วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตอนที่ 372 : เจ้าลืมไปแล้ว?

Posted By: wuxiathai - 18:09
ครึ่งเดือนไม่ใช่เวลาที่นานนัก แต่เท่าที่อูมู่คิด การที่มันต้องมาเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนที่มีความคิดในการศึกษาภาพศักดิ์สิทธิ์ ทำให้มันต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมานอย่างที่คาดไม่ถึงมาก่อน จากโลหิตของมันจนกระทั่งถึงกระดูก จากรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์จนถึงวิชาของมัน ทั่วทั้งร่างกายของมัน ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง
ยิ่งเมิ่งฮ่าวศึกษาลึกลงไปมากเท่าใด เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าจะทำการปรุงวิญญาณแรกก่อตั้งได้มากขึ้นเท่านั้น อูมู่ดูเหมือนจะถูกโชคชะตาลิขิตมา ให้กลายเป็นผู้ช่วยเหลือเมิ่งฮ่าวให้เข้าใจถึงวิธีการหลอมรวมเต๋าแห่งการปรุงยากับพื้นฐานฝึกตนของเขาเข้าด้วยกัน ในวันสุดท้ายของหนึ่งเดือน ก็มาถึงจุดที่เขาไม่อาจจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้จากมันอีกต่อไป ดังนั้นแทนที่จะสร้างปัญหาให้กับมันมากขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ปลดปล่อยมันไป
ก่อนที่มันจะจากไป อูมู่มองมายังเมิ่งฮ่าว ตัวสั่นสะท้าน มันสาบานกับตัวเองว่า จะไม่มีทางมาพบกับคนผู้นี้อีกแล้ว จากนั้นก็บินจากไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่มันจะทำได้
“จำเป็นต้องหาภาพศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นอีกเพื่อยืนยันความคิดของข้า” เมิ่งฮ่าวคิดขณะที่มองอูมู่จากไป เสียงกึกก้องได้ยินออกมาจากด้านนอกของกำแพงเมือง ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา กองกำลังใหม่จากโม่ถู่กงและทะเลทรายตะวันตกได้มาถึงอย่างต่อเนื่อง ทุกวันดูเหมือนจะมีเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศมานับร้อย เพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังที่ด้านนอก
ตอนนี้ มีผุ้ฝึกตนประมาณห้าพันคนกระจายอยู่ด้านนอกของเมือง ทำให้เมืองเซิ่งเสวี่ยถูกโดดเดี่ยวโดยสิ้นเชิง สัตว์อสูรโจมตีลงมาจากท้องฟ้า และรถศึกอันเจิดจ้าก็พุ่งเข้ามาจากบนพื้นดิน
ป้อมปราการหนาม ในช่วงหนึ่งเดือนที่มีชีวิตอยู่ ได้ทำการป้องกันการโจมตีได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดเข้ามาได้ แต่ในที่สุด ภายใต้การโจมตีและระเบิดอย่างรุนแรง มันก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณว่ากำลังจะพังทลายลง เห็นได้ชัดว่าคงอยู่ได้อีกไม่นานนัก
ไม่กี่วันหลังจากนั้น กองกำลังเกือบสองพันคนของผู้ฝึกตนโม่ถู่กงก็ปรากฎตัวขึ้น แหวกฝ่าอากาศมาเป็นเสียงแหลมเล็ก ผู้ฝึกตนที่เป็นผู้นำสวมใส่หน้ากากสีทอง ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเต้าจื่อโม่ถู่กง, หลัวชง
ดวงตามันดูน่ากลัว และเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ทั่วร่างของมันกระจายกลิ่นอายแปลกๆ ออกมา มันกำลังมีอารมณ์ฉุนเฉียวขณะที่มาสาย หลังจากที่ถูกพิษไปเมื่อปีนั้น มันได้กลับไปยังโม่ถู่กง และใช้ทุกวิถีทางที่สามารถคิดได้เพื่อรักษาตัวเอง แต่โชคร้ายที่มันไม่อาจจะขจัดพิษนั้นได้ ทำให้จิตใจมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว รู้สึกว่าการทีมันจะมีชีวิตอยู่หรือตายไป ก็ขึ้นกับบุคคลที่แพร่พิษใส่มันเพียงผู้เดียว
มันไม่กล้าจะปรากฎตัวในที่สาธารณะในขณะที่ถูกพิษ มันพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาตัวเอง แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่มีผล หลังจากที่รู้สึกถึงพิษร้ายนั้น อาจารย์ของมันก็รู้สึกว่าน่าสนใจยิ่ง
อาจารย์มันได้เชื้อเชิญนักปรุงยาจากดินแดนตะวันออกเพื่อมาตรวจสอบหลัวชง หลังจากที่ทำเช่นนั้น สีหน้าเคร่งเครียดก็ปกคลุมใบหน้าของนักปรุงยาผู้นั้นและกล่าวว่า “พิษนี้ไม่อาจจะขจัดออกไปได้โดยผู้ฝึกตน มันสามารถทำให้เจือจางลงไปได้ด้วยต้นสมุนไพรเท่านั้น”
จ้าวอสูรผู้ลึกลับ ซึ่งแพร่พิษใส่มัน กลายเป็นสิ่งที่เหมือนกับเป็นฝันร้ายสำหรับมัน ทุกครั้งที่มันคิดถึงจ้าวอสูรผู้นั้น ความหนาวเย็นอย่างรุนแรงก็จะแผ่ซ่านขึ้นมาในจิตใจ
แน่นอนว่ามันได้ทำตามคำสั่งของจ้าวอสูรด้วยความระมัดระวังอย่างเคร่งครัด ไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปในรัศมีหกร้อยหลี่ของดินแดนแถบนั้นอีกเลย
เพื่อป้องกันเหตุร้ายใดๆ มันได้อยู่แต่ในโม่ถู่กงเป็นเวลานาน จริงๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่มันออกมาจากโม่ถู่กงตั้งแต่ที่ถูกพิษ ในความคิดของมัน ไม่มีทางที่มันจะไปเผชิญหน้ากับจ้าวอสูรผู้น่ากลัวนั้นในสถานที่อันห่างไกลเช่นนี้
มันกระทำอย่างดีที่สุดเพื่อซุกซ่อนความหดหู่ใจไว้ แต่ก็ยังคงมีบางส่วนเผยออกมาให้เห็น
“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหานเสวี่ยนี้มีสาวงามนามว่าหานเสวี่ยชาน” มันคิด ดวงตาสาดประกายด้วยความหมกมุ่นในกามโลกีย์
ด้านหลังมันเป็นชายชราที่สวมใส่หน้ากากสีเงิน ซึ่งกระจายพลังอันน่ากลัวของขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งออกมา การปรากฎกายของมันทำให้ช่วยเพิ่มจำนวนผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งในกองกำลังเป็นห้าคน
เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายว่าการเพิ่มผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งขึ้นมาหนึ่งคน จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่ขัดแย้งนี้ได้มากมายแค่ไหน
ขณะที่หลัวชงและคนอื่นๆ มาถึง ผู้ฝึกตนโม่ถู่กงไม่น้อยบินขึ้นไปในอากาศเพื่อต้อนรับพวกมัน
ภายใต้หน้ากากสีทอง ใบหน้าหลัวชงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ขณะที่มันมองไปยังป้อมปราการหนาม และเมืองเซิ่งเสวี่ยที่เสียหายอย่างหนัก
“สหายเต๋าแห่งตระกูลหานเสวี่ย ท่านทั้งหลายแห่งเมืองเซิ่งเสวี่ย ข้าคือหลัวชง เต้าจื่อแห่งโม่ถู่กง ในวันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อเข้าร่วมการสู้รบ แต่มาเพื่อท้าทายผู้กล้าหาญทั้งหลายภายใต้สวรรค์แห่งนี้!” มันก้าวเนิบนาบตรงไป จนกระทั่งไปยืนอยู่ตรงหน้าเมืองเซิ่งเสวี่ย
“ใครก็ตามที่ไม่ใช่คนในตระกูลหานเสวี่ย ที่สามารถต่อสู้กับข้า, เต้าจื่อหลัวชง ได้ถึงสิบชั่วอึดใจ ก็สามารถจากไปได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ!” คำพูดของมันดังก้องไปทั่วทั้งเมือง
มันถูกห้อมล้อมไว้ด้วยกลุ่มผู้ฝึกตนจากโม่ถู่กง และคนจากทะเลทรายตะวันตกเล็กน้อย คนที่แข็งแกร่งมากที่สุดได้ปรากฎตัวขึ้น ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งห้าก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน ถ้าผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งในเมืองเซิ่งเสวี่ย กล้าที่จะมาโจมตีในทันใด คนทั้งห้าก็พร้อมที่จะรับมือพวกมันได้ในทันที
“นี่คือช่วงเวลาแห่งผู้กล้า!” หลัวชงกล่าวต่อไป แววตาเต็มไปด้วยความทะนงตน “ภายในอีกครึ่งเดือน โม่ถู่กงก็จะโค่นล้มเมืองนี้ไป เมื่อถึงวันนั้น ใครก็ตามที่ยังคงอยู่ภายในเมือง ก็จะถูกกลบฝังไปพร้อมกับเมืองเซิ่งเสวี่ย!”
เมื่อคำพูดดังออกมาจากปากมันผู้เป็นเต้าจื่อ ก็เต็มไปด้วยพลังและความน่าประทับใจ ขณะที่พวกมันมุ่งความสนใจไปยังเมืองเซิ่งเสวี่ย
“ดังนั้น ผู้ใดจะกล้ามาต่อสู้กับข้าอย่างสมศักดิ์ศรี!?”
ผู้ฝึกตนบางคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับมัน เริ่มส่งเสียงด่าทอยั่วยุออกมา
ภายในเมือง ใบหน้าของผู้ฝึกตนนับร้อยที่ไม่ใช่คนในตระกูลหานเสวี่ยเริ่มดูน่าเกลียดขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าพวกมันกำลังพิจารณาถึงข้อเสนอนั้นอยู่หรือไม่
สี่ผู้อาวุโสสูงสุด และสมาชิกตระกูลหานเสวี่ยคนอื่นๆ ยืนอยู่ที่นั่นอย่างครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่อาจจะยับยั้งไม่ให้ใครจากไปได้ ถ้าพวกมันทำเช่นนั้น ก็จะก่อให้เกิดผลสะท้อนอันเลวร้ายตามมา ยิ่งไปกว่านั้น หลัวชงก็เป็นเต้าจื่อแห่งโม่ถู่กง อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง ถึงแม้พื้นฐานฝึกตนของมันจะไม่ได้อยู่ในขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่การเป็นเต้าจื่อ ก็เหมือนกับเป็นตัวแทนโดยตรงของโม่ถู่กง
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก ผู้อาวุโสอันดับแรกก็ถอนหายใจออกมา มันกล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ไม่ต้องกลัว แต่ละคนต่างก็มีความคิดของตัวเอง เมืองของพวกเราตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคาม ใครก็ตามที่ไม่ต้องการจะยืนหยัดต่อสู้ ก็ไม่ควรจะอยู่ต่อไป สหายเต๋าท่านใดที่ปรารถนาจะจากไปก็ไม่ต้องลังเล พวกท่านได้ให้ความช่วยเหลือต่อตระกูลหานเสวี่ยอย่างดีเยี่ยมแล้ว”
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในฝูงชน มองทะลุผ่านป้อมปราการหนามไปยังหลัวชงที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ และรอยยิ้มน้อยๆ ก็กระจายไปทั่วใบหน้า พิษในตัวหลัวชงยังไม่ได้ถูกขจัดไป เมิ่งฮ่าวเป็นคนปรุงพิษนี้ด้วยตัวเอง และเขาก็มั่นใจว่าน้อยคนนักในโลกแห่งนี้ที่จะสามารถขจัดพิษนี้ไปได้
ความเงียบปกคลุมทั่วเมืองเซิ่งเสวี่ย ทันใดนั้น ก็มีบางคนพุ่งออกไป เป็นบุรุษวัยกลางคน เป็นผู้ที่เมิ่งฮ่าวจดจำได้ มันเคยมาขอให้เขาช่วยปรุงเม็ดยาให้ก่อนหน้านี้ และมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ในขั้นกลางสร้างแกนลมปราณ ท่ามกลางกองกำลังของเมืองเซิ่งเสวี่ย อาจจะถือได้ว่ามันเป็นผู้ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ในโลกด้านนอก พื้นฐานฝึกตนของมันอาจจะช่วยให้มันอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าผู้อื่นอยู่เล็กน้อย
ตอนนี้ใบหน้ามันค่อนข้างจะซีดขาว แรงกดดันที่มันรู้สึกได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผลักดันให้มันมาถึงจุดแตกหัก มันพุ่งออกไปผ่านป้อมปราการหนาม จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา
“ข้าได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้หมดแล้ว” มันคิด “ข้าได้ตอบแทนความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของตระกูลหานเสวี่ยในปีนั้นไปเรียบร้อยแล้ว” มันพุ่งตรงไป ประสานมือให้กับหลัวชงและกล่าวว่า “ด้วยความประสงค์ของท่าน, เต้าจื่อ, ข้าจะต่อสู้กับท่านเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้!”
ทันทีที่คำพูดของมันดังออกมาจากปาก แสงอันอำมหิตโหดเหี้ยมก็สาดประกายอยู่ในดวงตาหลัวชง ในเวลาเดียวกันนั้น สามผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ข้างกายหลังชง ก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่ใกล้เข้ามามีสีหน้าบิดเบี้ยว
มันขยับมือร่ายเวทอาคมอย่างรวดเร็ว และอาวุธเวทเรืองแสงก็พุ่งขึ้นมา เสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่ว ขณะที่รังสีกระบี่สีดำสาดประกายออกไป หลังจากหายใจเข้าออกห้าครั้งผ่านไป บุรุษทั้งสามก็กลับไปยังข้างกายหลัวชง อย่างน่าตกใจ หนึ่งในพวกมันหิ้วศีรษะของผู้ฝึกตนวัยกลางคนนั้นไว้ในมือ ซึ่งจากนั้นมันก็นำไปแสดงต่อหลัวชง
“ช่างน่าเศร้านัก มันอยู่ได้ไม่ถึงสิบลมหายใจ” หลัวชงหัวเราะ ยกศีรษะสูงขึ้นไปในอากาศ และจากนั้นก็บดขยี้มัน
“ยังมีใครต้องการจะทดลองอีกหรือไม่? ถ้าไม่ ข้าก็จะเสนอโอกาสอื่นแก่พวกท่าน นำหานเสวี่ยชานผู้งดงามเป็นอันดับหนึ่งแห่งตระกูลหานเสวี่ยมาให้ข้า ใครที่ทำได้ก็จะถูกละเว้นโทษประหาร ทั้งยังจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่อีกด้วย!” มันหัวเราะขึ้นอีกครั้ง ขณะที่มองไปยังเมืองเซิ่งเสวี่ย ภายในเมืองเงียบสงบอย่างสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนทุกคนมีสีหน้าดุร้ายน่ากลัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมาชิกตระกูลหานเสวี่ย และหานเสวี่ยชาน นัยน์ตาหงส์ของนางแวบรังสีสังหารออกมา นางเป็นหญิงสาวที่น่ารัก และสีหน้าของนางก็ถูกหลัวชงสังเกตเห็นในทันที ดวงตามันแวบขึ้นและหัวเราะ “หญิงสาวที่งดงามที่สุดในดินแดนแห่งนี้อยู่ที่นี่แล้ว การเดินทางมาในครั้งนี้ของข้าคงไม่สูญเปล่า!”
ผู้ฝึกตนในเมืองเซิ่งเสวี่ยไม่อาจจะทนไหว ส่งเสียงแผดร้องเย้ยหยันออกมา
“เจ้าเป็นเต้าจื่อแห่งโม่ถู่กง! ทำไมถึงได้น่ารังเกียจเช่นนี้!?”
“เจ้าบอกว่าจะต่อสู้กันตัวต่อตัว แต่ก็ไม่มีอะไรนอกไปจากเล่ห์เหลี่ยมอันต่ำช้า คนจากโม่ถู่กงทุกคนก็เป็นเช่นเดียวกัน!”
ขณะที่เสียงดังออกมาจากในเมือง หลัวชงก็หัวเราะต่อไป แววตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง มันไม่ได้แยแสว่าคนเหล่านี้จะมีชีวิตอยู่หรือตายไป มันเพียงแต่จะเล่นสนุกกับพวกมัน มันรู้ว่าเมืองเซิ่งเสวี่ยจะไม่ทำการโจมตีใดๆ ในขณะที่ป้อมปราการหนามยังคงมีอยู่ ดังนั้นมันจึงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เช่นนี้หาความสนุกให้ตัวเองบ้าง
“ตกลง, ตกลง” มันหัวเราะ “ข้าจะไม่สร้างปัญหาใดๆ ให้กับพวกเจ้าอีก เช่นนี้เป็นอย่างไร สหายเต๋าหานเสวี่ย ทำไมท่านถึงไม่จัดเตรียมอุ่นเตียงให้ข้าในคืนนี้ ถ้าท่านทำ ข้าก็จะนำผู้ฝึกตนที่ข้าพามาทั้งสองพันคนนี้จากไป ซึ่งน่าจะช่วยลดแรงกดดันให้กับเมืองเซิ่งเสวี่ยได้บ้าง ท่านคิดว่าอย่างไร?” ดวงตามันสาดประกาย ขณะที่มองไปยังรูปร่างที่งดงามของหานเสวี่ยชาน และจิตใจมันก็เร่าร้อนขึ้นมา
หานเสวี่ยชานมีโทสะจนกร่างกายสั่นสะท้าน นางจ้องอย่างอาฆาตมาดร้ายไปยังหลัวชง แต่จิตใจนางก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ สมาชิกในตระกูลที่อยู่รอบๆ บางคนมองมาที่นาง ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมา แต่นางก็มองเห็นได้ว่าในแววตาของพวกมันกำลังคิดอะไรอยู่ และก็ทำให้จิตใจนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
นางยิ้มอย่างขมขื่นออกมา และจากนั้นโดยที่ไม่ต้องขบคิด นางมองไปยังเมิ่งฮ่าว ราวกับว่านางกำลังสงสัยว่าเขาจะทำเช่นไรในสถานการณ์เช่นนี้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง ขณะที่เขามองไปยังสามผู้ฝึกตน ที่เพิ่งจะพุ่งเข้าไปต่อสู้ หนึ่งเป็นผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตก มันเป็นคนที่สังหารผู้ฝึกตนวัยกลางคน และรอยสักภาพศักดิ์สิทธิ์ที่มันใช้ก็คือกระบี่!
มันเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์กระบี่ ที่สำแดงเวทแห่งกระบี่ และกระจายพลังที่ไม่ธรรมดาออกมา
“นั่นก็คือภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุโลหะ?” เขาคิด ทันใดนั้น ก็ก้าวเท้าตรงไป และจากนั้นก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ สายตาไปหยุดอยู่ที่หลัวชง
การปรากฎตัวของเขาสร้างความสนใจให้กับคนทั้งหมดในทันที ผู้ฝึกตนรีบไปรายล้อมรอบหลัวชงอย่างรวดเร็วเพื่อไปบอกเล่าข้อมูลที่เกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวให้มันฟัง ดวงตาหลัวชงสาดประกาย และรอยยิ้มอันดุร้ายก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากของมันในทันที
“ข้าได้ยินเกี่ยวกับเมิ่งต้าซือผู้ที่มีชื่อเสียงเมื่อหลายวันที่ผ่านมา” หลัวชงคิด ดวงตาเปล่งรังสีสังหารออกมา “การกำจัดมันไปก็จะทำให้มั่นใจว่าสามารถทำลายเมืองนี้ได้ในเวลาแค่ไม่กี่วัน!” สายตาของผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งห้าจ้องนิ่งมายังเมิ่งฮ่าว เมื่อไหร่ที่เขาโผล่ออกมาจากภายในป้อมปราการหนาม พวกมันก็จะเข้าไปโจมตีในทันที
แต่ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะผ่านออกไปยังกำแพงเมืองด้านนอก เขาก็หยุดลง ลอยตัวอยู่กลางอากาศ รอยยิ้มอันลึกลับปรากฎขึ้นบนใบหน้า ขณะที่เขามองไปยังหลัวชง
“หลัวชง” เขากล่าว “ข้าจำได้ว่าเคยบอกให้เจ้าอยู่ห่างจากข้าอย่างน้อยก็หกร้อยหลี่ เจ้าลืมไปแล้ว?”

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates