วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตอนที่ 382 : ไร้ตาแต่ไม่ไร้เสียง!

Posted By: wuxiathai - 18:14
“เชื่อมั่นในอู่เหยีย, มีชีวิตนิรันดร์! เมื่ออู่เหยียปรากฎตัว, ผู้ใดกล้ามาต่อกร!”
“สามวงกลมไปทางซ้าย, สามวงกลมไปทางขวา! ส่ายก้นไปด้วย…จ้องมองไปยังค่ายกลเวทสังหารเซียน!”
เสียงที่คล้ายกับเสียงฟ้าผ่าค่อยๆ ดังมากขึ้นไปเรื่อยๆ ที่ห่างไกลออกไป มองเห็นกลุ่มหมอกที่ปั่นป่วนไปมาปกคลุมไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี ภายในกลุ่มหมอกที่ปั่นป่วนนั้น มีเงาร่างขนาดใหญ่นับพัน วิ่งไปมา ร่างของพวกมันบิดเบี้ยวด้วยท่าทางแปลกๆ เสียงพวกมันดังก้องออกไป และขณะที่พวกมันวิ่ง ก็กระจายพลังอย่างที่ยากจะอธิบายออกมา ทำให้ใครก็ตามที่มองไปก็จะอ้าปากค้างไร้คำพูดขึ้นในทันที
ผู้คนมากกว่าห้าพันคนกำลังวิ่งอยู่ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นไหวและสะเทือน กลุ่มหมอกที่ม้วนตัวไปมาดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อสิ่งทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ราวกับว่าท้องฟ้าและผืนดินจะถูกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ตรงด้านหน้าของกลุ่มห้าพันคนที่กำลังวิ่งอยู่เป็นนกแก้วหลากสี มันแผดเสียงอย่างวางมาดออกมา เสียงของมันดังก้องไปทั่วในอากาศ
“มา มา! ตะโกนให้ดังขึ้นอีกหน่อยเพื่ออู่เหยีย!”
ภาพทั้งหมดนี้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกทั้งหนึ่งพันคน ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งแปดจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงยังกลุ่มคนที่ดูแปลกๆ และนกตัวนั้น
สำหรับผู้ฝึกตนชุดขาวแห่งชนเผ่าซิงซิ่ว ชามที่เบื้องหน้ามันจู่ๆ ก็เริ่มสั่นสะเทือน น้ำขุ่นๆ ที่อยู่ด้านในชามเริ่มกระฉอกออกมา ขณะที่มันมองขึ้นไปยังภาพที่เห็น
สำหรับกลุ่มคนตระกูลหานเสวี่ยที่อยู่ภายในป้อมปราการหนาม แสงจากเวทอาคมที่อยู่ด้านล่างพวกมันส่องประกายเจิดจ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ฝึกตนมากกว่าสองร้อยคนต้องอ้าปากค้างอย่างช่วยไม่ได้ เส้นขนของพวกมันลุกตั้งชี้ชันเมื่อได้เห็นภาพที่น่าตกใจนี้ และพวกมันทั้งหมดก็ได้แต่จ้องมองไปอย่างซึมเซา
ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่อ้าปากค้าง เช่นเดียวกับหานเสวี่ยเป้า, หานเสวี่ยชานจ้องมองไปด้วยปากที่อ้ากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ด้านนอกของป้อมปราการหนาม ผู้ฝึกตนดินแดนสีดำบางคน ที่ตกอยู่ภายใต้การบังคับจากทะเลทรายตะวันตก เริ่มตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
“นั่นก็คือ…ค่ายกลของอู่เหยีย แห่งวิหารจินกวง!!”
ทันใดนั้น เสียงนี้ก็ทำให้ผู้คนเข้าใจว่าภาพแปลกๆ ที่เห็นนี้แท้จริงแล้วคืออะไร
“วิหารจินกวง!! ปรมาจารย์จินกวง!”
ภายในป้อมปราการหนาม สมาชิกตระกูลหานเสวี่ยกำลังสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง ขณะที่เสียงจากด้านนอกลอยเข้ามาถึงหูพวกมัน ใช้เวลาไม่นานก่อนที่พวกมันจะมีปฏิกิริยาใดๆ จู่ๆ ผู้ฝึกตนบางคนก็เริ่มพูดขึ้น
“พวกมันมาจากวิหารจินกวง?”
นามของวิหานจินกวงเริ่มโด่งดังไปทั่วในดินแดนสีดำเมื่อเร็วๆ นี้ และเรื่องราวที่บอกเล่าเกี่ยวกับปรมาจารย์จินกวงก็ช่างลี้ลับและดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เห็นในสิ่งทั้งหมดนี้ ก็ทำให้จิตใจพวกมันเต็มไปด้วยความตกใจ
ผู้ฝึกตนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รู้ว่า ทำไมพวกมันถึงได้มายังสถานที่แห่งนี้ เมิ่งฮ่าวกระแอมไอออกมาเบาๆ ขณะที่คิดเกี่ยวกับชื่อเสียงของวิหารจินกวงเมื่อเร็วๆ นี้ เขามองไปยังกลุ่มคนที่ใกล้เข้ามาซึ่งเป็นผู้ฝึกตนที่มากกว่าห้าพันคน กล่าวได้ว่าพวกมันทั้งหมดเป็นผู้ติดตามของเขา
“วิหารจินกวง!” เขาตะโกนออกมา “ฟังคำสั่งข้า ให้ล้อมศัตรูที่อยู่ด้านนอกป้อมปราการหนามไว้!” ทันใดนั้น แสงสีทองเจิดจ้าก็กระจายออกมาจากร่างเขา ซึ่งไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นแสงที่กระจายออกมาจากแกนสีทอง หมุนวนไปรอบๆ ร่างเขา อาบไล้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวเขาด้วยแสงสีทอง ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนอย่างช่วยไม่ได้
ขณะที่เสียงของเขาดังก้องออกไป และแสงสีทองเริ่มกระจายออกมา ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ตัวเขาหันหน้ามองมา
ดวงตาของสี่ผู้อาวุโสสูงสุดเบิกกว้าง แม้แต่หานเสวี่ยเป้าก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าลึกล้ำ
ขณะที่พวกมันจ้องมาที่เขา ผู้ฝึกตนห้าพันคนก็วิ่งฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็กใกล้เข้ามามากขึ้น พวกมันได้ยินเสียงเมิ่งฮ่าว และมองเห็นแสงสีทอง ครั้นแล้วเสียงของพวกมันก็รวมเข้าด้วยกันกลายเป็นเสียงร้องตะโกนอันทรงพลังอย่างน่าตกใจ
“พวกเราจะทำตามคำสั่งของท่านปรมาจารย์อย่างเคร่งครัด!!” ห้าพันเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง กระจายความสั่นสะเทือนออกไป กลุ่มหมอกที่ม้วนตัวไปมาตามติดอยู่กับผู้ฝึกตนห้าพันคน ขณะที่พวกมันวิ่งไปรอบๆ บริเวณนั้น เสียงระเบิดอย่างน่าตกใจมาพร้อมกับการวิ่งของพวกมัน ท้องฟ้าที่ด้านบนเริ่มกลายเป็นสีเทา และพื้นดินก็สั่นสะเทือน กลุ่มหมอกพุ่งขึ้นไปชั้นแล้วชั้นเล่า ทำให้มองเห็นเงาร่างภูติผีอันสูงใหญ่ที่มีรูปลักษณ์ราวกับเป็นนักรบสวรรค์
อย่างไรก็ตาม…ท่าทางของพวกมันก็แปลกเป็นอย่างมาก ก้นของพวกมันส่ายไปมาอย่างแปลกๆ ทำให้ภาพที่เห็นทั้งหมดนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
ผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็นนี้ เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนตระกูลหานเสวี่ย พวกมันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความประหลาดใจ จิตใจหมุนคว้างไปมา ถ้าตอนนี้พวกมันไม่ได้ตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวเป็นใคร พวกมันก็คงไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
“เจ้าคือ…เจ้าก็คือปรมาจารย์จินกวง!” ผู้ผู้อาวุโสอันดับแรกอุทานออกมาพร้อมกับอ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ผู้ฝึกตนตระกูลหานเสวี่ย ทีละคน ทีละคนเริ่มสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง และเปล่งเสียงอุทานออกมาอย่างเงียบๆ
“ปรมาจารย์…จินกวง?!”
“ปรมาจารย์จินกวง!”
พวกมันรู้ว่าวิหารจินกวงเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ท่ามกลางความปั่นป่วนวุ่นวายของดินแดนสีดำ วิหารจินกวงได้ครอบครองเมืองตงลั่ว และทำให้โม่ถู่กงค่อนข้างหนักใจ ปรมาจารย์จินกวงเป็นคนที่ลึกลับ มีผู้ติดตามห้าพันคน และสามารถก่อตั้งเป็นค่ายกลอันน่าตกใจออกมาได้
ตอนนี้ไม่มีใครในดินแดนสีดำที่ไม่เคยได้ยินนามของปรมาจารย์จินกวง ซึ่งเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก
การที่จู่ๆ ก็พบว่าเมิ่งฮ่าวจริงๆ แล้วก็คือปรมาจารย์จินกวง ทำให้พวกมันไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
ดวงตาหานเสวี่ยชานเบิกกว้าง เมิ่งฮ่าวมีความลับอยู่มากมายเท่าใดกันแน่? ไม่ว่าความสามารถของเขาในฐานะเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยา, พลังในการเร่งปฏิกิริยาต้นป้อมปราการหนาม หรือตัวตนในฐานะปรมจารย์จินกวง ในตอนนี้ เขาเริ่มเปิดเผยตัวตนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เกิดเป็นความประหลาดใจขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
หานเสวี่ยเป้าดูมีท่าทางครุ่นคิด ขณะที่มันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเขา
เมื่อได้เห็นหานเสวี่ยเป้าโค้งตัวลง สี่ผู้อาวุโสสูงสุดและกลุ่มคนตระกูลหานเสวี่ยที่เหลือทั้งหมดก็กระทำตาม โค้งตัวลงต่ำให้กับเมิ่งฮ่าว
“ผู้อาวุโส” เมิ่งฮ่าวกล่าว “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” เขาเข้าใจถึงความหมายของการโค้งตัวลงในครั้งนี้ มันหมายถึงการขอบคุณเขาที่มาช่วยปกป้องตระกูลหานเสวี่ย
เสียงระเบิดดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มหมอกซึ่งม้วนตัวไปมาที่ด้านนอก แสงจากเวทประตูเคลื่อนย้ายทางไกลที่ด้านล่างเริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าคนตระกูลหานเสวี่ยสามารถที่จะจากไปได้ทุกเมื่อ
“ตระกูลหานเสวี่ยจะจดจำความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของเจ้าไว้ตลอดไป, สหายเต๋า” หานเสวี่ยเป้ากล่าว “ทั้งข้าและคนรุ่นหลังของตระกูลจะไม่มีทางลืมเจ้าไปตลอดกาล” มันจ้องมายังเมิ่งฮ่าว ยกมือขวาขึ้นมา ครั้นแล้วเมล็ดต้นป้อมปราการหนามก็ลอยออกมา “ตระกูลหานเสวี่ยไม่มีอะไรจะตอบแทนเจ้าได้ เมื่อพวกเราไปถึงสำนักจื่อยิ่น เมล็ดนี้ก็คงมีประโยชน์ต่อพวกเราน้อยมาก แต่เส้นทางที่เจ้าต้องเดินไปมีอันตรายเป็นอย่างยิ่ง มันอาจจะช่วยปกป้องเจ้าได้บ้าง”
เมิ่งฮ่าวไม่ปฏิเสธ เท่าที่เขาคิด เมล็ดนี้สำคัญเป็นอย่างมาก เขาค่อนข้างมั่นใจว่าสามารถให้ต้นเถาวัลย์กลืนเมล็ดนี้เข้าไป หรืออาจจะใช้วิธีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับมัน เขาจึงพยักหน้าและรับมันไว้
“ผู้อาวุโส, สหายเต๋าทั้งหลายแห่งตระกูลหานเสวี่ย เวทเคลื่อนย้ายทางไกลของพวกท่านพร้อมที่จะใช้งานแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อคอยป้องกันขณะที่พวกท่านจากไป เมื่อไหร่ที่ทุกคนจากไปหมด ข้าก็จะทำลายประตูเคลื่อนย้ายทางไกลนี้ให้หมดสิ้น ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านทุกคน…จะเดินทางจากไปได้อย่างปลอดภัย!” เขาได้อยู่กับตระกูลหานเสวี่ยเกือบครึ่งปี และรู้สึกดีกับพวกมัน เขาบรรลุเป้าหมายของการมายังที่แห่งนี้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจะทำสิ่งสุดท้ายเพื่อตอบแทน
เสียงระเบิดได้ยินมาจากด้านนอก สามารถมองเห็นเงาร่างมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ภายในกลุ่มหมอก และเสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวของผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกที่ดังก้องออกมา ทั้งหมดนี้หลอมรวมเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นบทเพลงแห่งการจากลา เมิ่งฮ่าวมองไปยังกลุ่มคนตระกูลหานเสวี่ยขณะที่เวทเคลื่อนย้ายทางไกลเริ่มทำงาน ขณะที่สมาชิกของตระกูลจะหายตัวไป พวกมันมองกลับมายังเมิ่งฮ่าว ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ
กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่คนแปลกหน้า เขาจดจำใบหน้าของแต่ละคนได้ แน่นอนว่า เขาไม่รู้จักนามของพวกมัน แต่เมื่อคิดไปถึงการที่เขาได้ปกป้องเมืองด้วยกันกับพวกมันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และได้ช่วยชีวิตพวกมันไว้หลายครั้ง ทำให้เกิดเป็นความสนิทสนมและไว้วางใจซึ่งกันและกัน
“ข้าจะจดจำความเมตตาของท่านไว้ตลอดไป, เมิ่งต้าซือ!”
“เมิ่งต้าซือ, ข้าหวังว่าสักวันหนึ่งในอนาคตพวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง!”
“เมิ่งต้าซือ, โปรดถนอมตัวด้วย!”
ทีละคน ทีละคน สมาชิกตระกูลหานเสวี่ยหายตัวไปในเวทเคลื่อนย้ายทางไกล สี่ผู้อาวุโสสูงสุดมองมายังเมิ่งฮ่าว โค้งตัวลงต่ำให้กับเขา สีหน้าพวกมันหดหู่เศร้าใจขณะที่หายตัวไปในแสงเวท
หานเสวี่ยชานยืนอยู่ที่นั่น นางไม่ได้โค้งตัวให้ และไม่พูดจาด้วยเช่นกัน นางไม่อาจจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาได้ขณะที่มองมาที่เขา และเมิ่งฮ่าวก็มองกลับไปที่นาง
คนทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกัน ถูกแบ่งแยกโดยเวทเคลื่อนย้ายทางไกล ร่างค่อยๆ เลือนลางลงไปจากสายตาของกันและกัน
ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะจางหายไปในความเลือนลางนั้น หานเสวี่ยชานรวบรวมความกล้าหาญ และพูดออกไปยังเงาร่างที่กำลังจางหายไปของเมิ่งฮ่าว “ทุกครั้งที่หิมะตก, ท่านต้องคิดถึงข้านะ”
ถึงเมิ่งฮ่าวจะรู้ว่านางไม่อาจจะมองเห็น แต่กระนั้นเขาก็ยังยิ้มออกมาและพยักหน้าให้
ความโหยหาพุ่งขึ้นมาในจิตใจหานเสวี่ยเป้า และมันก็ส่ายหน้า ตอนนี้มีมันเพียงคนเดียวของตระกูลหานเสวี่ยที่ยังไม่เข้าไปยังเวทเคลื่อนย้ายทางไกล มองไปรอบๆ ยังซากปรักหักพังรอบๆ ตัว จากนั้นก็มองไปยังกลุ่มหมอกที่ม้วนตัวไปมา จากด้านในกลุ่มหมอกสามารถได้ยินทั้งเสียงแผดร้องอย่างมีโทสะ และเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้งหมดนี้จู่ๆ ก็ดูเหมือนจะอยู่ห่างไกลออกไป
“เจ้ามั่นใจว่าจะไม่มากับพวกเราเพื่อไปยังดินแดนด้านใต้?” มันเสนอต่อเมิ่งฮ่าว
“ข้าไปไม่ได้ ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ผู้อาวุโส ข้าหวังว่าท่านจะเดินทางอย่างปลอดภัย” พร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เขาประสานมือและโค้งตัวลงให้กับหานเสวี่ยเป้าที่กำลังหายตัวไป
หานเสวี่ยเป้าไม่ได้ตอบ มันหลับตาลงขณะที่หายตัวไป แสงเจิดจ้าของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลพุ่งขึ้นไปในอากาศ กลายเป็นระลอกคลื่นกระจายออกมา และจากนั้นก็หายไป
เมิ่งฮ่าวมองมาขณะที่พวกมันหายตัวไป หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ เขาก็โบกมือขวาตรงไปยังเวทประตูเคลื่อนย้ายทางไกล เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ พื้นดินสั่นสะเทือนขณะที่ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นเถ้าธุลีที่ไม่อาจจะประกอบกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
เขาหันหน้ามองไปยังกลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ ทันใดนั้น ลำแสงหลากสีก็ปรากฎขึ้น ก็คือนกแก้ว ซึ่งบินมาเกาะอยู่ที่ไหล่ของเมิ่งฮ่าว ตามมาด้วยผีโต้งที่กลายร่างมาเป็นหมวก
พื้นดินสั่นสะเทือนขณะที่ต้นเถาวัลย์พุ่งขึ้นมารอบๆ พวกเขา ตอนนี้เงาร่างของเมิ่งฮ่าวเหมือนกับเป็นอสูรร้ายโดยสิ้นเชิง
ในตอนนี้เองที่เสียงแตกร้าวจู่ๆ ก็ได้ยินออกมาจากถุงสมบัติ เขาใช้มือขวาตบลงไป ครั้นแล้วรังไหมก็ลอยออกมา รอยร้าวที่ปกคลุมอยู่ทั่วพื้นผิวของรังไหมทันใดนั้นก็แตกกระจายออก และดักแด้สีขาวก็โผล่ออกมา!
ดักแด้ตัวนี้มีสีขาวราวกับเป็นหิมะของฤดูหนาว มีขนาดเท่านิ้วก้อย และทั่วร่างของมันก็โปร่งแสงราวกับเป็นแก้วผลึก มันไม่ได้เย็นเยียบ แต่กระจายพลังอันน่าตกใจแปลกๆ ที่ดูเหมือนจะสามารถสร้างความสั่นสะเทือนให้กับสวรรค์และปฐพีออกมาได้
ดักแด้ไร้ตา!
ตรงจุดว่างเปล่าที่คล้ายกับดวงตากระจายแสงเย็นเยียบออกมา และขณะที่มันหลุดออกมาจากรังไหม ก็ส่งเสียงร้องออกมาทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน!
ดักแด้ปกติจะไม่มีเสียง แต่ดักแด้ไร้ตาตัวนี้มี!
นี่เป็นเสียงที่ดังออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตของมัน!
ขณะที่ดักแด้ไร้ตาส่งเสียงร้องออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นสะท้านอย่างน่าตกใจ ดินแดนสีดำ, ดินแดนด้านใต้, ทะเลทรายตะวันตก หรือแม้แต่ดินแดนตะวันออกต่างก็สั่นสะเทือนไปทั้งหมด

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates