต๋าหลายร้อยคน ไหลผ่านหน้ากาก ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่วในอากาศ ขณะที่เปลวไฟระเบิดออกอย่างน่าตกใจ
สิบผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งกระอักโลหิตออกมาในทันที ยิ่งพวกมันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าวมากเท่าใด พลังชีวิตของพวกมันก็ยิ่งสูญเสียไปมากขึ้นเท่านั้น
ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวได้กลายเป็นพลังแห่งการทำลายล้างบางอย่าง ซึ่งสามารถดูดกลืนพลังชีวิตทั้งหมดลงไปได้
โชคร้ายที่พวกมันไร้ทางเลือก นอกจากต้องพุ่งตรงมาที่เขาเพียงอย่างเดียว การหลบหนีไม่ใช่ความคิดที่ดี โอกาสเดียวที่พวกมันมีก็คือต้องสังหารเมิ่งฮ่าวให้ได้เท่านั้น
ขณะที่พวกมันแผดร้องและพุ่งตรงมา เมิ่งฮ่าวก็หลับตาลง และสัมผัสได้ถึงพลังอันไร้ขอบเขต ที่ถูกเรียกว่าพลังเปลวธูปภายในร่างเขา ทันใดนั้น ใบหน้าขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์อีกครั้ง ครั้งนี้…เป็นใบหน้าที่แตกต่างกันออกไป ครั้งนี้มันมีหน้าตาเหมือนกับเมิ่งฮ่าว
ฉับพลันนั้นดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ลืมขึ้นมา และเช่นเดียวกับดวงตาของใบหน้ายักษ์นั้น ริมฝีปากของมันสั่นเครือ และดูเหมือนว่าเปลวไฟแห่งสงครามได้พุ่งขึ้นมามากกว่าเดิม หนี่งคำดังออกมา
“เปิง!” (พังทลาย)
ทันทีที่เสียงของเมิ่งฮ่าวได้ยินออกมา เสียงกระหึ่มก็ดังก้องไปทั่วในอากาศ ฉับพลันนั้น กลุ่มควันสีดำที่กำลังลอยออกมาจากสิบผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง ก็เกิดเป็นเสียงดังก้องขึ้นพร้อมกับพื้นดินสั่นสะเทือน ขณะที่มันระเบิดความเข้มข้นออกมา นี่เป็นการระเบิดพลังชีวิตของพวกมัน ราวกับว่าพวกมันกำลังได้รับบาดเจ็บจากพลังของตัวเอง!
ท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้อง เก้าผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งกระอักโลหิตออกมา ขณะที่ร่างพวกมันสั่นสะท้านลอยละลิ่วกลับไปที่ด้านหลังอย่างรุนแรง ราวกับว่าวที่ถูกตัดสายป่าน พวกมันลอยห่างออกไปถึงหนึ่งร้อยจ้าง และร่างกายก็อ่อนแอ, แก่ชราลง พลังชีวิตของพวกมันในตอนนี้สลัวเลือนลาง พวกมันได้สูญเสียอายุขัยของตัวเองไปเกือบครึ่ง
ในที่สุดพวกมันก็หยุดลง ใบหน้าดูน่าเกลียด จิตใจพวกมันสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวที่มีต่อเมิ่งฮ่าว ได้ก่อตัวขึ้นอยู่ภายในจิตใจพวกมัน สำหรับพวกมันดูเหมือนว่าไม่ได้กำลังต่อสู้อยู่กับผู้ฝึกตน แต่เป็น…สิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ!
ยิ่งไปกว่านั้น พลังของเปลวธูปไม่ลงรอยกับพลังฝึกตนของพวกมัน ซึ่งมาจากภาพศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าพวกมัน เมื่อรวมกับความสามารถศักดิ์สิทธิ์เซียนโลหิตของเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้เขาสามารถสร้างความสั่นสะเทือนให้กับสิบผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งได้
สำหรับผู้เฒ่าสาขาแมงป่อง โลหิตกระจายออกมาจากปากของมัน เห็นได้ชัดว่ามันมีความแข็งแกร่งกว่าคนทั้งเก้า แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน
พวกมันทุกคนกำลังสั่นสะท้านอยู่ภายในจิตใจ
เมิ่งฮ่าวแอบถอนหายใจด้วยความผิดหวังออกมา เมื่อครู่นี้ เขาได้โจมตีไปอย่างเต็มกำลังด้วยพลังเปลวธูป แต่ก็เพียงทำให้ศัตรูของเขาบาดเจ็บไปเท่านั้น นอกจากนี้ พวกมันก็เป็นผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งหมด ถ้าเขาต่อสู้กับคนเดียวหรือสองคน เมิ่งฮ่าวก็มั่นใจว่าด้วยพลังที่เขายืมมานี้ คงสามารถสังหารพวกมันไปได้
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกมันทั้งหมดหยุดลง รังสีสังหารในดวงตาของพวกมันก็เข้มข้นมากขึ้น ร่างพวกมันแวบขึ้น ขณะที่เข้ามาใกล้เขาอีกครั้ง!
ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น ทะเลเปลวไฟขนาดใหญ่ก็ระเบิดออกมาจากภายในระลอกคลื่นที่บิดเบี้ยวไปมา ซึ่งปิดกั้นการมองเห็นการต่อสู้ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ด้านบน มันกระจายออกไปปกคลุมครึ่งท้องฟ้า เปลวไฟขนาดใหญ่นี้ สาดส่องไปบนใบหน้าของทุกคนที่ด้านล่างในสนามรบ สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
อย่างน่าแปลกใจ ท่ามกลางเปลวไฟที่กระจายไปเป็นวงกว้างนั้นมองเห็นเงาร่างอยู่ภายใน วนเป็นวงกลมอยู่กลางอากาศ แสงสีทองพุ่งขึ้นไป และยากที่จะมองเห็นว่ามีอะไรอยู่ด้านใน แต่ก็เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นแสงสีทองซึ่งกำลังหลอมละลายและจางหายไป
แสงสีทองนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณธาตุทองของเผ่าอูปิง ทะเลเปลวไฟเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณธาตุไฟของเผ่าอูเหยียน เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนในสนามรบด้านล่างจะไม่มองขึ้นไปยังภาพที่ด้านบน
เสียงเก่าแก่โบราณทันใดนั้นก็ดังก้องออกมาจากด้านบน “ข้าไม่อาจจะปกป้องห้าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้อีกแล้ว แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เปลวไฟและข้า…จะต่อสู้เพื่อพวกเจ้า ด้วยเช่นนั้น กรรมหมื่นปีของพวกเราก็จะต้องหายไป…พวกเราหวังว่าพวกเจ้า…จะสงบสุขและปลอดภัย”
ทะเลแห่งเปลวไฟเริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว พุ่งตรงไปยังแสงสีทองด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เพียงชั่วพริบตา ก็ไปล้อมอยู่รอบๆ แสงสีทองไว้โดยสิ้นเชิง ห่อหุ้มมันไว้กลายเป็น…ดวงตะวันขนาดใหญ่!
กลิ่นอายความตายกระจายออกมาจากภายในดวงตะวัน ลงมายังพื้นดินที่ด้านล่าง กลุ่มคนจากเผ่าอูปิงกำลังตัวสั่นสะท้าน เช่นเดียวกับคนจากเผ่าอูเหยียน ภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันเริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจอย่างรุนแรง พุ่งขึ้นในจิตใจพวกมัน
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ!”
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ!”
เสียงร้องไห้อย่างเศร้าโศกพุ่งขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า แต่โชคร้าย ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ธาตุทองและธาตุไฟไม่ได้ยินเสียงของพวกมัน
ในขณะที่กลุ่มทั้งห้าเผ่าร้องไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจอยู่นั้น แสงสีทองและแสงแห่งเปลวไฟก็หลอมรวมอยู่ภายในดวงตะวันที่กำลังลุกไหม้อยู่ด้านบน ในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ส่องสว่างด้วยแสงที่เจิดจ้านั้น อย่างน่าตกใจ ภายในดวงตะวันขนาดใหญ่นั้นมองเห็นเป็นภาพเลือนลางของ…อีกาสีทอง!
ทันทีที่อีกาสีทองปรากฎขึ้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เบิกกว้าง เขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งซึ่งมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยบนภาพเลือนลางนั้น แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยคุ้นเคยนัก
“ไม่ใช่นาง” เขาพึมพำพร้อมกับถอนหายใจอย่างแผ่วเบาออกมา “มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเจตจำนงที่ทิ้งไว้เบื้องหลังในโลกนี้ ทองและไฟจบชีวิตของพวกมันลงเพื่อกลายร่าง”
อีกาสีทองเงยหน้าขึ้นไปในท้องฟ้า และส่งเสียงแผดร้องขณะที่มันพุ่งออกมาจากภายในดวงตะวัน เข้าไปใกล้แมงมุมและแมงป่อง ซึ่งพุ่งตรงมาที่มันด้วยความตั้งใจจะทำลายมันไป
การต่อสู้ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนไม่อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ทันทีที่พวกมันทั้งสามกระแทกเข้าหากัน ร่างของอีกาสีทองก็ระเบิดออกกลายเป็นเปลวไฟ แสงสีทองและแสงของเปลวไฟกระจายออกไป อีกาสีทองเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น เพียงชั่วพริบตา มันก็ขยายขึ้นไปหนึ่งร้อยจ้าง, หนึ่งพันจ้าง, หนึ่งหมื่นจ้าง!!
ร่างมันเต็มอยู่ในท้องฟ้าและปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นดิน ห่อหุ้มแมงมุมและแมงป่องไว้โดยสิ้นเชิง!
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ข้าเรียกร้องพลังดั้งเดิมของอีกาศักดิ์สิทธิ์เพื่อผนึกเจ้า และรากเหง้าแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า! ปีศาจศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าห้าพิษ จงถูกผนึกไว้!!” เสียงเก่าแก่โบราณเต็มไปด้วยความอ่อนแอ ขณะที่มันใช้พลังเฮือกสุดท้ายพูดออกมา อีกาสีทองขนาดใหญ่ในตอนนี้ห่อหุ้มแมงมุมและแมงป่องไว้โดยสิ้นเชิง กลายเป็นเกราะสีทองขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายกับเป็นฟองอากาศ แมงมุมและแมงป่องที่คลุ้มคลั่งติดอยู่ด้านใน และกระแทกออกไปทั่วทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่พวกมันพยายามจะหลบหนีออกมา
“ผนึก!” ฟองอากาศสีทองขนาดใหญ่แวบแสงขึ้น ราวกับว่ามีเปลวไฟเกิดขึ้นขณะที่มันพุ่งออกไปพร้อมกับแมงมุมและแมงป่อง ผู้ที่ดูอยู่ทั้งหมดสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง ขณะทีมันลอยออกไปจากภูเขา นำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสองชนเผ่าจากไปด้วย!
จุดหมายปลายทางของมัน ก็คือพื้นที่ราบซึ่งเป็นบ้านของเผ่าห้าพิษ ที่ซึ่งมันจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายไปแทรกแซงพร้อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณทั้งสาม
นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ของอีกาศักดิ์สิทธิ์ต้องจ่ายออกมา การปกป้องครั้งสุดท้ายสำหรับกลุ่มคนทั้งห้าเผ่า!
ผนึกนี้จะคงอยู่ไปเป็นเวลาสามสิบปี พวกมันจะเผาไหม้พลังชีวิตของตัวเองเพื่อสร้างผนึกนี้ อย่างไรก็ตาม ความตายของพวกมัน และการเผาไหม้พลังชีวิตของพวกมัน ก็จะปลดปล่อยพลังอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นนั้นออกมา มันเป็นเศษเสี้ยวเจตจำนงของอีกาสีทอง ซึ่งจะคงอยู่ต่อไปเป็นเวลาสามสิบปี
สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณอีกสามสาขาของเผ่าห้าพิษ พวกมันก็จะพบกับชะตากรรมเช่นเดียวกับสองสิ่งศักดิ์สิทธิ์แมงมุมและแมงป่อง ถึงแม้ว่าเผ่าห้าพิษจะมีการกระทำอย่างอื่น พวกมันก็ไม่อาจจะใช้ความแข็งแกร่งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณพวกมันได้
จ้าวโยวหลันกระอักโลหิตออกมา ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น ผู้ฝึกตนที่มีชีวิตอยู่ทั้งหมดจากสาขาแมงมุม ก็เป็นเช่นเดียวกัน ขณะที่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันลดลงไปหนึ่งขั้นในทันที
เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณได้ถูกผนึกไว้ กลิ่นอายของพวกมันก็ถูกผนึกไว้เช่นเดียวกัน ราวกับว่ามันได้ตายไปแล้ว และไม่อาจจะส่งมอบพลังใดๆ ออกมา นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พื้นฐานฝึกตนของพวกมันลดลงไปในทันที
จ้าวชุนมู่ก็กระอักโลหิตออกมาเช่นเดียวกัน ตามมาด้วยกลุ่มผู้ฝึกตนสาขาแมงป่องที่เหลือ สีหน้าพวกมันตื่นตระหนก ขณะที่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันลดลงไปเช่นเดียวกัน
สีหน้าของสิบผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งได้ต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวสลดลงไปในทันที พวกมันเริ่มหอบหายใจขณะที่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันเริ่มอ่อนแอและตกลงไป ไม่นานนักก่อนที่พวกมันจะไม่ได้อยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งอีกต่อไป!
นี่ก็คือลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก พวกมันสามารถยืมพลังมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณได้ตายไป พวกมันก็จะสูญเสียรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะทำให้พื้นฐานฝึกตนของพวกมันสูญเสียไป ในทางกลับกัน พื้นฐานฝึกตนของผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้เป็นของพวกมันเพียงเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมการฝึกฝนพลังฝึกตนถึงได้ยากเย็นกว่าในทะเลทรายตะวันตก
แน่นอนว่า เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เนื่องจากการตายไปของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ธาตุทองและธาตุไฟ รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์กลุ่มคนเผ่าอูปิงเริ่มจางหายไป อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันนั้น เมื่อพื้นฐานฝึกตนของพวกมันกำลังตกลงไป แสงสีทองทันใดนั้นก็กระจายออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว
ราวกับว่าคนรุ่นก่อนได้ตายไป ก็มีคนรุ่นใหม่มาแทนที่ แสงสีทองกระจายออกมาจากรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทองของเมิ่งฮ่าว ตัวอักษรโบราณ ‘金’ ซึ่งอยู่บนหน้าอกของเขา!
ทันทีที่แสงนั้นปรากฎขึ้น ร่างของกลุ่มคนเผ่าอูปิงก็เริ่มสั่นสะท้าน ถึงแม้ว่ารอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุทองของพวกมันกำลังหายไปก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มีภาพใหม่ได้ปรากฎขึ้น ซึ่งดูแตกต่างไปจากภาพศักดิ์สิทธิ์เดิม มันมีรูปร่างเหมือนกับของเมิ่งฮ่าว ซึ่งก็คือตัวอักษรโบราณสำหรับธาตุทอง!
ฉับพลันนั้น พลังเปลวธูปอันเข้มข้นและไร้ขอบเขต ก็กระจายออกมาจากกลุ่มคนเผ่าอูปิง พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ปกคลุมไปทั่วร่างสีทองของเขา ทำให้พลังของเขาพุ่งทะยานสูงมากยิ่งขึ้น
เส้นผมกระจายไปมาอย่างเดือดพล่าน แสงสีเขียวและแสงสีทองอันเจิดจ้า หมุนวนไปรอบๆ ร่าง ที่เบื้องหน้าเขา สองตัวอักษรขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น ไม้และทอง พวกมันกระจายพลังอันน่าตกใจออกมา
กลุ่มคนเผ่าอูปิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว เสียงของพวกมันดังกระหึ่มเต็มอยู่ในอากาศ
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ!”
“ขอคารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณ!!”
ในตอนนี้เองเมื่อพลังธาตุไม้และธาตุทองของเมิ่งฮ่าวได้แสดงสิ่งที่น่าประทับใจออกมาซึ่งก็คือ…พลังของเปลวธูปรอบๆ ร่างเขาเริ่มเข้มข้นมากขึ้นและทันใดนั้น…ก็มีเปลวไฟปรากฎขึ้นภายในร่างเขา!
นี่ไม่ใช่เปลวธูป แต่เป็นบางสิ่งที่อยู่ภายในร่างเขามาโดยตลอด…เปลวไฟอมตะเม็ดยาบูรพา!
Read »

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates