เสียวหู่มองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยความระมัดระวัง มันเคยเป็นคนที่ใสซื่อบริสุทธิ์ราวเด็กทารก แต่หลังจากที่เข้าสังกัด สำนักเอกะเทวะ ก็ได้พบเจอกับประสบการณ์อันเลวร้าย ที่ยากจะคาดคิดได้มากมาย ทำให้จิตใจของมัน ได้เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างราวเหล็กไหล ไม่มีใครรู้ได้ว่า มีผู้ฝึกตนกี่คน ที่มันได้สังหารไป
มันจ้องไปที่เมิ่งฮ่าว และค่อยๆ ตระหนักได้ว่า เขาไม่รู้เรื่องที่ได้เกิดขึ้น เมื่อไม่นานมานี้จริงๆ
“ศิษย์พี่เมิ่ง, ไม่กี่วันมานี้ ทั่วทั้งโลกแห่งการฝึกตน ในแคว้นจ้าว กำลังตามหาท่าน สามสำนักใหญ่ได้มีคำสั่ง ประกาศจับท่าน ผู้ฝึกตนมากมาย ได้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง เพื่อตามล่าท่าน” มันลังเลชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดต่อ
สีหน้าของเมิ่งฮ่าว ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เขาลอยอยู่ในอากาศ มองลงไปยังเสียวหู่โดยไม่พูดจา
“สามสำนักใหญ่สั่งว่า ห้ามสังหารท่าน” มันกล่าวช้าๆ “ท่านบาดเจ็บ หรือพิการได้ แต่ห้ามสังหาร” ตลอดเวลาที่พูด มันมองไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างต่อเนื่อง ไม่อาจบอกได้ว่า มันกำลังคิดอะไรอยู่
“ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดมามันไม่จริง” เมิ่งฮ่าวพูดเสียงเย็นชา สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเช่นเคย “ก็อย่าได้ตำหนิข้าว่าไม่คิดถึงความสัมพันธ์ในอดีตของพวกเรา”
เมื่อได้ยินดังนี้ เสียวหู่ต้องถอยหลังออกไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของมันสั่นไหว
“ศิษย์พี่เมิ่ง ท่านน่าจะจำท่านลุงซ่างกวน จากสำนักสายในได้อย่างแน่นอน เมื่อสองเดือนที่แล้ว มันได้สร้างเวทสะกดอันน่ากลัวขึ้น ครอบคลุมไปทั่วทั้งสามเมือง ที่อยู่ใกล้กับภูเขาต้าชิง”
มันพูดพร้อมกับกัดฟันไปด้วย “ซ่างกวนซิว วางแผนที่จะใช้โลหิตของคนธรรมดาที่อยู่ที่นั่น ปรุงเป็นเม็ดยาโลหิต เพื่อจะบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ มันดำเนินการมาสองเดือนแล้ว ด้วยพลังการฝึกตนของข้า ย่อมไม่อาจจะสู้กับมันได้ แต่ข้าก็มาเพื่อพยายามจะช่วยท่านพ่อ และท่านแม่ของข้า!”
เมิ่งฮ่าวจ้องไปที่มันด้วยความตกใจ ศีรษะหมุนติ้ว ความโกรธปะทุขึ้นมาภายใน และรังสีสังหารอันเข้มข้นรุนแรง ก็เริ่มกระจายออกมา เขารู้ดีว่า เป้าหมายจริงๆ ของซ่างกวนซิว ไม่ใช่การปรุงเม็ดยาโลหิต แต่เพื่อล่อให้เขาออกไป
สีหน้าของเขาดุร้ายขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ซ่างกวนซิวไปยุ่งกับคนธรรมดาในสามเมืองนี้ โลกแห่งผู้ฝึกตนในแคว้นจ้าว ไม่ทำอะไรเพื่อจะหยุดมัน?” เสียงของเมิ่งฮ่าวเย็นเยียบราวน้ำแข็งเมื่อเขาพูด “ทุกคนเชื่อว่าเป้าหมายของมันคือบรรลุขั้นพื้นฐานจริงๆ?”
“ทุกคนพูดว่า อีกนานกว่าที่ซ่างกวนซิวจะบรรลุถึงขั้นพื้นฐานลมปราณ” เสียวหู่กล่าว
“และที่มันจงใจเลือกสามเมือง ที่อยู่รายรอบภูเขาต้าชิง ก็เนื่องจากได้มีลางดีเกิดขึ้นที่นี่ เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเม็ดยาโลหิต ก็ทำให้มันบรรลุถึงขั้นพื้นฐานลมปราณได้อย่างง่ายดาย ในอดีต สามสำนักใหญ่ ไม่ยอมให้มันทำเรื่องเช่นนี้ แต่ตอนนี้ พวกมันกำลังตามหาสถานที่นั่งกัมมัฏฐาน ของท่านปรมาจารย์เอกะเทวะ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมพวกมันถึงได้สั่งให้ทุกคน ค้นหาท่าน และไม่สนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นที่นี่ พวกมันไม่ต้องการยุ่งกับปัญหาอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น ซ่างกวนซิวก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ข้าพยายามค้นหาข้อมูล และก็พบว่า มันมาจากเมืองเทียนเหอ เห็นได้ชัดว่า ในตอนแรก สามสำนักใหญ่ก็พยายามเข้ามายุ่งเรื่องนี้ แต่หลังจากนั้นก็ถอยออกไปด้วยเหตุผลบางอย่าง”
เมิ่งฮ่าวรับฟังอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เริ่มยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ถมึงทึงและเย็นชา ความตั้งใจสังหารที่ปรากฎอยู่ในจิตใจของเขาตอนนี้ มากเกินกว่าความตั้งใจสังหาร ที่เขาเคยรู้สึกกับหวังเถิงเฟย หรือแม้แต่ติงซิ่น เมื่อในอดีตที่ผ่านมา
ความรุนแรงของความตั้งใจที่จะสังหารนี้ ส่งผลให้แกนทะเลลมปราณพลุ่งเดือดพล่าน มันดุร้ายมากกว่าสิ่งใดๆ ที่เขาเคยรู้สึกมา ในตลอดช่วงชีวิตยี่สิบเอ็ดปีของเขา
“ซ่างกวนซิว…” เมิ่งฮ่าวหมุนตัว และมองตรงไปที่ภูเขาต้าชิง เขาโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และเสียวหู่ก็ลอยขึ้นมายืนบนพัดหยินเหอ ด้วยสีหน้าตกใจ
“ศิษย์พี่เมิ่ง, เกิดอะไรขึ้น?” เสียวหู่โพล่งถามขึ้น หายใจอย่างรุนแรง
“พวกเรากำลังจะไปที่ภูเขาต้าชิง ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดถูกต้อง ก็ดี, แต่ถ้าเจ้าโกหกข้า เจ้าก็ไม่ต้องกลัวว่า จะมีใครไล่ตาม เพื่อแย่งชิงของวิเศษจากเจ้าอีกต่อไป” พัดหยินเหอส่องประกาย และพวกเขาก็พุ่งออกไป
เสียวหู่นิ่งเงียบ ไม่มีอะไรให้พูดมากไปกว่านี้อีกแล้ว มันยืนบนพัดหยินเหอ ข้างกายเมิ่งฮ่าว ความขัดแย้งปรากฎขึ้นในดวงตาของมัน แต่ไม่ช้าก็หายไป แทนที่ด้วยความมุ่งมั่น
ใช้เวลาไม่นาน ก่อนที่ภูเขาต้าชิงจะปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเขา เมิ่งฮ่าวไม่ได้พุ่งเข้าไปตรงๆ พัดหยินเหอแวบแสงขึ้น และพวกเขาก็ร่อนลงไปที่พื้น ตรงด้านหน้าขึ้นไป ทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแสงที่ส่องประกายสีแดง ดูเหมือนว่าด้านนอกของประกายแสงนี้ ทุกๆ หนึ่งพันหลี่ (1 หลี่ = 0.5 กิโลเมตรโดยประมาณ) จะมีผู้ฝึกตนในชุดยาวสีดำ นั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่
พวกมันมีประมาณสิบสองคน และเห็นได้ชัดว่า พวกมันกำลังช่วยส่งพลังไปให้ เวทสะกดที่ล้อมรอบสามเมืองนี้อยู่
ไกลออกไป ที่ด้านบนของภูเขา ใครบางคนนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่
ในเมืองที่อยู่ด้านล่างเชิงเขา ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ เส้นใยเล็กๆ ของปราณโลหิต ลอยขึ้นมาจากเมืองทั้งสาม
ความต้องการสังหารของเมิ่งฮ่าวเข้มข้นขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาคลายเส้นใยที่ได้ผูกมัดเสียวหู่ไว้
“เมื่อข้าเรียกชื่อเจ้า, เจ้าต้องรีบมา” เมิ่งฮ่าวกล่าวช้าๆ จากนั้นก็เดินตรงไปข้างหน้า ร่างของเขาส่งเสียงหวีดหวือในสายลม และกระจายบรรยากาศ อันเย็นเยียบราวน้ำแข็งออกมา
“หวังโหย่วฉาย ยังไม่ตาย” เสียวหู่พูดโพล่งออกมา เมิ่งฮ่าวไม่สนใจมัน ขณะที่เขาก้าวเท้าตรงไปข้างหน้า
เสียวหู่มองจนเขาหายลับตาไป จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา และนั่งลงเข้าสมาธิอย่างเงียบๆ นอกจากที่มันได้เคยค้นหาข้อมูลของซ่างกวนซิวแล้ว มันยังได้ค้นหาข้อมูลของเมิ่งฮ่าวด้วย
มันรู้ว่าครอบครัวของเมิ่งฮ่าว ไม่ได้อยู่ที่เมืองหยุนเจี๋ยอีกต่อไปแล้ว และสิ่งที่ซ่างกวนซิวต้องการมากที่สุด ในการใช้เวทโลหิตนี้ ก็เพื่อต้องการล่อให้เมิ่งฮ่าว ปรากฎตัวออกมาโดยเฉพาะ
“ศิษย์พี่เมิ่ง, ข้าเพียงแค่ต้องการช่วยบิดามารดาของข้า ถ้าท่านมีชีวิตรอดกลับมาได้ ข้าจะติดค้างหนี้อันยิ่งใหญ่นี้กับท่าน” มันมองขึ้นไป อารมณ์อันซับซ้อนส่องประกายอยู่ในดวงตาของมัน
เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงเข้าไปที่ประกายแสงสีแดงโลหิตนั้น, เสียวหู่ ถึงแม้อายุยังเยาว์ แต่ก็ฉลาด และคาดคะเนได้อย่างถูกต้อง สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาเป็นคนที่ฉลาดเสมอมา หลังจากที่ล้มเหลวในการเป็นนักศึกษา เขาก็ได้ผ่านพบกับความเลวร้ายต่างๆ ในสำนักเอกะเทวะมามากมาย
หลังจากที่ได้ผ่านประสบการณ์จากในสำนัก และเหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทำไมเขาถึงมองไม่ทะลุถึงความต้องการที่แท้จริงของศัตรู?
ซ่างกวนซิวได้วางกับดักเขาไว้ แต่เขาจะไม่ไปได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าครอบครัวเขาจะไม่อยู่ในเมืองหยุนเจี๋ยอีกแล้ว แต่มันก็ยังเป็นบ้านของเขา ความทรงจำในวัยเด็กของเขาก็อยู่ที่นั่น และมันก็สวยงามตลอดไป
ซ่างกวนซิวไร้มโนธรรมสำนึกโดยสิ้นเชิง และการกระทำครั้งนี้ของมัน ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวเคียดแค้นมันลึกลงไปถึงกระดูก ความต้องการสังหารของเขา กระจายพุ่งออกไป จนยากที่จะบอกได้ว่า มันสูงขึ้นไปถึงขนาดไหน
ถึงแม้ว่าจะกำลังเสี่ยงต่อความตาย ถึงแม้ว่าเขากำลังเป็นของเล่น อยู่ในมือของซ่างกวนซิว เมิ่งฮ่าวก็รู้ว่าในชีวิตของคนผู้หนึ่ง มีบางสิ่งบางอย่างที่บุรุษต้องกระทำ…ถึงแม้ว่ามันจะอันตรายมากเพียงไหนก็ตาม ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องไป
ความกลัว และความลังเลสงสัย ไม่มีปรากฎอยู่ในตัวของบุรุษที่แท้จริง
รังสีสังหาร และความต้องการสังหารของเขา ไม่เคยเข้มข้นรุนแรง เท่านี้มาก่อน มันไม่อาจจะหายไปด้วยการตายของคนเพียงคนเดียว แต่ต้องเป็นทุกๆ คน ที่เกี่ยวข้องกับเวทโลหิตในครั้งนี้
“ในชีวิตการเป็นผู้ฝึกตนของข้า, มีบางคนที่ข้าไม่ได้สังหาร ไม่ใช่เพราะว่า ข้าไม่สามารถสังหารได้ แต่เป็นเพราะว่า ข้าไม่ต้องการสังหาร”
เขาเพิ่มความเร็วขึ้น ดวงตาส่องประกายแห่งความตายออกมา แต่จิตใจของเขาเยือกเย็น ตอนนี้เขาได้มาถึงพื้นที่ของเวทโลหิต เขาพุ่งตรงไปที่ผู้ฝึกตนระดับหก ของการรวบรวมลมปราณ ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น
มันสวมใส่ชุดยาวสีดำ และอายุประมาณยี่สิบหก ถึงยี่สิบเจ็ดปี เมื่อเมิ่งฮ่าวพุ่งเข้ามาหามัน มันลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ ยกมือขึ้น แต่ในทันใดนั้น เมิ่งฮ่าว ซึ่งมีสีหน้าที่เย็นชา และเต็มไปด้วยความตาย ก็พุ่งผ่านมันไป
มีกระบี่อยู่ในมือของเมิ่งฮ่าว ด้านหลังของเขา ศีรษะลอยขึ้นไปในท้องฟ้า สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความสับสน ร่างของมันตกลงไปบนพื้น
กลิ่นคาวของโลหิต กระจายเต็มไปทั่วในอากาศ ซากศพร่างนั้น กระตุกไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็แน่นิ่งไป
ไม่มีเสียงตะโกนด้วยความเจ็บปวด ไม่มีการต่อสู้ สำหรับเมิ่งฮ่าว มันง่ายดายยิ่งกว่าการฆ่าไก่สักตัว เช่นเดียวกับที่เขาได้กล่าวไว้ มันไม่ใช่เพราะว่า เขาไม่สามารถสังหาร เขาเพียงแค่ ไม่ต้องการสังหาร เท่านั้น
“เมื่อใครก็ตาม ที่พยายามจะตัดหัวไก่” เมิ่งฮ่าวกล่าวกับตัวเอง “มันมักจะดิ้นรนขัดขืนเล็กน้อย ผู้คนก็เช่นกันมักจะดิ้นรนขัดขืนมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อไร้ศีรษะ มันก็เทียบไม่ได้ แม้แต่ไก่เพียงตัวเดียว” ไม่แม้แต่จะเหลือบมองซากศพที่ด้านหลัง เขาพุ่งต่อไปข้างหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความตั้งใจสังหาร
เขาเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว และไม่นาน เงาร่างที่นั่งสมาธิอยู่ ก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเขา เห็นได้ชัดว่า บุคคลผู้นี้ไม่รับรู้ถึงการตายของสหาย มันนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ส่งพลังไปยังเวทสะกด
มันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะลืมตาขึ้น ก่อนที่ศีรษะของมันลอยออกไปจากร่าง
“ซ่างกวนซิว, เจ้าบังคับให้ข้าต้องสังหาร ดีมาก…วันนี้ ข้าจะสังหารทุกอย่างที่ขวางทางข้า” เขาสะบัดกระบี่ไม้ในมือ ทำให้หยดโลหิตลอยออกไปในทุกที่ จากนั้นก็หายไป
เนื่องจากการตายของสองผู้ฝึกตน ระลอกคลื่นก็ได้ปรากฎขึ้น ในเขตเวทสะกดสีแดงนั้น ทำให้ผู้ฝึกตนที่กำลังส่งพลังไปเกิดการตกใจไปทั่ว จากหนึ่งไปสอง จากสองไปสาม ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ พวกมันลืมตา และยืนขึ้น มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
เวลาเดียวกันนั้น ด้านบนของภูเขา ดวงตาของซ่างกวนซิวก็ลืมขึ้น มันส่องประกายออกมา เมื่อมองลงไปค้นหาว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นยังเบื้องล่าง
ปราณโลหิตดูเหมือนว่าจะหนามากขึ้น แต่มันไม่สามารถเห็นได้ชัดเจนว่า อะไรกำลังเกิดขึ้น มันขมวดคิ้วและแค่นเสียงออกมา ยกมือขวาขึ้น และโลหิตทรงกลมก็ปรากฎขึ้น ขนาดประมาณศีรษะคน ปราณโลหิตหมุนวนไปมาอยู่ด้านใน
ด้วยการโบกสะบัดแขนเสื้อ โลหิตลูกกลมๆ ก็พุ่งลงไปจากภูเขาต้าชิง กระแทกผ่านเข้าไปในอาณาเขตของเวทสะกดสีแดงเลือด ด้วยเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง
เวทสะกดสีแดงเลือดกำลังอ่อนแอลง ทันใดนั้น เสียงร้องอย่างโหยหวนก็ดังออกมา ดังสะท้อนออกมาจากภายในของเวทสะกด ดูเหมือนว่า เสียงนั้นจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จนยากจะบรรยาย
หลังจากนั้น เสียงกรีดร้องอื่นก็ดังออกมา เสียงกรีดร้องนี้ ดังออกมาจากปากใครบางคน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกิดจากความตกใจกลัวถึงขีดสุด ซ่างกวนซิวขมวดคิ้ว มองลงไปยังเวทสะกดสีแดงเลือด ซึ่งปรากฎว่า มันได้หดตัวลงไปเกือบครึ่ง และค่อนข้างจะมืดมัว
คนที่สามกรีดร้องออกมา จากนั้นก็คนที่สี่ ร้องออกมาเกือบจะเป็นเวลาเดียวกัน เสียงร้องดังก้องออกมามากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด เวทสะกดสีแดงเลือด ก็โปร่งใสโดยสิ้นเชิง ซ่างกวนซิวมองลงไปเห็น…ซากศพที่ไร้ศีรษะสิบสองซาก
ดวงตามันหดแคบลง และร่างของมันก็หันหลังกลับ ที่นั่น บนเส้นทางเล็กๆ บนภูเขา เมิ่งฮ่าว ในชุดยาวนักศึกษาสีน้ำเงินเปื้อนโลหิต และดูท่าทางอ่อนแอ เดินช้าๆ ขึ้นมาบนยอดเขา สีหน้าไร้ความรู้สึก
ในมือของเขาหิ้วศีรษะสิบสองหัว ซ่างกวนซิวมองไป ขณะที่เขาเดินใกล้เข้ามา เมิ่งฮ่าวโยนศีรษะออกไป และพวกมันก็กระแทกลงไปบนพื้น เบื้องหน้าซ่างกวนซิว ซึ่งมันก็โบกสะบัดแขนเสื้อ ส่งผลให้ศีรษะพวกนั้นกระจัดกระจายออกไป
“ถึงตาเจ้า” เมิ่งฮ่าวกล่าว เสียงของเขาแหบแห้ง เขามักจะไม่ต้องการสังหารใคร แต่วันนี้ เขาต้องทำ