วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 40 : คัมภีร์สุดยอดวิญญาณ

Posted By: wuxiathai - 22:50
ในเวลาเดียวกับที่ปรมาจารย์เอกะเทวะลืมตาขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ได้กระตุ้นกุญแจหยกผลึกโลหิตไปถึงชิ้นที่ห้าสิบ หัวสมองของเขาสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง และตัวอักษรในคัมภีร์สุดยอดวิญญาณก็ลอยอยู่รอบๆ เขา ตัวอักษรแต่ละตัวส่องแสงสีทองสว่างจ้าราวกับจะพุ่งทะลุผ่านร่างกายของเขาออกไป กลบแสงสีแดงราวโลหิตไปโดยสิ้นเชิง มีเพียงแต่แสงสีทองส่องประกายอยู่ทั่วบริเวณนั้น
เมื่อแสงสีทองกระจายออกไป ร่างกายของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ทะเลสาบลมปราณของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับว่ามันเริ่มจะทำอะไรบางอย่างกับประกายสีทองนั้น จากนั้นทะเลสาบลมปราณของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีทอง เสียงกึกก้องราวฟ้าผ่าดังออกมาจากทะเลสาบลมปราณ เกิดการเปลี่ยนแปลงไปทั่วทั้งร่างกายของเขา
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเสียงแตกร้าว กระดูกของเขายืดยาวมากขึ้น เลือดและเนื้อแข็งแรงมากขึ้น ชั่วพริบตานั้น เขาก็มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
ท่อลมปราณของเขาก็ดูโปร่งใสราวผลึก หลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาโดยสมบูรณ์ เส้นผมของเขาก็ยาวขึ้นเมื่อเขาเปลี่ยนเข้าไปสู่ขั้นใหม่ตามคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ
เมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้นราวสามชั่วยาม เสียงระเบิดอีกหนึ่งเสียงก็ดังขึ้นภายในร่างกายของเมิ่งฮ่าว เมื่อเขาลืมตาขึ้น สองตาก็ส่องประกายเป็นสีทอง
เวลาผ่านไป เมื่อประกายสีทองจางหายไป เมิ่งฮ่าวดูท่าทางตื่นเต้น ภายในใจของเขาทราบดีว่า ความรู้ในคัมภีร์ทั้งหมดได้ประทับลงไปอย่างลึกล้ำในจิตวิญญาณของเขา เขาเข้าใจในทุกๆ บรรทัดของมัน นี่เป็น…คัมภีร์สุดยอดวิญญาณ
นี่เป็นบางสิ่งที่อาจจะเป็นสาเหตุให้โลหิตสาดกระจายราวสายฝนในโลกด้านนอก นี่เป็นตำรารวบรวมลมปราณฉบับสมบูรณ์ที่สำนักนับไม่ถ้วน ต่อสู้กันเหมือนเป็นบ้าเพื่อจะได้มันมาครอบครอง และตอนนี้มันก็ อยู่ในจิตวิญญาณของเมิ่งฮ่าวเรียบร้อยแล้ว
หลังจากสามชั่วยามแห่งการแปรรูปผ่านไป เมิ่งฮ่าวยังคงอยู่ที่ระดับขั้นหกของการรวบรวมลมปราณ แต่เขาก็มีวิธีการฝึกตนแบบใหม่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามของวิธีที่ดีที่สุดทั่วทั้งดินแดนหนานซาน
ความโชคดีเช่นนี้ เป็นอะไรที่แม้แต่ศิษย์ของสำนักอันลื่องชื่อ หรือตระกูลอันยิ่งใหญ่ต่างๆ ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้รับ
ด้วยการใช้วิธีการฝึกตนของตำรารวบรวมลมปราณฉบับสมบูรณ์นี้ ทำให้เมิ่งฮ่าวสามารถบรรลุถึงขั้นพื้นฐานลมปราณ และจากนั้นก็สามารถบรรลุถึงขั้นลมปราณไร้ที่ติได้อย่างแน่นอน นอกเหนือจากนี้ พลังลมปราณของเขาก็ลึกล้ำมากกว่าผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันอย่างมากมาย
บางทีในตอนนี้มันยังไม่แข็งแกร่งมากพอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พลังลมปราณจะค่อยๆ สะสมมากยิ่งขึ้น และเมื่อถึงเวลาที่เขาบรรลุถึงขั้นพื้นฐานลมปราณ ก็จะเหมือนผีเสื้อที่โผล่ออกมาจากดักแด้ เขาก็จะมีพื้นฐานลมปราณอันสมบูรณ์ไร้ที่ติ ซึ่งยากที่จะพบเห็นได้ในโลกแห่งเซียนนี้!
ณ ตอนนี้ ถ้าเขาได้ต่อสู้กับหวังเถิงเฟยอีกครั้ง เขาก็จะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อันล่อแหลมเหมือนกับในวันนั้น ในความเป็นจริง ตอนนี้เขาสามารถที่จะควบคุมกระบี่บินได้พร้อมกันถึงสิบเล่มด้วยความชำนาญ พลังของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมิ่งฮ่าวกำหมัดไว้จนแน่น จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาอันรุนแรง หลังจากที่เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ชั่วครู่ เขาก็ลงมาจากก้อนหินใหญ่และเดินจากไป
ในเวลาเดียวกันนั้น ปรมาจารย์เอกะเทวะก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งแห่งความตื่นเต้นที่มากกว่าของเมิ่งฮ่าว เมื่อมันลืมตาขึ้น มันก็มองเห็นเมิ่งฮ่าว รวมทั้งเฉินฟ่าน และฉื่อชิง มันรอคอยด้วยความกระหายเพื่อให้เมิ่งฮ่าวกระตุ้นผลึกโลหิตก้อนต่อไป จากนั้นก็มองไปด้วยงุนงงเมื่อทันใดนั้น ก็เห็นเมิ่งฮ่าวได้รับคัมภีร์สุดยอดลมปราณ
“บัดซบ, บัดซบ ข้าไม่เคยได้วางคัมภีร์ไว้ที่นั่น ไม่, ไม่, ไม่ ทำไมข้าถึงไม่รู้ว่ามีเจ้าเด็กน้อยเช่นนี้มาที่นี่ตั้งแต่แรก แต่, แต่, แต่…ทำไมมันถึงได้รับคัมภีร์ด้วยผลึกโลหิตเพียงแค่ห้าสิบก้อน? ร้อยก้อนน่าจะดีกว่า, สองร้อย, อย่างน้อยก็ควรจะเป็นสามร้อย หรือถ้าเป็นห้าร้อยก้อน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งกัมมัฏฐานต่อในที่นี้!”
ปรมาจารย์เอกะเทวะเต็มไปด้วยความหดหู่ใจ นี่เป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของมัน และมันก็ทำได้เพียงแต่ มองความหวังนี้หายไปด้วยสองตาของตัวเอง ถ้าไม่มีผลึกโลหิตมาช่วยฟื้นฟูพลังของมัน มันก็ได้แต่นั่งกัมมัฏฐานต่อไป และมันก็รู้ดีว่าไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้
“ข้าไม่เหลือทางถอยใดๆ ให้ตัวเองในปีนั้น ข้าขังตัวเองอยู่ในนี้โดยไม่มีทางออกไปเลย และมันยากที่จะส่งกระแสเสียงของข้าผ่านออกไปจากที่นี่ ตอนนี้ข้าอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ ทำยังไงดี? ทำยังไง? ข้าต้องคิดอะไรบางอย่าง…”
เสียงของมันเริ่มกระวนกระวาย เมื่อมองเห็นเมิ่งฮ่าวได้พบกับฉื่อชิง และเฉินฟ่าน ในสุสานที่อยู่ด้านบนของห้องลับนี้ พวกเขาเดินตรงไปที่แท่นบวงสรวง แสดงถึงการเตรียมตัวที่จะจากไปซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน
“ถ้าข้าทำให้ทุกคนในโลกแห่งการฝึกตนของแคว้นจ้าวมาที่นี่ ข้าก็จะใช้พลังแห่งการฝึกตนของพวกนั้นช่วยให้ข้าออกจากเขตกัมมัฏฐานนี้ได้อย่างแน่นอน ถ้าข้าออกไปได้ ข้าก็สามารถที่จะดุดซับพลังชีวิตของพวกมัน และก็จะมีโอกาสที่จะได้การตัดวิญญาณครั้งที่สองของข้า”
ปรมาจารย์เอกะเทวะกัดฟันของมัน ออกแรงดันพลังลมปราณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จากพลังการฝึกตนที่อ่อนแอของตัวเอง จากนั้นก็ตบมือขวาลงไปบนพื้น เสียงกึกก้องก็ดังขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวกำลังพยายามที่จะแก้ตัวว่าทำไมเขาถึงได้หายไปในสามวันที่ผ่านมา และทำไมร่างกายของเขาถึงดูเปลี่ยนไป เฉินฟ่านยิ้มพร้อมพยักหน้า และฉื่อชิงก็เห็นว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา ทั้งสามเร่งความเร็วเดินขึ้นไปบนแท่นบวงสรวง เตรียมตัวพร้อมที่จะจากไป
ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มกึกก้องดังไปทั่วในอากาศ และทั่วทั้งสุสานก็เริ่มสั่น สีหน้าของทุกคนเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเห็นรอยร้าวขนาดใหญ่กำลังแยกพื้นดินที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา และแผ่นศิลาขนาดใหญ่ก็เริ่มโผล่ขึ้นมาอย่างช้าๆ หลังจากเวลาผ่านไปราวธูปเผาไหม้หมดไปหนึ่งดอก ในที่สุดมันก็โผล่ออกมาโดยสมบูรณ์
แผ่นศิลาสูงประมาณเก้าสิบฉื่อ จารึกไว้ด้วยตัวอักษรสีทอง มันเป็นคัมภีร์, ไม่ใช่คัมภีร์เล่มไหน นอกเหนือไปจาก ตำรารวบรวมลมปราณ ของคัมภีร์สุดยอดลมปราณ!
คนทั้งสามจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะเมิ่งฮ่าว หลังจากที่ใช้ความพยายามไปมากมายกว่าจะได้รับตำรารวบรวมลมปราณฉบับสมบูรณ์มา ตอนนี้มันได้มาปรากฎอยู่เบื้องหน้าเขา เขามองไปที่มันด้วยความงุนงง แต่หลังจากที่ตรวจสอบดูอย่างละเอียด ใบหน้าของเขาก็แสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมา
สองบรรทัดแรกของคัมภีร์ที่ถูกจารึกไว้บนแผ่นศิลานั้นถูกต้องจริงแท้ แต่บรรทัดต่อมาที่เหลือเป็นของปลอมทั้งสิ้น ดูเหมือนว่ามันจะมีความลับอันลึกซึ้งซ่อนอยู่ภายในตัวอักษรพวกนั้น แต่เมื่อเมิ่งฮ่าวได้รู้รายละเอียดของคัมภีร์ที่แท้จริง เขาก็บอกได้ในทันทีว่านี่เป็นของปลอมอย่างแน่นอน
เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา
สองตาของเฉินฟ่านส่องประกายออกมา มันเดินไปยืนใกล้กับแผ่นศิลา เช่นเดียวกับฉื่อชิง พวกเขามองไปที่แผ่นศิลานั้นชั่วครู่ จากนั้นก็จ้องมองซึ่งกันและกันด้วยความตะลึงงัน
“พวกเราควรจะนำศิลานี้ไปด้วย” ฉื่อชิงพูดช้าๆ “และขอให้ท่านเจ้าสำนักตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับมันต่อไป”
เมิ่งฮ่าวกระพริบตา จากนั้นก็พยักหน้าเหมือนกับว่าเขาเห็นด้วยอย่างแท้จริง
เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะเห็นดังนี้ มันก็หัวเราะออกมา รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“เอาไป, เอาไป, เร็วเข้า! เอามันออกไป และประกาศให้รับรู้กันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฮา ฮา ฮา! ข้าช่างฉลาดอะไรเช่นนี้ ข้าเคยกังวลว่าจะมีใครเข้ามาในนี้ในช่วงที่ข้ากำลังนั่งกัมมัฏฐานอยู่ ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมศิลาของปลอมนี้ขึ้นมา แน่นอนว่า ด้วยความกลัวว่าจะมีใครจับได้ว่ามันเป็นของปลอม ข้าจึงได้เตรียมเคล็ดเล็กๆ น้อยๆ ไว้ เมื่อใดก็ตามที่มันถูกเอาออกไปจากที่นี่ ศิลาก้อนนี้ก็จะส่งเครื่องหมายขึ้นไปในท้องฟ้า ซึ่งทำให้ผู้คนที่อยู่ในทุกทิศทางสามารถที่จะมองเห็นมันได้ เดิมทีข้าคิดว่าจะใช้มันสร้างความหายนะไปทั่วแคว้นจ้าวแห่งนี้ แต่ตอนนี้ มันค่อนข้างจะมีประโยชน์กับข้า ยอดเยี่ยม, ยอดเยี่ยมจริงๆ !” จิตใจของปรมาจารย์เอกะเทวะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ในทันใดนั้นเอง ดวงตาของมันก็ต้องเบิกกว้าง
“พวกเราต้องไม่นำมันออกไป!” เฉินฟ่านพูดด้วยความผ่าเผยสง่างาม หลังจากที่ได้ตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของมันก็เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว มันส่ายหน้า มองไปที่เมิ่งฮ่าวและฉื่อชิง
“ศิลาก้อนนี้สำคัญอย่างยิ่งยวด ถ้าพวกเราเอาออกไป ก็อาจจะนำภัยพิบัติมาสู่สำนักได้ ถ้าพวกด้านนอกรับรู้ถึงการคงอยู่ของมัน มันก็อาจจะนำมาซึ่งการทำลายล้าง พวกเราแต่ละคน ใช้แผ่นหยกทำการคัดลอกตัวอักษรที่ถูกสลักบนศิลานี้กันดีกว่า ด้วยวิธีนี้ พวกเราก็สามารถนำเนื้อหาทั้งหมดออกไปโดยที่ทิ้งศิลาไว้ที่นี่ นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า”
ใบหน้าของเฉินฟ่านเต็มไปด้วยความจริงใจและความถูกต้องเที่ยงธรรม สิ่งที่มันพูดล้วนออกมาจากธรรมชาติส่วนตัวที่เสียสละของมัน และเมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่มันพูดออกมาแล้ว ก็ทำให้รู้สึกว่าสำนักก็จะปลอดภัยด้วย ฉื่อชิงพยักหน้า และเมิ่งฮ่าว แน่นอนว่าไม่มีทางไม่เห็นด้วย พวกเขาก็เริ่มทำการคัดลอกเนื้อหาทั้งหมดลงไปบนแผ่นหยกในทันที จากนั้นก็ยืนอยู่บนแท่นบวงสรวงและจากไป
ปรมาจารย์เอกะเทวะดูด้วยความตะลึงงัน จากนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“บัดซบ! บัดซบ! ข้าจะบดขยี้เจ้าสำนักรุ่นนี้ให้หายแค้น! เจ้าปล่อยให้คนเช่นนี้เข้ามาในสำนักสายในได้อย่างไร? มันเป็นคนซื่อสัตย์และเที่ยงธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งข้าก็เกลียดชังคนเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง! ในรุ่นของข้า ทุกคนในสำนักต้องเห็นแก่ตัวและเจ้าเล่ห์ แอบเอาคัมภีร์ไปและเก็บไว้เป็นความลับ นั่นจึงเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนักข้า แต่กับเจ้า เจ้าลูกสุนัขน้อยอันเที่ยงธรรม เจ้า…เจ้านำความตายมาให้ข้า!! ทำไมเจ้าไม่หยุดพวกมัน? บัดซบ! พลังการฝึกตนของข้า! ข้า, ข้า, ข้า…”
ปรมาจารย์เอกะเทวะโกรธมากจนสั่นไปทั้งตัว มันกัดฟันและพยายามปล่อยวาง สูดลมหายใจชั่วครู่ จากนั้นก็ร้องเสียงต่ำๆ ออกมา มันตบไปบนศีรษะของมัน จากนั้นก็พ่นโลหิตออกมา กลายเป็นแสงสีแดงราวโลหิต และเริ่มส่งเสียงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้องลับนั้น
ท่ามกลางเสียงกระหึ่มนั้น ทันใดนั้นเอง แสงสีแดงราวโลหิตก็พุ่งตรงไปที่เมิ่งฮ่าว, ฉื่อชิง และเฉินฟ่าน เมื่อพวกเขากำลังออกจากเขตสุสาน
เมื่อพวกเขาก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถงหลักของสำนักเอกะเทวะ ทันทีที่เฮ่อหลัวฮว่า และผู้อาวุโสโอวหยางเห็นพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะได้เอ่ยปากพูด แสงสีแดงราวโลหิตก็พุ่งออกมา โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
ทันใดนั้น เสียงดังราวฟ้าผ่าก็ดังขึ้น และแสงเจิดจ้าก็กระจายออกมา สูงขึ้นไปในท้องฟ้าทั่วทุกทิศทาง เปลี่ยนให้ท้องฟ้าทั้งหมดเป็นสีแดงจ้า จากนั้นในตรงกลางของแสงสีแดงนั้น ก็ปรากฎเครื่องหมายแปลกๆ ขึ้น
มันเป็นกลุ่มของตัวอักษร ตัวอักษรส่วนใหญ่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มีแค่สองตัวที่เห็นได้ มันอ่านว่า…
สุดยอด วิญญาณ…
เครื่องหมายนี้ปรากฎไปทั่วทุกทิศทางเต็มไปทั้งบนสวรรค์และพื้นปฐพี ตัวอักษรที่หลากหลายของคัมภีร์ส่องแสงเจิดจ้า โดยเฉพาะตัวอักษรสองตัว “สุดยอด วิญญาณ” ส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งแคว้นจ้าว ภายในสามสำนักที่ยิ่งใหญ่ของแคว้นจ้าว ศิษย์ทุกคนจ้องมองขึ้นไปด้วยความประหลาดใจกับปรากฎการณ์ที่แปลกนี้ ริ้วประกายคล้ายสายรุ้งก็พุ่งออกมาจากเขตการนั่งกัมมัฏฐานที่แตกต่างกันออกไป เมื่อปรมาจารย์ของแต่ละสำนักปรากฎกายขึ้น
“นี่…”
“คัมภีร์สุดยอดวิญญาณ!!”
“คัมภีร์สุดยอดวิญญาณปรากฎขึ้นแล้ว มันปรากฎขึ้นที่สำนักเอกะเทวะ อาจจะเป็น…อาจจะเป็นว่า ตำรารวบรวมลมปราณในตำนาน จริงๆ แล้วก็อยู่ที่นั่น?”
ในช่วงเวลานั้น ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งของสำนักที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ ของดินแดนด้านใต้ก็ออกมาจากการนั่งกัมมัฏฐาน การปรากฎของคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ และตำรารวบรวมลมปราณฉบับสมบูรณ์นี้ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่ลังเล พวกมันก็พุ่งจากดินแดนด้านใต้ตรงมาที่แคว้นจ้าว พวกมันทั้งหมดกลัวว่าถ้าพวกมันไปไม่เร็วพอ มีโอกาสสูงมากที่จะสูญเสียคัมภีร์ให้กับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่แข็งแกร่งของสำนักหรือตระกูลในดินแดนด้านใต้
ในดินแดนด้านใต้ สายลมได้โบกสะบัดแล้ว
ลายเส้นหลากสีของแสงพุ่งตรงไปที่สำนักเอกะเทวะ ผู้ฝึกตนราวๆ ยี่สิบคน ที่มาจากสามสำนักที่แข็งแกร่งของแคว้นจ้าวกำลังเคลื่อนที่มา ผู้อ่อนแอที่สุดท่ามกลางพวกมัน อยู่ในระดับขั้นพื้นฐานลมปราณ หกคนอยู่ในขั้นก่อตั้งแกนลมปราณ พวกมันบินตัดผ่านท้องฟ้ามาด้วยพลังที่สามารถบดขยี้พื้นปฐพีให้แหลกละเอียดเป็นผุยผง

(จบตอน)

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates