วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตอนที่ 407 : ผู้ผนึกอสูรรุ่นห้า!

Posted By: wuxiathai - 18:41
“เต๋าโบราณ; ยืนกรานจะผนึกสวรรค์; สร้างคุณความดีให้กับทั้งหมดในขุนเขา; ทัณฑ์แห่งเต๋าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเก้าขุนเขาทะเล; จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์!”
“เต๋าโบราณ; ศึกษารูปแบบของอสูรมากมายจนนับไม่ถ้วน; ไม่ได้เหยียบย่างไปบนเส้นทางของเซียนอมตะ; เผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ของเก้าขุนเขาทะเล; เต๋าของข้าจะคงอยู่ชั่วกัลปาวสาน; มีความหลงผิดอยู่มากมาย แต่เต๋าของข้าคือความถูกต้อง; จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์!”
เสียงโบราณดังกระหึ่มกึกก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าวราวกับเสียงฟ้าฟาด ระเบิดออกดังก้องไปมา ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เขามองไปยังมือของมนุษย์ต้นไม้ยักษ์ ที่ยื่นอยู่ตรงหน้า จากนั้นดวงตาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาเดินขึ้นไปบนฝ่ามือของมัน
ทันทีที่ก้าวเท้าลงไปบนฝ่ามือ มนุษย์ต้นไม้ก็เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า และส่งเสียงกู่ร้องออกมา เสียงนั้นทำให้สวรรค์สะเทือนปฐพีสะท้าน ทำให้กลุ่มเมฆที่มีอยู่เต็มในท้องฟ้ากระจัดกระจายแยกย้ายกันออกไป ท้องฟ้าสีครามปรากฎขึ้นที่ด้านบน ตามมาด้วยกระแสน้ำวน ซึ่งมองเห็นโลกอื่นอยู่ข้างใน
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น มนุษย์ต้นไม้ก็กำมือโดยที่ไม่ได้ทำให้เมิ่งฮ่าวเจ็บปวดแม้แต่น้อย ต่อมาร่างของมันก็กลายเป็นลำแสงพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า เพียงชั่วพริบตา มันก็เข้าไปในกระแสน้ำวนนั้น ร่างของมันเริ่มขยายออกไป เมิ่งฮ่าวมองไปขณะที่เห็นมนุษย์ต้นไม้เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ เพียงพริบตา มันก็กลายเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ของสวรรค์และปฐพีนี้
ทันทีที่ต้นไม้ปรากฎขึ้น จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้อง สติของเขาดูเหมือนจะขยายออกไป เวลาไหลไปและสวรรค์ก็แตกกระจาย ดวงดาวมากมายพุ่งตรงมา
เมื่อเขามองขึ้นไป ก็เห็นท้องฟ้าที่ไม่ใช่ท้องฟ้าอีกต่อไป แต่เป็นดวงดาวมากมาย ด้านล่างลงไป เขามองเห็นอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก แต่มันไม่ได้แยกออกมาจากดินแดนด้านใต้ อีกด้านของทะเลเทียนเหอที่เป็นสีฟ้าคราม ดินแดนตะวันออกกำลังสั่นไหว และลมพายุก็ม้วนตัวไปมาระหว่างดินแดนตะวันออกและทะเลทรายตอนเหนือ
นี่เป็นดินแดนของดาวหนานเทียน เป็นภาพจากใครบางคนเมื่อหลายหมื่นปีมาแล้ว
ดินแดนอันกว้างใหญ่ด้านล่างไม่ได้แบนราบ แต่เป็นลูกทรงกลมของดวงดาว
เสียงอันเก่าแก่โบราณของมนุษย์ต้นไม้ ฉับพลันนั้น ก็ดังก้องขึ้นมาเต็มอยู่ในจิตใจเขา
“นี่คือ…ดาวหนานเทียน!”
“ถัดจากจิ่วซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเล) เป็นสี่ดวงดาวคือ หนานเทียน (สวรรค์ทิศใต้), ตงเซิ่ง (ชัยชนะตะวันออก), เป่ยหลู (เตาทางเหนือ), ซีหนิว (วัวตะวันตก) เดิมทีพวกมันโคจรอยู่รอบๆ จิ่วซาน (เก้าขุนเขา) ไปชั่วนิจนิรันดร์…”
“สำหรับข้า, ข้ามาจากเกาะในทะเลจิ่วเหอ (ทะเลที่เก้า) ซึ่งเรียกว่า กวงชิง (แสงสีเขียว) ข้าคือ ชิงมู่จุน จากเกาะกวงชิง!”
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่มนุษย์ต้นไม้พูดขึ้น เขาเห็นพื้นดินด้านล่างรวมตัวกันกลายเป็นดวงดาว ในเวลาเดียวกันนั้น ในกลุ่มดาวมากมายที่อยู่ห่างไกลออกไป เขาเห็น…
ภูเขาที่สูงใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด กว้างใหญ่เหลือคณา!!
ขนาดของภูเขานี้กว้างใหญ่มหาศาลกว่าดาวหนานเทียน มันเหมือนกับเป็นความแตกต่างระหว่างยักษ์และแมลง! ทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็น จิตใจเขาก็เริ่มหมุนเคว้งคว้าง รู้สึกราวกับว่าสติของเขากำลังถูกเฉือนออกเป็นชิ้นๆ เสียงกระหึ่มดังก้องเต็มอยู่ในจิตใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับจิ่วซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเล) หรือดาวหนานเทียนมากนัก แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ ในตอนนี้ ก็รู้ว่าจริงๆ แล้วเขากำลังมองไปยัง…ความโอ่อ่าของจิ่วซาน! (เก้าขุนเขา)
เขามองขึ้นไปยังจิ่วซาน รวมถึงสี่ดวงดาวที่โคจรหมุนไปรอบๆ มัน รวมทั้งดาวหนานเทียนด้วย ทั้งสองด้านของจิ่วซาน ที่กำลังแผ่ขยายยืดยาวออกไปในกลุ่มดาว จนดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุดก็คือ…ทะเลขนาดใหญ่มหาศาล!
บางทีทะเลแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาจากน้ำทะเล แต่ก็มองเห็นคลื่นขนาดใหญ่กำลังปะทะไปที่พื้นผิวของมัน คลื่นนั้นดูใหญ่โตจนสามารถจะบดขยี้ได้แม้แต่ดวงดาว
ภาพนี้ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านด้วยความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็มองเห็นลำแสงสีเขียวกำลังบินออกมาจากด้านข้างของทะเล ภายในลำแสงสีเขียวนั้น เขามองเห็นต้นชิงมู่ (ต้นไม้สีเขียว) ขนาดใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะสามารถต่อสู้กับสวรรค์ด้วยตัวมันเองได้
ต้นไม้พุ่งออกมาจากทะเลอันกว้างใหญ่ พุ่งผ่านท้องนภาตรงไปยังดาวหนานเทียน แต่ขณะที่มันเข้าไปใกล้ เสียงกระหึ่มกึกก้องก็ได้ยินอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว ฉับพลันนั้น ใบหน้าขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นที่ด้านบนของดาวหนานเทียน
ใบหน้านั้นเป็นรูปลักษณ์ของชายชราโดยที่ยังหลับตาอยู่ ราวกับว่าดาวหนานเทียนเป็นร่างกายของมัน แต่มีศีรษะเป็นภาพลวงตา และซ้อนทับอยู่บนดวงดาว ทันใดนั้น ปากมันก็เปิดออก และมันก็กล่าวคำพูดบางอย่างกับต้นชิงมู่ที่ใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวไม่ได้ยินว่ามันพูดอะไร
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของมัน ต้นไม้ชิงมู่ภายในลำแสงนั้น ก็เริ่มแตกสลายกลายเป็นชิ้นๆ และกระจายออกจากกัน เศษชิ้นส่วนของต้นชิงมู่เริ่มตกลงไปบนดาวหนานเทียน
ชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดกลายเป็นเถ้าธุลี ขณะที่พวกมันตกลงไปใกล้ดาวหนานเทียน แต่ชิ้นส่วนเล็กๆ บางชิ้นก็หลุดรอดไปได้ มันพุ่งผ่านเมิ่งฮ่าว ทำให้ร่างกายเขาแตกกระจาย จากนั้นก็หลอมรวมเข้ากับเขา และทั้งคู่ก็ตกลงไปในทะเลทรายตะวันตก จากนั้นก็มีรากงอกออกมา
เมิ่งฮ่าวรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกว่า เขาได้กลายเป็นต้นไม้นั่น เวลาหลายปีจนนับไม่ถ้วนผ่านไป และในที่สุดเขาก็กลายเป็นต้นชิงมู่
ขณะที่เวลาหลายปีมาถึงและผ่านไป สุนัขป่าขาว, อสรพิษหลากสี และค้างคาวตัวน้อย ก็มาสร้างรังอยู่ภายใต้ต้นไม้ ผ่านไปหลายปี ในที่สุด ยามสนธยาของวันที่มีฝนตกหนัก บุคคลผู้หนึ่งก็มาถึง
เป็นบุรุษวัยกลางคนที่ถือร่มอยู่ในมือ มันมาหยุดอยู่ด้านหน้าต้นไม้ และมองไป
“อีกสิ่งมีชีวิตที่มายังหนานเทียน เพื่อยืนยันเต๋าของพวกมัน ร่างกายและวิญญาณถูกทำลายไป แต่เมล็ดของวิญญาณก็ยังหลงเหลืออยู่ มุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองบนดาวหนานเทียน…”
“ก็ดี เมื่อพวกเราอยู่ในทะเลทรายตะวันตกของหนานเทียน ข้าจะใช้พลังของพันธมิตรแห่งข้า เพื่อประทานพรให้กับความสามารถทั้งหมดของเจ้า สามารถส่งต่อไปด้วยภาพศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับเม็ดยาเต๋าอสูรแห่งดินแดนด้านใต้…วิถีแห่งเต๋าโบราณ, จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์” บุรุษผู้นั้นถอนหายใจ ยกมือขึ้น และวางไปบนต้นไม้ หลังจากเวลานานผ่านไป มันก็หันหลังและเดินออกไปในที่ห่างไกล
ขณะที่มันทำเช่นนั้น เส้นใยที่วาววับนับไม่ถ้วนกระจายออกมาจากร่างมัน พวกมันดูสลัวเลือนลาง แต่ทุกเส้นใยก็ดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับร่างของมัน พวกมันพุ่งเป็นวงกลมออกไป และหายไปในอากาศ เส้นใยเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นเส้นใยกรรม
“ข้าคือรุ่นห้าแห่งพันธมิตรของข้า เป็นอาจารย์เต๋าผนึกอสูรรุ่นที่ห้า เต๋าของข้าแตกต่างไปจากเต๋าของจิ่วซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเล) ด้วยเต๋าที่แตกต่างนี้ ทำให้เกิดความเห็นไม่สอดคล้องกัน ไม่ว่าพวกมันจะถูกหรือผิดก็ไม่เป็นไร แต่เต๋าของข้าจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์!”
“ข้าจะเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์แห่งจิ่วซานไห่” บุรุษผู้นั้นหันกลับมา มองไปยังต้นชิงมู่ ขณะที่มันทำเช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวเกือบจะมองไปที่มันได้โดยตรง จิตใจเขาทันใดนั้นก็เริ่มเกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา บุรุษผู้นั้นกล่าวต่อไป “การได้พบกับเจ้าก่อนที่ข้าจะจากไป…ก็คือโชคชะตา ดูเหมือนว่าวาสนาของพวกเรา จะกลายเป็นจุดแห่งความรู้แจ้งสำหรับหนึ่งในผู้สืบทอดของข้าในภายภาคหน้า”
“มิใช่ว่าสายใยแห่งพันธมิตรของผู้ผนึกอสูรไม่อาจจะถูกทำลายลงได้ ถ้าชนรุ่นหลังสามารถได้รับความรู้แจ้งนี้ มันก็จะดำเนินต่อไปได้ ถ้าไม่ เต๋าแห่งการลงทัณฑ์ของเก้าขุนเขาทะเลก็จะมาถึง และจากนั้นผู้คนก็จะจดจำถึงเจตจำนงแห่งผู้ผนึกอสูร”
มีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นในจิตใจเมิ่งฮ่าวเป็นเวลานาน ในที่สุดมันก็หายไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามองเห็นกำลังจางหายไป
เขา…กำลังยืนอยู่บนฝ่ามือของมนุษย์ต้นไม้ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยก้อนเมฆเหมือนก่อนหน้านี้ และอากาศก็ดังก้องเต็มไปด้วยเสียงสวดมนต์ของกลุ่มคนในเผ่าอูต๋า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเพิ่งจะพบเห็นมาดูเหมือนจะเกิดขึ้นเพียงแค่แวบเดียว แต่เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกเหมือนจะนานตราบชั่วนิรันดร์
แววตาเขาเต็มไปด้วยความงุนงง เมื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบข้างได้แล้ว เขาก็ก้าวเท้าลงมาจากฝ่ามือของมนุษย์ต้นไม้ จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิหลับตาอยู่บนแท่นบูชา
แสงสีเขียวค่อยๆ เริ่มกระจายขึ้นมาจากร่างของเขาช้าๆ ภายในแสงสีเขียวนั้น มองเห็นเป็นกิ่งก้านของต้นไม้ พวกมันมุดเข้าไปในพื้นผิวศิลาของแท่นบูชา ดูเหมือนเมิ่งฮ่าวแทบจะกลายเป็นมนุษย์ต้นไม้เองไปแล้ว
เมื่อคนในเผ่าอูต๋าที่อยู่รอบๆ เห็นเช่นนี้ จิตใจพวกมันก็เริ่มสั่นสะท้าน พวกมันจ้องมองมาอย่างเงียบๆ ผู้เฒ่าสูงสุดปฐพีและผู้เฒ่าสูงสุดท้องฟ้าเริ่มหอบหายใจออกมา ดวงตาพวกมันเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ในตอนนี้เองที่ลำแสงจากที่ห่างไกลออกไปกำลังใกล้เข้ามา กลายเป็นชายชราที่ดูเก่าแก่โบราณ ระลอกคลื่นพื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง ทันทีที่ชายชราปรากฎตัว สายตาของมันก็ตกกระทบไปที่เมิ่งฮ่าว และสีหน้ามันก็เปลี่ยนไป
หลังจากผ่านไปสักพัก ชายชราผู้นั้นก็กล่าวว่า “บรรพบุรุษชิงมู่กำลังประทานภาพศักดิ์สิทธิ์…” ผู้เฒ่าสูงสุดของเผ่าอูต๋าทั้งสองมองไปที่มัน สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด และพวกมันก็พยักหน้า
“เมื่อพิจารณาจากการที่มันกำลังได้รับภาพศักดิ์สิทธิ์จากบรรพบุรุษชิงมู่ ก็ให้ยกเลิกการตรวจสอบเรื่องของมันทั้งหมด ไม่สำคัญว่ามันมาจากไหน หรือคำพูดของมันจะจริงหรือเท็จมากน้อยเพียงใด ตอนนี้มันคือผู้ติดตามของเผ่าอูต๋าตลอดไป!”
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เมื่อเมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเจ็ดวันหลังจากนั้น
เขามองเห็นกลุ่มคนเผ่าอูต๋าที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นหายไป เป็นเวลายามสนธยา เขามองไม่เห็นแม้แต่คนเดียว เขาอยู่คนเดียวบนแท่นบูชาของยอดเขา
ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน เขามองลงไปที่ร่างกายตัวเอง และมองเห็นกิ่งก้านนับไม่ถ้วนเชื่อมต่อกับมัน กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นต้นไม้ไปแล้วในตอนนี้
หลังจากผ่านไปนานสักพัก เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ กิ่งก้านของต้นไม้ค่อยๆ หดกลับไปช้าๆ หลอมรวมกลับเข้าไปในร่างของเขา ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นมายืน
สีหน้าเขาสงบนิ่งขณะที่มองขึ้นไปในท้องฟ้า และถอนหายใจออกมาอย่างเหม่อลอย
“มีถึงสามพันเต๋า เต๋าแห่งการปรุงยา วิถีแห่งอสูร ภาพศักดิ์สิทธิ์ วิชาและวิธีการต่างๆ ทั้งหมดต่างก็เป็นเต๋าอันยิ่งใหญ่ ทั้งภาพศักดิ์สิทธิ์ หรือการผนึกอสูร แม้แต่ยันต์สวรรค์ซึ่งทำให้เกิดเป็นดินแดนสีดำ…”
“มันเหมือนกับเป็นสามส่วนของวิชาลับที่ข้าได้ครอบครอง ส่วนแรกเกี่ยวกับการเร่งปฏิกิริยาและปรุงเม็ดยา ส่วนที่สอง เป็นการสร้างของวิเศษกาลเวลา ส่วนที่สาม เป็นวิชาซือหลง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงอสูร ทั้งสามส่วนนี้เชื่อมต่อเข้าด้วยกันบนระดับที่แตกต่างกัน แต่ในความเป็นจริง พวกมันทั้งหมดเกิดมาจากรากเหง้าเดียวกัน!”
“ทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผนึกอสูร!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่เขาได้รับความรู้แจ้ง ก็ตระหนักว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญถ้าเขาจะพูดถึงดินแดนด้านใต้ หรือทะเลทรายตะวันตก เมื่อมันมาเป็นสวรรค์และปฐพีเดียวกันนี้ ทั้งหมดต่างก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเซียนและอสูร!
ถ้ามีใครต้องการจะเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเซียน ก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าตระกูลจี้อันหยิ่งยโสแห่งดาวหนานเทียน ถ้าใครต้องการจะเห็นตัวอย่างที่ดีเกี่ยวกับอสูร…ดีสุดก็คงเป็นผู้ผนึกอสูรอันลึกลับต่างๆ!
“สิ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือ อสูรมีลักษณะที่แตกต่างกัน…ดังนั้น ในเขตแดนอันกว้างใหญ่ของดาวหนานเทียน พวกมันเป็นตัวแทนของเต๋าแห่งการปรุงยาในดินแดนด้านใต้ พวกมันเป็นสัญลักษณ์ยันต์อาคมในดินแดนสีดำ และเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ในทะเลทรายตะวันตก แน่นอนว่าในดินแดนตะวันออก และทะเลทรายตอนเหนือ ก็มีอสูรที่แตกต่างกันออกไปของมันเอง”
“ท้ายที่สุด ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นอสูร!”
“พวกมันแตกต่างไปจากเซียน เซียนมีศักดิ์ศรีของพวกมัน แต่อสูรมีความแตกต่างของพวกมัน เซียนมีเพียงวิถีทางเดียว เส้นทางอันลี้ลับอื่นๆ ก็คืออสูร!” จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน ราวกับมีสายฟ้ากำลังฟาดอยู่ด้านใน ขณะที่จู่ๆ เขาก็ได้รับความรู้แจ้งอย่างที่คาดไม่ถึงมาก่อน
เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้ ถึงแม้ร่างกายเขาจะอยู่บนยอดเขาของเผ่าอูต๋า แต่จิตสำนึกก็ได้ขยายออกไป ทะยานขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดแห่งสวรรค์ ความคิดเริ่มหมุนเวียนอยู่ในจิตใจ เมื่อเขาเข้ามาในดินแดนสีดำเป็นครั้งแรก ทันใดนั้นความคิดทั้งหมดก็เชื่อมต่อกันกลายเป็นข้อสรุปเพียงหนึ่งเดียว
“ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเกี่ยวข้องกับปราณของจิ่วซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเล) เซียนเรียกปราณนี้ว่าแก่นแท้ แต่พันธมิตรแห่งผู้ผนึกอสูรเรียกมันว่าปราณอสูร ในกรณีนั้น…บางทีจิ่วซานไห่ จริงๆ แล้วก็คือ อสูรแห่งสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่โตมหาศาล และแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า
“ถ้าจิ่วซานไห่ คือแหล่งรวมอสูร เช่นนั้นปราณของมันก็จะมีอยู่เต็มไปทั่วดวงดาวที่อยู่รอบๆ ภูเขา แม้แต่ตระกูลจี้ หรือใครบางคนที่ทรงพลังแข็งแกร่ง เซียนพวกนั้นทั้งหมดต่างก็อยากได้ครอบครองแก่นแท้ของจิ่วซานไห่ และกลายมาเป็นราชันของพวกมัน”
“อีกด้านหนึ่งของเหรียญ การผนึกอสูรก็คือวิถีทางอีกแบบหนึ่งของการฝึกตน และมีความต้องการจะครอบครองปราณของจิ่วซานไห่ด้วยเช่นกัน ถ้าจิ่วซานไห่คืออสูร มันก็จะถูกผนึกไว้ได้ ซึ่งจะช่วยยืนยันความคิดนี้ของข้า!”

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates