วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 456 การเปลี่ยนแปลงของดอกบัว!

Posted By: wuxiathai - 18:46
ราชสีห์ทองคำส่งเสียงแผดร้องขณะที่มันใกล้เข้ามา ทันใดนั้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ลืมขึ้น ปกติเขาจะหลับตาอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้สูญเสียพลังงานไปแม้แต่น้อย ในตอนนี้เขาสามารถใช้พลังของเปลวไฟอมตะเพื่อต่อต้านความหนาวเย็นของความว่างเปล่านี้ และป้องกันไม่ให้พลังชีวิตถูกกำจัดไป นอกจากนี้ เขาไม่ได้จัดเตรียมของวิเศษที่ใช้ต่อต้านความหนาวเย็นมาด้วย
เมื่อเขาเห็นบุรุษวัยกลางคน และรู้สึกได้ถึงรังสีสังหารของมัน เมิ่งฮ่าวก็ยังคงรักษาความสงบนิ่งไว้
เขากำลังรอคอย รอคอยให้บุรุษผู้นี้เข้ามาใกล้ ด้วยวิธีการเช่นนี้ เขาจึงสามารถประหยัดพลังงานส่วนใหญ่ไว้ได้เมื่อสังหารมัน บุรุษผู้นี้ต้องการจะสังหารเขาไป แล้วเมิ่งฮ่าวจะไม่เตรียมตัวเพื่อเอาของวิเศษที่ช่วยต่อต้านความหนาวเย็นไปจากมันได้อย่างไร?
แทบจะในเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมา เขาก็ขยับตัวเคลื่อนไหว ร่างกายหายแวบไปในทันที จากนั้นก็ไปปรากฎตัวอยู่ข้างกายมัน สีหน้าบุรุษผู้นั้นสลดลง เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อมันตระหนักว่าการประเมินสถานการณ์ของมันก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่ผิดพลาด การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของเมิ่งฮ่าวได้พิสูจน์ให้มันเห็น
“วิญญาณของมันไม่ได้ถูกแช่แข็งโดยความหนาวเย็นนี้!” บุรุษผู้นั้นคิดหนังศีรษะเริ่มด้านชา “น้ำแข็งที่เกาะอยู่บนร่างมันไม่ใช่ของปลอม เช่นเดียวกับความหนาวเย็นที่กระจายออกมาจากร่างมัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นของปลอม ถ้าเช่นนั้น…มันก็ไม่มีของวิเศษที่จะช่วยต่อต้านความหนาวเย็นจริงๆ แต่โดยไม่มีของวิเศษเช่นนั้น มันยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?!” บุรุษผู้นั้นพุ่งถอยไปด้านหลังในทันที พยายามยืดช่องว่างระหว่างมันและเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา ทันใดนั้นเขาก็เขย่าร่างกาย ทำให้ชั้นน้ำแข็งแตกกระจายออกไปจากร่าง เปลวไฟอมตะระเบิดพลังออกมา ขับไล่ความหนาวเย็นบนร่างเขาออกไป มันหลอมรวมเข้ากับเศษน้ำแข็งที่อยู่รอบๆ ตัวเขา และกลายเป็นพายุน้ำแข็งที่เย็นจัดพุ่งตรงไปยังบุรุษผู้นั้น
สีหน้าของบุรุษผู้นั้นเปลี่ยนไป ขณะที่พายุน้ำแข็งกระแทกเข้าไปยังราชสีห์ทองคำ เสียงระเบิดได้ยินออกมา และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปากของบุรุษผู้นั้น ใบหน้ามันเปลี่ยนเป็นสีเขียวขณะที่ความหนาวเย็นผ่านเข้าไปในร่าง
มันพุ่งถอยไปด้านหลังด้วยความตื่นตระหนกอย่างต่อเนื่อง ใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย เพื่อกลับไปยังก้อนศิลาของมัน แต่ขณะที่มันปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง เมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้นมาอยู่ในก้อนศิลานั้นเช่นเดียวกัน เขายกมือขวาขึ้น ทำให้ค่ายกลกระบี่ดอกบัวปรากฎขึ้น
พลังของกาลเวลาหมุนวนออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่มันเข้าไปใกล้บุรุษผู้นั้น สีหน้ามันก็สลดลง และตบไปที่ถุงสมบัติ รูปปั้นวานรสีดำซึ่งหลับตาอยู่ก็ปรากฎขึ้น ทันใดนั้นมันก็เริ่มกระจายแสงสีดำออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น บุรุษผู้นั้นก็เริ่มพึมพำร่ายเวทขึ้น ฉับพลันนั้น รูปปั้นก็ลืมตาขึ้นมา เผยให้เห็นสายตาที่เย็นชากระหายเลือด
สีหน้าของบุรุษผู้นั้นเริ่มโหดเหี้ยมขึ้น และกล่าวว่า “รูปปั้น สังหารคน…หือ?”
ทันใดนั้น สีหน้ามันก็เปลี่ยนไป และร่างกายก็เริ่มสั่นสะท้าน เส้นผมมันเริ่มกลายเป็นสีขาวในทันที และผิวหนังของมันก็เริ่มแห้งเหี่ยว ราวกับว่าเวลามากมายหลายปีจนนับไม่ถ้วนได้ผ่านไปในทันใด
“นี่…” บุรุษผู้นั้นหอบหายใจ ขณะที่มันล่าถอยไปด้านหลังอีกครั้ง โดยไม่ลังเล มันพ่นโลหิตจากแก่นใจออกมา และใช้พลังนั้นพยายามที่จะออกไปจากขอบเขตพลังของค่ายกลกระบี่ดอกบัว แต่โชคร้ายที่มันล้มเหลว และร่างกายก็เริ่มแห้งเหี่ยวลง ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ดวงตามันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ฉับพลันนั้นมันก็ยกมือขึ้นมา และตบไปบนศีรษะของมัน เสียงระเบิดได้ยินออกมา ขณะที่วิญญาณแรกก่อตั้งของมันโผล่ออกมาในทันที มันใช้การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อย พยายามจะออกไปจากขอบเขตของค่ายกลกระบี่ดอกบัว
“นี่คืออาวุธเวทอะไรกัน!?!?” มันกล่าวด้วยเสียงร้องโหยหวนและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วิญญาณแรกก่อตั้งของมันเริ่มสั่นระริกอย่างรุนแรง ไม่อาจจะมีชีวิตรอดได้นานในความหนาวเย็นที่น่ากลัวนี้
สำหรับร่างกายของมัน ได้ตายไปในชั่วพริบตา กลายเป็นเถ้าธุลีหายไปในกาลเวลา
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาในการอธิบาย แต่จริงๆ แล้วก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าการจุดประกายไฟ พลังของค่ายกลกระบี่ดอกบัวได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในสถานที่แห่งนี้ เมิ่งฮ่าวไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เขาจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง
ต้องใช้เวลาชั่วขณะก่อนที่เขาจะได้สติกลับคืนมา พร้อมกับเสียงแค่นเย็นชา มุ่งหน้าตรงไปและคว้าจับถุงสมบัติของบุรุษผู้นั้นไว้ รวมถึงรูปปั้นวานร ซึ่งบุรุษผู้นั้นเพิ่งจะกระตุ้นให้มันทำงานได้แค่ครึ่งเดียว เขายังได้เก็บรวบรวมก้อนศิลาขนาดเล็กสีขาวห้าก้อนไว้ด้วย จากนั้นก็ใช้มือซ้ายร่ายเวทขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่ายกลกระบี่ดอกบัวกลับคืนมา
หลังจากนั้น ร่างก็แวบขึ้น ขณะที่เขากลับไปยังก้อนศิลาขนาดหนึ่งพันจ้างของเขา มองกลับไปยังวิญญาณแรกก่อตั้งของบุรุษวัยกลางคนนั้น และรังสีสังหารในดวงตาเขาก็จางหายไป
“สหายเต๋า, ช่วยข้าด้วย…” มันกล่าว น้ำเสียงโหยหวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ข้ามาจากสาขาย่อยของเผ่าจินโห่ว (ทองคำราม) ในทะเลทรายตะวันตก สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ท่าน…” วิญญาณแรกก่อตั้งของบุรุษผู้นั้นสั่นสะท้าน เสียงแตกร้าวได้ยินออกมา ขณะที่น้ำแข็งเริ่มก่อตัวอยู่บนผิวหนังของมัน
ศิลาทั้งสองก้อนเพียงแค่ลอยเข้าใกล้กันชั่วคราว ในตอนนี้ ก้อนศิลาทั้งสองได้เคลื่อนที่ห่างออกจากกัน แต่ละก้อนก็มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน เมิ่งฮ่าวรู้ดีว่าการสังหารมันเป็นการเสียเวลาเป็นอย่างยิ่ง และด้วยเช่นนั้น เขาจึงได้กลับมายังก้อนศิลาใหญ่นี้
บุรุษผู้นั้นในตอนนี้มีแค่วิญญาณแรกก่อตั้งที่เหลืออยู่ และไม่มีของวิเศษช่วยต่อต้านความหนาวเย็น มันต้องตายอย่างแน่นอน
ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงไม่ทำอะไร เขานั่งลงขัดสมาธิอยู่บนศิลาขนาดใหญ่ จากนั้นก็มองไปยังศิลาสีขาวขนาดเล็กทั้งห้าก้อน และศึกษามันชั่วขณะ เขากำลังจะลบตราประทับที่ผนึกมันไว้ แต่ทันใดนั้นตราประทับก็เริ่มจางหายไปด้วยตัวเอง เมิ่งฮ่าวมองอย่างครุ่นคิดกลับไปยังก้อนศิลาขนาดเล็กกว่าที่กำลังหายเข้าไปในความว่างเปล่า วิญญาณแรกก่อตั้งของบุรุษวัยกลางคนในตอนนี้ได้ถูกแช่แข็งไปเรียบร้อยแล้ว
“ความหนาวเย็นในความว่างเปล่านี้ช่างน่าตกใจนัก” เมิ่งฮ่าวคิด ประทับตราของตัวเองลงไปบนก้อนศิลาสีขาวขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้น แสงสว่างก็ปรากฎขึ้น ห้อมล้อมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ช่วยลดความหนาวเย็นไปมากกว่าครึ่ง เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา ตอนนี้เขาเชื่อมั่นว่าจะสามารถเดินทางผ่านเข้าไปในความว่างเปล่า พร้อมกับศิลาขนาดใหญ่นี้ได้มากขึ้น
เมื่อนั่งลงขัดสมาธิ เขาก็หยิบเอาถุงสมบัติของบุรุษผู้นั้นออกมา เปิดออกจ้องมองเข้าไปด้านใน มีหินลมปราณอยู่เล็กน้อย และสิ่งของจิปาถะอื่นๆ มีอาวุธเวทอยู่ไม่มาก แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่สนใจสิ่งของเหล่านั้น ค้นหาแผ่นหยกแทน
เขาพบทั้งหมดแปดชิ้น หลังจากที่มองไปยังแผ่นหยกทั้งแปด เขาก็หยิบออกมาหนึ่งชิ้น และเริ่มต้นศึกษาอย่างละเอียด หลังจากผ่านไปสักพัก ก็เงยหน้าขึ้น และแสงเจิดจ้าก็ปรากฎขึ้นในดวงตา“เผ่าอันยิ่งใหญ่ช่างเตรียมอุปกรณ์ไว้อย่างครบถ้วนเพื่อมายังสถานที่แห่งนี้ แม้แต่แผนที่พวกมันก็มีด้วย!” แผ่นหยกที่เขาถืออยู่ในมือประกอบด้วยแผนที่อย่างง่ายๆ แผนที่นั้นวาดให้เห็นสถานที่สี่แห่ง ซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของสะพาน หนึ่งในนั้นเป็นสถานที่ซึ่งเมิ่งฮ่าวเพิ่งจะจากมา
“ดูเหมือนว่าคนผู้นี้กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองยิงยุ่น แต่ข้าก็สำรวจสถานที่แห่งนั้นจนทะลุปรุโปร่ง และไม่พบกับสิ่งผิดปกติใดๆ” เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว มองเข้าไปในถุงสมบัติ ในที่สุดก็หยิบเอากล่องหยกออกมา
กล่องนั้นกระจายแสงอันนุ่มนวลออกมา เมิ่งฮ่าวไม่เปิดมันออกในทันที แต่ศึกษาอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีสิ่งอันตรายใดๆ อยู่ในนั้น ในที่สุด เขาก็เปิดมันออก ครั้นแล้วปราณอันเข้มข้นก็ลอยออกมา ปราณนั้นประกอบไปด้วยกลิ่นอายของตัวยา ซึ่งดูเหมือนจะสามารถเคลื่อนย้ายวิญญาณเขาได้ นอกจากนั้น ก็ทำให้เขามีความรู้สึกอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ซึ่งเหมือนกับหินลมปราณระดับสูงพิเศษ แต่มีความเข้มข้นมากกว่า
หลังจากที่สูดหายใจเข้าไปหนึ่งครั้ง วิญญาณของเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้าน และผิวหนังก็ตึงแน่นขึ้นภายในกล่องหยกนั้นเป็นกลุ่มดินสีดำขนาดเท่าเล็บนิ้ว ซึ่งมีปราณอันเข้มข้นกระจายออกมา หลังจากที่ตรวจดูอย่างละเอียด สองตัวอักษรก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจเมิ่งฮ่าว
“เซียนถู่! (ดินเซียน)” ดวงตาเขาสาดประกายเจิดจ้าขณะที่สำรวจดูมัน หลังจากที่ทำเช่นนั้น ทำให้ในตอนนี้เขามั่นใจว่าดินชนิดนี้ประกอบไปด้วยพลังของห้าธาตุ
“แย่มากที่มันมีอยู่น้อยนัก ถ้าข้ามีมากกว่านี้ ก็คงจะใช้วิธีเดียวกับที่ข้าใช้กับพลังของธาตุไฟ เพื่อสร้างเป็นภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุดินของข้าเอง!” จิตใจเมิ่งฮ่าวเต้นรัว ขณะที่เขาปิดฝากล่องและเก็บมันไว้
“ถ้าข้าต้องการจะได้ดินเซียนมากกว่านี้ ก็จำเป็นต้องแย่งชิงมาจากคนอื่นๆ อืม…ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะแย่งชิงมา!” ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น สำหรับเมิ่งฮ่าว เรื่องการสร้างภาพศักดิ์สิทธิ์ธาตุดิน เป็นเหตุผลสำคัญที่นำเขามายังอาณาจักรแห่งซากสะพานนี้ เช่นเดียวกับความต้องการได้วิญญาณอสูร เขามองออกไปในความว่างเปล่า และเริ่มนึกไปถึงพลังอันน่าตกใจของค่ายกลกระบี่กาลเวลาก่อนหน้านี้
“พลังเมื่อครู่นี้มากเกินกว่าพลังธรรมดาของกาลเวลา มันสามารถทำให้ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งต้องละทิ้งร่างกายของตัวเองไปในชั่วพริบตา มันทำให้เวลาผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้แต่การเคลื่อนย้ายทางไกลย่อยก็ยังไม่ทำงาน เมื่อครู่นี้ ค่ายกลกระบี่ดอกบัวกระจายพลังของกาลเวลาออกมาเทียบเท่ากับหนึ่งพันปี!”
เมิ่งฮ่าวเริ่มหอบหายใจ ขณะที่หยิบเอากระบี่ไม้กาลเวลาออกมาดู
ไม่ว่าเขาจะศึกษามันอย่างไร ก็ดูปกติธรรมดา เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะค้นหาร่องรอยการเปลี่ยนแปลงของมันได้แม้แต่น้อย
“มันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับความว่างเปล่านี้หรือไม่?” เขาคิด “หรือเป็นเพราะว่า ขณะที่ข้าตรวจสอบอยู่ เวลาในอาณาจักรแห่งซากสะพานได้ไหลต่างออกไปจากทะเลทรายตะวันตกที่ด้านนอก?” หลังจากที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ชั่วครู่ เมิ่งฮ่าวก็ไม่อาจจะค้นหาเบาะแสใดๆ ได้มากไปกว่านี้ แต่กระนั้นดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า ถ้าเขาค้นหาเหตุผลที่แท้จริงสำหรับพลังที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ ก็จะสามารถทำให้ค่ายกลกระบี่ดอกบัวมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างถาวร
“แต่ถึงแม้มันจะเป็นเพียงผลกระทบจากอาณาจักรแห่งซากสะพานนี้เท่านั้น มันก็ยังคงมีประโยชน์ต่อข้าเป็นอย่างยิ่ง!”
เมิ่งฮ่าวเอากระบี่ไม้แห่งกาลเวลากลับเข้าไป และมองออกไปในความว่างเปล่าที่มืดมิด ที่ด้านหน้า ดินแดนขนาดใหญ่กำลังใกล้เข้ามา ก้อนศิลาที่เขาอยู่นั้นมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับดินแดนที่หยุดนิ่งอันกว้างใหญ่มหาศาลนี้
“ข้ามาแล้ว!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ลุกขึ้นยืน แผ่นหยกที่เขาได้มาจากบุรุษผู้นั้น มีรายละเอียดของดินแดนที่เบื้องหน้า เช่นเดียวกับสถานที่ซึ่งเมิ่งฮ่าวได้จากมา นี่ก็คือ…หนึ่งในเศษชิ้นส่วนที่แตกหักออกมาของสะพานเซียนเดินหน
แน่นอนว่า สะพานเซียนเดินหนมีขนาดใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ ดังนั้นแต่ละเศษชิ้นส่วนนับหมื่นก็มีขนาดใหญ่มากจนเหมือนกับทวีป
ก้อนศิลาขนาดหนึ่งพันจ้างของเมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านความว่างเปล่าตรงไปยังดินแดนขนาดใหญ่นั้นอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดเป็นเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศไป เมิ่งฮ่าวนั่งลงอีกครั้ง รวบรวมของวิเศษที่ใช้ต่อต้านความหนาวเย็น จุดเปลวไฟอมตะขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อต่อสู้กับความหนาวเย็นอันน่ากลัวนี้
ใกล้เข้าไป…ใกล้เข้าไป…
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ทันใดนั้นก็ได้ยินมา เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าก้อนศิลาที่ด้านล่างสั่นสะเทือน แรงสะเทือนนั้นกระจายขึ้นมาทั่วร่าง ก้อนศิลาพุ่งทะลุผ่านความว่างเปล่า ขณะที่มันทะลุผ่านไป แสงเจิดจ้าฉับพลันนั้นก็เริ่มมองเห็นได้
เมิ่งฮ่าวส่งจิตสัมผัสออกไปในทันที สายฟ้าเต็มอยู่ในท้องฟ้าของอาณาจักรแห่งนี้ แผ่กระจายรอยร้าวออกมา แต่ในขณะที่เขามองไปรอบๆ อย่างเยือกเย็น ก็ตระหนักว่าอาณาจักรแห่งนี้ดูเหมือนจะมีความมั่นคงมากกว่าอาณาจักรที่เขาจากมาก่อนหน้านี้
มีภูเขาตั้งเด่นยืดยาวออกไปในที่ห่างไกล มีแม้แต่ทะเลสาบและแม่น้ำ สถานที่ทั้งหมดนี้กว้างมากเป็นอย่างยิ่ง จากจุดที่เขาอยู่ในกลางอากาศ ดูเหมือนว่าดินแดนแห่งนี้อาจจะมีขนาดใหญ่กว่าดินแดนก่อนหน้านี้ถึงสิบเท่า
ขณะที่ก้อนศิลาพุ่งผ่านอากาศไป เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นยืนและสำรวจดูบริเวณรอบๆ ทันใดนั้น ความตั้งใจก็เต็มอยู่ในดวงตา และเขาก็ขมวดคิ้วขึ้น
ที่ห่างไกลออกไป เขามองเห็นเจ็ดลำแสงพุ่งฝ่าอากาศมา กำลังต่อสู้กันอยู่
ในเจ็ดคนภายในลำแสงนั้น สองคนมีพื้นฐานฝึกตนสูงที่สุดอยู่ในขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง คนทั้งสองต่อสู้กันไปมา ทำให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วในอากาศ ขณะที่อีกห้าคน เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นพันธมิตรกับคนทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น
สองผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นกลางต่างก็เป็นบุรุษ หนึ่งสวมใส่ชุดยาวสีม่วง อีกหนึ่งสีขาว ทั้งสองต่างก็มีหน้าตาหล่อเหลา และบุคลิกท่าทางไม่ธรรมดา พวกมันปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พยายามจะป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายคว้าจับ…แสงสีขาวซึ่งลอยอยู่ในอากาศห่างจากพวกมันไปไม่ไกลมากนัก!
เมิ่งฮ่าวมองเห็นกลุ่มดินเซียนที่มีขนาดเท่าเล็บนิ้วอยู่ภายในแสงนั้น

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates