ภายในป่าอันกว้างใหญ่ ซึ่งไม่ไกลจากภูเขาต้าชิงมากนัก เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ในถ้ำแห่งเซียน ร่างกายสั่นสะท้าน เหงื่อรินไหลท่วมตัว เปียกโชกราวกับว่า เขาได้เปล่งความร้อนอันรุนแรงออกมา จากนั้นก็กลายเป็นหมอกหนา วนอยู่รอบๆ ถ้ำ ทำให้ในถ้ำนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อ
ตลอดทั้งร่างของเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงสด และให้ความรู้สึกราวกับว่า มีกองไฟขนาดใหญ่ กำลังเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง อยู่ภายในร่างของเขา ซึ่งทำให้ผิวเนื้อ และโลหิตของเขาแห้งเหี่ยว และทำให้เขากลายเป็นขี้เถ้าในไม่ช้า ณ ตอนนี้ ร่างกายของเขาแข็งกระด้างโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย
จริงๆ แล้ว นี่เป็นหนึ่งในความเสียหาย ซี่งเป็นผลมาจาก การกินเม็ดยาพื้นฐานลมปราณ หลังจากที่กลืนมันลงไป ร่างกายก็จะเริ่มขยับไม่ได้ จนกระทั่งพลังของเม็ดยา ได้กระจายออกไป
มันไม่สำคัญว่า จะมีอุทกภัย หรือวาตะภัย หรือมีคนที่ยืนตรงหน้าถือกระบี่ พร้อมที่จะแทงมา คนที่กินยาเม็ดนี้ ไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้ จึงเป็นเหตุที่ว่า ทำไมผู้ฝึกตนถึงได้ระมัดระวังอย่างที่สุด ในการเลือกสถานที่ เมื่อได้กินเม็ดยาพื้นฐานลมปราณเข้าไป
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าใครได้เผชิญกับศัตรู ในขณะที่กำลังทรมานกับผลข้างเคียง ของการกินยานี้ ความตายก็เป็นผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างแน่นอน
เมิ่งฮ่าวเป็นคนแรก ที่ได้กินเม็ดยาพื้นฐานลมปราณ ในขณะที่อยู่ในระดับขั้นแปด ของการรวบรวมลมปราณ ยิ่งไปกว่านั้น เม็ดยานี้ก็ได้ถูกปรุงขึ้นโดยจ้าวโอสถจอมปีศาจ
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก เนื่องจากมันยากมาก ที่จะทะลวงจุดตีบตัน ในระดับขั้นแปด ของการรวบรวมลมปราณ โดยที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากโชคชะตา หรือเม็ดยาที่พิเศษเฉพาะ
ชงไถตาน (เม็ดยาประจุไต้ฝุ่น) ก็ไม่ให้ผลเพียงพอ ดังนั้นจึงมีเพียงสิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่ ก็คือ เม็ดยาพื้นฐานลมปราณ แน่นอนว่า เขาไม่กล้าที่จะใช้หลายเม็ดในคราเดียว ยาชนิดนี้มันมีพลังอันน่าเหลือเชื่อ แต่ร่างกายของเขาไม่ใช่ การกินพวกมันเข้าไป ก็เหมือนกับการเล่นพนัน กับชีวิตของตัวเองอย่างแท้จริง
ตอนนี้ เมิ่งฮ่าวค่อนข้างจะรู้แล้วว่า ทำไมจุดตีบตันของระดับขั้นแปดนี้ ถึงได้ยากจะทะลวงให้ผ่านได้ มันต้องเป็นเพราะว่า ในหลายปีมานี้ เขาได้กลืนแกนอสูรเข้าไปมากเกินไป ถึงแม้ว่าเขาได้เกิดใหม่ในทะเลเหนือ แต่พลังอสูรภายในกระดูกของเขา ก็ไม่สามารถที่จะหายไปได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากเหตุผลนี้ ทำให้การอุดตันนี้ หนาแน่นกว่าบุคคลอื่นทั่วไป แน่นอนว่า ยังมีประโยชน์ของสถานการณ์นี้อยู่ด้วยเช่นกัน เมื่อไหร่ที่เขาทะลวงผ่านจุดตีบตันได้ เขาก็จะระเบิดเข้าไปในขั้นกลาง ของระดับเก้า ของการรวบรวมลมปราณในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเขา แม้ว่าจะดูเหมือนอ่อนแอ แต่ตอนนี้ ก็มีความแข็งแรงมากกว่า ช่วงที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ การเปลี่ยนแปลงนี้ ค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ แต่ว่ามั่นคงแน่นอน
การเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ได้เกิดจากพลังการฝึกตนของเขา แต่เป็นเพราะพลังอสูร ภายในร่างของเขา รวมถึงพลังจากแกนอสูร ในแกนทะเลลมปราณของเขาด้วย
หลายวัน และหลายวันได้ผ่านไป ในไม่ช้า สองเดือนก็จากไป ช่วงเวลาที่เมิ่งฮ่าวได้กิน เม็ดยาพื้นฐานลมปราณเข้าไป จนถึงตอนนี้ เขาก็ได้ดูดซับพลังจากเม็ดยาอย่างเต็มที่
ในทันใดนั้น เขาก็ลืมตาขึ้น สามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง! รู้สึกถึงเสียงกระหึ่มภายในร่าง ตามมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ราวกับว่าชิ้นส่วนต่างๆ ในร่างกาย กำลังถูกตัดแยกออกเป็นส่วนๆ กระอักโลหิตออกมาเป็นสีดำ
เมื่อโลหิตกระจายออกมา ดวงตาของเขาก็เริ่มมืดสลัวลง ราวกับว่าเขากำลังจะหมดสติไปในไม่ช้า แต่เขาก็รีบกัดลิ้นเล็กน้อย เพื่อบังคับตัวเองให้รู้สึกตัว ควบคุมลมปราณให้โคจรไปทั่วร่าง เพื่อพุ่งตรงไปที่ระดับเก้า ของการรวบรวมลมปราณ
ความมุ่งมั่นปรากฎอยู่เต็มในดวงตา รวบรวมลมปราณที่กระจายอยู่ทั่วร่างพุ่งตรงไป
ในทันทีนั้น พลังลมปราณอันมหาศาลก็พุ่งออกไป ทำให้มีเสียงกระหึ่มอยู่ในศีรษะราวกับเสียงฟ้าผ่า รู้สึกราวกับว่า ร่างของเขากำลังจะระเบิดออกมา
จากนั้น ก็รู้สึกราวกับว่าพลังลมปราณ ได้เปิดเขตแดนขึ้นมาใหม่ภายในร่าง รู้สึกถึงสัมผัสอันน่ามหัศจรรย์ใจ จนยากที่จะอธิบาย รู้สึกถึงความซาบซ่า ราวกับว่ามีใครเอาขนนกมากมาย มาลูบไล้ไปทั่วร่าง
เขาตกอยู่ในความรู้สึกนั้นเป็นเวลานาน ก่อนจะลืมตาที่สาดประกายอันเจิดจ้าขึ้นมา ราวกับว่าความมืดมิดของถ้ำ กำลังถูกแยกออกไปด้วย ประกายสายฟ้าอันสุกใสสว่างเรืองรอง
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพลังลมปราณที่อยู่บริเวณรอบๆ ถ้ำ ก็ดูเหมือนว่าจะถูกดูดเข้าไปในร่าง ทีละเส้น ทีละเส้น
แกนทะเลลมปราณอันไร้ขอบเขตในร่างของเขา ก็ขยายขนาดเป็นสองเท่าของก่อนหน้านี้ ราวกับว่าไม่อาจจะมองเห็นอีกฝั่งหนึ่งได้ ลมปราณสีทองสั่นกระเพื่อมเป็นคลื่น ส่งเสียงกระหึ่มออกมา
ลึกลงไปด้านใน มีแกนอสูรนอนนิ่งไม่ขยับ ส่งพลังลมปราณอันมากมายมหาศาลออกมา ทำให้มีแสงสีทองกระจายเต็มไปทั่วร่างกายของเมิ่งฮ่าว ทำให้เขารู้สึกว่า กำลังเงยหน้าขึ้น และส่งเสียงดังยาวนานออกมา
“ระดับเก้าของการ รวบรวมลมปราณ! ข้า, เมิ่งฮ่าว ในที่สุด ก็บรรลุถึงระดับเก้า! ขั้นต่อไปของข้าต้องเป็น พื้นฐานลมปราณ!” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยพลัง และความตื่นเต้น สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หลายครั้ง
“ด้วยคัมภีร์สุดยอดลมปราณ ข้าก็สามารถสร้างพื้นฐานไร้ตำหนิได้ ซึ่งเหนือกว่ารอยร้าวขั้นพื้นฐาน หรือแตกหักขั้นพื้นฐานมากนัก” เขายืนขึ้น เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น และความมุ่งหวังต่ออนาคต
เขาตั้งตารอคอยการเดินทางไปยังดินแดนด้านใต้ และดูความเจริญรุ่งเรืองที่นั่น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรอคอยวันที่เขาจะบรรลุถึงขั้น พื้นฐานลมปราณ และสงสัยว่ามันจะเป็นเช่นไร ถ้าเขาบรรลุถึงขั้นพื้นฐานไร้ตำหนิ ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ จะคิดอย่างไร เมื่อพวกมันรู้เรื่องนี้?
แน่นอนว่า ถ้ายังไม่บรรลุถึงขั้น พื้นฐานลมปราณ เขาก็ไม่มีทางเข้าใจว่า ขั้นพื้นฐานไร้ตำหนิ บรรลุได้ยากมากแค่ไหน ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ เขาก็ยังคงตั้งตารอคอย ด้วยความคาดหวังอย่างกระตือรือล้น
เขาสะบัดแขนเสื้อ และน้ำลูกทรงกลม ขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฎขึ้น จากนั้นมันก็ยืดออกมา กลายเป็นแผ่นน้ำบางๆ ขนาดเท่าร่างของเขา เขาเดินไปข้างหน้า ผ่านแผ่นน้ำนั้นไป เมื่อเขาเดินออกมายังอีกด้านหนึ่งของแผ่นน้ำ สิ่งปฎิกูลสกปรกที่ปกคลุมทั่วร่างของเขาก็หายไป และกลิ่นหอมก็ลอยออกมาจากร่าง
“เมื่อข้าบรรลุถึงขั้นพื้นฐานลมปราณ ข้าก็จะสามารถเหาะได้จริงๆ สักที” เขาขึ้นไปยังท้องฟ้า และรอยยิ้มก็ขยายกว้างขึ้น และกว้างขึ้น เดินไปข้างหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กระโดดขึ้นไป บนพัดหยินเหอ และพุ่งตรงออกไป
เขากำลังบินไปตามทาง ที่ห่างไกลออกมาจากภูเขาต้าชิง ทันใดนั้น เขาก็ได้เห็นใครบางคน กำลังวิ่งมาตามทิศทางเดียวกับเขา คนผู้นี้เคลื่อนไหวเร็วที่สุด เท่าที่จะเร็วได้ และกำลังถูกไล่ล่าจากบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ และหน้าตาดุร้าย
บุคคลที่ถูกไล่ล่า มีสีหน้าซีดขาว แต่มีดวงตาที่ทรหดไม่ยอมแพ้ รูปร่างไม่ได้สูงมาก และผอมแห้ง ดูแล้วมีอายุประมาณสิบสามถึงสิบสี่ปี แต่ถึงจะมีอายุน้อย แต่พลังการฝึกตนของมันก็อยู่ที่ ระดับห้าของการรวบรวมลมปราณ
มันถูกไล่ล่าโดยผู้ฝึกตนที่อยู่ ระดับหกของการรวบรวมลมปราณ เป็นบุรุษที่สวมใส่ชุดขาดรุ่งริ่ง สีน้ำทะเล และดูเหมือนว่ามันได้รับบาดเจ็บ ความอาฆาตแค้นปรากฎอยู่ในดวงตาที่ดุร้ายของมัน
“มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะวิ่งไปที่ไหน, ต๋งหู่ ถ้าเจ้ายอมส่งไข่มุกนั้นมาให้ข้า, ด้วยฐานะของข้าในสำนักฟางเยี่ย (ราตรีเที่ยงธรรม), ข้าสามารถปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดต่อไปได้ มิเช่นนั้น เจ้าต้องตาย!”
บุรุษร่างใหญ่ยกมือขวาขึ้น ความหนาวเย็นก็กระจายออกมา และรวมตัวกันเป็นดาบหยวนเยี่ย (จันทร์เต็มดวง) มันขว้างดาบ ลอยหมุนคว้าง ตรงไปที่เด็กหนุ่มคนนั้น
เด็กหนุ่มผู้นั้น ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ ศิษย์พี่หญิงฉื่อ ได้จับตัวไปที่สำนักเอกะเทวะ เสียวหู่ (พยัคฆ์น้อย, เสียวหู่เป็นชื่อเล่น ชื่อจริงว่า ต๋งหู่)
หลังจากที่สำนักได้ล่มสลาย มันก็ถูกกวาดออกไป หลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย เมิ่งฮ่าวลอยอยู่ด้านบน มองลงมายังเสียวหู่
ใบหน้าของเสียวหู่ซีดขาว แต่รังสีสังหารอันเข้มข้น ก็สาดประกายออกมาจากดวงตาที่ทรหดของมัน มันโบกสะบัดแขนเสื้อ ครั้นแล้ว ลำแสงอันเยือกเย็นหลายสาย ก็พุ่งออกไป มันคือลูกธนูแสง เมื่อดูจากแสงที่เปล่งประกายออกมา ก็เหมือนว่าลูกธนูพวกนี้ได้เคลือบยาพิษไว้ พวกมันพุ่งตรงไปที่บุรุษร่างใหญ่นั้น
บุรุษร่างใหญ่หัวเราะออกมา โบกสะบัดแขนเสื้อ ทำให้เกิดเป็นสายลมพุ่งออกมา และปัดลูกธนูออกไป มันขยับมือในรูปแบบการสร้างเวทอาคม ทำให้ดาบหยวนเยี่ย พุ่งตรงไปที่เสียวหู่ในช่วงกระพริบตา เสียวหู่รีบถลันหลบด้วยตาแดงก่ำ ทันใดนั้น ไข่มุกสีน้ำทะเลก็ปรากฎขึ้นในมือ
ไข่มุกลูกนี้โปร่งใสบางส่วน และเต็มไปด้วยชั้นของเมฆที่ม้วนตัวไปมา กระแสธารของก้อนเมฆ ปะทุขึ้นมาจากภายในของไข่มุก หลอมรวมกันเป็นรูปร่างที่เลือนลาง พุ่งตรงเข้าไปที่ดาบหยวนเยี่ย
เมื่อพวกมันปะทะกัน เสียงระเบิดก็ดังขึ้น และดาบหยวนเยี่ยก็แตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ เช่นเดียวกับรูปร่างที่เลือนลางนั้น
บุรุษร่างใหญ่กระอักโลหิตออกมา และความโลภในดวงตาของมัน ก็เข้มข้นขึ้น มันไล่ตามต่อไป
ใบหน้าของเสียวหู่ซีดขาวจนไร้สีเลือด ดูเหมือนว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ ค่อนข้างยากที่จะถอนตัวออกมาได้ มันเดินโซเซไปข้างหน้า วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ก่อนที่จะล้มลงไปที่พื้น
“เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว!” บุรุษร่างใหญ่หัวเราะอย่างชั่วร้าย รีบเดินตรงไปที่เสียวหู่ ซึ่งมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง อย่างรวดเร็ว, ในที่ห่างไกลออกไป เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ มองกลับไปยังฉากที่อยู่ด้านหลังนั้น
ในที่สุด เขาก็ยกนิ้วบนมือขวาขึ้นมา ทำให้เกิดเป็นสายลมอันกราดเกรี้ยวรุนแรง ทะยานขึ้นมาจากในป่า แรงกดดันอันมหาศาลของระดับเก้า ของการรวบรวมลมปราณ ก็ห้อมล้อมอยู่รอบๆ บุรุษร่างใหญ่ในทันที ร่างกายมันสั่นระรัว เมื่อมองอย่างตกใจ ขึ้นไปเห็นเมิ่งฮ่าว กำลังลอยลงมาหามัน
เวลาเดียวกันนั้น เสียวหู่ที่ยังคงอยู่บนพื้น ได้หยิบเอา มีดสั้นที่เคลือบยาพิษไว้ ออกมาจากแขนเสื้อของมัน มันกระโดดขึ้นมาด้วยความเร็วอันน่าตกใจ และประกายของมีดสั้นก็แวบขึ้น ในชั่วขณะที่บุรุษร่างใหญ่ กำลังตกใจกับการปรากฎตัวของเมิ่งฮ่าว มีดสั้นก็ปักเข้าไปในลำคอของมัน
มันส่งเสียงร้องอันน่าอนาถใจออกมา ขณะที่โลหิตพุ่งกระจายออกไปทุกทิศทาง ครอบคลุมไปที่ร่างของเสียวหู่ ซึ่งยังคงอ่อนแอ และเหนือยหอบอยู่ แต่การล้มลงไปที่พื้นเมื่อครู่นี้ ความจริงแล้วก็เป็นกลยุทธ์ของมัน เมื่อบุรุษร่างใหญ่เดินเข้ามาถึงด้วยความไม่ระวังตัว มันก็ตั้งใจว่าจะโจมตีกลับไป
บุรุษร่างใหญ่ ล้มลงไปนอนที่พื้น บิดร่างไปมา มันพยายามที่จะรักษาบาดแผลที่คอของมัน แต่โลหิตก็ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ไม่นาน มันก็ตายไป ดวงตาอันว่างเปล่าของมัน จ้องออกไปในที่ห่างไกล
เสียวหู่ถอยหลังไปสองสามก้าว มองกลับไปที่เมิ่งฮ่าว ดูเหมือนพร้อมที่จะหนีไปได้ทุกเมื่อ จากนั้นมันก็รู้สึกถึงพลังการฝึกตนของเมิ่งฮ่าว และร่างของมันก็เริ่มสั่นสะท้าน
เมิ่งฮ่าวไม่พูดจา เขาเดินไปยืนอยู่เหนือซากศพ ตรวจสอบดู จากนั้นก็มองไปที่เสียวหู่ ซึ่งดูมีท่าทางกังวลอย่างเห็นได้ชัด จ้องไปที่มันเงียบๆ
เสียวหู่ก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน มันแค่มองมาที่เมิ่งฮ่าว แววตาอันซับซ้อนปรากฎขึ้นในดวงตาของมัน
ผ่านไปนานสักพัก เมิ่งฮ่าวก็เปิดปากขึ้น “มันเป็นเพราะไข่มุกลูกนี้ เจ้าถึงได้สังหารหวังโหย่วฉาย” เขาพูดอย่างใจเย็น แววโกหกหลอกลวงปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา แต่ยากที่จะสังเกตเห็นได้ และเสียวหู่ก็มองไม่เห็นมัน
เสียวหู่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบงัน ไม่ยอมโต้ตอบ ร่างมันผอมแห้งเล็ก และผิวคล้ำ เสื้อผ้าของมันเก่าขาด และเห็นได้ชัดว่า มันกำลังตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก ดูแล้วคล้ายกับขอทานเป็นอย่างยิ่ง แต่ความเย็นชาไร้น้ำใจของมัน ที่เพิ่งจะแสดงให้เห็น ตอนที่มันได้สังหารบุรุษผู้นั้นเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดมากขึ้น
เมิ่งฮ่าวมองไปที่มันสักพัก ก่อนที่จะส่ายศีรษะ ถอนหายใจออกมา และหันหลังกลับ เตรียมจะจากไป
ขณะที่เขาทำเช่นนี้ ความลังเลก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของเสียวหู่ ทันใดนั้น มันก็พูดขึ้นมา เสียงของมันแหบแห้ง และเต็มไปด้วยความกังวลใจ
“ศิษย์…ศิษย์พี่เมิ่ง, ท่านกำลังจะไปที่ภูเขาต้าชิง เพื่อช่วยเหลือทุกคน ใช่หรือไม่?”
เมิ่งฮ่าวหยุดชะงักลง และมองกลับไปที่เสียวหู่ “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?” เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ