วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตอนที่ 394 : เม็ดยาบำรุงปีศาจทำให้เกิดความคลุ้มคลั่ง!

Posted By: wuxiathai - 18:24
เมิ่งฮ่าวอ่านแผ่นหยกต่อไป
“สัตว์ปีศาจมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก พวกมันถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ สามระดับแรกเทียบได้กับขั้นรวบรวมลมปราณ สามระดับกลางเหมือนกับพื้นฐานลมปราณ ในขณะที่สามระดับสุดท้ายก็คือสร้างแกนลมปราณ…สัตว์ปีศาจที่มีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งก็คือ สัตว์ปีศาจปฐพี!”
“สัตว์ปีศาจปฐพี ถือว่าไม่ธรรมดา แต่ที่หายากกว่านั้นเป็นสัตว์ปีศาจที่มีความแข็งแกร่งเหมือนกับผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณ ซึ่งก็คือสัตว์ปีศาจสวรรค์!” เมิ่งฮ่าวคิดย้อนกลับไปยังมังกรปีกวารี และเรื่องที่กลุ่มคนคิดว่ามันเป็นสัตว์ปีศาจสวรรค์ ตอนนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลมากขึ้น
“เหนือกว่าสัตว์ปีศาจสวรรค์ก็คือระดับสิบสอง ซึ่งพบเห็นได้ยากเย็นเช่นเดียวกับขนหงส์และเขากิเลน สัตว์ปีศาจเช่นนั้นเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ และมีความแข็งแกร่งเท่ากับขั้นค้นหาเต๋า อีกเพียงก้าวเดียวก็จะกลายเป็นเซียนอมตะ!”
“จริงๆ แล้วภาพศักดิ์สิทธิ์มาจากเซียนอมตะหรือไม่?” เมิ่งฮ่าวคิด เขาคิดย้อนกลับไปยังภาพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เคยพบเห็นและศึกษามา รวมถึงต้นไม้อันยิ่งใหญ่ของเผ่าอูต๋า ทันใดนั้น ภาพที่ปรากฎขึ้นในจิตใจเขา เป็นภาพศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์เวทของดินเซียน เขาส่ายศีรษะ
“บางทีนั่นก็เป็นแค่สถานที่ ที่บางภาพศักดิ์สิทธิ์เกิดขึ้นมาเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร เมื่อมันกลายมาเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ บางภาพก็อ่อนแอ บางภาพก็เข้มแข็ง” ทันใดนั้น เขาก็ละสายตาจากแผ่นหยก เงยหน้าขึ้นไปมองสุนัขป่าปีศาจตัวน้อยทั้งห้า ซึ่งกำลังนั่งตัวสั่นอยู่ในบ้านไม้ของพวกมัน
“สุนัขป่าเกิดใหม่ซึ่งมีพลังระดับหนึ่ง สุนัขป่าปีศาจพวกนี้มีพรสวรรค์ที่ค่อนข้างดี สัตว์อสูรเช่นนี้ค่อนข้างจะหายากในดินแดนด้านใต้ ดูเหมือนว่าจริงๆ แล้ว ทะเลทรายตะวันตกก็เป็นสถานที่อันเหมาะสมสำหรับให้สัตว์ปีศาจคงอยู่” เขาหลับตาเพื่อจมลงไปในการเข้าฌาณครุ่นคิดไตร่ตรอง
กลางดึกในคืนนั้น เมิ่งฮ่าวก็เริ่มได้ยินเสียงร้องครางหงิงๆ ดังระงม จากนั้นก็กลายเป็นเสียงเห่าหอน ที่เกือบจะคล้ายกับเสียงร้องด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวของเด็กทารก เริ่มค่อยๆ ดังออกไป แต่เมื่อยามรุ่งอรุณมาเยือนขอบฟ้า เสียงร้องนั้นก็ยังคงดังมาอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้เสียงนั้นฟังดูโศกเศร้าราวกับว่าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ กับความอยุติธรรมทั้งหลายในสวรรค์และปฐพีแห่งนี้
คิ้วเมิ่งฮ่าวขมวดจนเป็นร่องลึก ขณะที่ลืมตาขึ้นมา ท้องฟ้าที่ด้านบนสลัวเลือนลาง ขณะที่เขามองออกไปยังบ้านไม้ของสุนัขที่ลานบ้าน สุนัขป่าชิงมู่ตัวน้อยทั้งห้า กำลังใช้เล็บข่วนไปที่ประตูของบ้านไม้อย่างเมามัน พวกมันยังได้กัดแทะแผ่นไม้ไปด้วย ดวงตาสาดประกายสีเขียว พวกมันกำลัง…หิว!
พวกมันส่งเสียงเห่าอย่างกดดันออกมา ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความอ่อนแอ ที่น่าประทับใจมากที่สุดก็คือ ประตูไม้ถูกกัดแทะไปแล้วครึ่งหนึ่ง!
“หุบปาก!” เมิ่งฮ่าวพูด จ้องไปที่พวกมัน
สุนัขป่าตัวน้อยทั้งห้าหดตัวไปด้านหลังในทันที มองมาที่เขาด้วยดวงตาที่ใหญ่โตและสาดประกายอย่างใจจดใจจ่อ พวกมันรู้สึกผิด แต่ก็หิวด้วยเช่นกัน จากตอนที่พวกมันคลอดออกมา จนกระทั่งถึงตอนนี้ พวกมันไม่เคยรู้สึกหิวตลอดทั้งวันเช่นนี้มาก่อน! ความรู้สึกหิวเติมเต็มพวกมันจนน่าตกใจ
เสียงดุด่าของเมิ่งฮ่าว ทำให้พวกมันรู้สึกสำนึกผิดโดยสิ้นเชิง
ห้าสุนัขป่าตัวน้อย และหนึ่งคน มองดูซึ่งกันและกัน ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสลัวเลือนลาง
หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกผ่านไปสิบครั้ง ห้าสุนัขป่าตัวน้อยก็เริ่มส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง พวกมันกำลังถูกทารุณ! พวกมันหิว! พวกมันไม่เคยผ่านวันคืนที่ไม่ได้กินมาก่อน แต่ตอนนี้พวกมันกำลังถูกดุด่าโดยเมิ่งฮ่าว พวกมันส่งเสียงร้องแหลมเล็กจนดังขึ้นไปในท้องฟ้า และร่างน้อยๆ ของพวกมันก็สั่นสะท้านราวกับกำลังหนาวสั่น พวกมันบางตัวยังมีแม้แต่เศษไม้อยู่ในปาก เมื่อได้เห็นเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นยืน และเดินออกมา ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ สุนัขป่าชิงมู่ตัวน้อยก็ใช้กรงเล็บตะกุยไปที่ประตูบ้านไม้ของพวกมัน จ้องอย่างจดจ่อมายังเมิ่งฮ่าว และส่งเสียงร้องดังที่สุดเท่าที่พวกมันจะทำได้ออกมา
เมิ่งฮ่าวยื่นมือออกไป คว้าจับหนึ่งในสุนัขป่าตัวน้อย ตัวอื่นๆ ดูเหมือนจะรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่งในทันที และหดตัวกลับเข้าไปในซอกมุมบ้านไม้ของพวกมัน
สุนัขป่าชิงมู่ตัวน้อยที่เมิ่งฮ่าวจับมา มีเครื่องหมายสีขาวอยู่บนศีรษะ ตอนแรกเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ถ้ามองดูอย่างละเอียด ก็จะเห็นได้ชัดขึ้น
หลังจากที่จับสุนัขป่าตัวน้อยขึ้นมา มันก็เริ่มร้องเสียงแหลมเล็กออกมา และตัวก็เริ่มสั่น ดวงตาที่เบิกกว้างของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อาจจะช่วยเหลือตัวเองได้
“ยังร้องอยู่อีก? ข้าคิดว่าเจ้าร้องได้เสียงดังมากที่สุดแล้วเมื่อครู่นี้” เขาจ้องนิ่งลงไปยังสุนัขป่าตัวน้อย
สุนัขป่าชิงมู่ตัวน้อยพร้อมกับรอยบากสีขาว ส่งเสียงร้องหงิงๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงท้องของมันร้อง เขายื่นมือออกไปแตะสัมผัสท้องมัน และพบว่าท้องมันว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยจริงๆ
เขากระแอมไอออกมาด้วยท่าทางขวยเขิน “ดูเหมือนข้าจะลืมไปว่า พวกเจ้าไม่ใช่อ๋าวเฉี่ยนโลหิต พวกเจ้าต้องกินอาหารจริงๆ…” เขาลืมไปโดยสิ้นเชิงอย่างแท้จริง
อ๋าวเฉี่ยนโลหิตไม่จำเป็นต้องกิน และเมิ่งฮ่าวก็บรรลุถึงขั้นที่สามารถอดอาหารได้มานานแล้ว สุนัขป่าตัวน้อยสัมผัสได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเมิ่งฮ่าว และเริ่มส่งเสียงร้องดังมากขึ้นกว่าเดิมในทันที ความทุกข์ทรมานในแววตามัน สามารถมองเห็นได้ชัดมากขึ้น ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยในทันที
“ตกลง, ตกลง หยุดร้องได้แล้ว” เขากล่าว ลูบไปที่ขนของสุนัขป่าตัวน้อย “ข้าผิดเอง อดทนอีกสักครู่ ข้าจะไปหาอะไรมาให้เจ้ากิน” เขาวางมันกลับเข้าไปในบ้านไม้ จากนั้นก็รีบออกไปจากลานบ้านในทันที นึกขึ้นได้ถึงคำพูดของชายชราขณะที่มันจะจากไป เขามุ่งหน้าตรงไปยังภูเขา
เขากลับมาตอนเที่ยงวัน บังคับให้ใบหน้ามีรอยยิ้ม หลังจากที่เข้าไปในลานบ้าน ก็มองเห็นห้าสุนัขป่าตัวน้อยนอนอยู่ที่นั่นอย่างซึมเซาด้วยความหิว เขารีบเข้าไปยังบ้านไม้แต่ละหลัง หลังจากที่กระตุ้นให้สุนัขป่าตัวน้อยตื่นขึ้นมา เขาก็หยิบเอาชามไม้ของพวกมันมา และใส่อาหารที่ได้มาจากภูเขาในตอนเช้าลงไปให้พวกมันกิน
ทันทีที่สุนัขป่าตัวน้อยได้กลิ่นของเนื้อสด พลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างพวกมันทั้งหมด ดูเหมือนจะระเบิดออกมา ขณะที่พวกมันพุ่งตรงมาและเริ่มกินเนื้อลงไป
เมิ่งฮ่าวยืนดูอยู่ด้านข้าง โดยพื้นฐานแล้ว เขาไม่ค่อยชำนาญต่อเรื่องทั้งหมดในเช้าวันนี้ นอกจากการค้นหาอาหารไปรอบๆ ภูเขา เรื่องเช่นนี้กำลังจะเป็นปัญหา
“ข้าไม่รู้ว่าผู้ฝึกตนคนอื่นๆ เลี้ยงสัตว์ปีศาจของพวกมันอย่างไร แต่ถ้าข้ายังคงทำอยู่เช่นนี้ มันก็คงไม่สะดวกเป็นอย่างมาก…” เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว แต่เมื่อคิดกลับไปถึงเสียงร้องอย่างทุกข์ทรมานของสุนัขป่าตัวน้อย เขาก็ตระหนักว่าคงไม่อาจให้พวกมันหิวโหยจนตายไป
เขามองไปขณะที่สุนัขป่าตัวน้อยกินอาหารเข้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเขาต้องใช้เวลาตลอดทั้งเช้าเพือให้ได้มันมา จากนั้น พวกมันก็เริ่มส่งเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเริ่มปวดหัว
“พวกเจ้าทั้งหลายเป็นปรมาจารย์ตัวน้อยๆ…” เขากล่าวพร้อมกับถอนหายใจ รีบเอาน้ำมาให้พวกมันอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เลียน้ำเข้าไป สีหน้าพวกมันก็เริ่มแสดงความพึงพอใจ พวกมันไม่สนใจเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป และเริ่มต้นเล่นกัน
เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามบ่าย จากนั้นก็กลับเข้าไปในกระท่อมไม้ของเขา นั่งลงขัดสมาธิเพื่อขบคิด หลังจากนั้น ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นในทันใด และเต็มไปด้วยแสงเจิดจ้า
“ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์ปีศาจ แต่พวกมันก็ยังคงมีพื้นฐานฝึกตน เมื่อเป็นเช่นนี้…ข้าก็สามารถให้เม็ดยาเป็นอาหารกับพวกมันได้ทุกเมื่อ! ในทะเลทรายตะวันตก พวกมันมองว่าเม็ดยาเป็นของวิเศษล้ำค่า และไม่ค่อยนำมาใช้บ่อยครั้งนัก แน่นอนว่า พวกมันคงไม่ให้เม็ดยาเป็นอาหารกับสัตว์ปีศาจระดับต่ำ” ในตอนนี้เองที่เขาคิดไปถึงเม็ดยาบำรุงปีศาจของตระกูลหานเสวี่ย
สูตรยาสำหรับเม็ดยาบำรุงปีศาจแปลกเป็นอย่างมาก จริงๆ แล้ว ต้นสมุนไพรเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยในสูตรนี้ ส่วนผสมที่เหลือต้องกลั่นสกัดโลหิตและชิ้นเนื้อของสัตว์ปีศาจระดับสูงต่างๆ เดิมที เมิ่งฮ่าวรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับสูตรนี้ แต่ตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันเข้าท่าดี
“ตระกูลหานเสวี่ยเคยเป็นหนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งมากที่สุดในทะเลทรายตะวันตก พวกมันสร้างต้าซือหลงออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่าติดต่อกัน เหตุผลก็คือแน่นอนว่าต้องเป็นวิชาลับซือหลง พร้อมกับสูตรยาพิเศษเฉพาะ”
“เม็ดยาบำรุงปีศาจใช้เลือดเนื้อของสัตว์ปีศาจที่แตกต่างกันหลายชนิด และจริงๆ แล้วก็สามารถปรุงได้หลายระดับที่แตกต่างกัน” เมิ่งฮ่าวตบลงไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาซากศพของมังกรวารีออกมา
ย้อนกลับไปยังสนามรบของเมืองเซิ่งเสวี่ย เมิ่งฮ่าวได้ถือโอกาสเก็บรวบรวมร่างกายบางส่วนของสัตว์ปีศาจต่างๆ ด้วยความตั้งใจที่จะนำไปศึกษาค้นคว้า และใช้พวกมันในบางเรื่อง มังกรวารีตัวนี้มีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ขั้นต้นสร้างแกนลมปราณ จากระบบการจัดลำดับ ทำให้มันอยู่ที่ระดับเจ็ด
“การปรุงเม็ดยาบำรุงปีศาจ และการลองใช้วิชาลับซือหลงกับกลุ่มสุนัขป่าตัวน้อยเหล่านี้ น่าจะเป็นสิ่งที่ดี” เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังบ้านไม้ของสุนัข และสุนัขป่าตัวน้อยก็กำลังเล่นต่อสู้ด้วยกัน
เขาโบกสะบัดมือ และซากของมังกรวารีก็เริ่มหดตัวลง ไม่นานหลังจากนั้น มันก็กลายเป็นกลุ่มหมอกโลหิต ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวหยิบเอากระถางปรุงยาสีดำของเขาออกมา
ใบหน้าของวัยรุ่นที่อยู่บนกระถางปรุงยาดูท่าทางซึมเซา มันจ้องมายังเมิ่งฮ่าว และครั้งนี้ ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธแค้นใดๆ ออกมา การต่อต้านจางหายไป ยอมให้เมิ่งฮ่าวใช้กระถางปรุงยาได้เต็มที่ และไม่ขัดขวางเขาแม้แต่น้อย
เขาส่งโลหิตเข้าไปในกระถางปรุงยา สำหรับต้นสมุนไพร เขามีอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ต้นที่เขาต้องการ ถ้าเขาเป็นนักปรุงยาทั่วไป ก็คงจะยอมแพ้ แต่เขาเป็นเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยา เขาสามารถดึงเอาคุณสมบัติของตัวยาออกมาจากต้นสมุนไพรอื่นๆ เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ก็จะได้ตรงกับความต้องการของยาสูตรนี้พอดี
ต้นสมุนไพรโผล่ออกมา และเมิ่งฮ่าวก็เริ่มต้นปรุงยาจนกระทั่งถึงยามดึก เขาถือกระถางปรุงยาอยู่ในมือขวา ให้ความร้อนมันด้วยเปลวไฟอมตะที่มองไม่เห็น และจ้องมองไปขณะที่ทำการปรับเปลี่ยนแก้ไขเป็นระยะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปรุงเม็ดยาบำรุงปีศาจ ดังนั้นเวลาจึงได้ผ่านไปอย่างช้าๆ เช้าตรู่วันต่อมา ห้าสุนัขป่าตัวน้อยก็เริ่มส่งเสียงร้องด้วยความหิวโหยขึ้นอีกครั้ง ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ขณะที่เขาตบไปที่กระถางปรุงยา จนมันส่งเสียงดังออกมา และจากนั้น เม็ดยาสีแดงก็พุ่งขึ้นมา
ทันทีที่เม็ดยาปรากฎขึ้น ภาพของมังกรวารีที่กำลังคำรามก็มองเห็นอยู่ด้านใน ดูราวกับว่ามังกรวารีต้องการจะควบคุมเม็ดยา และบินจากไปพร้อมกับมัน แต่เมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือออกไปคว้าจับเม็ดยาไว้ ไม่ว่ามันจะพยายามดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจจะหนีพ้นไปจากการคว้าจับของเขาได้
“ความเข้มข้นของตัวยาแปดในสิบส่วน ยังคงมีช่องว่างให้กลั่นสกัด!” เมิ่งฮ่าวโยนเม็ดยากลับเข้าไปในกระถางปรุงยา และเริ่มใช้วิชาเวทแปลงสภาพเต๋าปรุงยา เพื่อกลั่นสกัดมันมากขึ้น หลังจากหนึ่งชั่วยามผ่านไป เม็ดยาสีแดงคล้ำก็โผล่ออกมา และไม่ได้กระจายกลิ่นหอมของตัวยาออกมา
แต่ทันทีที่มันปรากฎขึ้น กลิ่นหอมที่ผู้ฝึกตนไม่อาจจะรับรู้ได้ แต่สัตว์ปีศาจสามารถ ก็เริ่มกระจายออกมา พวกมันสามารถได้กลิ่นยาเม็ดนี้อย่างเห็นได้ชัดเจน และทันทีที่กลิ่นนั้นปรากฎขึ้น ห้าสุนัขป่าตัวน้อยก็หยุดการร่ำร้อง และมองมาในทันที พวกมันตะกุยประตูบ้านไม้ จ้องมองผ่านรอยแตกมายังเม็ดยาที่อยู่ในมือเมิ่งฮ่าว ร่างพวกมันสั่นสะท้าน และดูเหมือนใกล้จะเริ่มคลุ้มคลั่ง พวกมันเริ่มใช้เท้าทุบไปที่ประตู ราวกับว่าพวกมันยินดีที่จะตายเพื่อยาเม็ดนี้
เวลาเดียวกันนั้น ในพื้นที่รอบๆ เผ่าอูต๋า ซึ่งเป็นที่เลี้ยงสัตว์ปีศาจ ซึ่งมีลานบ้านอยู่เกือบหนึ่งร้อยแห่ง เสียงแผดร้องเริ่มดังขึ้นมา สัตว์ปีศาจจากระดับหนึ่งถึงหกทั้งหมดเริ่มคลุ้มคลั่ง เสียงร้องของพวกมันดังขึ้นจนทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน ดูเหมือนว่าการปรากฎขึ้นของยาเม็ดนี้ เป็นสิ่งที่ยั่วยวนใจพวกมันอย่างไม่อาจจะอธิบายออกมาได้
สัตว์ปีศาจนับร้อยต่างก็ส่งเสียงร้องดังขึ้นมาทั้งหมด เสียงอันเข้มข้นรุนแรงของพวกมัน ทำให้ผู้เลี้ยงสัตว์ปีศาจทั้งหมดซึ่งอยู่ในลานบ้านที่แตกต่างกันตกตะลึงขึ้นมาในทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน และพวกมันเริ่มใช้วิชาเวทต่างๆ ไปที่สัตว์ปีศาจเพื่อสะกดความบ้าคลั่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนลง
ชายชราที่เคยวางมาดกับเมิ่งฮ่าวก่อนหน้านี้ กำลังหอบหายใจอยู่ในตอนนี้ ดวงตามันเบิกกว้าง จ้องมองไปยังสัตว์ปีศาจระดับสี่ ที่มันเลี้ยงดูอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ถึงความบ้าคลั่งที่พวกมันกำลังแสดงออกมา
เสียงมากมายดังขึ้นมาในบริเวณนั้น
“กำลังเกิดอะไรขึ้น…?”
“มีอะไรเกิดขึ้น?”
“สัตว์ปีศาจกำลังก่อความวุ่นวาย?”

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates