วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตอนที่ 370 : เม็ดยาตัดวิญญาณ

Posted By: wuxiathai - 18:08
เสียงนั้นส่งผ่านเข้ามาในเจตจำนงของเมิ่งฮ่าว “เมิ่งต้าซือ, ข้าคือเหยียนซง…สหายเต๋าเมิ่ง หลังจากที่พวกเราจากกันในวันนั้น ข้าก็คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกว่ามีบางอย่างที่น่าสงสัยเกี่ยวกับโจวเต๋อคุนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้…มันถูกส่งไปยังทะเลทรายตะวันตกแล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่อาจจะยืนยันในความคิดนี้ได้ สหายเต๋าเมิ่ง อันที่จริง ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อมาหาท่าน นี่ไม่ใช่ร่างจริงของข้า เป็นเพียงเศษเสี้ยวของเจตจำนงแห่งข้า”
“สหายเต๋า, ข้ายอมรับนับถือในเต๋าแห่งการปรุงยาของท่านเป็นอย่างมาก อืม…นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยกันอย่างยืดยาว ข้าเพียงแค่อยากจะพูดอีกสองเรื่อง ด้วยทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของท่าน พวกเราน่าจะมาพูดเกี่ยวกับเม็ดยาตัดวิญญาณกัน! ถ้าท่านสนใจ ก็มาพบข้าในอีกสามวันนับจากนี้ ในทิศตะวันออกของเมือง และพวกเราจะได้พูดคุยกันได้อย่างยาวนานกว่านี้”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขณะที่เสียงนั้นจู่ๆ ก็หายไป ด้านนอกเมือง เสียงแผดร้องแหลมเล็กก็เริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ มีเพียงผู้ฝึกตนส่วนน้อยที่จะหลบหนีไปจากผลของวิชาลับนี้ได้ ส่วนใหญ่กลายเป็นซากศพที่แห้งเหี่ยวไป
เมิ่งฮ่าวค่อยๆ ย้ายเจตจำนงออกมาจากต้นป้อมปราการหนาม ทิ้งไว้แต่การเชื่อมต่อเล็กน้อย ทำให้ต้นหนามที่เหลืออยู่ ซึ่งเต็มไปทั่วเมืองค่อยๆ หดกลับไป ตอนนี้เพียงมองเห็นแต่ลำต้นหลักของมันที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่
เสียงเป่าหลอดเขาสงครามได้ยินอยู่ในอากาศ กลุ่มที่มาโจมตีของโม่ถู่กงและทะเลทรายตะวันตกไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล่าถอยกลับไป แต่สงครามก็ยังไม่จบ ขุมกำลังของโม่ถู่กงและทะเลทรายตะวันตกลดน้อยลง ที่ห่างไกลออกไป ท้องฟ้าเต็มไปด้วยลำแสง
ไม่ใช่เป็นยามราตรีอีกต่อไป รุ่งอรุณกำลังมาเยือน ทุกคนที่อยู่ในเมืองต่างก็เหน็ดเหนื่อย ท่ามกลางความเงียบ เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืนขณะที่สี่ผู้อาวุโสสูงสุดใกล้เข้ามา
พวกมันดูซีดเซียว และผู้อาวุโสอันดับสามและสี่ก็บาดเจ็บ พวกมันมายืนอยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าว มองดูเขาด้วยสีหน้าอันซับซ้อน
หลังจากเวลานานผ่านไป ผู้อาวุโสอันดับแรกก็ค่อยๆ กล่าวขึ้น “ต้นป้อมปราการหนามจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน พวกเราน่าจะปลอดภัยในช่วงเวลานั้น พวกเราทั้งสี่จะทำอย่างดีที่สุดเพื่อสร้างตัวไหมหิมะเยือกเย็นให้สำเร็จ” มันมองเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็หันหลังและจากไป
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ มองมาที่เขาโดยไม่พูดจา และจากนั้นก็เดินจากไป หญิงชรามองกลับมายังเมิ่งฮ่าว ขณะที่นางจากไป เหมือนจะพูดแต่ก็ไม่กล่าวสิ่งใดออกมา
กลุ่มสมาชิกตระกูลหานเสวี่ยที่มีชีวิตรอด แยกย้ายกันไปซ่อมแซมเมืองและค่ายกลเวท พวกมันมีเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนที่จะอยู่อย่างปลอดภัย แต่ก็มีสิ่งของมากมายที่จำเป็นต้องซ่อมแซม
ทุกคนต่างก็เหน็ดเหนื่อย หลังจากอาการบาดเจ็บหายไป ก็ยังคงมีรอยแผลอยู่ในจิตใจ ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่นั่งขัดสมาธิเข้าฌาณ ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความเงียบ
กองกำลังหนุนที่มาใหม่จากทะเลทรายตะวันตกมีอยู่หนึ่งพันคน พวกมันก็ไม่ได้เข้ามาโจมตี แต่กระจายกันออกไป ล้อมไปรอบเมืองเซิ่งเสวี่ยโดยสิ้นเชิง
เมิ่งฮ่าวก็เหน็ดเหนื่อยด้วยเช่นกัน ขณะที่เขาเดินไปในเมือง ผู้ฝึกตนที่เผชิญหน้าเขาทั้งหมดต่างก็มองมาด้วยความเกรงกลัว พวกมันโค้งตัวให้กับเขาพร้อมกับมองลงไปบนพื้น ไม่แม้แต่จะกล้าสบสายตากับเขา
การปรากฎขึ้นของป้อมปราการหนามทำให้ทุกคนมองเมิ่งฮ่าว เหมือนกับเป็นตัวแทนแห่งความน่ากลัว ถึงแม้เขาจะมีศักดิ์ฐานะเป็นเจ้าโอสถ แต่ความหวาดกลัวนี้ก็ยังไม่อาจจะลบเลือนออกไปได้
สมาชิกตระกูลหานเสวี่ยก็มองดูเขาด้วยความเลื่อมใสเป็นอย่างมาก โดยหลักแล้ว เมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียวที่ช่วยให้ได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าไม่มีเขาอยู่ เมืองเซิ่งเสวี่ยก็คงกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้วในตอนนี้
จากความสำเร็จในการต่อสู้กับโม่ถู่กง ตระกูลหานเสวี่ยก็ได้แจกจ่ายอาวุธเวทให้กับกองกำลังที่อยู่ภายในเมือง ผู้ฝึกตนจำนวนมากมารวมตัวกันตรงอาคารที่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของเมือง เพื่อจดบันทึกชัยชนะและแจกจ่ายสิ่งของรางวัล
เมิ่งฮ่าวเหนื่อยล้า แต่เมื่อมองเห็นอาคารนั้นบนเส้นทางที่จะกลับไปยังที่พักของเขา เขาก็เปลี่ยนเส้นทางและมุ่งหน้าตรงไป
พื้นที่บริเวณนั้นค่อนข้างจะจอแจ จากผู้ฝึกตนที่กำลังเข้ามาและออกไป ผู้คนนับร้อยที่เมิ่งฮ่าวเห็น ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเนืองแน่น มากกว่าสถานที่แห่งอื่นในเมือง
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวเดินเข้าไป ก็มีคนมองเห็นเขา และทันใดนั้นทุกคนก็มองมา จิตใจเต้นรัว โดยไม่ต้องขบคิด พวกมันโค้งศีรษะและประสานมือ ไม่อาจจะปกปิดความหวาดกลัวที่อยู่บนใบหน้าพวกมันไว้ได้
“เมิ่งต้าซือ…”
“คารวะ เมิ่งต้าซือ!”
เมิ่งฮ่าวพยักหน้า เดินผ่านกลุ่มคนจนกระทั่งเขาไปยืนอยู่ตรงเสาแห่งแสงตรงกึ่งกลางของห้องโถงหลัก เสานั้นเป็นภาพลวงตา และภายในก็สามารถมองเห็นรายนามต่างๆ ด้านข้างนามเหล่านั้นเป็นตัวเลข
นี่เป็นความสำเร็จในการสู้รบที่เกิดขึ้นมาในช่วงการปกป้องเมือง รางวัลที่ได้รับก็จะขึ้นกับว่าพวกมันสามารถสังหารศัตรูได้มากมายเท่าใด
ด้านข้างเสาแห่งแสง มีสมาชิกตระกูลหานเสวี่ยนั่งอยู่สองคน เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็ลุกขึ้นมายืนในทันที ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
ทุกคนในบริเวณนั้นเงียบกริบ
เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวอันใดออกมา เพียงแค่ตรวจสอบเสาแห่งแสง และรายนามต่างๆ เหล่านั้น
“เมิ่งต้าซือ ผลการต่อสู้ 97,542!”
ผลการต่อสู้ของบุคคลในตำแหน่งที่สองมีไม่เกินสองพัน พึมพำกับตัวเอง เมิ่งฮ่าวมองไปยังรายการของรางวัล
มีตำราเวท, อาวุธเวท, ยาน้ำ และวัตถุดิบพิเศษที่ใช้สำหรับการปรุงยา และจัดสร้างอาวุธ มีของบางชิ้นที่ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวเริ่มเต้นรัว หลังจากที่เขามองเห็น
ที่สำคัญมากที่สุด ผลการต่อสู้ของคนอื่นๆ ที่จะได้รับสิ่งของเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่อาจจะเปรียบเทียบได้กับสิ่งที่เมิ่งฮ่าวจะได้รับ
ขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังตัดสินใจว่าจะนำพวกมันกลับไปทั้งหมดหรือไม่ ของชิ้นใหม่สี่ชนิดก็แสดงผลขึ้นมาบนรายการของรางวัลในทันที
สิ่งของทั้งสี่ชิ้นนี้ทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นเกิดความวุ่นวายขึ้นในทันใด
“เมล็ดป้อมปราการหนาม 100,000 ผลการต่อสู้!”
“วิชาลับซือหลงตระกูลหานเสวี่ย 20,000 ผลการต่อสู้!”
“ค่ายกลหิมะห้าดวงดาว 50,000 ผลการต่อสู้!”
“สูตรเม็ดยาบำรุงปีศาจ 100,000 ผลการต่อสู้!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ก็สูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง พวกมันไม่รู้ว่าวิชาลับซือหลงคืออะไร แต่ก็จดจำเมล็ดป้อมปราการหนามได้ ความน่ากลัวของป้อมปราการหนามในสงครามที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่พวกมันไม่อาจจะลืมเลือนไปได้
“และยังมีค่ายกลหิมะห้าดวงดาวอีกด้วย นั่นเป็นค่ายกลเวทพิเศษเฉพาะของตระกูลหานเสวี่ย ทำให้สามารถสร้างเกราะป้องกันเวทห้าดวงดาวขึ้นมาได้…”
ขณะที่ผู้ฝึกตนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งของใหม่ๆ เหล่านั้น เมิ่งฮ่าวก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างครุ่นคิด เมล็ดป้อมปราการหนามเป็นสิ่งของที่พอใช้ได้ และก็มีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ เมล็ดที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ หานเสวี่ยชานเป็นผู้มอบให้ ถ้าเขาต้องการใช้อีกในอนาคต ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มาครอบครอง
แต่ที่สะดุดตามากไปกว่านั้นก็คือ ค่ายกลหิมะห้าดวงดาว
“นั่นก็คือวัตถุรูปทรงดวงดาวที่ลอยอยู่เหนือเมืองในตอนนั้น?” เขาคิด จากนั้นก็มองไปยังสูตรเม็ดยาบำรุงปีศาจ
“นั่นเป็นเม็ดยาอะไร?” เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา เห็นได้ชัดว่าของสิ่งนี้ถูกใส่เข้ามาด้วยความตั้งใจของตระกูลหานเสวี่ย เพื่อดึงดูดความสนใจของเขา “ดูเหมือนตระกูลหานเสวี่ยจริงๆ แล้วก็ประเมินคุณค่าของข้าจากการต่อสู้นั้น” เขาคิด แทนที่จะนำสิ่งของกลับไป เขามองไปยังหนึ่งในสมาชิกตระกูลหานเสวี่ย ที่กำลังยืนอยู่ข้างเสาแห่งแสงนั้น
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะขอรับสิ่งของล่วงหน้าไปก่อน?” เขาถามพร้อมรอยยิ้ม ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ จ้องมาด้วยความตกตะลึง พวกมันไม่เคยคิดว่าจะกระทำเช่นนี้ได้
หลักการของมันดูเหมือนจะเป็นจุดสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงอันตรายของเมืองเซิ่งเสวี่ยในตอนนี้ ดวงตาของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ เริ่มเปล่งประกายแปลกๆ ออกมา
สมาชิกตระกูลหานเสวี่ยที่เมิ่งฮ่าวถาม เป็นสตรีวัยกลางคน นางอ้าปากค้าง ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น ตัวเลขผลการต่อสู้ที่อยู่ด้านข้างนามเมิ่งฮ่าว จู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นมาอีกเกือบหนึ่งแสน ตอนนี้เมื่อรวมอย่างคร่าวๆ แล้วก็มีทั้งหมด 190,000
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่เขาชี้ไปยังสิ่งของที่ต้องการ เสาแห่งแสงเกิดประกายแวบขึ้น และแผ่นหยกสองชิ้นก็ลอยออกมา หนึ่งเป็นวิธีสร้างค่ายกลหิมะห้าดวงดาว และอีกแผ่นก็เป็นสูตรยาสำหรับเม็ดยาบำรุงปีศาจ
หลังจากนี้ นามของเมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแรกในเสาแห่งแสงอีกต่อไป แต่อยู่ในตำแหน่งสุดท้าย อันที่จริง ตอนนี้ตัวเลขของเขาติดลบอยู่เกือบ 50,000
เมิ่งฮ่าวจากอาคารนี้ไปพร้อมกับแผ่นหยกในมือ ภายใต้สายตาที่อิจฉาของผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ เขาเดินผ่านตัวเมืองกลับไปยังที่พัก
นั่งลงขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางกลุ่มดอกบัว จากนั้นก็มองลงไปบนแผ่นหยก เวลาผ่านไป เมื่อเขามองขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาพลบค่ำ และดวงตาก็ส่องแสงวาววับ
“ค่ายกลเวทนี้ดูเหมือนจะน่ามหัศจรรย์ยิ่ง แย่มากที่ข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องค่ายกลเวทเท่าใดนัก ถ้าได้พบกับใครที่เก่งในเรื่องนี้ บางทีข้าอาจจะได้รับความช่วยเหลือในการใช้มันได้”
“เม็ดยาบำรุงปีศาจนี้ก็น่าสนใจนัก มันไม่ได้ให้ผู้ฝึกตนกลืนกิน แต่ใช้สำหรับสัตว์ปีศาจและสัตว์อสูร” เมิ่งฮ่าวเก็บแผ่นหยกไว้ และจากนั้นก็หลับตาลงเข้าฌาณเพื่อฟื้นฟูพลัง
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ในยามดึกและดวงจันทร์กำลังส่องแสงเจิดจ้าอยู่ด้านบน ป้อมปราการหนามกลายเป็นจุดป้องกันด่านสุดท้ายของเมือง หลายครั้งที่ผู้ฝึกตนโม่ถู่กงได้พยายามจะทะลวงผ่านเข้ามา แต่ก็ถูกปิดกั้นไว้โดยสิ้นเชิง พวกมันถูกสังหารหรือบาดเจ็บไม่มากนัก แต่ก็แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของต้นหนามนี้ได้อย่างชัดเจน
ในลานบ้าน เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่ ทันใดนั้น ก็ลืมตาขึ้นมา และชี้นิ้วขวาลงไปบนพื้น ปราณอสูรเริ่มรวมตัวกันในทันที เพียงครู่เดียวก็มีเงาร่างปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าเขา ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับเขาทุกกระเบียดนิ้ว หลังจากที่กลายเป็นเมิ่งฮ่าว มันก็ขยับตัวและบินขึ้นไปในอากาศ
ในเขตตะวันออกของเมือง มีถนนที่ค่อนข้างห่างไกลอยู่ ตอนนี้มันวังเวงโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งมีเงาร่างได้ปรากฎขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเมิ่งฮ่าว
เขาเดินทอดน่องไปตามถนนที่มีสายลมพัดผ่าน จนธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก กระทั่งเดินไปถึงมุมถนนที่ห่างไกล เขาหยุดเดิน มองผ่านหัวไหล่และกล่าวขึ้น “เจ้าเดินตามข้ามาสักพักแล้ว จะติดตามไปอีกนานเท่าใด?”
เสียงที่พึงพอใจได้ยินมา “สหายเต๋าเมิ่ง, ท่านไม่เพียงแต่เป็นเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยา ข้าคิดว่าจิตสัมผัสของท่านก็เป็นสิ่งที่ทรงพลังมากที่สุด เท่าที่ข้าเคยเห็นมาในกลุ่มผู้ฝึกตนสร้างแกนลมปราณใดๆ ซึ่งเกือบจะเทียบเท่ากับของข้า” หนึ่งในเงาที่อยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าวบิดเบี้ยวไปมา กลายเป็นเหยียนซง มันมองมายังเมิ่งฮ่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าให้เจ้าพูดสามประโยคเพื่ออธิบายตัวเอง” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงแผ่วเบา ขณะที่เขาพูด ต้นหนามจู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน
โดยไม่ลังเล เหยียนซงกล่าวตอบ “ข้ามีตำราที่ประกอบด้วยข้อมูลที่เกี่ยวกับวิธีการปรุงเม็ดยาโบราณที่เรียกว่า เม็ดยาตัดวิญญาณ ซึ่งถ้ากลืนมันลงไปในตอนที่กำลังทะลวงไปที่ขั้นตัดวิญญาณ ก็จะมั่นใจได้ว่าต้องสำเร็จอย่างแน่นอน หลังจากศึกษาค้นคว้ามานานหลายปี ข้าก็สามารถค้นพบสถานที่ของมรดกเต๋าแห่งการปรุงยานี้ มันอยู่ในทะเลทรายตะวันตก ในสถานที่ซึ่งข้าเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ข้าไม่อาจจะครอบครองเม็ดยานี้ได้ตามลำพัง แต่ด้วยทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของท่าน สหายเต๋าเมิ่ง, ข้ามั่นใจว่าพวกเราต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน หลังจากนั้นพวกเราก็จะมาแบ่งสูตรยานี้ด้วยกัน”
“เมื่อดูจากระดับพื้นฐานฝึกตนของข้า เม็ดยาเช่นนั้นไม่ได้เป็นที่สนใจของข้ามากนัก” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบเสียงแผ่วเบา
“สหายเต๋าเมิ่ง, ได้โปรดคิดทบทวนดูใหม่ จากทักษะในการปรุงยาของท่าน คงไม่ใช่เรื่องยากที่ท่านจะทะลวงผ่านเข้าไปในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ถ้าท่านไม่เริ่มเตรียมตัวสำหรับขั้นตัดวิญญาณในตอนนี้ สิ่งแรกที่ท่านจะตัดก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ท่านไม่อาจจะพึ่งพาการรู้แจ้งเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ สถานที่ซึ่งข้าตั้งใจจะไปไม่เพียงแต่จะประกอบด้วยสูตรยาเท่านั้น แต่ยังมีเม็ดยาตัดวิญญาณที่สมบูรณ์อยู่ด้วย!!” เหยียนซงโบกสะบัดมือขวา ทำให้แผ่นไม้ลอยออกมา “แผ่นไม้นี้ก็คือหนึ่งในส่วนของตำรา สหายเต๋าเมิ่ง, ได้โปรดพิจารณาได้ตามสบายว่าสิ่งที่ข้าพูดจริงหรือไม่ ถ้าท่านเปลี่ยนใจ ก็สามารถใช้แผ่นไม้นี้ติดต่อข้ามา สถานที่ในทะเลทรายตะวันตก อยู่ใกล้กับหลายชนเผ่า ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากข้า ท่านก็ไม่อาจจะปกปิดปราณของผู้ฝึกตนเอาไว้ และไม่อาจจะผ่านเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้” ด้วยเช่นนั้น เหยียนซงมองเมิ่งฮ่าวมาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ค่อยๆ จางลงและหายตัวไป

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates