วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตอนที่ 404 : อับอายจนกลายเป็นโทสะ

Posted By: wuxiathai - 18:39
มั่วฟางหยิบเม็ดยาบำรุงปีศาจออกมา ด้วยสีหน้าสูงส่งเลิศเลอ เท่าที่มันคิด ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกแล้วในตอนนี้ มันไม่เคยได้ยินว่ามีสัตว์ปีศาจตัวไหนจะสามารถต้านทานเม็ดยาบำรุงปีศาจได้
อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นานสีหน้ามันก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่เพียงแต่มันเท่านั้น กลุ่มคนทั้งหมดของเผ่าอูต๋าที่ยืนดูอยู่รอบๆ ต่างก็จ้องมองไปยังสุนัขป่าชิงมู่ทั้งห้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง พวกมันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
ต้าเหมาไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมา ยังคงงีบหลับต่อไป เอ้อร์เหมาและตัวอื่นๆ ก็มีสีหน้าแปลกๆ พวกมันยื่นจมูกสูดดมไปมา จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยท่าทางสับสน
เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวอะไรออกมา สุนัขป่าทั้งหมดยกเว้นต้าเหมา กลับมาเล่นกันต่อไป สำหรับมั่วฟางและเม็ดยาบำรุงปีศาจของมัน พวกมันไม่สนใจโดยสิ้นเชิง
สัตว์ปีศาจของกลุ่มคนของเผ่าที่อยู่รอบๆ กำลังเริ่มคลุ้มคลั่ง ในขณะที่สุนัขป่าชิงมู่สงบนิ่งอย่างสิ้นเชิง ภาพที่เห็นนี้ทำให้จิตใจมั่วฟางเต็มไปด้วยความรู้สึกราวกับมันจะถูกฟาดด้วยสายฟ้า
ไม่มีใครพูด ผู้คนเกือบหนึ่งร้อยคน ดูเหมือนราวกับว่าพวกมันไม่อาจแม้แต่จะสูดลมหายใจเข้าไป
“เป็นไปไม่ได้…” มั่วฟางกล่าว “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? นี่…นี่คือเม็ดยาบำรุงปีศาจ ไม่มีสัตว์ปีศาจแม้แต่ตัวเดียวจะสามารถต่อต้านมันได้…” สีหน้ามันซีดขาว สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ตอกกระหน่ำมาที่มัน จนต้องเดินโซเซถอยไปด้านหลัง พึมพำกับตัวเอง และจ้องมองไปยังเม็ดยาบำรุงปีศาจที่เป็นของวิเศษอันล้ำค่ามากที่สุดของมัน จากนั้นก็มองกลับไปยังสุนัขป่าชิงมู่ทั้งห้า
มันรู้สึกจิตใจกำลังหมุนคว้าง แววตาเต็มไปด้วยความสับสน ทันใดนั้น มันก็เริ่มสงสัยในตัวเอง
เมิ่งฮ่าวไอแห้งๆ ออกมา เขารู้สึกผิดเล็กน้อยต่อมั่วฟาง ถ้ามันหยิบเอาสิ่งอื่นออกมา บางทีก็อาจจะดึงดูดความสนใจของต้าเหมาและสุนัขป่าตัวอื่นๆ ได้บ้าง แต่สำหรับสุนัขป่าของเขาเหล่านี้ สิ่งที่คิดว่าเป็นเม็ดยาบำรุงปีศาจอันล้ำค่านี้ ไม่มีความหมายใดๆ ต่อพวกมัน
ตั้งแต่ตอนที่พวกมันยังเล็กอยู่ พวกมันก็ถูกเลี้ยงมาด้วยเม็ดยาบำรุงปีศาจของตระกูลหานเสวี่ย ที่สำคัญมากไปกว่านั้น แม้แต่ตระกูลหานเสวี่ยก็ยังไม่สามารถปรุงเม็ดยาบำรุงปีศาจ ที่มีคุณภาพเท่ากับที่เมิ่งฮ่าวปรุงขึ้นมาได้ ถึงแม้พวกมันจะมีเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยาเหมือนเมิ่งฮ่าวก็ตามที
คล้ายกับว่าสุนัขป่าชิงมู่เหล่านี้ถูกเลี้ยงดูด้วยทองและเงิน แต่มีใครบางคนหยิบเอาทองแดงหรือเหล็กมาดึงดูดความสนใจของพวกมัน แล้วพวกมันจะไปสนใจสิ่งของเช่นนั้นได้อย่างไร…?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับต้าเหมา ซึ่งเคยกินเม็ดยาบำรุงปีศาจของจริงมาแล้ว!
อันที่จริง สูตรยาจากตระกูลหานเสวี่ยก็ไม่ได้บกพร่องไม่สมบูรณ์ แต่พวกมันก็ไม่อาจจะใช้เพื่อปรุงเป็นเม็ดยาบำรุงปีศาจที่แท้จริงออกมาได้ เพราะพวกมันไม่ใช่ผู้ผนึกอสูร!
มีแต่ผู้ผนึกอสูรเท่านั้น ที่จะสามารถใช้ปราณอสูรของสวรรค์และปฐพีได้ หลอมรวมมันเข้ากับเม็ดยา ด้วยเช่นนั้น จึงจะสามารถปรุงเม็ดยาบำรุงปีศาจที่แท้จริงออกมาได้
นั่นเป็นเม็ดยาที่ต้าเหมาเคยกินลงไป โอกาสเช่นนี้ของมันทำให้ปฐพีสั่นสะเทือน เกินกว่าที่จะมีอยู่ในโลกของมนุษย์ธรรมดา
“ถ้ามั่วต้าซือไม่มีวิธีการอื่นๆ ที่จะทดลองอีก ข้าก็คิดว่าถึงเวลาที่ข้าจะเลือกสัตว์ปีศาจมาจากมันบ้างแล้ว ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพี, ข้าขอให้ท่านช่วยเป็นสักขีพยานจะได้หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวยิ้มให้กับมั่วฟาง จากนั้นก็หันไปคารวะให้กับผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีด้วยการประสานมือ
ทำไมเมิ่งฮ่าวถึงไม่ได้สังเกตเห็นว่า ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีกำลังศึกษารอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์บนมือขวาของเขาก่อนหน้านี้? นั่นเป็นแผนการของเขามาตั้งแต่แรกเริ่ม และเป็นตัวตนที่เขาเลือกจะแสดงออกมาให้เห็น
ทายาทของตระกูลหานเสวี่ย!
รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์บนมือขวาของเมิ่งฮ่าว ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นดักแด้ไร้ตา ซึ่งดูเหมือนกับตัวไหมหิมะเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนที่ไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างของสองสิ่งนี้ ก็เป็นธรรมดาที่จะแยกไม่ออก แน่นอนว่า ชนเผ่าที่ใช้ตัวไหมเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พบเห็นทั่วไปนักในทะเลทรายตะวันตก แต่เมิ่งฮ่าวก็มั่นใจว่า ถ้าเขาแสดงพรสวรรค์ของซือหลงออกมา ผู้คนก็คงจะคิดว่าทั้งสองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกัน
ก่อนหน้านี้ นี่เป็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นอยู่ในจิตใจของผู้เฒ่าสูงสุดปฐพี
ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มองไปยังมั่วฟาง มันไม่จำเป็นต้องกล่าวคำพูดใดๆ ออกมา ไม่เพียงแค่สายตาของมัน แต่สายตาของกลุ่มคนเผ่าอูต๋าทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ต่างก็มองไปยังมั่วฟาง มันเป็นเรื่องยากที่จะลงจากหลังเสือเมื่อขึ้นไปนั่งแล้ว และนั่นก็เป็นสถานการณ์ของมั่วฟางในตอนนี้
มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ความรู้สึกเป็นปรปักษ์ในตอนนี้ของมันได้มาถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ หลังจากเวลานานผ่านไป มันก็ขบฟันแน่น มันไม่อาจจะทำลายประเพณีของซือหลงต่อหน้ากลุ่มคนทั้งหมดนี้ ในเวลาเดียวกันมันก็ต้องยอมให้เมิ่งฮ่าวนำสัตว์ปีศาจของมันไป มันต้องเห็นชอบให้เมิ่งฮ่าวกระทำเช่นนั้น
มั่วฟางส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชาออกมา ขณะที่มันคิดในใจ “สัตว์ปีศาจของมันช่างแปลกประหลาดนัก แต่ถึงแม้ข้าไม่อาจจะทำให้พวกมันติดตามข้าไปได้ ถ้ามันคิดว่าจะสามารถนำสัตว์ปีศาจไปจากข้าได้ ก็คงเป็นเรื่องผิดถนัดแล้ว!” เมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งของฝูงสัตว์ปีศาจ มันก็รู้สึกค่อนข้างมีความมั่นใจ ด้วยเช่นนั้น มันก็โบกสะบัดมือขวา ทำให้ถุงสมบัติพิเศษปรากฎขึ้น ถุงสมบัตินี้ถูกสร้างขึ้นมาจากหนังของสัตว์อสูร มันเริ่มสั่นไปมา และทันใดนั้น ลำแสงมากมายก็ลอยออกมา ตามติดด้วยเสียงร้องอันทรงพลัง
ทั้งหมดเป็นสุนัขป่าชิงมู่ยี่สิบสามตัว, อสรพิษชิงมู่สิบเก้าตัว และค้างคาวชิงมู่สิบสามตัว พวกมันบินวนไปมารอบๆ ตัวมัน กระจายพลังอย่างน่าตกใจออกมา กลุ่มคนเผ่าอูต๋าที่มุงดูอยู่ทั้งหมด มีสีหน้าเลื่อมใสอย่างลึกล้ำ
ซึ่งทำให้มั่วฟางรู้สึกลำบากใจลดน้อยลงบ้าง ดวงตามันสาดประกายขณะที่หยิบเอาถุงสมบัติออกมาอีก เมื่อมันโบกสะบัดอยู่เบื้องหน้า เสียงร้องดังอึกทึกสามเสียง ฉับพลันนั้นก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ขณะที่สัตว์ปีศาจที่ยาวขนาดสิบจ้างโผล่ออกมา หนึ่งเป็นงูเหลือมชิงมู่อันแข็งแกร่ง อีกตัวเป็นสุนัขป่าชิงมู่ซึ่งมีร่างที่ส่งเสียงดังราวกับเสียงฟ้าผ่าออกมา
ตัวสุดท้ายนี้ ทำให้ฝูงสัตว์ปีศาจทั้งหมดของมันตัวสั่นสะท้าน มันเป็นค้างคาวยักษ์!
ค้างคาวตัวนี้กระจายกลิ่นอายอันเก่าแก่โบราณออกมา ราวกับว่ามันมีชีวิตอยู่มานาน, นานมากแล้ว ถึงแม้มันจะลอยอยู่ที่นั่นกลางอากาศ ปีกของมันก็กระพือขึ้นลง และยืนตัวตรงราวกับเป็นมนุษย์ ดวงตามันเย็นชาและดุร้าย ใครก็ตามที่มองไปก็ไม่อาจจะทำให้ตัวเองหยุดสั่นสะท้านไปได้
กลุ่มคนเผ่าอูต๋าที่มุงดูอยู่รอบๆ ได้แต่จ้องไปยังมั่วฟางด้วยความเลื่อมใสอย่างลึกล้ำอย่างช่วยไม่ได้
“สามตัวเป็นสัตว์ปีศาจระดับห้า! ทั้งสามตัวต่างก็กลายพันธุ์มา ดูค้างคาวสีดำนั่น…มันแข็งแกร่งเท่ากับขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณ!”
“แม้แต่ระดับสี่ก็มีอยู่มากมาย ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นระดับสาม แต่ก็ไม่มีตัวไหนอยู่ในระดับสองเลย!”
ในทะเลทรายตะวันตก ซือหลงระดับห้าถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญอันแข็งแกร่ง ยกตัวอย่างเช่น มั่วฟางผู้นี้ จริงๆ แล้วก็มีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ แต่เมื่อพูดถึงพลังการต่อสู้ของมัน ก็สามารถทำให้แม้แต่คนที่อยู่ในขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณต้องปวดหัว
“นี่คือฝูงสัตว์ปีศาจของข้า! ถ้าเจ้าคิดว่ามีความสามารถพอ ก็ลองนำพวกมันไป!” เสียงมั่วฟางดังก้องออกมา เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง สีหน้าท่าทางเย่อหยิ่ง มันมั่นใจว่าอย่างมากที่สุด เมิ่งฮ่าวก็คงนำสัตว์ปีศาจระดับสามที่อ่อนแอมากที่สุดไปได้ หลังจากที่ได้ครอบครองสัตว์ปีศาจเหล่านี้ มันได้ใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อเลี้ยงดูพวกมัน พวกมันอยู่กับมั่วฟางมานานหลายปี ทำให้มันมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า พวกมันต้องไม่ยอมจำนนต่อเมิ่งฮ่าวอย่างแน่นอน
เมิ่งฮ่าวยิ้มน้อยๆ ออกมา เมื่อพิจารณาถึงพื้นฐานฝึกตนและตัวตนของเขา เขาก็พบว่าไม่ได้ไม่เหมาะสมที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับผู้ฝึกตนกระจ้อยร่อยผู้นี้  สายตาเขากวาดผ่านไปยังสัตว์ปีศาจเหล่านั้น
“การกลายมาเป็นหนึ่งในสัตว์ปีศาจของเมิ่งฮ่าว ถือได้ว่าเป็นโชคและมีอนาคตที่ดี ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสามอึดใจเพื่อตัดสินใจ ถ้าพวกเจ้าต้องการติดตามข้าไป ก็ให้มาที่นี่” เขาพูดออกมาอย่างไม่ค่อยใส่ใจมากนัก แต่เมื่อเขากระทำเช่นนั้น ก็เป็นเหตุให้ปราณอสูรเริ่มกระจายออกมา
แม้ปราณอสูรนี้จะมีจำนวนเล็กน้อย แต่ก็ทำให้สัตว์ปีศาจสิบกว่าตัวเริ่มตัวสั่นสะท้านและมองมาในทันที มันยังได้ทำให้ภาพศักดิ์สิทธิ์สัตว์ปีศาจของกลุ่มคนในเผ่าอูต๋าเริ่มส่งเสียงแผดร้องคำราม เสียงของพวกมันดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่พวกมันเกือบทั้งหมดออกมาจากข้างกายของเจ้านายบินขึ้นไปในอากาศ ส่งเสียงแผดร้องด้วยความมุ่งหวัง
สีหน้าของผู้เฒ่าแห่งชนเผ่าสลดลง ขณะที่รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์บนร่างมันเริ่มเรืองแสง และจากนั้นอสรพิษชิงมู่ที่อยู่ด้านในก็พุ่งออกไป ส่งเสียงกรีดร้องลั่น
สีหน้าของผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีก็สลดลงเช่นเดียวกัน ขณะที่รอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ของมันเริ่มเรืองแสงขึ้นมา มันอ้าปากค้าง โบกสะบัดมือ ทำให้พลังฝึกตนของมันระเบิดออกมา เกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ฉับพลันนั้นก็กระจายออกไปทั่วทุกที่ ป้องกันภาพศักดิ์สิทธิ์สัตว์ปีศาจของคนในเผ่าพุ่งตรงออกไป
ใบหน้ามั่วฟางเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง มันสูดลมหายใจอย่างเร่งร้อน จ้องไปยังฝูงสัตว์ปีศาจที่ก่อนหน้านี้ กำลังยืนอย่างเชื่อฟังที่ข้างกายมัน แต่ตอนนี้ พวกมันกำลังส่งเสียงคำรามแผดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง และพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว เพียงชั่วพริบตา มีเพียงสัตว์ปีศาจระดับห้าสามตัวที่กำลังดิ้นรนหลงเหลืออยู่ด้านหลัง
หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกหนึ่งครั้งผ่านไป สุนัขป่าชิงมู่และอสรพิษชิงมู่สีดำ ก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ตอนนี้มีเพียงค้างคาวเท่านั้นที่เหลืออยู่ จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา แต่ภายในดวงตานั้นก็สามารถมองเห็นทั้งความฉลาดและตกตะลึง
“มานี่” เมิ่งฮ่าวกล่าว จ้องกลับไปยังค้างคาว เขาสามารถบอกได้ว่าค้างคาวกำลังทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งไม่มีใครรับรู้ได้เพราะยากที่จะพบเห็นร่องรอย เมิ่งฮ่าวยังสามารถสัมผัสได้ถึงปราณอสูรจางๆ ที่กระจายออกมาจากค้างคาวตัวนี้ได้
ความรู้สึกถึงปราณอสูรนี้เหมือนกับของต้าเหมาเป็นอย่างยิ่ง
แต่ก็เป็นปราณอสูรที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เมิ่งฮ่าวสามารถรับรู้ถึงร่องรอยอาการบาดเจ็บที่แปลกๆ ของมัน
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวพูดกับค้างคาว ดวงตาใหญ่โตของมันก็แวบแสงแห่งความฉลาดขึ้นมา ทันใดนั้น ร่างของมันก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ และบินมายืนอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว
“เป็นไปไม่ได้!” มั่วฟางร้องตะโกนออกมา โลหิตกระจายออกมาจากปาก ขณะที่โซเซถอยไปด้านหลังหลายก้าว มันรู้สึกราวกับว่าใกล้จะคลุ้มคลั่งไปแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ยากจะยอมรับได้ ดวงตามันเป็นสีแดงจ้า และเส้นผมก็กระเซอะกระเซิงไปเรียบร้อยแล้ว แม้ในขณะที่มันตะโกนออกมา ดวงตาก็เต็มไปด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้น มันจะยอมรับต่อหน้ากลุ่มคนทั้งหมดนี้ได้อย่างไรว่า ซือหลงที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามจะทำให้มันพ่ายแพ้เช่นนี้ได้? รังสีสังหารลุกโชนขึ้นมาในดวงตา และจู่ๆ มันก็ยกมือขวาขึ้น
บนข้อมือของมันมีกำไลกระดูกสีดำอยู่ กำไลนั้นแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ทำให้กระดูกระเบิดออกกลายเป็นกลุ่มควันของเถ้าธุลี
จากนั้นกลุ่มควันของเถ้ากระดูกก็เริ่มรวมตัวกัน ขณะที่เป็นเช่นนั้น มันก็เริ่มส่องแสงเจิดจ้า และกระจายแสงของการเคลื่อนย้ายทางไกลออกมา ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ได้ยินออกมาจากภายในเวทเคลื่อนย้ายทางไกลนั้น ในเวลาเดียวกัน กระแสของแสงสีเทาก็ปรากฎขึ้น จากนั้นก็กลายเป็นลิงยักษ์สีเทา มีความยาวเกือบสิบจ้าง
ดวงตาลิงเป็นสีแดงจ้า มีขนยาวที่ดกหนาเงางาม ทันทีที่มันปรากฎตัวขึ้น ก็ส่งเสียงคำรามอย่างน่าตกใจออกมา ตามมาด้วยกลิ่นอายที่เทียบเท่ากับขั้นสร้างแกนลมปราณ กระจายเต็มไปทั่วบริเวณนั้น สีหน้าของกลุ่มคนเผ่าอูต๋าที่มุงดูอยู่รอบๆ เต็มไปด้วยความตกตะลึงในทันที
“สัตว์ปีศาจระดับหก!!”
“นั่นก็คือสัตว์ปีศาจระดับหก!!”
มั่วฟางร้องตะโกนออกมา เสียงของมันเต็มไปด้วยโทสะ “สังหารสัตว์ปีศาจทั้งหมดของมัน และสังหารมันด้วย!!”
ทันใดนั้น ลิงยักษ์ก็พุ่งขึ้นไป และส่งเสียงคำรามอย่างน่าตกใจออกมา จากนั้น มันก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความดุร้ายป่าเถื่อน ราวกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่มันไม่อาจจะฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ ได้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเริ่มเย็นเยียบลง
“ต้าเหมา” เขากล่าวเสียงราบเรียบ
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก ต้าเหมา ซึ่งกำลังงีบหลับอยู่ตลอดเวลา ก็เงยหน้าขึ้น ร่างมันดูผอมแห้งและอ่อนแอ แต่ทันใดนั้นก็ระเบิดพลังอย่างน่าตกใจออกมา ดวงตาที่เย็นชาของมันเต็มไปด้วยความดุร้ายและบ้าคลั่งซึ่งกระจายขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์
ความโหดเหี้ยมของมันที่ถูกเมิ่งฮ่าวสะกดไว้ตลอดเวลา ถ้าไม่มีคำสั่งจากเขา มันก็จะไม่มีทางปรากฎขึ้น ตอนนี้ มันระเบิดออกมา และเมื่อเป็นเช่นนี้ กลุ่มควันสีโลหิตก็หมุนวนไปรอบๆ ร่างของมัน ในตอนนี้เองที่ขนสีเขียวของมันฉับพลันนั้น…
ก็เปลี่ยนเป็นสีขาว!

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates