เป็นไปไม่ได้ที่จะบินขึ้นไปจนสูงมากๆ ในสถานที่แห่งนี้ เพราะความเร็วของสายลมได้เพิ่มขึ้นพร้อมกับระดับความสูง เมิ่งฮ่าวเห็นหนึ่งในศิษย์ของสำนักจื่อยิ่น พยายามที่จะบินตรงขึ้นไปยังด้านบนสุดของต้นไม้ ก่อนที่มันจะขึ้นไปได้สูง มันก็แผดร้องออกมา และร่างก็หายไปกลายเป็นหมอกควันของเลือดเนื้อ
สายลมพร้อมที่จะกลืนกินคนอื่นๆ ต่อไป ดูเหมือนมันจะเต็มไปด้วยใบมีดอันคมกริบ และมีแรงกดดันอันยากที่จะอธิบายออกมาได้ ซึ่งทำให้บริเวณรอบๆ ต้นไม้นั้นหนึ่งพันจ้าง เหมือนจะเป็นกำแพงเหล็กผนังทองแดง
เมื่อเมิ่งฮ่าวเข้าไปในพื้นที่แห่งนั้น เขาก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่กดทับลงมา ยิ่งเข้าไปใกล้ต้นไม้มากเท่าไหร่ ลมปราณก็ยิ่งมีความหนาแน่นมากขึ้น แน่นอนว่า เขาสามารถดูดซับมันได้ และยิ่งเขาเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไปได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น ดวงตาเขาสาดประกายเจิดจ้า
“การเคลื่อนที่ตรงไป ต้องเป็นเรื่องยากเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับข้า สถานที่นี้ราวกับเป็นสรวงสรรค์สำหรับการฝึกตน!” เขามองขึ้นไปยังต้นไม้ยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งยืดขึ้นไปในท้องฟ้าเกือบหนึ่งพันจ้าง “จริงๆ แล้ว…นี่เป็นต้นไม้อะไรกันแน่?” เขาสัมผัสได้ว่า ลมปราณในสถานที่นี้ ไม่ใช่ลมปราณของสวรรค์และปฐพี แต่ถูกสร้างขึ้นมาจากต้นไม้ยักษ์นี้
ขณะที่ผู้ฝึกตนทุกคน ต่างก็กระเสือกกระสนดิ้นรนหาทางตรงไปยังต้นไม้ สูงขึ้นไปในกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า สมาชิกของห้าสำนักและสามตระกูล มองทะลุผ่านกลุ่มเมฆกระแสน้ำวนเข้าไป ดวงตาสาดประกายเจิดจ้า
พวกมันสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ค่อนข้างชัดเจน
ซ่งเทียนยิ้ม “ท่ามกลางผู้กล้าและผู้ถูกเลือกทุกคน จากสำนักและตระกูลต่างๆ ที่มาในวันนี้ ข้าอยากรู้นักว่า ใครจะเป็นคนแรกที่ไปถึงต้นไม้?” ผู้พิสดารขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง จากสำนักและตระกูลทั้งหมดต่างก็ยิ้มออกมา
“ข้าเกรงว่ามันคงจะพูดยาก ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า การคัดเลือกบุตรเขยของตระกูลซ่ง จะเกี่ยวข้องกับของวิเศษเช่นนี้…”
“ต้นไม้นี้ต้องถูกรวบรวมโดยเศษของเจตจำนงจากต้นเจี้ยนมู่โบราณ เห็นได้ชัดว่ามันถูกวาดขึ้นโดยผู้ฝึกเต๋าโบราณท่านอาจารย์ปู่สุ่ยตงหลิว เมื่อท่านได้บรรลุการรู้แจ้งในสถานที่ซึ่งตำนานโบราณได้บอกว่าต้นเจี้ยนมู่ได้ทำลายตัวมันเองไป ตำนานนั้นได้กล่าวไว้ว่า ด้วยการรู้แจ้งที่เพียงพอ ต้นไม้จึงสามารถรวมตัวกันด้วยตัวของมันเอง นี่จึงเป็นของวิเศษอันล้ำค่าอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถรวมตัวมาตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณ”
หานเป้ยนั่งอยู่ด้านข้าง รับฟังผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งพูดคุยกัน นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่ในกลุ่มเมฆกระแสน้ำวนสักพัก ใบหน้านางสงบนิ่ง ทำให้มองไม่ออกแม้แต่น้อยว่านางกำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่
หลี่ชือฉี จ้องไปยังต้นไม้ที่ถูกสร้างขึ้นจากเศษชิ้นส่วนเจตจำนงของต้นเจี้ยนมู่ จมอยู่ในห้วงความคิด
ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง จากสำนักชิงหลัว เป็นบุรุษวัยกลางคน “เศษของเจตจำนงต้นเจี้ยนมู่ สามารถปลดปล่อยลมปราณซึ่งแทนที่สวรรค์ตามตำนานในสมัยโบราณ” มันกล่าว “โชคร้าย, ที่มันไร้ประโยชน์สำหรับผู้ฝึกตน และเป็นเพียงสิ่งขัดขวางสำหรับพวกมันเท่านั้น แต่ด้วยพื้นฐานฝึกตนที่เหมาะสม และรู้แจ้งอย่างเพียงพอ ต้นเจี้ยนมู่ก็สามารถอยู่ในโลกแห่งนั้น ช่างเป็นของวิเศษที่ล้ำค่าอะไรเช่นนี้! ในที่สุด มันก็เป็นไปได้สำหรับของวิเศษนี้ ที่จะช่วยให้เด็กเหล่านั้นสามารถทะลวงผ่านระดับการฝึกตนของพวกมันไปได้” ขณะที่มันมองไปยังกลุ่มเมฆกระแสน้ำวน มันเพ่งมองไปยังเมิ่งฮ่าวนานชั่วครู่
มันได้สังเกตเห็นเมิ่งฮ่าวก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน แต่ก็ยังคงรักษาความเงียบไว้ และไม่ทำอะไรวู่วามออกมา
“ต้นไม้นี้จริงๆ แล้ว ก็เป็นเศษชิ้นส่วนเจตจำนงของต้นเจี้ยนมู่ ภาพวาดนี้เป็นเจตจำนงตั้งแต่สมัยโบราณของต้นเจี้ยนมู่ มันเป็นของกำนัลที่ข้าได้มาจาก ผู้ปกครองแห่งท้องทะเลที่แปดของทะเลเทียนเหอ เมื่อข้ามีอายุได้หนึ่งพันปี ข้านำมันออกมาในวันนี้ ก็เพื่อช่วยให้ผู้เยาว์เหล่านี้ได้รับการรู้แจ้งเมื่อครั้งสมัยโบราณ และเป็นประโยชน์แก่ทุกๆ ท่าน ภาพวาดนิ้จะไม่ได้เป็นของข้าในอีกไม่ช้านี้แล้ว” ซ่งเทียนหัวเราะ ส่ายหน้าของมัน “ข้าตั้งใจจะมอบภาพวาดนี้ให้เป็นของกำนัลสำหรับใครก็ตาม ที่จะมาเป็นบุตรเขยในรุ่นนี้ของตระกูลซ่ง”
คำพูดนี้เป็นเหตุให้ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งคนอื่นๆ จ้องไปยังกลุ่มเมฆกระแสน้ำวนด้วยความจริงจัง ดวงตาของพวกมันส่องประกายเจิดจ้า
ทันใดนั้น ซ่งเหล่าไกว้ ซึ่งนั่งห่างออกไป ส่งเสียงหัวเราะและกล่าวขึ้น “ท่านปรมาจารย์, ข้าขอวางเดิมพันกับสหายเต๋าเหล่านี้สักเล็กน้อย ว่าใครจะเป็นผู้ที่ไปถึงต้นไม้นั่นเป็นคนแรก ได้หรือไม่?”
ผู้อาวุโสฝาน แห่งสำนักกูตู๋เจี้ยนหัวเราะเสียงดังออกมา มันดื่มสุราลงไปหนึ่งอึก และพูดเยาะเย้ยออกมา “พวกเราทุกคนต่างก็ต้องวางเดิมพันอยู่ข้างศิษย์สำนักของพวกเราอยู่แล้ว เฒ่าแซ่ซ่ง เจ้าจะวางเดิมพันข้างใคร?”
“ข้าเดิมพันข้างมัน!” ซ่งเหล่าไกว้พูด ยกแขนขึ้น และชี้ตรงไปยังกลุ่มเมฆกระแสน้ำวนที่…
เมิ่งฮ่าว!
ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งทุกคนมองตามนิ้วของซ่งเหล่าไกว้ จ้องไปยังเมิ่งฮ่าว ดวงตาของผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง จากสำนักชิงหลัวแวบประกายออกมา
ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แห่งตระกูลหวังขมวดคิ้ว
ผู้อาวุโสฝาน แห่งสำนักกูตู๋เจี้ยน หัวเราะ และมองไปยังซ่งเหล่าไกว้ด้วยสายตาที่สื่อความหมาย
“ยอดเยี่ยม, เดิมพันคืออะไร?” ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แห่งสำนักเซี่ยเยากล่าว เป็นหญิงชราร่างผอมแห้ง ศีรษะเต็มไปด้วยเส้นผมสีเงิน เสียงของนางแหบพร่า ราวกับกระดูกกำลังขัดสีกัน นางยิ้มอย่างเสแสร้งออกมา
“ข้าวางเดิมพันด้วยผลไม้วิญญาณ!” ซ่งเหล่าไกว้กล่าว มันโบกสะบัดแขนเสื้อ และกดนิ้วลงไปบนหน้าผาก หลังจากเวลาไม่กี่อึดใจ ภาพลวงตาของเงาร่างเล็กๆ นั่งขัดสมาธิอยู่ก็โผล่ขึ้นมา
เพียงชั่วพริบตา เงาร่างเล็กๆ นั้น ก็รวมตัวกันเป็นสิ่งของที่ดูคล้ายผลไม้วิญญาณ มันส่งกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนออกมา
นี่ไม่ใช่สิ่งใดนอกจาก ผลไม้วิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง สามารถใช้วิญญาณเริ่มต้นก่อตัวขึ้น และสามารถเปรียบเทียบได้กับวัตถุแห่งสวรรค์ และของวิเศษแห่งปฐพี สวรรค์และปฐพีก็สามารถสร้างผลไม้วิญญาณได้เช่นกัน แต่สำหรับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ร่างกายของพวกมันเป็นของสวรรค์และปฐพี ดังนั้น พวกมันจึงสามารถสร้างผลไม้เช่นนี้ขึ้นมาได้
ผลไม้วิญญาณเหมือนกับความโชคดีแห่งสวรรค์และปฐพี และเป็นของวิเศษที่ล้ำค่ามากที่สุดของผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง
ผลไม้วิญญาณจากคนอื่นๆ มีพลังในการเติมเต็มพลังใหม่ และสำหรับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง มันจะมีพลังในการช่วยรักษาและฟื้นฟูอย่างสูงสุด
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งเหล่าไกว้ ก็ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าครุ่นคิด เวลาไม่นานนัก ก่อนที่ทุกคนจะนำผลไม้วิญญาณของพวกมันออกมา ผลไม้วิญญาณทั้งแปดลอยอยู่ด้วยกันกลางอากาศ
ผลไม้วิญญาณทั้งแปด สำหรับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งใดๆ การวางเดิมเช่นนี้ ก็เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจอย่างน่าเหลือเชื่อ ผู้ฝึกตนทั้งหมดแสร้งเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ภายใน พวกมันต่างก็ใจสั่นด้วยความตื่นเต้น พวกมันจ้องไปยังกลุ่มเมฆกระแสน้ำวน ยังศิษย์ต่างๆ ของตน
ซ่งเทียนยิ้ม และไม่แสดงท่าทีขัดขวางใดๆ สำหรับบุรุษสองคนที่นั่งอยู่ข้างกายมัน หนึ่งคนกำลังนั่งหลับตาเข้าฌาณ อีกคนก็มองไปยังผู้ฝึกตนที่อยู่ในกลุ่มเมฆกระแสน้ำวนอย่างละเอียด ใบหน้ามันสงบเยือกเย็น
เต้าจื่อตระกูลซ่ง, ซ่งหยุนซู นั่งเงียบๆ อยู่ข้างปรมาจารย์ซ่งเทียน มันไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่ยิ้ม ภายในดวงตาของมันสาดประกายด้วยแสงอันเข้มข้น
ซ่งเหล่าไกว้ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมา ดวงตาของมันเจิดจ้า ขณะที่จ้องไปยังเมิ่งฮ่าว ในกลุ่มเมฆกระแสน้ำวน
“เอาละ เด็กน้อย” มันคิด “ข้าอยากจะเห็นความสามารถที่เจ้าใช้ในวันนั้น ในแคว้นจ้าว ถ้าเจ้าชนะ ข้าก็จะให้หนึ่งในผลไม้วิญญาณนี้เป็นของกำนัลแก่เจ้า” เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในแคว้นจ้าว รวมถึงข่าวลือที่มันเคยได้ยินในตระกูลซ่ง ซ่งเหล่าไกว้จึงได้คาดหวังในความสามารถของเมิ่งฮ่าวไว้อย่างสูงสุด
ขณะที่ผู้คนที่ด้านบนวางเดิมพันกัน ผู้ฝึกตนสิบสองคนที่ด้านล่างของต้นไม้ยักษ์ ก็พยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไป เนื่องจากแรงกดดันที่กดลงมา พวกมันจึงไม่อาจเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากนัก แต่กระนั้นพวกมันก็ยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน่าต่อไป
ในตอนนี้ ผู้ที่เร็วที่สุดในกลุ่มก็คือ หวังเถิงเฟย ดวงตาของมันแดงก่ำ และมันก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างมุทะลุ สำหรับมันนี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของมัน ถ้ามันได้เข้าร่วมตระกูลซ่ง มันก็สามารถเริ่มทุกสิ่งทุกอย่างได้ใหม่ และเริ่มสร้างชื่อเสียงได้ใหม่ขึ้นอีกครั้ง
“ฉู่อวี้เยียน เจ้ามันเจี้ยนเหริน และเจ้า…เมิ่งฮ่าว! รอข้าก่อนเถอะ!” มันขบฟันแน่น ขณะที่มุ่งตรงไปข้างหน้าสองสามจ้าง
ด้านหลังหวังเถิงเฟยเป็นหวังโหย่วฉาย ซึ่งเข้ามาใกล้มันอย่างเงียบๆ ด้านหลังคนทั้งสอง เป็นกลุ่มผู้ฝึกตน รวมถึงเฉินฟ่าน ซึ่งเป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้
เจ้าอ้วน พร้อมด้วยคณะผู้ติดตามคอยคุ้มครองมัน ติดตามไปเรื่อยๆ ไม่เร็วและไม่ช้า
เมิ่งฮ่าว เห็นได้ชัดว่า อยู่ด้านหลังเล็กน้อย แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง ขณะที่มุ่งตรงไป เขาจะหยุดเป็นระยะ เพื่อดูดซับลมปราณอันหนาแน่นที่อยู่รอบๆ ตัวเขาอย่างระมัดระวัง
ในที่สุด ครึ่งชั่วยามก็ผ่านไป หวังเถิงเฟย อยู่ห่างจากต้นไม้นั้นเพียงแค่สิบจ้าง หวังโหย่วฉายอยู่ห่างราวๆ ยี่สิบจ้าง คนอื่นๆ ทั้งหมด อยู่ห่างประมาณร้อยจ้าง หรือใกล้กว่านั้น ด้านบนกลุ่มเมฆ ซ่งเหล่าไกว้กำลังกังวลใจ รอบๆ มัน ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งคนอื่นๆ เริ่มยิ้มออกมา
ห่างออกไปหนึ่งร้อยจ้าง เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาดูดซับลมปราณด้วยความระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ประสิทธิภาพของมันเหมือนกับการกลืนกินเม็ดยาหลัวตี้หนึ่งกำมือ ถึงแม้เขาจะระวังตัว แต่ก็เขาก็ยังสามารถดูดซับลมปราณเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็สาดประกายออกมา
“นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง” เขาคิด “ข้าอาจจะสามารถดูดซับมันได้ทั้งหมด!” ความมุ่งมั่นเต็มอยู่ในดวงตา เขาเริ่มเคลื่อนที่ตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง ในทันใดนั้น ภายในร่างกายเขาก็เริ่มสั่นสะเทือน ขณะที่เขาหยุดการสะกดข่มการสร้างเสาแห่งเต๋าต้นที่ห้า พวกมันเริ่มหมุนวนไปมา และเสียงหึ่งๆ ก็ดังออกมาจากภายใน กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นรอบๆ ตัวเขา
กระแสน้ำวนนั้น ทำให้ลมปราณที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น พุ่งตรงมาที่เขาในทันที
น้ำทะลที่ด้านล่างเขา เริ่มเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น และตลอดทั้งร่างของเมิ่งฮ่าวก็ดูเหมือนจะบิดเบือน และเริ่มเลือนลางพร่ามัว ลมปราณอันลึกลับส่งเสียงแหลมเล็กตรงมาที่เขา และความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทันที
ไม่ใช่ว่าเขาต้องการจะเร่งความเร็วขึ้น แต่ขณะที่เขาเคลื่อนที่ตรงไป ลมปราณบริเวณนั้นก็เริ่มหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงชั่วพริบตา เขาไม่ได้อยู่ห่างจากต้นไม้หนึ่งร้อยจ้างอีกต่อไป แต่เป็นแปดสิบจ้าง, จากนั้นก็หกสิบจ้าง…
พลังฝึกตนของเมิ่งฮ่าวค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ รูปร่างของเสาแห่งเต๋าต้นที่ห้าของเขาตอนนี้ ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และเริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
เมิ่งฮ่าวเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเคลื่อนที่ตรงไปด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เมื่อพิจารณาจากการที่เขาตัดสินใจที่จะดูดซับลมปราณอย่างรวดเร็ว จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่สามารถดูดซับมันได้ทั้งหมด
นี่เป็นบุคลิกส่วนตัวของเมิ่งฮ่าว แม้ในตอนที่เขายังเป็นนักศึกษา เขาก็เป็นเช่นนี้ มันเป็นวิธีการใช้ชีวิตของเขา โดยปกติ เขาไม่ชอบที่จะทำตัวเป็นจุดสนใจ แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมันเกิดขึ้น เขาก็จะไม่สนใจสิ่งใดๆ เพียงมุ่งไปที่เป้าหมายอย่างเดียว
เสาแห่งเต๋าต้นที่ห้าของเขารวมตัวกัน และพื้นฐานฝึกตนของเขาก็เริ่มสูงขึ้นไป ดวงตาเริ่มสาดแสงเจิดจ้า และเปล่งรังสีอันทรงพลังออกมามากยิ่งขึ้น
เพียงไม่กี่อึดใจ เขาได้พุ่งตรงไปจนกระทั่งเขาอยู่ห่างจากต้นไม้เพียงแค่สามสิบจ้าง ทันใดนั้น ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่เขาดูดซับลมปราณเข้าไป ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ต่างก็สังเกตเห็นในทันที
พวกมันเห็นกระแสน้ำวนที่น่ากลัว หมุนวนอยู่รอบๆ ตัวเขา และสัมผัสได้ว่า เขากำลังดูดซับลมปราณที่หนาแน่น ซึ่งพวกมันไม่สามารถดูดซับได้ กลุ่มลมปราณได้พุ่งตรงไปที่เขาด้วยความรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดระลอกคลื่นไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้
“มันกำลังทำอะไร…?”
“มันกำลัง…มันกำลังดูดซับลมปราณอยู่? นั่นเป็นไปไม่ได้!”
“มัน…มันทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ มองไปที่เขาด้วยความตกใจ
ไม่เพียงแต่พวกมัน สูงขึ้นไปในกลุ่มเมฆ พวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมด จิตใจของพวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“มันกำลังกลืนกินลมปราณโบราณนั้นเข้าไป!”
“มันเป็นอะไร? วิชาอะไรที่ทำให้มันสามารถทำเช่นนั้นได้!”
ดวงตาของผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง สาดประกายราวสายฟ้า ขณะที่พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว พวกมันต่างก็ตกใจลึกเข้าไปถึงแก่นกาย ไม่เคยคาดคิดว่า จะได้เห็นบางสิ่งบางอย่างเช่นนี้มาก่อน
ด้วยความสนใจ ถึงแม้พวกมันจะเป็นผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งสามารถมองเห็นพื้นฐานฝึกตนของคนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้พวกมันก็ไม่สามารถมองเห็นเสาแห่งเต๋าของเมิ่งฮ่าวได้
ราวกับว่ามีพลังที่แปลกประหลาดเข้ามาสอดแทรก ทำให้พวกมันไม่อาจแม้แต่จะเห็นเบาะแสใดๆ ได้แม้แต่น้อยนิด บุรุษวัยกลางคนแห่งสำนักชิงหลัว มองไปด้วยความครุ่นคิด ดวงตาหรี่เล็กลง มันได้สังเกตเห็นเงาแปลกๆ ของเสาแห่งเต๋าเมิ่งฮ่าว ก่อนที่เขาจะเข้าไปยังกลุ่มเมฆกระแสน้ำวนซะอีก
ขณะที่ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง มองไปยังความก้าวหน้าของเมิ่งฮ่าวด้วยความตื่นตระหนก ปรมาจารย์ตระกูลซ่ง, ซ่งเทียนก็มองไปที่เขา ดวงตาของมันส่องแสงเจิดจ้า อันที่จริง สายตาของมันไม่เคยห่างจากเมิ่งฮ่าวเลยตั้งแต่ต้น
มันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าวในกลุ่มเมฆกระแสน้ำวันอย่างจริงจัง ดวงตาสาดประกายด้วยความประหลาดใจ
ซ่งเหล่าไกว้หัวเราะเสียงดังออกมา มันก็ได้เห็นภาพอันน่าเหลือเชื่อนั้นเช่นกัน แต่ในอีกด้าน มันก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่เสียงหัวเราะของมันดังออกมา หานเป้ยก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ คิดไปถึงว่า เมิ่งฮ่าวสามารถผ่านไปเข้าในกระถางสี่เหลี่ยมได้อย่างไร ถึงแม้ไม่มีแซ่เมิ่งปรากฎอยู่ในครอบครัวอันยิ่งใหญ่ทั้งเก้านั้น
ดวงตารูปหงส์ของหลี่ชือฉีสาดประกาย ขณะที่นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างครุ่นคิด
ด้านล่างตรงต้นไม้ยักษ์ ลมปราณพลุ่งพล่านปั่นป่วน ทำให้สายลมกรรโชกรุนแรงมากยิ่งขึ้น สายลมกระแทกไปยังหวังเถิงเฟย ทำให้มันหมุนคว้างกลับไปด้านหลังจากสิบจ้าง กลายเป็นสี่ห้าสิบจ้าง!
คนอื่นๆ ก็ถูกพัดไปยังด้านหลังด้วยเช่นกัน แต่กลับกัน เมิ่งฮ่าว ตอนนี้เป็นบุคคลที่อยู่ใกล้กับต้นไม้มากที่สุด ห่างเพียงสามสิบจ้างเท่านั้น
หวังเถิงเฟยเงยหน้าขึ้น และกู่ร้องออกมา มันไม่อาจยอมรับสถานการณ์เช่นนี้ได้ มันพุ่งตรงไปด้วยพลังทั้งหมดของมัน แต่ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และพุ่งตรงไปด้วยเช่นเดียวกัน เขาเคลื่อนที่ตรงไปราวสิบจ้าง และอีกสิบจ้างต่อจากนั้น!
ในการระเบิดพลังออกมาสั้นๆ สองครั้ง ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากต้นไม้เพียงแค่สิบจ้าง เมื่อเทียบกับต้นไม้นั้น เขาเหมือนกับตัวจิ้งหรีด กระแสน้ำวนรอบๆ ตัวเขาหมุนเร็วขึ้น ทำให้ลมปราณอันไร้ขอบเขตในบริเวณนั้น ถูกดูดตรงไปที่เขา รูปร่างที่สมบูรณ์ของเสาแห่งเต๋าต้นที่ห้าตอนนี้ มองเห็นได้ชัดเจน ถ้าเขายังคงดูดซับลมปราณด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ต่อไป เขาก็จะสามารถสร้างเสาแห่งเต๋าต้นที่ห้าอย่างสมบูรณ์ขึ้นมาได้
เมื่อเขาก่อตั้งเสาแห่งเต๋าต้นที่ห้าได้แล้ว เมิ่งฮ่าวก็จะเป็น…ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในขั้นพื้นฐานลมปราณอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นผู้ถูกเลือก หรือเต้าจื่อ ขั้นพื้นฐานลมปราณทั้งหมด ก็จะเป็นเหมือนหญ้าแห้ง ที่ถูกเขาเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า!