สีหน้าของเมิ่งฮ่าวเคร่งขรึม เขามองไปที่กระบี่ไม้สองเล่ม ซึ่งลอยห่างจากซ่างกวนซิวสามชุ่น (1 ชุ่น = 2.3 เซนติเมตร) เป็นสามชุ่นที่คล้ายกับหุบเหวอันกว้างใหญ่ ซึ่งเมิ่งฮ่าวไม่สามารถข้ามมันไปได้ ด้วยพลังการฝึกตนของเขาในตอนนี้
ซ่างกวนซิว ณ เวลานี้ ไม่สามารถเรียกว่า ผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณได้อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่ามันยังคงอยู่อีกไกลจากขั้นพื้นฐานลมปราณ แต่เสาแห่งเต๋าก็ได้ก่อตัวขึ้นภายในแกนทะเลสาบลมปราณของมัน ณ ตอนนี้ ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าว จะอยู่ทีระดับเก้า ของการรวบรวมลมปราณ แต่เขาก็อ่อนแอมาก เมื่อเทียบกับซ่างกวนซิว ซึ่งเขาไม่สามารถจะต้านทานได้ แม้แค่การโบกมือเพียงครั้งเดียวของมัน
ช่องว่างระหว่างขั้นพื้นฐานลมปราณ และขั้นรวบรวมลมปราณ ราวกับช่องว่างระหว่างท้องฟ้าและผืนดิน และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถึงแม้จะมีข้อยกเว้นของเหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิดบางอย่างซึ่งสามารถต่อต้านสวรรค์ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่บุคคลขั้นรวบรวมลมปราณ จะสังหารผู้ที่อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณได้
การต่อสู้ของคนทั้งสอง ก็เหมือนกับการต่อสู้ระหว่างทารก และบุรุษที่แข็งแรง ถึงแม้ว่าบุรุษผู้นั้นจะอ่อนแอก็ตามที มันก็ยังคงสามารถสังหารทารกด้วยการขยับมือแค่ครั้งเดียว
ตอนนี้ เมิ่งฮ่าวมีเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วยาม ก่อนที่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ จะปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้า โอกาสของเขามีเพียงน้อยนิด แต่ถ้าถึงเวลานั้น เขาก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย
เวลาเลื่อนผ่านไป และเงาแห่งความตายก็ใกล้เข้ามา ถึงแม้ว่าเขาจะบินหนีไป แต่ก็หนีไปได้ในเวลาแค่ช่วงสั้นๆ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน แม้จะเป็นมุมที่ไกลสุดของทะเลเทียนหยา (สุดขอบโลก) เขาก็ยังคงไม่อาจหลบหนีความตายไปได้
“ข้าควรจะทำอย่างไร…” ดวงตาของเมิ่งฮ่าวแดงก่ำ เขาไม่ใช่เป็นผู้ที่มีความกังวลใจเพียงคนเดียว ตรงเชิงเขาด้านล่าง สีหน้าของเสียวหู่ซีดขาว มันได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ จนต้องกัดฟันแน่น
“เมิ่งฮ่าว!” มันตะโกนขึ้น ขยับนิ้วเป็นรูปแบบการสร้างเวทอาคม จากนั้นก็ตบลงไปที่หน้าอก พ่นโลหิตมากมายออกมา กระจายตรงออกไปเบื้องหน้า และกลายเป็นเมฆสีแดง รูปร่างเหมือนมือที่กำไว้อยู่ “ไข่มุกนี้คือชีวิตของข้า ให้ข้าได้ช่วยเจ้าบ้าง”
เมื่อคำพูดออกมาจากปากของมัน มันก็หมดสติล้มลงไป ไข่มุกดูดเมฆโลหิตของเสียวหู่เข้าไป จากนั้นก็เริ่มส่องแสงเป็นประกายสีแดงออกมา หมุนวนไปหลายรอบ รอบๆ เซี่ยฉิว (โลหิตลูกกลมๆ)
แต่ในทันใดนั้น ไข่มุกก็พุ่งตรงไปที่เมิ่งฮ่าว เมื่อมันไปถึง แสงสีแดงก็ทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ห่อหุ้มเมิ่งฮ่าวด้วยแสงของมันไว้
ณ เวลานั้น ความรู้สึกแปลกๆ ก็เติมเต็มอยู่ในจิตใจของเมิ่งฮ่าว รู้สึกราวกับว่า พลังการฝึกตนของเขา ได้พุ่งสูงมากขึ้นไปในทันใด!
แกนทะเลลมปราณสีทองของเขา ก็เริ่มส่งเสียงกระหึ่ม เมื่อมันขยายตัวออกไป ภายในทันทีนั้นเอง มันก็มีขนาดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทันใด ขอบเขตอันไม่มีที่สิ้นสุดของมัน เพิ่มมากขึ้นจนเหมือนกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมา ภายในร่างของเขา
ทันใดนั้น ร่างของเมิ่งฮ่าวก็ส่องประกายแสงสีทองออกมา ทำให้เขาดูไม่ธรรมดาโดยสิ้นเชิง
แกนอสูรภายในร่างของเขาไม่ได้กระเพื่อมขึ้นลง แต่เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็วแทน เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังลมปราณอันเข้มข้น ก็ไหลบ่าออกมาจากร่างของเมิ่งฮ่าว เติมเต็มจิตใจของเขาด้วยเสียงกระหึ่มของสายฟ้า และ…เส้นใยของลมปราณ!
ลมปราณอันอ่อนแอ เหมือนกับเส้นใย ที่เขารู้สึกได้ ตอนที่บรรลุระดับแรก ของการรวบรวมลมปราณ
สิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่รู้ ก็คือ เส้นใยลมปราณในจิตใจของเขานี้ จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตน ขั้นพื้นฐานลมปราณ มีอยู่ในครอบครอง มันก็คือ จิตสัมผัส!
แม้แต่ซ่างกวนซิวก็ยังไม่มี เนื่องจากมันยังไม่บรรลุถึงขั้น พื้นฐานลมปราณ โดยสมบูรณ์
ถึงแม้เมิ่งฮ่าว ยังไม่ผ่านไปถึงขั้น พื้นฐานลมปราณด้วยเช่นกัน แต่เขาก็บรรลุถึงระดับสิบ ของการรวบรวมลมปราณ! เสียงปะทุดังออกมาจากภายในร่างของเขา
สิ่งสกปรกจำนวนมากมาย ผุดขึ้นมาจากรูขุมขน เมื่อเขาผ่านขั้นตอนการชำระล้างร่างกาย ไปสู่ระดับที่สูงของ การรวบรวมลมปราณ กว่าทุกๆ คนในโลกแห่งผู้ฝึกตนนี้
ระดับขั้นสิบ ของการรวบรวมลมปราณ!
ศีรษะของเมิ่งฮ่าวหมุนมึนงง เพียงชั่วพริบตา ร่างของเขาก็เหนียวแน่นและแข็งแรงมากขึ้น ไม่เพียงแต่จะมีจิตสัมผัสเพิ่มขึ้นมา แต่ร่างของเขาก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ในโลกแห่งผู้ฝึกตน ระดับขั้นสิบ ของการรวบรวมลมปราณ เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็น ในความเป็นจริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ มีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมากมาย ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับขั้น รวบรวมลมปราณ…เพื่อเป้าหมายในการบรรลุถึงระดับขั้นสิบ, สิบเอ็ด และ สิบสอง
ถ้าพูดตามหลักเหตุผลมันก็เป็นไปได้, ในบางส่วนของตำราโบราณ ได้มีการพูดถึงระดับขั้นเหล่านี้ จากการคาดคะเน เมื่อโบราณนานมาแล้ว ขั้นรวบรวมลมปราณ มีทั้งหมดสิบสามระดับ!
ในตำนาน แม้จะเป็นช่วงเวลาโบราณนั้น มันก็ยากที่จะมีใครบรรลุถึงระดับสิบ และหายากมากยิ่งขึ้นสำหรับระดับสิบเอ็ด ใครก็ตามที่บรรลุถึงระดับนั้น ย่อมสามารถเขย่าโลกให้สั่นสะเทือนได้
ในโลกแห่งการฝึกตนยุคใหม่ ระดับขั้นสิบ ของการรวบรวมลมปราณ ไม่มีอะไรมากไปกว่า การเป็นตำนาน
นานนับปี จากรุ่นสู่รุ่นของผู้ฝึกตนได้บรรลุถึงแค่ระดับขั้นเก้า ของการรวบรวมลมปราณ และในที่สุด ทุกคนก็คิดว่าขั้นรวบรวมลมปราณ สูงสุดอยู่ที่ระดับเก้า
เมื่อโบราณกาล ได้มีถึงระดับสิบสาม ของการรวบรวมลมปราณ แต่ได้ถูกกำหนดให้จำกัดอยู่ที่ระดับเก้า, สำหรับระดับสิบ และสูงกว่านั้น ได้ถูกทำลายลงด้วยความต้องการแห่งสวรรค์ จากนั้นเป็นต้นมา จึงมีเพียงแค่ระดับเก้า!
ยังมีความคิดเห็นอื่นอีก แต่ก็ถูกปฏิเสธจากคนส่วนใหญ่ ซึ่งเห็นว่ามันไร้สาระ นั่นก็คือ ความต้องการแห่งสวรรค์ครั้งโบราณกาลได้ตายลง และความต้องการใหม่ของสวรรค์ได้เกิดขึ้น
ซึ่งมันยอมรับแค่ระดับเก้า ของการรวบรวมลมปราณ และได้ทำลายวิถีทางที่จะบรรลุไปสู่ระดับสิบทิ้งไป เนื่องจากใครก็ตามที่เดินตามวิถีทางของระดับสิบ คนผู้นั้นสามารถที่จะต่อต้านสวรรค์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องห้าม
ถ้าผู้ฝึกตนใด สามารถที่จะรวบรวมลมปราณ ของสวรรค์และปฐพีได้มากพอ ก็สามารถที่จะเดินไปบนเส้นทาง ที่จะบรรลุถึงระดับสิบ ของการรวบรวมลมปราณ ที่เล่าขานกันมาตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณได้!
เส้นทางนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่โชคร้าย ที่มันได้ถูกทำลายลง ตั้งแต่ครั้งโบราณกาล และถึงแม้ว่ามันจะยังคงมีอยู่ แต่ก็ถูกทำลายลงจนเกินกว่าจะซ่อมแซมได้
แต่วันนี้ มันได้ปรากฎขึ้นในร่างกายของเมิ่งฮ่าว ผู้ที่มองเห็นได้ ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียว แต่ซ่างกวนซิวที่ตะลึงอยู่ ก็มองเห็นด้วยเช่นกัน มันจะเชื่อได้อย่างไรว่า ตรงเบื้องหน้ามัน, เมิ่งฮ่าว…ได้เข้าไปสู่ระดับสิบ ของการรวบรวมลมปราณ ในตำนาน?
“เป็นไปไม่ได้…ระดับสิบของการรวบรวมลมปราณ เป็นเพียงแค่ในตำนาน” สีหน้าของซ่างกวนซิวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“จากเรื่องที่เล่าต่อกันมา ระดับสิบของการรวบรวมลมปราณ เป็นขั้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกาย…มันมีอยู่แต่ในทฤษฎีเท่านั้น แม้แต่ในสมัยโบราณ ก็ยากที่จะบรรลุได้…เป็นไปไม่ได้!”
ถ้าเสียวหู่ไม่ได้หมดสติไป มันก็คงตกตะลึงด้วยเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าไข่มุกเป็นของมัน จะประกอบด้วยพลังแห่งชีวิตของมัน ไข่มุกเม็ดนั้นก็ไม่เคยส่งผลอันน่าตกใจเช่นนี้กับมันมาก่อน
ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ระดับไหน ไข่มุกก็ทำให้มันมีระดับพลังลมปราณสูงขึ้นไปแค่ครึ่งหนึ่งอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้มันอยู่ที่ระดับห้าของการรวบรวมลมปราณ แต่ในเรื่องของพลังลมปราณ มันอยู่ในจุดครึ่งทางของระดับหก
เส้นผมของเมิ่งฮ่าวลอยขึ้นไปอย่างพลุ่งพล่าน และดวงตาก็ส่องประกายเจิดจ้า เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกถึงพลังลมปราณอันมหาศาล พรั่งพรูอยู่ในร่าง
เขารู้สึกถึงเส้นใยของลมปราณอยู่ภายในจิตใจ เช่นเดียวกับความแข็งแกร่ง ที่กำลังกระเพื่อมอยู่ภายในกล้ามเนื้อ และโลหิต เขารู้ว่า ณ ตอนนี้ เขาไม่ได้อ่อนแออีกแม้แต่น้อย
แต่มันก็ยังมีผลข้างเคียง เมื่อเขาได้บรรลุถึงระดับสิบขั้นรวบรวมลมปราณ มันก็ดูเหมือนว่า สวรรค์ได้ตัดการเชื่อมต่อทุกอย่างกับเขาในทันที เขาไม่สามารถรู้สึกถึงพลังใดๆ ของสวรรค์และปฐพีได้อีก
ราวกับว่ามันได้ถูกแยกออกไปโดยสิ้นเชิง เขารู้สึกถึงการดูดซับอย่างรุนแรงภายในร่างกาย ราวกับว่าเขาได้เกิดใหม่เป็นเด็กทารก ซึ่งต้องการสารอาหาร…แต่ก็ถูกปฏิเสธ
ณ ตอนนี้ ร่างกายของเขาก็ยังคงดูเหมือนนักศึกษาที่อ่อนแอ แต่ในความเป็นจริง เนื้อหนังของเขา ได้เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ซึ่งเขารู้สึกราวกับว่า สามารถที่จะฉีกกำแพงเมืองออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้ไม่มีเวลาพอที่จะพิจารณาถึงสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ ดวงตาของเขาสาดประกาย เมื่อเขามองไปที่ซ่างกวนซิว และความไม่อยากเชื่อซึ่งได้เขียนอยู่บนใบหน้าของมัน เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมา ชี้นิ้วตรงไปที่กระบี่ไม้
ดรรชนีนี้ประกอบด้วยพลังทั้งหมดของเมิ่งฮ่าว ซึ่งอยู่ในระดับสิบ ขั้นรวบรวมลมปราณ ลมปราณทั้งหมดของเขา, ความแข็งแกร่งทั้งหมดของร่างกาย
นี่เป็นการโจมตีของเมิ่งฮ่าวที่มีพลังมากที่สุด ในความจริง นี่อาจจะเป็นพลังโจมตีมากที่สุด มากกว่าผู้ฝึกตน ในขั้นรวบรวมลมปราณ ของแคว้นจ้าวทุกคนรวมกัน
เมื่อเขาแตะเบาๆ ไปที่กระบี่ไม้ เสียงระเบิดก็ดังปะทุขึ้น ด้วยพลังแห่งกระบี่ แทงทะลุผ่านช่องว่างสามชุ่น (1 ชุ่น = 2.3 เซนติเมตร) และปักลึกเข้าไปในหน้าอกของซ่างกวนซิว เสียงปังดังออกมา เมื่อกระบี่ไม้แทงผ่านหน้าอกของมันไป ทะลุไปด้านหลังโลหิตสาดกระจายราวสายน้ำ
ร่างของซ่างกวนซิวสั่นสะท้าน และมันยังคงไม่อาจขยับตัว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความกลัว เมื่อมันรู้สึกได้ถึง พลังลมปราณอันมากมายมหาศาล ได้ไหลบ่าออกไปจากบาดแผล
ในชั่วพริบตาเดียว พลังลมปราณที่รวมกันในขั้นพื้นฐานลมปราณของมัน ก็ได้รั่วไหลออกไป ทำให้การที่จะบรรลุถึงขั้นนี้ของมันนานมากขึ้น และมากขึ้นไปอีก
เวลานี้ มือของเมิ่งฮ่าวก็ยกขึ้นมาอีกครั้ง และแตะไปที่กระบี่ไม้อีกเล่ม มันส่งเสียงกระหึ่ม เมื่อพุ่งตรงไปที่ลำคอของซ่างกวนซิว
“เมิ่งฮ่าว เจ้าไม่กล้าสังหารข้า…” ตอนนี้ซ่างกวนซิวหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ความหยิ่งเย็นชาก่อนหน้านั้นของมัน และรังสีสังหารได้หายไปหมดสิ้น แทนที่ด้วยการกระเสือกกระสนดิ้นรนเพื่อหลีกเลี่ยงความตาย
เมิ่งฮ่าวไม่พูดจา ดวงตาของเขาส่องประกายอำมหิต เมื่อกระบี่ไม้ที่เขาเพิ่งจะแตะสัมผัส ได้ทะลุผ่านช่องว่างสามชุ่น และแทงเข้าไปในลำคอของซ่างกวนซิว ทันทีที่กระบี่ไม้ทะลุเข้าไปในลำคอของมัน
ซ่างกวนซิวก็พยายามเบี่ยงศีรษะของมันไปอีกด้านในทันใด เท่าที่มันจะทำได้ กระบี่ไม้ก็เฉือนเนื้อของมันเปิดเป็นแผลกว้างใหญ่ โลหิตสาดกระจายออกมา และยังไม่ได้สังหารมัน
ซ่างกวนซิวเต็มไปด้วยความกลัว มันรู้สึกถึงพลังแห่งชีวิตของมันเริ่มจางลง และพลังลมปราณของมันกำลังกระจายออกไป เมื่อพลังลมปราณรั่วไหลออกมา ร่างของมันก็เริ่มขยับได้มากยิ่งขึ้น
“เมิ่งฮ่าว, ระหว่างพวกเรา ไม่มีความโกรธที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะให้คัมภีร์สุดยอดวิญญาณแก่เจ้า…” ซ่างกวนซิวไม่ต้องหวาดกลัวมากอีกต่อไป ก่อนที่มันจะพูดจบ
กระบี่ไม้สองเล่มก็หมุนวนกลับมา แทงกลับเข้าไปในหน้าอกของมัน โลหิตสาดกระจายไปทุกที่ มันส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่ากลัวออกมา เต็มไปด้วยความอ่อนแอและความสิ้นหวัง
เมิ่งฮ่าวไม่สนใจแม้แต่น้อย เมื่อมันพูดถึงคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ ดวงตาของเขาแข็งกร้าวเหมือนเช่นเคย ไม่ว่าซ่างกวนซิวจะกล่าวอันใด เขาก็จะไม่หยุดจนกว่ามันจะตายไป
นี่คือเมิ่งฮ่าว เมื่อใดที่เขาตัดสินใจแล้ว เขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจโดยง่ายดาย