ในบรรดาอาณาจักรทั้งหมดที่ก่อตัวขึ้นมาจากศิลาเซียนในที่แห่งนี้ นี่เป็นอาณาเขตที่กว้างใหญ่มากที่สุดซึ่งอยู่บนแผนที่แผ่นหยกของเมิ่งฮ่าว เขายืนอยู่บนก้อนศิลาหนึ่งร้อยจ้างมองออกไปรอบๆ บริเวณนั้น
ท้องฟ้าที่ด้านบนดูเหมือนจะสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง มองเห็นรอยร้าวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เทือกเขาสูงต่ำยืดยาวออกไป และมองเห็นซากปรักหักพังในสมัยโบราณได้ทั่วทุกที่
ขณะที่ก้อนศิลาพุ่งฝ่าอากาศไป เมิ่งฮ่าวมองลงไปบนพื้นด้านล่าง ทันใดนั้น สายตาก็เปลี่ยนไป ขณะที่สังเกตเห็นภูเขาซึ่งอยู่ด้านล่าง ดูเหมือนจะไม่ได้ก่อตัวขึ้นมาเองตามธรรมชาติ แต่พวกมันมีการเชื่อมต่อกันตามรูปแบบบางอย่าง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวได้สังเกตเห็นเช่นนี้ ในอาณาจักรก่อนหน้านี้ที่เขาได้สำรวจ ก็ประกอบไปด้วยรูปแบบเช่นเดียวกันนี้ แต่อาณาจักรแห่งนั้นมีขนาดเล็กมาก ดังนั้นสิ่งประหลาดเช่นนี้จึงมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก
แต่ในโลกแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่ามาก ขณะที่เขามองลงไปยังเทือกเขาที่ก่อตัวตามรูปแบบในกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งมีความรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากกับรูปแบบเช่นนี้
“พวกมันดูคล้ายกับเป็นสัญลักษณ์เวท” นั่นเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลมากที่สุด เขาคิดย้อนกลับไปในครั้งแรกที่มายังอาณาจักรแห่งซากสะพานนี้ และมองเห็นก้อนศิลามากมายนับไม่ถ้วน ก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปร่างของสะพานโบราณ ซึ่งยืดยาวออกมาผ่านกลุ่มดาว เขายังได้เห็นสัญลักษณ์เวทในตอนนั้นอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่า ภูเขาที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นเทือกเขานี้ ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นสัญลักษณ์เวท เนื่องจากอาณาจักรแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตมาก จึงทำให้เมิ่งฮ่าวสามารถมองเห็นพวกมันได้ชัดเจนมากขึ้น
“สะพานเซียนเดินหนถูกปกคลุมโดยสัญลักษณ์เวท ซึ่งแต่ละสัญลักษณ์เหล่านี้ต่างก็คล้ายกับยันต์เซียนเป็นอย่างมาก” ภายในร่างเมิ่งฮ่าว ปราณแห่งเซียนชี้ทางโคจรหมุนวน และเขาก็กระพริบตาข้างซ้ายอย่างรวดเร็วหลายครั้ง ขณะที่ใช้วิชาม่านตาเซียนซึ่งนกแก้วได้มอบให้มา
ทันทีที่เขาใช้วิชานี้ ร่างกายก็สั่นสะท้าน เมื่อใช้ตาข้างซ้ายมองลงไปยังพื้นดินด้านล่าง สิ่งที่เห็นไม่ใช่กลุ่มภูเขา แต่เป็นมังกรสีดำมากมาย กำลังชูศีรษะขึ้นไปในท้องฟ้าส่งเสียงคำรามออกมามังกรหลายตัวถูกทำลายไป แต่บางตัวก็เกือบจะครบถ้วนสมบูรณ์ เสียงคำรามของพวกมันน่าตกใจเป็นอย่างมาก
เมิ่งฮ่าวสั่นไปทั้งร่าง เริ่มหอบหายใจ รู้สึกราวกับว่ามีภูเขาที่มองไม่เห็นกำลังกดทับลงมาบนร่าง ทันใดนั้น วิชาม่านตาเซียนก็หายไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เป็นเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็เหลือบเห็นบางสิ่งบางอย่างอยู่ในที่ห่างไกล ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มังกรดำ แต่เป็นผีเสื้อสีดำอย่างน่าประหลาดใจ ผีเสื้อนั้นดูเลือนลางและไม่มีใครมองเห็นได้ ทุกครั้งที่มันกระพือปีก มังกรดำที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นก็จะถูกมันดูดและกลืนกินลงไปภายในร่างของผีเสื้อสีดำตัวนั้นเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ ซึ่งสร้างขึ้นมาจาก…ดินเซียน!
ขณะที่ภาพนั้นหายไป เหงื่อเท่าเม็ดถั่วก็ไหลลงมาจากหน้าผากเมิ่งฮ่าว เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าการใช้วิชาม่านตาเซียน จะช่วยให้สามารถมองเห็นภาพอันน่าตกใจเช่นนี้ได้
ขณะที่สายตากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เขาก็มองไปยังพื้นดินรอบๆ เพื่อค้นหาว่าบริเวณไหนจะเหมือนกับที่เคยมองเห็นก่อนหน้านี้ ภูเขาก็ยังคงเป็นภูเขา ไม่ใช่มังกรดำที่กำลังส่งเสียงคำราม บริเวณที่อยู่ห่างไกลออกไปซึ่งเขาได้เห็นผีเสื้อสีดำ ก็เป็นแค่ภูเขาธรรมดาทั่วไป
มีเพียงสิ่งเดียวที่ผิดปกติเกี่ยวกับบริเวณนั้นก็คือ มันเป็นจุดบรรจบของเทือกเขามากมาย
“ทาสสะพาน, มังกรดำ, ผีเสื้อ…อาณาจักรแห่งซากสะพานนี้ช่างเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับนัก” เมิ่งฮ่าวยืนครุ่นคิดอยู่บนก้อนศิลา ขณะที่มันแหวกฝ่าอากาศจนเป็นเสียงแหลมเล็ก มันเริ่มหันเหเปลี่ยนทิศทาง เขาก็มองกลับไปยังบริเวณที่เคยเห็นผีเสื้อ
“สิ่งที่ข้าเห็นเมื่อครู่นี้คล้ายกับดินเซียนเป็นอย่างยิ่ง ข้าไม่น่าจะมองพลาดในเรื่องนี้…ถ้าข้าได้รับดินเซียนที่มากมายเช่นนั้นได้ ก็คงจะสามารถนำมาสร้างเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุดินได้!” บริเวณที่มองเห็นด้วยม่านตาเซียนทำให้จิตใจเขาสั่นสะท้านและตื่นเต้น
“จะได้ผลตอบแทนกลับมาก็ต่อเมื่อกล้าที่จะเสี่ยง ถ้าต้องการอยู่เหนือคนอื่นๆ ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน!” ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังบริเวณที่เขามองเห็นผีเสื้ออย่างรวดเร็ว
จากการวิเคราะห์ของเมิ่งฮ่าว มีผู้คนจากทะเลทรายตะวันตกได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้มากกว่ายี่สิบคน และคงไม่มีใครอื่นอีกที่จะมีปราณแห่งเซียนชี้ทาง และวิชาม่านตาเซียน ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะเป็นเพียงแค่คนเดียวที่สามารถมองเห็นผีเสื้อตัวนั้น
ด้วยเช่นนั้น จึงมีโอกาสน้อยมากที่เขาจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินเซียน
เมื่อเป็นเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวจึงไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสนี้ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขามุ่งตรงไปอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็ผ่านไปเจ็ดวัน
ในช่วงเวลานั้น มิ่งฮ่าวเคลื่อนที่ไปแบบไม่หยุดพัก มีอยู่สองครั้งที่เขาใช้วิชาม่านตาเซียน เพื่อสังเกตดูผีเสื้อสีดำซึ่งกำลังกลืนกินมังกรดำอีกครั้ง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันไร้ขอบเขตของผีเสื้อ ในที่สุดเขาก็มาถึงในวันที่แปด
มันเป็นสถานที่ซึ่งมีสิบเทือกเขาที่แตกต่างกันมาบรรจบเข้าหากัน ตรงจุดตรงกลางนั้นเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยกลุ่มหมอกสีขาวที่ม้วนตัวลอยไปมา ป้องกันไม่ให้จิตสัมผัสขยายตัวออกไปได้ไกลมากนัก และดูเหมือนจะทำให้จิตวิญญาณดื่มด่ำไปกับภูเขาและแม่น้ำ
เมิ่งฮ่าวบินไปรอบๆ ในตอนแรก และจากนั้นก็เริ่มขมวดคิ้ว เขาสังเกตดูกลุ่มหมอกด้วยสายตาที่วาววับ ในที่สุด ก็บังคับให้กระบี่บินพุ่งออกไป ทำให้มันแหวกฝ่าอากาศเป็นเสียงแหลมเล็กตรงเข้าไปในกลุ่มหมอก
ทันทีที่กระบี่บินผ่านเข้าไปในกลุ่มหมอก เมิ่งฮ่าวก็นั่งลงขัดสมาธิอยู่ที่ริมฝั่งของบึงน้ำ หลับตาลงและส่งเส้นใยจิตสัมผัสที่ละเอียดอ่อนไปเชื่อมต่อกับกระบี่บิน ขณะที่มันพุ่งผ่านเข้าไปในกลุ่มหมอก
กลุ่มหมอกแน่นหนา และกระบี่บินก็พุ่งผ่านเข้าไปอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอก ในที่สุดมันก็โผล่ออกมาจากด้านล่างบึงน้ำ เมิ่งฮ่าวมองเห็นแสงอันแพรวพราว ที่ยืดยาวออกไปด้านล่างเขาเป็นภาพอันน่าตกใจ อาคารบ้านเรือนทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจากดินเซียน ทันใดนั้นก็มีเงาร่างปรากฎขึ้นภายในจิตสัมผัส เสียงระเบิดได้ยินมาขณะที่กระบี่บินระเบิดออก พลังของการทำลายล้างเริ่มสั่นสะเทือนย้อนกลับมายังเมิ่งฮ่าวผ่านจิตสัมผัส
สีหน้าเขาเปลี่ยนไป แต่ด้วยการเตรียมพร้อม แทบจะในเวลาเดียวกับที่กระบี่บินถูกทำลายไป เขาก็ตัดการเชื่อมต่อ ป้องกันพลังทำลายล้างที่จะพุ่งตรงเข้ามาถึงตัวเมื่อตัดจิตสัมผัสออกไป ใบหน้าเมิ่งฮ่าวก็ซีดขาว
“สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจากดินเซียน…นี่เป็นสถานที่อะไรกันแน่!?” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจอย่างหนักหน่วง และดวงตาก็สาดประกาย ถึงแม้เขาจะได้เห็นสถานที่แห่งนี้จากภายในกลุ่มหมอกในช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“หลังจากที่สะพานเซียนเดินหนถูกทำลายไป มันก็กลายเป็นอาณาจักรแห่งซากสะพาน หลังจากที่ผ่านมานานหลายปี ใครจะไปรู้ว่ามีผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกมากมายเท่าใดได้มายังสถานที่แห่งนี้…”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อว่า หลังจากผ่านมาหลายปี ก็ยังไม่มีใครค้นพบสถานที่แห่งนี้ แต่การที่มีดินเซียนมากมายเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ต้องมีอันตรายอย่างแน่นอน! ใครก็ตามที่พยายามจะเข้าไปในอดีตที่ผ่านมาก็ต้องตายไป!”
เมื่อเมิ่งฮ่าวครุ่นคิดมาถึงจุดนี้ จิตใจก็สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที โบกสะบัดมือและจู่ๆ เขาก็หายตัวไปไม่นานนักหลังจากที่เขาหายตัวไป ลำแสงก็ปรากฎขึ้นในที่ห่างไกล เป็นหญิงสาวที่สวมใส่ชุดยาวสีดำ มีใบหน้าที่งดงามและผิวขาวราวกับหยก ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก…จ้าวโยวหลัน!
นางเดินทางมาด้วยความระมัดระวังตัว หลังจากที่มาถึงยังที่แห่งนี้ นางก็กระทำเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว บินเป็นวงกลมไปรอบๆ จากนั้นก็ไปนั่งอยู่ริมฝั่งบึงน้ำ นางกำลังจะใช้วิชาเพื่อจะตรวจสอบเข้าไปในกลุ่มหมอก แต่ทันใดนั้นดวงตาหงส์ของนางก็สาดประกาย โบกสะบัดมืออันเรียวงาม ทำให้แมงมุมสีขาวพุ่งออกไปกลายเป็นลำแสงตรงเข้าไปในกลุ่มหมอก
เมื่อมันใกล้จะพุ่งเข้าไปในกลุ่มหมอก แต่ทันใดนั้นมันก็หันเหทิศทาง และพุ่ง…ตรงไปยังจุดที่เมิ่งฮ่าวหายตัวไป
“ไม่กล้าเผยโฉมหน้า?” นางกล่าวเสียงเย็นชา “ออกมา!” ลำแสงสีขาวพุ่งตรงไปยังสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นความว่างเปล่า ในขณะที่มันพุ่งไปถึง ก็เกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้น จากภายในระลอกคลื่นนั้นมีนิ้วโผล่ออกมา
นิ้วนั้นแตะลงไปบนลำแสงสีขาว และเสียงร้องแหลมเล็กก็ได้ยินมา แสงนั้นจางหายไป เมิ่งฮ่าวโผล่ออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบแข็งกระด้าง
“เจ้าเอง!” จ้าวโยวหลันกล่าวขึ้น ม่านตาหดเล็กลง และดวงตาก็เต็มไปด้วยรังสีสังหาร แขนของนางได้ฟื้นฟูกลับคืนมานานแล้ว แต่สีหน้าก็ยังคงกระจายความเกลียดชังอย่างลึกล้ำออกมา
ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดแคบลง การที่จ้าวโยวหลันมาปรากฎตัวขึ้นที่นี่ ก็ทำให้จิตใจเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย การที่นางมีท่าทางระมัดระวังตัวเช่นนั้น ก็แสดงให้เห็นว่านางรู้เกี่ยวกับสถานที่แปลกๆ แห่งนี้
ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ก่อนหน้านี้พื้นฐานฝึกตนของนาง อยู่เพียงแค่ขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่สร้างแกนลมปราณเท่านั้น แต่ตอนนี้…กลับอยู่ในขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง จากระลอกคลื่นพื้นฐานฝึกตนของนาง ทำให้รู้ว่านางอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นนี้ จนเกือบจะก้าวเข้าไปในขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้ง
ในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปี นางมีความก้าวหน้าอย่างน่าเหลือเชื่อนัก เมิ่งฮ่าวตระหนักดีว่าความสำเร็จเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็น!
“คงมีแต่นางเพียงคนเดียวเท่านั้น” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกาย
สำหรับจ้าวโยวหลัน รังสีสังหารสาดประกายอยู่ภายในดวงตา นางยอมรับเมิ่งฮ่าวอย่างแท้จริง แต่ก็เป็นแค่เชื้อเพลิงสำหรับความต้องการสังหารของนางเท่านั้น ทันทีที่นางเห็นเขา ก็พุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศ แสงสีขาวกระจายออกไปรอบๆ ตัวนางหนึ่งร้อยจ้าง และแมงมุมยักษ์สีขาวก็ปรากฎขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ ฉับพลันนั้นนางก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
เห็นได้ชัดว่า ผลกระทบของการผนึกสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณสาขาแมงมุมในตอนนี้ได้หายไปแล้วขณะที่จ้าวโยวหลันพุ่งตรงมา เมิ่งฮ่าวก็สวมใส่หน้ากากสีโลหิต ใบหน้าขนาดใหญ่ปรากฎขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
เสียงกระหึ่มดังก้องอยู่ในอากาศ แต่จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็หายตัวไป เมื่อปรากฎขึ้นอีกครั้ง เขาก็ไปอยู่ข้างกายจ้าวโยวหลัน พุ่งหมัดออกไป แต่ขณะที่เป็นเช่นนั้น จ้าวโยวหลันก็เลือนลางลงและหายตัวไป นางปรากฎขึ้นใหม่ที่ด้านหลังเขา ยกมือขึ้นแตะนิ้วชี้ไปที่นิ้วโป้ง อีกสามนิ้วยกชูขึ้น รังสีสังหารกระจายออกมาจากดวงตา ขณะที่นางแตะนิ้วลงไปบนแผ่นหลังเมิ่งฮ่าว
เขาแค่นเสียงเย็นชาออกมา มองไปที่ด้านล่าง ร่างกายแวบขึ้นขณะที่ระลอกคลื่นสีโลหิตกระจายออกไปทั่วทุกทิศทางที่ด้านล่างเขา แสงสีโลหิตพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าขณะที่มองเห็นเป็นห้าเงาร่าง ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นร่างจำแลงโลหิตของเมิ่งฮ่าว
เสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ และสีหน้าจ้าวโยวหลันก็เปลี่ยนไป นางหายตัวไปอีกครั้งคนทั้งสองใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยกลับไปกลับมาอยู่ในกลางอากาศขณะที่ต่อสู้กัน เสียงระเบิดดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง ขณะที่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้ออกมา
ต่อมาหลังจากนั้น จ้าวโยวหลันก็หายตัวไปในท่ามกลางการระเบิด ปรากฎกายขึ้นใหม่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยจ้าง นางยกมือที่เรียวงามขึ้นมา มองเห็นเป็นหยดโลหิตอันน่าตกใจ
นางโยนหยดโลหิตออกไป และเสียงที่คล้ายกับเสียงร้องแหลมเล็กของวิหคก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ หยดโลหิตกระจายตัวออกไป กลายเป็นหงส์สีแดง ปีกของมันแผ่ขยายออกไป และเปลวไฟก็กระจายออกไปทั่วทุกที่ หงส์ที่มีไฟล้อมรอบส่งเสียงร้องอันทรงพลังออกมา จากนั้นก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ขณะที่มันพุ่งผ่านอากาศมา ความร้อนอย่างน่าประหลาดใจก็ม้วนตัวออกไปทั่วทุกทิศทาง สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งขณะที่เขาพุ่งถอยไปด้านหลัง เส้นใยของดักแด้ไร้ตาหมุนวนไปรอบๆ ตัว ในขณะที่หงส์เพลิงปกคลุมลงมา
ทันทีที่เปลวไฟปกคลุมไปทั่วร่าง รังสีสังหารก็ปรากฎขึ้นในดวงตา เสียงอันเย็นชาของเขาก็ดังก้องไปทั่วบริเวณนั้น
“ไฟ? ข้าก็มี!”