วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 460 ชุดฟ้าหานซาน!

Posted By: wuxiathai - 21:01
ทันทีที่สายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน ฉับพลันนั้นเมิ่งฮ่าวก็มองไม่เห็นบุรุษชุดฟ้าอีกต่อไป เมื่อมันปรากฎกายขึ้นอีกครั้ง ก็มายืนอยู่ด้านข้างเมิ่งฮ่าว
หนังศีรษะเมิ่งฮ่าวด้านชา ยากที่จะมองเห็นระดับพื้นฐานฝึกตนของบุรุษผู้นี้ การพยายามกระทำเช่นนั้น ทำให้เขามีความรู้สึกเช่นเดียวกับตอนที่กำลังมองเข้าไปในมหาสมุทรอันลึกล้ำ
เขาลุกขึ้นมายืนในทันที และโค้งตัวลงต่ำให้กับบุรุษชุดฟ้า “ผู้เยาว์เมิ่งฮ่าวขอคารวะผู้อาวุโส”
บุรุษผู้นั้นมองมายังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็นั่งลงที่ด้านข้าง จิบสุราเล็กน้อย สีหน้าของมันยังคงหดหู่อยู่เหมือนเดิม กล่าวว่า “เจ้ากำลังจะไปยังอาณาจักรซุ่ยเฟิง?” (ทลายผนึก)
“อาณาจักรซุ่ยเฟิง?” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยสีหน้างุนงง คิดย้อนกลับไปยังแผนที่ในแผ่นหยก และคำอธิบายของสถานที่ซึ่งเขากำลังมุ่งหน้าไป ในที่สุดก็พยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็กำลังมุ่งตรงไปยังทิศทางเดียวกัน” บุรุษผู้นั้นกล่าวพร้อมกับพยักหน้าให้เล็กน้อย หลังจากนั้นมันก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก พิงหลังไปยังโขดศิลาที่ยื่นออกมา ดื่มสุราลงไป และมองออกไปยังความมืดมิดของความว่างเปล่า
เมิ่งฮ่าวมองไปยังบุรุษผู้นั้นอย่างลังเลชั่วขณะ จากนั้นก็ย้ายออกไปยังที่ห่างไกล นั่งลงขัดสมาธิ แต่โชคร้ายที่เขาไม่อาจจะเข้าฌาณได้ สิ่งที่เขาทำได้ทั้งหมดก็คือนั่งอยู่ที่นั่นขณะที่เวลาเลื่อนผ่านไป
หนึ่งวัน, สองวัน, สามวัน…เพียงชั่วพริบตา ครึ่งเดือนก็ผ่านไป
ในช่วงเวลานั้น บุรุษชุดฟ้ายังคงเอนกายดื่มสุราอยู่ที่นั่นต่อไป ดูเหมือนว่าสุราที่อยู่ในขวดจะไม่มีวันหมด มันดื่มและดื่ม มองออกไปยังความมืดมิด ด้วยสีหน้าหดหู่เสียใจ ความโดดเดี่ยวของมันยิ่งปรากฎให้เห็นมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของมันมีหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ราวกับว่าเป็นเวลานานมากแล้วที่มันไม่ได้โกนหนวดเครา เสื้อผ้าเป็นรอยยับย่น ถ้าตัดเอาสีหน้าที่โศกเศร้าเสียใจของบุรุษผู้นี้ออกไป กลิ่นอายของมันก็เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ ขณะที่ดูเหมือนว่ามันจะ…โดดเดี่ยว แต่ก็ไม่ได้ดูสกปรกมากนัก
ขวดสุราที่มันถืออยู่ในมือทำขึ้นมาจากไม้ และมองเห็นลายไม้อยู่บนพื้นผิวของมัน ยากที่จะบอกได้ว่ามันได้ดื่มสุราเข้าไปมากน้อยเท่าใดในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา
มันไม่ได้พูด เมิ่งฮ่าวก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าบุรุษชุดฟ้าเพียงแต่หันหน้ามองไปในทิศทางเดียวเท่านั้น และไม่มีความต้องการจะเดินไป ดังนั้น มันจึงได้ตัดสินใจที่จะใช้ก้อนศิลานี้ร่วมกับเมิ่งฮ่าวคนทั้งสองรักษาความเงียบไว้ ตลอดทั้งอีกหนึ่งเดือนที่ผ่านไป ขณะที่พวกเขาเดินทางไปกับก้อนศิลาต่อไป
ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็สามารถเข้าฌาณได้ แต่ก็ยังทิ้งเศษเสี้ยวของเจตจำนงไว้ที่ด้านนอก รู้ว่าการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่มากเกินความจำเป็น แต่เขาก็คุ้นเคยกับการปฏบัติตัวเช่นนี้ และได้ทำจนติดเป็นนิสัยไปแล้วจนยากที่จะเลิกได้
ในวันหนึ่งขณะที่ก้อนศิลาขนาดหนึ่งร้อยจ้างลอยตรงไป บุรุษชุดฟ้าที่มีท่าทางเศร้าเสียใจและซึมเซาก่อนหน้านี้ ทันใดนั้น ก็ลุกขึ้นมายืนและมองออกไปยังที่ห่างไกล
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาในทันที มองออกไปยังความมืดมิดนั้น แต่ก็ไม่เห็นอะไร แต่บุรุษชุดฟ้านั้นดูเหมือนจะมีความตั้งใจ ราวกับว่ามันกำลังเพ่งสมาธิมองออกไปยังที่ห่างไกล
เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่แสดงอะไรออกมา มองออกไปยังความว่างเปล่านั้นอย่างต่อเนื่อง เวลาสามวันผ่านไป ที่บุรุษชุดฟ้าและเมิ่งฮ่าวต่างก็มองออกไปยังความมืดมิด
ในวันที่สามที่โลกแห่งความมืดมิดรอบๆ คนทั้งสองทันใดนั้นได้กลายเป็นสีเทา ในเวลาเดียวกันนั้น ก้อนศิลาที่กว้างหนึ่งร้อยจ้างนี้ก็หยุดการเคลื่อนที่ในทันใด จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ขณะที่กลุ่มหมอกอันหนาแน่นเข้มข้นได้เริ่มกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างก็คล้ายกับเป็นทะเลแห่งหมอก
เมิ่งฮ่าวเริ่มขนลุกซู่ขณะที่ตระหนักว่า เขาไม่อาจจะขยับกายเคลื่อนไหวได้ ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น? ไกลออกไปในกลุ่มหมอก มองเห็นเงาร่างมากมาย กำลังแบกก้อนศิลาอยู่บนไหล่เดินเรียงแถวตรงมา
พวกมันมีท่าทีผิดหวัง สับสน ขณะที่เดินใกล้เข้ามา เสียงเบาๆ ได้ยินก้องออกมาในกลุ่มหมอก “เมื่อไหร่ที่สะพานแห่งเซียนนี้จะปรากฎขึ้นใหม่อีกครั้ง…? พวกเราจะได้พบกับท่านอีกวันไหน…?”
กลุ่มเงาร่างที่ถูกห้อมล้อมด้วยเสียงเหล่านี้ลอยผ่านกลุ่มหมอกออกมา บุรุษและสตรี, ผู้เยาว์และชรา ทั้งหมดมีท่าทีสับสน ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว เขาก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ดูเหมือนจะสามารถแช่แข็งจิตวิญญาณได้
เมิ่งฮ่าวค่อยๆ เริ่มหนาวเย็นมากขึ้น จนกระทั่งราวกับว่าพลังชีวิตกำลังจะแตกดับไป ในตอนนี้เองที่เขาสังเกตได้ว่า บุคคลกลุ่มนี้ไม่ใช่เป็นกลุ่มเดียวกับที่เขาได้เผชิญพบมาในดินแดนอันกว้างใหญ่ครั้งล่าสุด ในตอนที่เขากำลังไล่ล่าอี้เฉินจื่อ
ที่ด้านข้าง บุรุษชุดฟ้านั่งอยู่ที่นั่นต่อไป จิบสุราเป็นระยะ ขณะที่มองไปยังคนกลุ่มนั้น ความโศกเศร้าในแววตาลึกล้ำมากขึ้น และมุมปากก็บิดเบี้ยวไปด้วยความขมขื่น
มันสำรวจดูคนเหล่านั้นอย่างละเอียด ราวกับว่ากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง มันสำรวจดูแต่ละเงาร่างโดยละเอียด และเมื่อมันดูถึงคนสุดท้าย ความโดดเดี่ยวของมันก็ดูเหมือนจะยิ่งลึกล้ำมากขึ้น ขมวดคิ้วและดื่มสุราลงไปอีก
เงาร่างเหล่านั้นเคลื่อนที่ตรงมายังก้อนศิลาที่เมิ่งฮ่าวอยู่ และขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นก็หยุดลง ความงุนงงและสับสนบนใบหน้าพวกมัน ทันใดนั้นก็กลายเป็นความดุร้าย พวกมันมองมายังก้อนศิลา และบุรุษชุดฟ้า
บุรุษชุดฟ้าก็มองไปที่พวกมัน จากนั้นก็โบกสะบัดมือ ขณะที่ทำเช่นนั้น เงาร่างเหล่านั้นก็ลอยต่อไป พวกมันเคลื่อนที่ห่างออกไปไกล ความสับสนของพวกมันกลับคืนมาอีกครั้ง เสียงแผ่วเบาได้ยินขึ้นอีกครั้ง
“เมื่อไหร่ที่สะพานแห่งเซียนนี้จะปรากฎขึ้นใหม่อีกครั้ง…? พวกเราจะได้พบกับท่านอีกวันไหน…?”
เสียงนั้นค่อยๆ จางหายไปในที่ห่างไกล และสีเทาในความว่างเปล่าก็หายไปด้วยเช่นกัน ไม่มีความวุ่นวายเหมือนก่อนหน้านี้ ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง
ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ก้อนศิลาขนาดหนึ่งร้อยจ้างที่เมิ่งฮ่าวอยู่ก็เริ่มเคลื่อนที่ตรงไปอย่างรวดเร็ว
ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขณะที่เขาฟื้นกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม จิตใจสั่นสะท้านเนื่องจากการได้เผชิญหน้ากับเงาร่างแปลกๆ เหล่านี้เป็นครั้งที่สอง โดยไม่ต้องขบคิด เขาหันหน้าไปหาบุรุษชุดฟ้าและถามว่า “พวกมันคืออะไร…?”
หลังจากที่ถามออกไป เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่า เมื่อพิจารณาถึงพื้นฐานฝึกตน และหลายวันแห่งความเงียบของบุรุษผู้นี้ เขาคงไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาอย่างแน่นอน
“ทาสสะพาน” บุรุษชุดฟ้ากล่าว ด้วยเสียงแผ่วเบา
“หลังจากที่สะพานเซียนเดินหนถูกทำลายลงโดยบรรพบุรุษตระกูลจี้ เจตจำนงที่ต้องการมีชีวิตอยู่ของสะพานก็ได้มาถึงจุดนี้ ผู้คนที่มีชีวิตเป็นนิรันดร์ และพยายามจะยืดขยายอายุขัย ก็พบว่าเจตจำนงของพวกมันได้สูญหายไป และพวกมันก็กลายมาเป็นทาสสะพาน”
“พวกมันได้บรรลุถึงชีวิตอันเป็นนิรันดร์ตามที่เฝ้าค้นหา แต่ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน…ด้วยการกลายมาเป็นทาสของสะพาน ทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดทั้งชีวิตอันเป็นนิรันดร์ของพวกมัน ต้องมาเป็นทาสคอยสร้างสะพานเซียนเดินหนขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางสร้างขึ้นมาได้”
เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ ก็ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนเคว้งคว้าง หันไปมองยังทิศทางที่เงาร่างเหล่านั้นได้เดินจากไป แต่สิ่งที่เห็นทั้งหมดก็คือความมืดมิด ราวกับว่าภาพของความมืดอันไร้ขอบเขตนี้กำลังปกคลุมไปยังทุกสรรพสิ่ง
บุรุษผู้นั้นเริ่มพึมพำอย่างขมขื่น “ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มาพร้อมกับการต้องจ่ายค่าตอบแทน…ค่าตอบแทน…” มันถือขวดสุราขึ้นมาที่เบื้องหน้า กำมือจนแน่น
เวลาผ่านไป เมิ่งฮ่าวไม่ถามอะไรเพิ่มอีก และบุรุษผู้นั้นก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้อีกเช่นเดียวกัน มันเอนหลังพิงอยู่ที่นั่นตกอยู่ในความเงียบ จ้องมองออกไปยังความว่างเปล่า ดื่มสุราด้วยท่าทางหดหู่กลัดกลุ้ม
เมิ่งฮ่าวนั่งอย่างครุ่นคิดอยู่ที่นั่น คำว่าทาสสะพานดูเหมือนจะเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง พวกมันได้ครอบครองความเป็นอมตะ แต่ค่าตอบแทนที่พวกมันต้องจ่ายออกไปก็ยิ่งใหญ่เช่นกัน เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวนึกไปถึงเสียงอันแผ่วเบาของทาสสะพาน
อีกสองเดือนได้ผ่านไป ที่เบื้องหน้าความว่างเปล่าขึ้นไปปรากฎเป็นก้อนศิลาขนาดใหญ่ นี่เป็นศิลาเซียนอีกแห่ง ความกว้างใหญ่ของมันยากที่จะอธิบายออกมาได้ ดูเหมือนจะมีขนาดใหญกว่าดินแดนอันกว้างใหญ่ที่เขาเพิ่งจะจากมาถึงสิบเท่า
แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อกระจายออกมาจากศิลาขนาดใหญ่มหึมานี้ ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นไว้ ขณะที่มันลอยอยู่ที่นั่นในความว่างเปล่า ขอบของมันตะปุ่มตะป่ำ ทำให้เมิ่งฮ่าวคิดไปถึงภาพของสะพานขนาดใหญ่ที่พังทลายไป ซึ่งเขามองเห็นมันยืดยาวออกไปอย่างไร้จุดสิ้นสุดในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ในตอนนี้เองที่บุรุษชุดฟ้าจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมายืน
“เจ้าต้องการดื่มหรือไม่?” มันถาม หันหน้ามามองยังเมิ่งฮ่าว ดวงตาใสกระจ่างและเต็มไปด้วยความลึกล้ำ ราวกับเป็นกลุ่มดาวที่อยู่ในท้องฟ้า นี่เป็นครั้งที่สองซึ่งบุรุษผู้นี้ได้เริ่มต้นพูดก่อน ครั้งแรกในตอนที่มันมาถึง เมื่อคิดว่านี่เป็นครั้งที่สอง เมิ่งฮ่าวก็เข้าใจ…มันกำลังจะจากไป
เมิ่งฮ่าวยืนขึ้น ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ มองไปยังบุรุษชุดฟ้า ด้วยดวงตาที่สาดประกาย หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ เขาก็พยักหน้า
บุรุษผู้นั้นยิ้มออกมา จากนั้นก็โบกสะบัดมือ ทำให้ขวดสุราลอยมายังเมิ่งฮ่าว เขาคว้าจับมันไว้ โดยไม่ลังเล ดื่มลงไปคำใหญ่
ขณะที่สุราไหลลงไปในลำคอ ความรู้สึกว่ากำลังถูกเผาไหม้ก็ระเบิดออกมา ราวกับถูกไฟเผา ทำให้พื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวโคจรหมุนวนอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเด็กน้อยช่างโลภนัก แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าจะคิดว่าเป็นค่าเดินทางก็แล้วกัน” บุรุษผู้นั้นชี้นิ้วตรงมายังเมิ่งฮ่าว ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน สุราคำใหญ่ที่อยู่ในร่างเขาก่อตัวขึ้นมาเป็นบางอย่าง ที่เหมือนกับแกนสีทองของเขา เส้นใยแห่งปราณสุราเริ่มกระจายออกมา หลอมรวมเข้ากับแกนสีทองสมบูรณ์ พื้นฐานฝึกตนของเขาไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นไป แต่ก็บอกได้ว่าภายในร่างของตนเองในตอนนี้มีบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป
“แกนสุราภายในร่าง จะช่วยให้เจ้าสามารถใช้ปราณกระบี่เริงระบำของข้าได้สองครั้ง มันสามารถกำจัดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ต่ำกว่าขั้นเซียนได้”
ด้วยเช่นนั้น ขวดสุราก็ลอยกลับเข้าไปอยู่ในมือของบุรุษผู้นั้น มันหันหลังและก้าวเดินออกไปจากก้อนศิลาขนาดหนึ่งร้อยจ้างนี้ เดินตรงไปยังดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นมาจากศิลาเซียน
ขณะที่มันก้าวเท้าเข้าไปในความว่างเปล่า มันก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “เจ้าถามว่าจะได้พบกับข้าอีกเมื่อไหร่…? ข้าได้ค้นหาเจ้ามาตลอดสามพันปี…”
เสียงนั้นดังก้องออกมาพร้อมกับความโศกเศร้าอย่างที่ไม่อาจจะพูดออกมาได้ และเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวอย่างที่ยากจะอธิบายออกมา
จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนเคว้งคว้าง ในทันใดนั้น ก็สัมผัสได้ถึงวิชากระบี่อยู่ในจิตใจ มันถูกประทับอยู่ในรูปแบบของสัญลักษณ์เวทซึ่งเขาไม่เข้าใจ แต่ก็บอกได้ว่าเขาสามารถโคจรพื้นฐานลมปราณ เพื่อปลดปล่อยปราณสุราที่อยู่ภายในแกนสีทองออกมาได้ ซึ่งสามารถทำเช่นนี้ได้สองครั้ง เพื่อทำให้ตราประทับนี้ระเบิดพลังออกมา
ขณะที่บุรุษผู้นั้นมุ่งหน้าตรงไปยังที่ห่างไกล ฉับพลันนั้นเมิ่งฮ่าวก็ร้องตะโกนออกมา “ผู้อาวุโส, ข้าขอทราบนามอันยิ่งใหญ่ของท่าน?!”
“หานซาน”
เสียงของมันดังก้องออกมา เต็มไปด้วยความครุ่นคิด มันถอนหายใจและจากนั้นก็หายเข้าไปในความว่างเปล่า เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น โค้งตัวลงต่ำให้กับทิศทางนั้น
หลังจากที่เวลานานผ่านไป เมิ่งฮ่าวก็ยืดตัวตรง ก้อนศิลาขนาดหนึ่งร้อยจ้างที่เขายืนอยู่ กระแทกเข้าไปยังเกราะป้องกัน ผ่านเข้าไปในดินแดนขนาดใหญ่ ที่ก่อตัวขึ้นมาจากศิลาเซียน ที่นั่นตรงเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวเป็นอาณาจักรที่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates